เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 775 อย่าท้อแท้

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 775 อย่าท้อแท้

ไม่กี่วันหลังจากนั้นจางจ้าวหมิงไปที่จวนสกุลตู้ในตอนพักเที่ยงทุกวันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

ตู้เยี่ยนใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการฝึกนวดและอีกครึ่งชั่วยามในการฝึกร่างกาย วิธีที่เขาใช้ฝึกฝนความแข็งแรงของตู้เยี่ยนคือการให้ตู้เยี่ยนถือถังไม้บรรจุน้ำไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเหวี่ยงขึ้นลง

ตู้เยี่ยนมองดูถังที่มีน้ำอยู่เต็ม นางพยายามใช้มือทั้งสองข้างหยิบมันขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ได้

“หนักเกินไป”

พอนางพูดจบ จางจ้าวหมิงก็หิ้วถังขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ตู้เยี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าจางจ้าวหมิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

จางจ้าวหมิงหยิบถังไม้อีกถังขึ้นมาพร้อมกับยกขึ้นลงด้วยแขนทั้งสองข้างแบบสบายๆ

ตู้เยี่ยนมองกล้ามเนื้อที่ปูดนูนของเขา ทำให้นางตระหนักว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้เป็นทหารที่ผ่านสมรภูมิเหี้ยมโหดมาแล้ว จางจ้าวหมิงวางถังน้ำลงแล้วเทออกไปครึ่งถัง

“ลองดูสิ” เขาว่า

หญิงสาวเดินไปหยิบถังน้ำด้วยมือข้างเดียว แต่แม้จะใช้แรงทั้งหมด จนตู้เยี่ยนทำแก้มป่องราวกับปลาปักเป้าแล้ว แต่กระนั้นถังน้ำก็ยังไม่ลอยขึ้นจากพื้นเลย จางจ้าวหมิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ตู้เยี่ยนวางถังน้ำลงอย่างอับอาย

“พี่จาง เหตุใดจึงหัวเราะข้าเล่า”

“เจ้าช่างน่ารักเหมือนสัตว์ตัวน้อยๆ” จางจ้าวหมิงกลั้วหัวเราะ ใบหูของตู้เยี่ยนแดงระเรื่อ

“พี่จาง มันยังหนักเกินไป”

“งั้นก็เทน้ำออกอีกครึ่งหนึ่ง”

จางจ้าวหมิงเทน้ำออกอีกครั้ง ตู้เยี่ยนจึงสามารถยกถังขึ้นได้ นางใช้สองมือยกแล้วเปลี่ยนไปยกมือเดียว แต่ถังกลับไม่ลอยขึ้นมาจากพื้นเลย ในตอนนั้นเองนางก็เอื้อมมือไปยกถังอีกใบ แต่ร่างกายเกิดเสียสมดุล ตู้เยี่ยนส่งเสียงร้องและกำลังจะล้มลงฟาดพื้น แต่กลายเป็นว่านางล้มลงปะทะแผงอกที่แข็งแกร่งของจางจ้าวหมิงแทน

ตู้เยี่ยนสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขาแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ จนลืมตัวปล่อยมือออกจากถัง แต่จางจ้าวหมิงรับไว้ได้ทัน นางรีบยันตัวผลุดลุกขึ้นอย่างเร็ว หลังจากยืนขึ้นมาแล้วจึงรู้สึกตัวได้ว่าตนเองกำลังจับหน้าอกของจางจ้าวหมิงอยู่ ตู้เยี่ยนยืนหน้าแดงทำตัวไม่ถูก

จางจ้าวหมิงรู้สึกเหมือนมีสัตว์ตัวเล็กวิ่งพุ่งมากระแทกที่หัวใจของเขาจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ในที่สุดเขาก็ได้สติ

“เทน้ำออกอีก” สุดท้ายถังทั้งสองใบก็ว่างเปล่า ตู้เยี่ยนหิ้วถังน้ำเปล่าสองใบ นางยืนได้อย่างมั่นคง

“ทำเช่นนี้ยี่สิบครั้ง” จางจ้าวหมิงทำท่าให้นางดู

หญิงสาวคิดว่าง่ายมาก แต่แล้วกลับยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแอบมองใบหน้าของจางจ้าวหมิงก็เห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา นั่นหมายถึงนางจะต่อรองหรือแอบเกียจคร้านไม่ได้เลย

หญิงสาวขยับมือตามคำสั่งของเขา หลังจากทำจบนางแทบยกมือไม่ขึ้น จางจ้าวหมิงยิ้มชมเชยนาง

“เก่งมาก”

“ท่านฝึกทหารเช่นนี้หรือ?” หญิงสาวสงสัย จางจ้าวหมิงดูแข็งแกร่งและสง่างามมาก

“ไม่ใช่…. ฝึกโหดกว่านี้มากนัก” เมื่อตู้เยี่ยนวาดภาพในหัว นางคิดว่าจางจ้าวหมิงเยี่ยมยอดมาก

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ เจ้าให้สาวใช้นวดแขน พรุ่งนี้อาจจะระบมได้” ตู้เยี่ยนพยักหน้ารับ

วันรุ่งขึ้น

เป็นอย่างที่เขาพูดไม่ผิด กล้ามเนื้อของนางระบม ปวดร้าวมาก ตอนกินอาหารเช้า ฮูหยินตู้และตู้เว่ยสังเกตเห็น

“มือของเจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” ตู้เยี่ยนจึงได้เล่าเรื่องที่ตนฝึกทหารให้มารดาฟัง

“จางจ้าวหมิง?” ฮูหยินตู้ไม่คุ้นชื่อนี้

“เขาเป็นรองแม่ทัพคนสนิทของคุณชายรองกู้”

ฮูหยินตู้มองดวงตาที่เปล่งประกายของบุตรสาวยามที่เล่าถึงรองแม่ทัพผู้นี้

สองสามวันก่อนหน้านี้สีหน้าของบุตรสาวอมทุกข์เศร้ามองจนทำให้ผู้เป็นมารดาอย่างนางปวดใจ แม้กู้หวนอวี้จะเป็นชายหนุ่มที่เพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่บุตรสาวนางไม่มีความสุข เขาจึงไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดี ในทางกลับกันรองแม่ทัพจางผู้นั้นดูเข้าท่ากว่ามาก นางหวังอย่างยิ่งว่าบุตรสาวจะได้พบกับความสุข

“เจ้าชอบเขาหรือ?” ฮูหยินตู้ถาม เมื่อตู้เว่ยแอบมองพี่สาว ก็เห็นตู้เยี่ยนเม้มปากแอบยิ้มออกมา ใบหน้าของนางแดงก่ำ

“ชอบอะไร? เราเป็นแค่สหายกันเท่านั้น ท่านแม่อย่าได้ดูถูกความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ของข้านะ”

“ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง เหตุใดเจ้าต้องหน้าแดงด้วยเล่า”

“ข้าหน้าแดงหรือ?” ตู้เยี่ยนหันไปถามน้องสาว ตู้เว่ยพยักหน้า

ตู้เยี่ยนสัมผัสใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเอง นี่นางชอบจางจ้าวหมิงหรือ?

ไม่นานมานี้ นางเพิ่งตกหลุมรักกู้หวนอวี้ แล้วเหตุใดจึงได้เปลี่ยนใจเร็วเช่นนี้?

ตู้เยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจความคิดของตนเองนัก

นางคิดว่าตนเองรู้สึกกับจางจ้าวหมิงแบบสหาย

แต่หลังจากนั้น เมื่อพบเจอเขา นางก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ยามที่จางจ้าวหมิงโดนตัว หญิงสาวรีบชักมือออกจากเขาทันที

ชายหนุ่มตกตะลึง

นี่ตู้เยี่ยนรู้ว่าเขาคิดเกินเลยกับนางนอกเหนือจากความเป็นสหายหรือ? นางทำแบบนี้เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขา? หรือนางคิดปฏิเสธทางอ้อม?

จางจ้าวหมิงผิดหวังอยู่ในใจ เขาสอนนางตามปกติโดยหลีกเลี่ยงที่จะโดนตัวของหญิงสาว

เมื่อการฝึกฝนจบลง ชายหนุ่มก็จากไปทันที

ตู้เยี่ยนนั่งเท้าคางบนเก้าอี้ ขมวดคิ้วมุ่น นางรู้สึกว่าจ้าวหมิงเปลี่ยนไป เขาเริ่มถอยห่าง

ตู้เยี่ยนไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ นางเอามือทึ้งผมของตนเองอย่างหงุดหงิด

ตู้เยี่ยนอึดอัดยามที่ใกล้ชิดกับเขา แต่เมื่อเขาถอยห่างนางกลับผิดหวังไม่สบายใจ

นี่นางเป็นอะไรนะ?

ไม่เข้าใจเลย!

….

กู้หวนอวี้เห็นความเปลี่ยนไปของจางจ้าวหมิง เมื่อวานจางจ้าวหมิงดีใจที่ได้พบหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาดูเศร้าหมอง กู้หวนอวี้รู้ว่ารองแม่ทัพของเขาตกหลุมรักคุณหนูตู้ การรักใครสักคนมันคืออารมณ์ที่อ่อนไหวเหวี่ยงไปมาหรือเปล่า?

เขาไม่เข้าใจเลย

กู้หวนอวี้เดินไปตบบ่าของจางจ้าวหมิง เขาเงยหน้าขึ้นมอง

“ท่านแม่ทัพ…”

“เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?”

จางจ้าวหมิงยิ่งหดหู่ ท่าทีอ่อนโยนของแม่ทัพไม่เพียงแต่ทำให้หญิงสาวตกหลุมรักเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาอยากบอกความในใจอีกด้วย จางจ้าวหมิงไม่มีคนให้คุยด้วย ท่านแม่ทัพคือคนสนิทเพียงคนเดียวของเขา ชายหนุ่มจึงตัดสินปรับทุกข์ให้เจ้านายฟัง

“ข้าสงสัยว่านางรู้แล้วว่าข้าชอบนาง จึงจงใจที่จะหลีกเลี่ยงข้า” เขาพูดด้วยความวิตก

เขาควรอยู่ให้ห่างจากนาง…แต่จางจ้าวหมิงก็อยากใกล้ชิดนางเช่นกัน เขามองกู้หวนอวี้อย่างต้องการคำแนะนำ กู้หวนอวี้อ่อนโยน สง่างามและสุขุม อยู่เสมอ ทว่าในตอนนี้เขาตื่นตระหนก

เขาไม่เคยชอบใครและไม่มีประสบการณ์ความรักเลย

เขาจะเข้าใจได้อย่างไร?

แต่เมื่อเห็นสายตาที่คาดหวังของจางจ้าวหมิง กู้หวนอวี้ก็พูดประโยคลึกซึ้งขึ้นมา

“สะสมหนึ่งสตางค์ต่อวัน หนึ่งพันวันได้หนึ่งพันสตางค์ เชือกยังอาจตัดไม้ขาด แม้แต่หินยังถูกน้ำเซาะจนกร่อนได้เช่นกัน”

ดวงตาของจ้าวหมิงสว่างวาบขึ้น

“ท่านหมายความว่าข้าไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ ใช่หรือไม่ขอรับ”

พูดจบชายหนุ่มเดินจากไปอย่างมีความสุข

กู้หวนอวี้คิดในใจ คงใช่…เขาไม่แน่ใจเช่นกัน

…..

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท