ตอนที่ 321 ตีให้พวกนายร้องไห้ (1)
กลางดึก
ในที่สุดฟางผิงและตาเฒ่าหลี่ก็กลับมาถึงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ส่วนทางหนานเจียง ฟางผิงไม่ไปแล้ว ไม่งั้นจางติ้งหนานเอ่ยปาก เขาคงยากจะปฏิเสธ
เรื่องมาถึงตรงนี้ จางติ้งหนานไม่อาจอ้างเรื่องบ้านเกิดเมืองนอนอะไรกับเขาได้แล้วเช่นกัน
“ไม่เลวเลย ครั้งนี้เทียวไปทีหนึ่งสังหารร่างทองขั้นแปดไปหนึ่งคน ขั้นเจ็ดสองคน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้”
ตาเฒ่าหลี่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ทำใจให้ชินก็เพียงพอแล้ว
แม่งเหอะ เธอยังกล้าพูดว่าเป็นฝีมือของตัวเอง?
“ขั้นแปดฉันเป็นคนฆ่า” ตาเฒ่าหลี่ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกไป
ฟางผิงเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้ง “เข้าใจแล้ว คุณฆ่าขั้นแปด ผมฆ่าขั้นเจ็ดสองคน”
ทั้งสองคนสร้างความสุขให้ตัวเอง ราวกับด้านข้างไม่มีใครอยู่
ฟางผิงพูดจบ เอ่ยเสริมว่า “ดังนั้นสินสงครามของขั้นเจ็ดทั้งสองคนต้องเป็นของผม คุณว่าถูกหรือเปล่า?”
ขั้นแปดถูกคนเอาไปแล้ว ตาเฒ่าหลี่บอกว่าตัวเองฆ่าขั้นแปด แบบนั้นก็ได้ ไม่มีข้อผูกมัดให้ขัดแย้งกันแล้ว
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าดำคล้ำ ที่แท้ก็รอแบบนี้อยู่นี่เอง!
“เดี๋ยวจะให้คนส่งเข้าไปอีกที”
“อาจารย์ ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ? พวกปรมาจารย์ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ไม่งั้นคงเอาไปนานแล้ว หากมีของดีจริงๆ คุณคิดว่าพวกเขาจะไม่ถามเลยหรือไง?”
พวกปรมาจารย์เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดจะเอา
ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอันที่จริงเป็นยาจกทั้งนั้น
แม้อีกฝ่ายจะครอบครองปากทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งจริงๆ ก็เป็นยาจกอยู่ดี กลุ่มคนที่หลบๆ ซ่อนๆ จะรวยได้สักเท่าไหร่กัน?
ยังไงครั้งนี้ก็เป็นการต่อสู้ของปรมาจารย์ พวกเขามีพลังบ่มเพาะ อาจไม่สนใจของเล็กน้อยแค่นี้จริงๆ
ตาเฒ่าหลี่เงียบไปพักหนึ่ง “นั่นก็ต้องทำอยู่ดี ให้คนส่งเข้าไป ถ้าไม่ต้องการ…”
“อาจารย์ ถ้าต้องการล่ะครับ? ส่งให้แล้วถือโอกาสรับไป ยังจะเอามาได้อีกเหรอครับ?”
“ก็ถูก…งั้น…” ตาเฒ่าหลี่เงียบไปอีกครั้ง “รองเท้าที่คนอื่นสวมไปแล้ว น่าจะไม่มีใครอยากได้ แต่แก่นหัวใจยังต้องส่งเข้าไป ผู้เฒ่าหลิวยังพูดง่าย แต่ทางอธิการเฉิน…”
ฟางผิงไม่พูดพร่ำทำเพลง ควักโทรศัพท์กดโทรออกไปทันที
สายติดอย่างรวดเร็ว เฉินอวิ๋นซีเอ่ยอย่างงัวเงียอยู่บ้าง “ฟางผิง?”
“อืม ฉันเอง เธออยู่บ้านหรือเปล่า?”
“อืม”
“ปู่เธอกลับมาหรือยัง?”
“ปู่? ปู่ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?”
“เธอบอกกับอธิการเฉินหน่อยว่าฉันคลำเจอแก่นหัวใจหนึ่งเม็ด อยากให้แบ่งครึ่งส่งให้เขาหรือเปล่า…”
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างกลอกตามองบน ไอ้หนูนี่เอาเรื่องจริงๆ
หากเฉินเย่าถิงยังกล้าเอาอีก นั่นก็แปลกจริงๆ แล้ว
ผ่าครึ่งส่งเข้าไป เธอผ่าได้หรือไง?
ตาเฒ่าหลี่กำลังครุ่นคิด ปลายสายก็มีคนหัวเราะอย่างเยือกเย็น “อยาก เธอผ่าครึ่งส่งเข้ามา ถ้าไม่มี ฉันจะไปขอกับเธอด้วยตัวเอง!”
“…”
ฟางผิงถือโทรศัพท์ค้างอยู่พักใหญ่
เห็นได้ชัดว่าเฉินอวิ๋นซีกำลังนอนหลับอยู่ นี่อธิการเฉินบุกเข้าไปในห้องนอนหลานสาวแอบฟังโทรศัพท์ ไม่อายบ้างหรือไง?
แอบฟังก็แล้วไป นึกไม่ถึงว่ายังจะตอบกลับอีก!
ตาเฒ่าหลี่กลั้นหายใจจนใบหน้าเขียวเช่นกัน นี่คือโดนคาดโทษแล้วสินะ
“เอ่อ…คือว่า…ช่างเถอะครับ ผมไม่เอาแล้ว จะส่งให้คุณทั้งหมด”
ฟางผิงจนใจ ฉันยอมแพ้
“ไม่ ฉันจะเอาแค่ครึ่งเดียว ถ้าเธอผ่าครึ่งมาไม่ได้ เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
เฉินเย่าถิงแค่นเสียงในลำคอ!
ก่อนหน้านี้ตาเฒ่ายังถูกใจเธอ ตอนที่เห็นฟางผิงครั้งแรกในปักกิ่งยังคิดว่าฟางผิงเป็นไม้งามที่แกะสลักได้ เป็นอัจฉริยะของคนรุ่นใหม่
ใครจะรู้ว่าไอ้เด็กเวรนี้จะกล้าขู่เอาเงินจากเขา!
ตอนแรกเฉินเย่าถิงถึงกับตกตะลึงไป!
หลานสาวของเขาไปมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หลานสาวเป็นอัจฉริยะ ย่อมเป็นกำไรของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ผลปรากฏว่าฟางผิงกลับมาบีบให้ตัวเองช่วยเป็นสปอนเซอร์
ไม่ให้ค่าสปอนเซอร์ เจ้าเด็กเวรนี้จะให้หลานสาวตัวเองนำทีมมาสู้ที่มหาวิทยาลัยจิงหนาน พวกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยจิงหนานต่างปวดหัวแทบระเบิด
ใครไม่รู้บ้างว่าอธิการเฒ่ามีหลานสาวแค่คนเดียว
ตบตีหลานชายเขาไม่เป็นไร นายทำร้ายหลานสาวของเขา อธิการย่อมจดจำบัญชีแค้น
เรื่องค่าสปอนเซอร์ไม่พูดถึง เรื่องที่หลานสาวนำทีมมาจิงหนานก็ไม่พูดถึงแล้ว เอาเรื่องของสินสงคราม ไม่ให้ก็แล้วไป เฉินเย่าถิงไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แต่ฟางผิงกลับวางมาดว่าตัวเองมีคุณธรรมสูงส่ง ไม่มีความคิดจะยักยอกทรัพย์สิน แต่ไม่โทรหาตัวเอง ตั้งใจโทรหาหลานสาว ไอ้เด็กนี้กลอกกลิ้งยิ่งกว่าผี ไม่ได้อยากจะให้ตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของสินสงครามแล้ว ฟังจากน้ำเสียงของฟางผิงคงรังแกหลานสาวตัวเองไม่ใช่น้อย!
เฉินเย่าถิงตัดสินใจแล้ว ต้องหนุนหลังหลานสาว!
ฟางผิงเอ่ยอย่างจนใจ “ได้ งั้นผมจะส่งไปให้คุณครึ่งหนึ่ง”
“นายพูดแล้วนะ ฉันวางล่ะ!”
เฉินเย่าถิงตัดสายทิ้งทันที
ฟางผิงหมดคำจะพูด ถอนหายใจว่า “จริงๆ เลย หนึ่งเม็ดไม่เอาจะเอาครึ่งเม็ด…”
ตาเฒ่าหลี่กลอกตา ผ่านไปพักหนึ่งจึงครุ่นคิดว่า “แก่นหัวใจเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือขั้นเก้ากลั่นหลอมออกมา ดูเหมือนเป็นยาบำรุง จริงๆ แล้วไม่ใช่ แน่นอนว่าใช้กินเหมือนกัน ละลายในปาก อย่าลืมว่าต้องละลายในปาก แต่ถ้าไม่ใส่ในปาก อยากจะแบ่งออก มีเพียงยอดฝีมือขั้นเก้าเท่านั้นที่ทำได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธออยากจะส่งให้เขาครึ่งหนึ่งต้องหาขั้นเก้าคนหนึ่งมาช่วยเธอ”
“…”
ฟางผิงเงียบลงทันที จู่ๆ ก็มีความรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา ตาเฒ่าเฉินใจแคบชะมัด ฉันยอมแพ้แล้ว ให้ทั้งหมดยังจะไม่ยอมอีก คิดอะไรอยู่กัน
“เฮ้อ!”
ฟางผิงถอนหายใจ ไม่มีความกระตือรือร้นแล้ว เอ่ยอย่างจนใจ “เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ผมอยู่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ออกไปไหน เขาก็มาไม่ได้อยู่ดี คงไม่มาคิดบัญชีถึงหน้าประตูหรอกมั้ง?”
“นั่นพูดได้ยาก ติดหนี้ต้องคืนเป็นหลักการฟ้าดิน หากจะมาคิดบัญชีจริงๆ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ขัดขวาง”
“อาจารย์…”
“อย่ามาหาฉัน ฉันเพิ่งจะขั้นหก”
“แต่คุณบอกว่าคุณฆ่าขั้นแปดได้…”
“ฉันพูดงั้นเหรอ?”
“คุณเพิ่งพูดว่าคุณฆ่าขั้นแปดมา”
“เธอหูแว่วแล้ว ฉันขอตัวก่อน ของเอาไว้ที่ฉันก่อนแล้วกัน กลับไปค่อยว่ากันอีกที!”
“…”
ตาเฒ่าหลี่เดินตัวปลิวไปอย่างรวดเร็ว
—
คืนวันที่ 17 ตุลาคม ชานเมืองของเจี้ยนอันเกิดสงครามใหญ่ขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดสงครามของยอดฝีมือระดับสูงต่อหน้าคนธรรมดา
ก่อนหน้านี้แม้จะมีสงครามยอดฝีมือ ส่วนมากก็จะเป็นในป่าลึก กวาดล้างรังของยอดฝีมือนอกรีตก่อนหน้านี้ก็จะคำนึงถึงความปลอดภัยของคนธรรมดาเช่นกัน น้อยนักที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งหลายปีก่อน อินเทอร์เน็ตยังไม่รุ่งเรือง
ตอนนี้อยู่เดือนตุลาคม ปี 2009 มือถือสมาร์ทโฟนยังเริ่มเปิดตัวขึ้นแล้ว
กลางดึกนั้นยอดฝีมือหลายคนทำสงครามเป็นที่เตะตาเกินไป หลายคนถ่ายทั้งรูปและวิดีโอไว้ได้
ทั้งยอดฝีมือของลัทธินอกรีตที่พูดคำว่าสังหารหมู่ออกมา ทุกคนยังได้ยินทั่วกัน
เวลานั้นพวกนอกรีตจึงเป็นที่เกลียดชังของทุกคนทันที!
คนธรรมดาก็มีความรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่น้อย ยอดฝีมือเช่นนี้พูดคำว่าสังหารหมู่ออกมาง่ายๆ จากพลังต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายในวันนั้น หลายคนแทบไม่สงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำได้จริงๆ หรือเปล่า
และในสถานการณ์แบบนั้น นอกจากยอดฝีมือที่ต้านทานได้ อาวุธเทคโนโลยีในปัจจุบันก็คงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
อีกฝ่ายอยู่ใกล้กับเมืองเจี้ยนอัน หรือจะให้ยิงขีปนาวุธใส่อีกฝ่ายได้?
ยอดฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้ ทำให้หลายคนตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง
โดยเฉพาะตอนที่วัยรุ่นใจกล้าบางคนฉวยโอกาสฝ่าแนวกั้นเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุถ่ายภาพบางส่วนออกมาก็ยิ่งทำให้คนตกใจและวาดฝันอนาคตขึ้นมา
ยอดฝีมือร่างทองสามคนยังพอว่า แต่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดที่ต่อสู้กัน ไม่อาจตระหนักได้ทั่วถึง ในระหว่างที่ต่อสู้เอาเป็นเอาตาย พื้นแผ่นดินแตกแยก สิ่งก่อสร้างพังทลาย รัศมีนับร้อยเมตรนั้น ตอนนี้กลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ยอดฝีมือสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้!
ในวันนั้นหลายคนก็ตัดสินใจทันที ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ต้องเดินสู่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์สักครั้ง
แม้จะมาถึงวัยกลางคนก็ยังมีหลายคนตัดสินใจสมัครเรียนคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
ทั้งตอนนี้สงครามผู้แข็งแกร่งร้อยอันดับของขั้นหนึ่งเพิ่งจะสิ้นสุดลง ยิ่งดึงดูดความสนใจผู้คนเข้าไปอีก
วันที่ 17 ตุลาคม การแข่งขันผู้แข็งแกร่งร้อยอันดับของขั้นหนึ่งเสร็จสิ้นลง รายชื่อร้อยอันดับผู้แข็งแกร่งของขั้นหนึ่งมีการเปิดเผยออกมาแล้ว
————————