ตอนที่ 1252 เป็นตัวของตัวเอง
เขาแสดงความยินดีกับท่านอาเก้าที่ได้ลูกฝาแฝดชายหญิงเป็นอันดับแรก ต่อมากล่าวว่าเขายังสืบเรื่องสำคัญจากปากของคนซีเหลียงผู้นั้นไม่ได้แม้แต่น้อยดังนั้นเขาจะให้หวังจิ่วโจวพาคนไปให้ท่านอาเก้าสอบสวนด้วยตัวเอง
มู่หรงลี่ขอโทษท่านอาเก้าและพี่สาวไป๋ในจดหมาย กล่าวว่าครั้งนี้คือความผิดของมารดาของเขา เขาจะชดใช้ให้ตระกูลไป๋และต้าโจวแน่นอน
เขาจะสอบถามความจริงจากปากของท่านแม่ของเขาให้ได้ ขณะเดียวกันก็จะส่งองครักษ์ลับของราชวงศ์ออกตามหาด้วย หากไป๋ชิงอวี๋และคุณหนูเจ็ดอยู่ในมือของท่านแม่จริงๆ เขาจะส่งตัวไป๋ชิงอวี๋และคุณหนูเจ็ดกลับไปอย่างปลอดภัย
หากไป๋ชิงอวี๋และคุณหนูเจ็ดถูกซีเหลียงจับตัวไป เขาหวังว่าท่านอาเก้าจะพยายามช่วยพวกเขากลับมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดทั้งสิ้นเพื่อเป็นการชดเชยให้ต้าโจว
มู่หรงลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่า สุดท้ายก็ตัดสินใจรายงานเรื่องที่กองทัพต้าโจวยกทัพมาประชิดชายแดนต้าเยี่ยนให้ท่านอาเก้ารับรู้ เขาคิดว่าหากไป๋ชิงอวี๋หรือคุณหนูเจ็ดเป็นอันใดขึ้นมาจริงๆ พี่สาวไป๋ต้องยกทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนให้แหลกละเอียดอย่างแน่นอน
เขาไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเหตุผลส่วนตัวหรือส่วนรวมต้าเยี่ยนก็ต้องรับผิดชอบเรื่องแม่ทัพไป๋และคุณหนูเจ็ดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฝ่าบาท…”
หวังจิ่วโจวถือชาเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นวางลงบนโต๊ะข้างกายมู่หรงลี่
“หวังจิ่วโจวเจ้ามาพอดี”
มู่หรงลี่พับจดหมายเรียบร้อย
“เจ้านำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้ท่านอาเก้าที”
หวังจิ่วโจวตะลึง
“ฝ่าบาท นายท่านให้กระหม่อมมาคอยรับใช้ฝ่าบาท กำชับให้กระหม่อมดูแลฝ่าบาทไม่ให้คลาดสายตาพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่คือวังหลวง ข้าไม่เชื่อใจผู้ใดนอกจากเจ้า!” มู่หรงลี่ยื่นจดหมายให้หวังจิ่วโจว
คนในวังหลวงล้วนเป็นคนที่เคยติดตามรับใช้มู่หรงอวี๋บิดาของมู่หรงลี่มาก่อน มู่หรงลี่ไม่สงสัยในความจงรักภักดีของพวกเขา ทว่า หลังจากเสด็จพ่อจากไป…คนเหล่านั้นกลายเป็นพวกของเสด็จแม่ พวกเขากลัวท่านอาเก้าจะแย่งบัลลังก์ไปจากเขา ทุกคนจึงต่างหวาดระแวงในตัวท่านอาเก้า
ผู้ที่สามารถนำจดหมายของเขาไปส่งให้ถึงมือท่านอาเก้ามีไม่มากนัก
“ฝ่าบาท…” หวังจิ่วโจวล้วงจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว
“เมืองหลวงต้าโจวส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงลี่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขารีบรับจดหมายมาเปิดอ่าน เขาเห็นลายมือในจดหมาย
“พี่สาวไป๋!”
มู่หรงลี่กวาดสายตาอ่านเนื้อหาในจดหมายอย่างคร่าวๆ จากนั้นดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นทันที
เมื่อมู่หรงลี่เห็นจดหมายของไป๋ชิงเหยียนจึงคลายกังวลลงทันที พี่สาวไป๋ไม่ได้ตำหนิเขา แม่ทัพไป๋ชิงอวี๋ซ้อนแผนของคนซีเหลียงดังนั้นพี่สาวไป๋จึงเล่นไปตามน้ำเช่นเดียวกัน นางสั่งให้ทหารยกทัพมาประชิดชายแดนต้าเยี่ยนเพราะต้องการช่วยให้แผนการของทั้งสองแคว้นราบรื่นยิ่งขึ้น มารดาของมู่หรงลี่จะได้ลดความหวาดระแวงในตัวเซียวหรงเหยี่ยนลง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง พี่สาวไป๋ช่างเก่งกาจเสียจริง!”
มู่หรงลี่เอ่ยชมจากใจจริง
“เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นนางยังไม่ลืมช่วยปูทางให้พวกเราในวันข้างหน้า พี่สาวไป๋เก่งกาจกว่าท่านอาเก้าเสียอีก”
หวังจิ่วโจวเห็นเนื้อหาในจดหมายก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเช่นเดียวกัน เขาเอ่ยถามเสียงเบา
“ฝ่าบาทจะส่งจดหมายให้นายท่านอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากต้องการส่งกระหม่อมจะให้คนที่ไว้ใจได้นำจดหมายไปส่งให้พ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงลี่ก้มมองจดหมายที่ตนเขียนถึงท่านอาเก้า จากนั้นกล่าวออกมา
“ให้องครักษ์คนใดคนหนึ่งนำจดหมายไปส่งก็พอ”
วังหลวงเมืองอวิ๋นจิง
หลี่เทียนเจียวนั่งอ่านจดหมายลับที่สายลับในต้าโจวส่งมาให้นางอยู่หน้าโต๊ะกลม เมื่ออ่านจบจึงเงยหน้ามองไปทางด้านหลังฉากกั้น
หมอหลวงกำลังตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงอวี๋ที่ยังคงนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนเตียง หลี่เทียนเจียววางจดหมายในมือลง จากนั้นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด
สายลับส่งจดหมายมาบอกว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวรู้เรื่องที่น้องชายของนางถูกจับตัวแล้ว นางออกเดินทางมาซีเหลียงทันทีที่คลอดลูกเสร็จ นอกจากนี้ยังให้ทหารยกทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยนอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านางให้ความสำคัญกับน้องชายของนางมาก
ไป๋ชิงอวี๋คือไพ่ตายของซีเหลียง เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด!
หมอหลวงตรวจชีพจรและฝังเข็มให้ไป๋ชิงอวี๋เสร็จจึงเก็บกล่องยาของตัวเองและเดินออกมาจากฉากกั้น เขาทำความเคารพหลี่เทียนเจียว หลี่เทียนเจียวมองไปทางร่างของไป๋ชิงอวี๋ไม่วางตาพลางเอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อน
“เจ้าลองรักษามาทุกวิธีแล้ว ลองแม้แต่วิธีถอดเล็บทั้งสิบซึ่งเชื่อมโยงกับหัวใจ ทว่า ตอนนี้คนก็ยังไม่ฟื้นเสียที เจ้าบอกข้ามาสิว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด”
“ทูลฝ่าบาท บาดแผลของแม่ทัพผู้นี้ไม่ได้สาหัสจนถึงชีวิต ทว่า ชีพจรของเขาสับสนมาก ที่แม่ทัพผู้นี้ยังไม่ฟื้นอาจเป็นเพราะโรคเก่าของเขากำเริบพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงตอบหลี่เทียนเจียวอย่างนอบน้อม
“กระหม่อมความรู้น้อยเกินไปจึงไม่สามารถตรวจหาสาเหตุได้ ทว่า หากชีพจรของคนเต้นสับสนเช่นนี้เป็นเวลานานติดต่อกันเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงครึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่เทียนเจียวขมวดคิ้วแน่น นางเดินอ้อมฉากกั้นไปหยุดอยู่ข้างเตียงของไป๋ชิงอวี๋ นางมองสำรวจร่างของไป๋ชิงอวี๋อย่างละเอียด
เมื่อพิจารณาจากใบหน้าครึ่งซีกที่ไม่ได้โดนไฟลวกของไป๋ชิงอวี๋ หลี่เทียนเจียวกล้าบอกได้เลยว่าเขาต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามมากแน่นอน บุรุษผู้นี้คือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจว ไป๋ชิงเหยียนมีใบหน้าที่งดงามปานนั้น น้องชายของนางจะด้อยไปกว่านางได้อย่างไรกัน
“บุรุษรูปงามเช่นนี้ แม้ใบหน้าจะเสียโฉมครึ่งซีก ทว่า ก็ยังดูรูปงามอยู่ดี หากตายไปคงน่าเสียดายมาก” หลี่เทียนเจียวกล่าวจบจึงหันไปมองหมอหลวง “เราให้เวลาเจ้าสามวัน หากไป๋ชิงอวี๋ยังไม่ฟื้นขึ้นมาภายในสามวันเจ้าเตรียมล้างศีรษะของเจ้ารอได้เลย!”
มีเพียงไป๋ชิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ ซีเหลียงจึงจะมีทางรอด
ซีเหลียงสามารถใช้ไป๋ชิงอวี๋เป็นเครื่องต่อรองไม่ให้ต้าโจวโจมตีอวิ๋นจิงได้ เช่นนี้แม่ทัพชราชุยซานจงจะได้มีเวลาจัดการกับต้าเยี่ยน
ซีเหลียงสามารถส่งตัวไป๋ชิงอวี๋คืนให้ต้าโจวแลกกับการเจรจาสงบศึกกับต้าโจวได้ ซีเหลียงจะบอกเรื่องที่ต้าเยี่ยนทรยศต้าโจวให้ต้าโจวรับรู้ จากนั้นหลี่เทียนเจียวจะทำในสิ่งที่นางไม่อยากทำมากที่สุดนั่นก็คือการยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวเพื่อให้ซีเหลียงอยู่รอดต่อไป
ทว่า ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไป๋ชิงอวี๋ฟื้นขึ้นมา
เมื่อหมอหลวงได้ยินคำว่า ‘ล้างศีรษะ’
จึงรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นด้วยความตกใจ
“กระหม่อม…จะทำให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เทียนเจียวพิจารณาใบหน้าของไป๋ชิงอวี๋อย่างละเอียดอีกครั้ง นางนึกถึงไป๋ชิงเหยียนและหลี่เทียนฟู่น้องสาวของตัวเองขึ้นมา
ทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องแท้ๆ เหมือนกัน ทว่า ไป๋ชิงอวี๋ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับไป๋ชิงเหยียนพี่สาวของเขามาโดยตลอด ถึงแม้นำหรงตี๋มามอบให้ต้าโจวสำเร็จ เขาก็ไม่เคยคิดอยากแย่งชิงบัลลังก์ไปจากพี่สาวของตัวเอง
ทว่า น้องสาวของนาง…
หลี่เทียนเจียวยิ้มหยันตัวเองในใจ น้องสาวของนางคงอยากให้นางตายไปเร็วๆ ด้วยซ้ำ
นางนึกถึงคำกล่าวของหลี่เทียนฟู่ที่กล่าวกับนางตอนร่วมมือกับเทียนเฟิ่งดึงนางลงมาจากบัลลังก์…
หลี่เทียนฟู่กล่าวว่าพี่สาวอย่างนางได้รับการดูแลและอบรมจากเสด็จพ่อมาตั้งแต่เล็ก เสด็จพ่อสอนนางทุกอย่าง ทว่า ไม่เคยสอนหลี่เทียนฟู่เลย
หลี่เทียนฟู่กล่าวว่าจักรพรรดิหลี่เทียนเจียวอย่างนางเก่งกว่าน้องสาวไปเสียทุกเรื่อง ทว่า สุดท้ายก็ยังโดนน้องสาวลากลงจากบัลลังก์ สุดท้ายก็ถูกน้องสาวของตัวเองเหยียบย่ำอยู่ดี
ความจริงหลี่เทียนฟู่ไม่เคยรู้ว่าหลี่เทียนเจียวอิจฉานางมาโดยตลอด
หลี่เทียนฟู่เป็นบุตรสาวคนเล็กดังนั้นจึงได้รับความรักจากบิดาและมารดามากกว่า หลี่เทียนฟู่ไม่ถูกกดดันและเข้มงวดเหมือนนาง หลี่เทียนฟู่มีอิสระและไม่ถูกร้องขอให้ทำสิ่งใดมากนัก!
หลี่เทียนฟู่ไม่เคยรู้ว่านางอิจฉาที่หลี่เทียนฟู่มีศิลปะระการต่อสู้และเต้นรำที่เก่งกาจ สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่