ตอนที่ 1214 กลัวรอไม่ไหว
ชุนจือพยักหน้ารัว ทว่า ยังคงไม่วางใจ นางขยับเข้าไปใกล้เว่ยจงพลางเอ่ยถามเสียงเบา
“ฝ่าบาทและท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง…”
เว่ยจงมองไปรอบกายแวบหนึ่งจากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน
“ศัตรูกำลังบุกมาโจมตีเช่นนี้ยังมีเวลากังวลเรื่องใดอีก ขอเพียงบ่าวรับใช้อย่างพวกเราปิดปากให้สนิทก็พอแล้ว!”
ชุนจือเห็นด้วยกับคำกล่าวของเว่ยจง นางรีบเดินไปต้มน้ำร้อนให้ไป๋ชิงเหยียนที่โรงครัวทันที
เว่ยจงมองไปทางบ่าวรับใช้ในจวนจากนั้นตัดสินใจเปลี่ยนเป็นองครักษ์ไป๋ทั้งหมด
องครักษ์ไป๋คือคนกันเอง พวกเขาต้องปิดปากสนิทแน่นอน
เมื่อเว่ยจงจากไปไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวขึ้น
“ท่านหมอหงเตรียมยาไว้ให้ข้า มียาห้ามเลือดอยู่ด้วย ข้าจะทาให้ท่านก่อน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเตรียมเดินเข้าไปหยิบยาที่ด้านหลังฉากกั้นให้เซียวหรงเหยี่ยน ทว่า เดินไปได้เพียงสองก้าวเซียวหรงเหยี่ยนก็ก้าวตามไป จากนั้นกระชากร่างของหญิงดันไปติดเสาซึ่งอยู่ในห้องเสียก่อน
ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนที่ถอดหน้ากากออกบึ้งตึง เขาจับบ่าทั้งสองข้างของไป๋ชิงเหยียนแน่นด้วยมือที่สั่นเทา
“ไม่จุดสัญญาณควันเพราะไม่อยากสูญเสียด่านเย่เฉิงไป แต่เจ้าไม่กลัวเจ้าเป็นอันใดไปก่อนหรืออย่างไร!”
ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนซีดเผือด ลมหายใจติดขัด ร่างทั้งร่างดูดุดัน น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวและเย็นชามาก
“ไป๋ชิงเหยียน…เจ้าไม่เห็นค่าชีวิตของตัวเองเลยใช่หรือไม่!”
เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากเขามาไม่ทัน หากเมืองโดนตีแตก เรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นเช่นไร
ไป๋ชิงเหยียนถูกบีบไหล่อย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวเอื้อมมือไปสัมผัสแขนของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างแผ่วเบาจึงได้พบว่าชายหนุ่มตัวร้อนฉ่า
“เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้!”
ไป๋ชิงเหยียนใช้มืออังหน้าผากของเซียวหรงเหยี่ยนพลางขมวดคิ้วแน่น
“ท่านเป็นไข้ ท่านเดินทางมาทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างนั้นหรือ ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด!”
หากเพิ่งได้รับบาดเจ็บไม่มีทางไข้ขึ้นสูงเช่นนี้แน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูหญิงสาวที่กำลังเป็นกังวลตรงหน้า ดวงตาของเขาไหววูบเล็กน้อย
“ข้าได้รับบาดเจ็บเจ้ายังเป็นห่วง แล้วเจ้าเล่า!”
ไป๋ชิงเหยียนมมองสบตาดวงตาที่สั่นไหวของเซียวหรงเหยี่ยน ขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้นทันที ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกปวดใจถึงเพียงนี้
“ท่านได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด ให้ข้าดู…”
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นท่าทีของไป๋ชิงเหยียนจึงใจอ่อนลงเล็กน้อย ชายหนุ่มขบกรามแน่น ลำคอของเขาร้อนผ่าว เขามองไปที่ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นประกบจูบลงไปพลางกัดริมฝีปากของนางอย่างลงโทษ
ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าผลักร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออกเพราะกลัวว่าจะโดนแผลของชายหนุ่ม นางหวนนึกถึงภาพที่ชายหนุ่มฝ่าเข้าไปกลางวงล้อมของกองทัพซีเหลียงอย่างไม่กลัวตายและสังหารศัตรูอย่างดุเดือด หญิงสาวจับเสื้อเกราะของชายหนุ่มแน่น
ร่างของทั้งสองแนบชิดกันมาก เซียวหรงเหยี่ยนเป็นห่วงลูกในท้องของไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้กดทับร่างของหญิงสาวมากเท่าใดนัก
เมื่อสัมผัสถึงน้ำตาที่แก้มของไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนจึงผละริมฝีปากออกจากปากของหญิงสาว จากนั้นจ้องนางนิ่ง
“เจ้าไม่ห่วงชีวิตของตัวเอง ไม่ห่วงลูกในท้องของพวกเรา อาเป่า…ในใจของเจ้ามีแต่ตระกูลไป๋และการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งใช่หรือไม่”
น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนสะอื้นเล็กน้อย ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าอย่างปลอดภัย ทว่า เขายังคงหวาดกลัวอยู่ดี
ไป๋ชิงเหยียนอยากอธิบาย ทว่า เมื่อเห็นดวงตาที่แดงฉานและเต็มไปด้วยความผิดหวังของเซียวหรงเหยี่ยนนางจึงรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดจุกแน่นอยู่ที่ลำคอ
“ข้าเป็นคนกล่าวเองว่าให้คำนึงถึงส่วนรวมก่อนความรู้สึกส่วนตัว พวกเราทำสัญญากันไว้เช่นนี้จริง ทว่า อาเป่า…เมื่อเจ้าเผชิญกับอันตราย เจ้าเคยนึกถึงข้าแม้เพียงเสี้ยวเดียวบ้างหรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน แนบหน้าผากชิดของตัวเองกับหน้าผากของหญิงสาวอย่างอ่อนล้า
“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากเจ้าและลูกเป็นอันใดไปข้าจะทำเช่นไร”
ไป๋ชิงเหยียนขยับริมฝีปากเล็กน้อย ทว่า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
“ข้าไม่เหมือนเจ้า…”
น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนอ่อนล้าและแฝงไปด้วยรอยยิ้มข่มขื่นเล็กน้อย
“อาเป่า ข้าสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ”
หากเขาสามารถคำนึงถึงส่วนรวมโดยไม่สนความรู้สึกส่วนตัวได้ ตอนนี้เขาคงไม่นำทัพต้าเยี่ยนย้อนกลับมาช่วยเหลือไป๋ชิงเหยียนที่เมืองเจียงจือโดยไม่สนเสียงคัดค้านเช่นนี้
พวกเขาต่างรู้ดีว่าตนสามารถสละชีวิตของตัวเองเพื่ออีกฝ่ายได้ ทว่า ไม่มีวันทอดทิ้งแคว้นของตัวเองไปเพื่ออีกฝ่าย ทั้งๆ ที่รู้ว่าการละทิ้งโอกาสในการโจมตีเมืองอวิ๋นจิงในครั้งนี้ไปหมายความถึงสิ่งใด ทว่า หากต้องเลือกระหว่างแคว้นต้าเยี่ยนกับไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนก็ยังเลือกไป๋ชิงเหยียนอยู่ดี
เขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปถึงด่านหน้า ยิ่งไม่มีทางปล่อยให้ต้าโจวสูญเสียด่านเย่เฉิงไปแน่นอน
ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงมาที่นี่เพราะเขาไม่รู้ว่าหากเขาสูญเสียไป๋ชิงเหยียนไปเขาจะเป็นเช่นไร เขาคิดไม่ออกดังนั้นเขาจึงสูญเสียหญิงสาวไปไม่ได้
“ข้ากลัวมากจริงๆ ข้ากลัวว่าจะอยู่ไม่ถึงวันที่พวกเราได้ย้ายไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนที่พวกเราอยากใช้ที่เมืองไป๋ว่อ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยายามควบคุมน้ำเสียงสั่นเทาของตัวเอง ภาพตรงหน้าของเขาค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เซล้มลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน
“อาเหยี่ยน!” ไป๋ชิงเหยียนอุทานด้วยความตกใจ “เว่ยจง! เว่ยจง!”
เว่ยจงรีบวิ่งเข้ามาด้านในทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียก เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่กำลังตั้งครรภ์นั่งคุกเข่ากอดร่างเปื้อนเลือดของเซียวหรงเหยี่ยนอยู่บนพื้นเขาจึงรีบถลาเข้าไปช่วยไป๋ชิงเหยียนประคองร่างของเซียวหรงเหยี่ยนไปที่เตียงทันที
“หมอทหารมาแล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถามอย่างร้อนใจ
เมื่อเว่ยจงเงยหน้าขึ้นเห็นบาดแผลบริเวณริมฝีปากของหญิงสาวก็ตะลึงไปชั่วครู่
“ยังมาไม่ถึงพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะให้คนไปตามเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“รีบไปเร็ว!”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเตียง นางถอดเกราะของเซียวหรงเหยี่ยนออกจากร่าง เสื้อด้านในของชายหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสด
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนไหววูบ นางค่อยๆ เลิกเสื้อบริเวณเอวของเซียวหรงเหยี่ยนขึ้น ผ้าพันแผลที่พันอยู่บริเวณเอวของชายหนุ่มม้วนขึ้นไปเกยกันอยู่เหนือบาดแผล บาดแผลยาวและหนาประมาณเส้นหนึ่งเชือกที่เพิ่งสนามกันถูกเสื้อเกราะเสียดสีจนแผลเปิดออกอีกครั้ง บาดแผลไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีตอนนี้จึงเป็นหนองแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนมองร่างที่สั่นเทาและเกร็งแน่นของเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง น้ำตาไหลพรากออกจากดวงตาของนางไม่ขาดสาย
เซียวหรงเหยี่ยนฝืนร่างกายที่เจ็บหนักขนาดนี้มาช่วยเหลือนางอย่างนั้นหรือ!
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือเซียวหรงเหยี่ยนแน่น จากนั้นลุกขึ้นยืนตะโกนเรียคนด้านนอก
“เว่ยจง หมอทหารมาแล้วหรือไม่”
“ทูลฝ่าบาท ให้คนไปตามแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงร้อนใจเช่นเดียวกัน
ไม่นานหมอทหารจึงเดินเข้ามาในเรือน เว่ยจงรีบเดินเข้าไปในห้อง เขาหยิบหน้ากากของเซียวหรงเหยี่ยนจากนั้นเดินเข้าไปให้ไป๋ชิงเหยียนด้านในฉากกั้น
“หมอมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนรับหน้ากากมาสวมไว้ที่ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างแผ่วเบา หญิงสาววางแขนของเซียวหรงเหยี่ยนลงบนเตียง จากนั้นเตรียมลุกขึ้นยืน ทว่า ถูกเซียวหรงเหยี่ยนจับมือไว้เสียก่อน
“อาเป่า…”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงพึมพำของเซียวหรงเหยี่ยนจึงนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
“ข้าอยู่นี่! ข้าและลูกปลอดภัยดี ท่านให้หมอตรวจอาการสักหน่อยนะ”
เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ยินเสียงของไป๋ชิงเหยียนอีกต่อไป เขาบีบมือของไป๋ชิงเหยียนแน่นกว่าเดิมจนนิ้วของนางขาวซีด