ตอนที่ 1251 ผิดหวัง
มู่หรงลี่เดินออกมาจากตำหนักของไทเฮา หวังจิ่วโจวรีบเดินตามไปติดๆ
มู่หรงลี่เดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับต้องการระบายความโกรธทั้งหมดลงที่จังหวะการเดินของตน สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ทว่า เขาพยายามเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าเขาคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน เขาควรควบคุมสีหน้าของตัวให้ได้เหมือนพี่สาวไป๋
ทว่า เขาทำไม่ได้!
เดินไปได้ครู่หนึ่งใบหน้าของมู่หรงลี่ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ เขาเหนื่อยจนเดินต่อไปไม่ไหว ในที่สุดก็หยุดฝีเท้าลง เขายืนอยู่หน้าทะเลสาบนิ่ง
องครักษ์และขันทียืนอยู่ห่างออกไป มีเพียงหวังจิ่วโจวเท่านั้นที่ยืนอยู่ห่างจากมู่หรงลี่เพียงสามก้าว เขาโค้งกายรอคำสั่งจากมู่หรงลี่อย่างนอบน้อม
มู่หรงลี่หลับตาที่บวมช้ำลงครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวกับหวังจิ่วโจว “ถ่ายทอดราชโองการออกไป ไทเฮาประชวรหนัก นับจากนี้เป็นต้นไปไทเฮาจะพักรักษาตัวอยู่แต่ในตำหนัก ห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมทั้งสิ้น!”
“ทว่า…” หวังจิ่วโจวเดินเข้าไปใกล้มู่หรงลี่อีกก้าว “ฝ่าบาท ไทเฮาคือไทเฮาผู้ช่วยปกครองแคว้น หากมีเพียงราชโองการของฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียวเกรงว่าขุนนางใหญ่คนอื่นอาจยังยืนกรานที่จะเข้าเฝ้าไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“บอกขุนนางใหญ่เหล่านั้นว่าเราคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน! ผู้ใดกล้าฝ่าฝืนราชโองการของเรา รบกวนการพักผ่อนของไทเฮา เราจะประหารชีวิตของคนผู้นั้น! รวมถึงลุงผู้นั้นของเราด้วย!” มู่หรงลี่กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
ท่านอาเก้ากำลังต่อสู้อยู่ที่ด่านหน้า เขาซึ่งอยู่ในเมืองหลวงควรยืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว เขาจะปล่อยให้ท่านแม่ทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกต่อไป
ราชโองการฉบับนี้ของมู่หรงลี่เป็นการบีบบังคับให้เหล่าขุนนางเลือกว่าจะอยู่ข้างเขาหรือไทเฮากันแน่
“พ่ะย่ะค่ะ” หวังจิ่วโจวรับคำ
มู่หรงลี่รู้สึกเสียใจมาก หวังจิ่วโจวเตือนเขาหลายครั้งแล้วว่าอย่าบอกเรื่องแผนการของต้าเยี่ยนกับต้าโจวให้ผู้อื่นรับรู้เด็ดขาด ทว่า เขาไม่ได้ระแวงมารดาของตัวเอง เขาเป็นคนทำร้ายแม่ทัพไป๋ชิงอวี๋!
มู่หรงลี่ไม่รู้ว่าหากเขาบอกเรื่องที่ท่านแม่ขายข่าวนี้ให้แก่ซีเหลียงให้ท่านอาเก้ารับรู้ท่านอาเก้าจะเกลียดท่านแม่ของเขาหรือไม่
หากพี่สาวไป๋รู้เรื่องนี้พี่สาวไป๋จะพลอยเกลียดเขาไปด้วยหรือไม่!
มู่หรงลี่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาพลางถอนหายใจยาวออกมา ถามหาเหตุผลตอนนี้ก็สายไปแล้ว เขาควรหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ถึงจะถูก
เขาจะไปสอบสวนคนซีเหลียงที่เพิ่งออกไปจากตำหนักของท่านแม่ด้วยตัวเอง
หวังจิ่วโจวได้รับราชโองการของมู่หรงลี่จึงรีบไปถ่ายทอดราชโองการทันที
ความจริงหวังจิ่วโจวรู้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมายังต้าเยี่ยนแล้วว่าคนที่จะลอบเข้าไปในดงของศัตรูไม่ใช่ต้าเยี่ยนแต่เป็นต้าโจว…
ดังนั้นตอนที่มู่หรงลี่เห็นรายงานลับที่ส่งมาเขาจึงบอกมู่หรงลี่ว่าไป๋ชิงอวี๋ส่งจดหมายซึ่งมีแผนการเดียวกันมาให้เจ้านายของเขา ทว่า ผู้ที่จะเข้าไปเสี่ยงคือต้าโจวแทน เขาบอกให้มู่หรงลี่ไม่ต้องเป็นกังวล
ตอนนั้นมู่หรงลี่ดีใจมาก เขากล่าวว่าในเมื่อแผนการของต้าเยี่ยนและต้าโจวเหมือนกันครั้งนี้พวกเขาต้องรบชนะอย่างแน่นอน!
ต่อมามู่หรงลี่จำลองแผนการรบนี้บนกระบะทรายหลายครั้งด้วยความตื่นเต้นราวกับตัวเองได้อยู่ในสนามรบเช่นเดียวกัน
ต่อมาไทเฮาเสด็จมา…
มู่หรงลี่ไม่คิดหวาดระแวงไทเฮาแม้แต่น้อย ทว่า หวังจิ่วโจวแอบเก็บรายงานแผนการทั้งหมดไว้กับตัว แต่มู่หรงลี่กลับจำลองสถานการณ์รบบนกระบะทรายให้ไทเฮาเห็น
เมื่อไทเฮาจากไปหวังจิ่วโจวจึงบังอาจเอ่ยเตือนมู่หรงลี่ให้ระวังคนรอบข้างของเขามากกว่านี้ ทว่า มู่หรงลี่บอกว่าไทเฮาคือมารดาของตน เขาต้องหวาดระแวงคนทั้งใต้หล้า มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่เขาเชื่อใจได้
มู่หรงลี่ไม่มีทางรู้เลยว่าแค่การจำลองสถานการณ์รบเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผลลัพธ์กลายเป็นเช่นนี้
เขาไม่เคยหวาดระแวงหรือสงสัยในตัวมารดาของตัวเองแม้แต่น้อย ทว่า มารดาของเขา…ทำให้เขาผิดหวังมากจริงๆ
หวังจิ่วโจวไม่รู้ว่านี่ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ หลังจากมู่หรงลี่ได้รับบทเรียนในครั้งนี้เขาคงไม่เชื่อใจมารดาของตัวเองง่ายๆ อีกแน่นอน
ทว่า ลำบากเจ้านายของเขาแล้ว!
หวังจิ่วโจวที่เดินอยู่กลางแดดจ้ารู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเล็กน้อย เขารู้สึกผิดเช่นเดียวกัน หากรู้เช่นนี้เขาคงไม่บอกฝ่าบาทว่ากองทัพไป๋มีแผนการเช่นเดียวกับต้าเยี่ยน หากเขาไม่บอก…ฝ่าบาทก็คงไม่จำลองสถานการณ์รบในกระบะทรายอย่างตื่นเต้นเช่นนั้น ไทเฮาคงไม่มีโอกาสบอกข่าวเรื่องนี้กับซีเหลียง แม่ทัพไป๋และคุณหนูไป๋ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น!
ถึงแม้เขาจะให้คนนำข่าวเรื่องที่ฝ่าบาทบอกแผนการรบกับไทเฮาและเรื่องที่ไทเฮาลอบติดต่อกับคนของซีเหลียงขี่ม้าเร็วไปรายงานให้เจ้านายของเขาทราบเพื่อระวังตัวแล้ว
ทว่า เขาไม่รู้ว่าคนของเขาไปถึงช้าไปหรือว่าเกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างทาง ต้าโจวกับต้าเยี่ยนจึงได้ทำสงครามตามแผนเดิมที่วางไว้
ไม่ว่าอย่างไรก็คือความผิดของเขา
หวังจิ่วโจวจะรอรับผิดกับเจ้านายเมื่อเขากลับมา เขาต้องไปขอโทษคุณหนูใหญ่ไป๋ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้านายเขา หวังว่าคุณหนูใหญ่จะเห็นแก่ที่เจ้านายของเขายกทัพไปช่วยนางที่เมืองเจียงจือไม่พาลโกรธเจ้านายของเขาไปด้วยอีกคน
ครึ่งเดือนต่อมาข่าวเรื่องไป๋ชิงเหยียนคลอดลูกแฝดชายหญิง เรื่องที่หญิงสาวออกเดินทางไปซีเหลียงทั้งๆ ที่เพิ่งคลอดลูกและเรื่องที่หญิงสาวสั่งให้ทหารยกทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยนถูกส่งมายังต้าเยี่ยน
ตอนที่ไทเฮารับรู้ข่าวนี้นางอึ้งไปชั่วขณะ นางยิ้มออกมาอย่างอดใจไม่ไหว ต่อมาก็เม้มปากแน่นด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญกับน้องชายและน้องสาวของนางมากกว่าอาเหยี่ยนและลูกของอาเหยี่ยนจริงๆ ด้วย อาเหยี่ยนรักไป๋ชิงเหยียนมากขนาดนี้ เขาจะยอมให้นางปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เขาจะไม่นึกถึงเรื่องที่จักรพรรดิต้าเยี่ยนเคยปฏิบัติต่อจีโฮ่วอย่างนั้นหรือ
อาเหยี่ยนต้องแตกหักกับไป๋ชิงเหยียนแน่นอน ทว่า ต้าเยี่ยนไม่เพียงขลาดแคลนเสบียง กำลังหลักของต้าเยี่ยนยังอยู่ที่ซีเหลียง หากต้าโจวบุกโจมตีต้าเยี่ยนในเวลานี้ต้าเยี่ยนจะรับมือไหวอย่างนั้นหรือ
ไทเฮารู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องส่งข่าวให้อาเหยี่ยนรับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนทอดทิ้งลูกของอาเหยี่ยนเพื่อเดินทางไปช่วยเหลือน้องชายและน้องสาวที่ซีเหลียง อีกทั้งยกทัพมาประชิดชายแดนต้าเยี่ยนอีกด้วย อาเหยี่ยนเป็นคนเก่ง เขาต้องมีวิธีรับมือแน่นอน
มู่หรงลี่รับรู้ข่าวพร้อมกับไทเฮา เขาดีใจแทนท่านอาเก้าและไป๋ชิงเหยียน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ใช่เพราะมารดาของเขาไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางทอดทิ้งลูกน้อยที่เพิ่งคลอดของตัวเองเดินทางไปยังซีเหลียงเช่นนี้
มู่หรงลี่เตรียมจับพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายให้ท่านอาเก้า เขาแช่ปลายพู่กันอยู่บนกระดาษพักใหญ่จนหมึกดำหยดเปื้อนกระดาษไปหมด ทว่า สุดท้ายก็ไม่รู้จะเขียนสิ่งใดลงไปดี
หวังจิ่วโจวใช้ทุกวิธีสอบสวนคนซีเหลียงผู้นั้น ทว่า คนซีเหลียงผู้นั้นกล่าวเพียงว่าตอนแรกซีเหลียงทำสัญญากับไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนว่าไทเฮาจะบอกแผนการรบของต้าโจวและต้าเยี่ยนให้ซีเหลียง เมื่อซีเหลียงทำลายกองทัพของต้าโจวได้ต้องส่งตัวแม่ทัพไป๋ให้ไทเฮา เขาสาบานต่อเทพเจ้าว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดคือความจริง
มู่หรงลี่ไปถามมารดาของตัวเอง ทว่า ไทเฮากลับบอกว่าซีเหลียงไม่ยอมส่งตัวไป๋ชิงอวี๋และคุณหนูเจ็ดมาให้นาง ซีเหลียงบอกว่านางให้ข่าวผิดพลาดดังนั้นจึงไม่ยอมทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
ทว่า มู่หรงลี่ไม่รู้ว่าควรเชื่อมารดาของตัวเองหรือไม่
ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของมารดาเป็นเช่นไร
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดมู่หรงลี่จึงจรดพู่กันลงบนกระดาษ