ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1132 ข้าจะปกป้องนางตลอดไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1132 ข้าจะปกป้องนางตลอดไป

บทที่ 1132 ข้าจะปกป้องนางตลอดไป

“ท่านพี่ ข้าไม่รู้ว่าข้าชอบอวี้ซูหรือไม่ และข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ในตอนนั้นที่นางถูกข้าชนจนล้มลงกับพื้น เมื่อนางใช้ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองข้า ดูเหมือนว่านางได้ก้าวเข้ามาในหัวใจข้าทีละน้อย”

ความเจ็บปวดและความสุขในดวงตาของกู้หนิงผิง เขาไม่เข้าใจว่านั่นคือความรักหรือความรู้สึกอื่น

แต่เขามีความสุขเมื่อได้มองถานอวี้ซู

“ท่านพี่ สิ่งนี้เรียกว่าความชอบได้หรือไม่” กู้หนิงผิงถามกู้เสี่ยวหวานด้วยความสงสัย

หากแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเขานั้นส่องแสงระยิบระยับดูแปลกตาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

กู้เสี่ยวหวานมองน้องชายของตนที่ก้าวเข้าสู่วัยแรกรุ่น จากนั้นจึงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ถ้านางคือคนที่เจ้าต้องการปกป้องด้วยชีวิตไปตลอดชีวิต นั่นเรียกได้ว่าเป็นความชอบ”

ครั้นนึกถึงความพยายามของฉินเย่จือที่ปกป้องตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า กู้หนิงผิงเองก็เหมือนกับเขาไม่ใช่หรือ?

“ท่านพี่ ทันทีที่ข้าเห็นอวี้ซู ข้าก็รู้สึกมีความสุข ข้าอยากอยู่เคียงข้างนางและปกป้องนางไปตลอดชีวิต” กู้หนิงผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงโหยหา

กู้เสี่ยวหวานกะพริบตาปริบ ๆ มองน้องชายของตนเอง ทันใดนั้น สถานะตัวตนของถานอวี้ซูก็ปรากฏขึ้นชัดเจนในใจ

เมื่อคิดถึงถานอวี้ซูที่ยืนอยู่ตรงหน้านางในวันนั้น กู้เสี่ยวหวานมีความรู้สึกที่หลากหลาย

“ท่านพี่เสี่ยวหวาน ท่านพี่หนิงผิงจะยกโทษให้ข้าไหม” คราวนั้นเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานนิ่งเงียบไป ถานอวี้ซูจึงถามอีกครั้ง คราวนี้ดวงตาของนางเศร้าหมองลงยิ่งกว่าเดิม

ข้าอยากอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา ปกป้องนางตลอดเวลา

ด้วยเหตุผลบางอย่าง กู้เสี่ยวหวานคิดถึงสิ่งที่กู้หนิงผิงพูดกับตัวเองอีกครั้ง รอยยิ้มและความปรารถนาบนใบหน้าของเขาเมื่อครู่

หลังจากนั้นความทรงจำตอนที่กู้หนิงผิงดูตื่นตระหนกและอึดอัดเมื่อรู้ถึงสถานะของถานอวี้ซูปรากฏขึ้นในใจ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองกำลังถูกบีบรัด และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย เมื่อคิดว่าฉินเย่จือได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยตนเอง นางก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขา

เมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของถานอวี้ซูตอนนั้น นางไม่สามารถทำสิ่งใดได้จริง ๆ

มันเป็นเรื่องของเด็กทั้งสองคนนี้ นางไม่สามารถไปแทนกู้หนิงผิงเพื่อปลอบใจถานอวี้ซูได้ กู้หนิงผิงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจก็เป็นเรื่องที่ถานอวี้ซูต้องถามด้วยตนเอง

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้เสร็จตนเองก็ตัดสินใจไปหาฉินเย่จือที่ห้อง

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นฉินเย่จือเย่นั่งเปลือยกายท่อนบนอยูบนเก้าอี้ บนแผ่นหลังกว้างปรากฏบาดแผลยาวและลึก

เลือดยังคงไหลซึมออกมาจากบาดแผล

เมื่อเห็นบาดแผลยาวและสาหัสของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากและร้องไห้ออกมา

ครั้นฉินเย่จือได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังขึ้น จึงรีบหันศีรษะกลับไปและพบกับใบหน้านองน้ำตาของกู้เสี่ยวหวาน

ชายหนุ่มรีบปัดมืออาโม่ออกโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทายาให้ตนเอง เขาปรี่เข้าไปหากู้เสี่ยวหวานและรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด

“หวานเอ๋อร์ อย่าร้องไห้ไปเลย” น้ำเสียงของฉินเย่จือแผ่วเบา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้กลับต้องมาปลอบใจนาง กู้เสี่ยวหวานจึงกลัวว่านางจะสัมผัสบาดแผลของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นนางจึงรีบผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา

“ไปกันเถอะ ข้าจะทายาให้” หลังจากพูดจบ กู้เสี่ยวหวานจูงมือฉินเย่จือและบังคับให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ และรับยามาจากมือของอาโม่

กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ เช็ดบาดแผลของฉินเย่จืออย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนิ่งเงียบไป ฉินเย่จือจึงรู้ว่าคราวนี้ลูกแมวตัวน้อยของตนกำลังหวาดกลัว ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวไป หวานเอ๋อร์ ข้าสบายดี”

ยิ่งฉินเย่จือปลอบโยน กู้เสี่ยวหวานก็ไม่อาจอดกลั้นหยาดน้ำตาได้

เมื่อภาพตรงหน้าพร่าเลือนจากน้ำตา นางก็ทำได้เพียงปาดน้ำตาออกอย่างแรง

จากนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา ในเวลานั้น นางก็หลับตาอีกครั้ง และวิธีนี้ทำให้นางไม่สามารถทายาให้ฉินเย่จือได้ ดังนั้นจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวฝ่ามือของกู้เสี่ยวหวานนั้นเบาลง สิ่งเดียวที่นางทำได้ตอนนี้คือทำให้ฉินเย่จือเจ็บปวดน้อยลง

แต่บาดแผลของเขาสาหัสถึงขนาดนั้น

นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ตอบคำพูดของตัวเอง ฉินเย่จือจึงรีบหันหลังกลับ เมื่อมองไปที่ใบหน้าเรียวเล็กของนาง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความทุกข์ มันทำให้ฉินเย่จือรู้สึกอึดอัด

เขาใช้มือปิดตาของเด็กสาว เนื่องจากไม่อยากให้นางเห็นบาดแผลของตนเอง

“เด็กดี เจ้าอย่ามองมันเลย ให้อาโม่เข้ามาดีหรือไม่” เมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยและน้ำตาของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็รู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาเจ็บกว่าบาดแผลเป็นพันเท่าหมื่นเท่า

เขาเคยบอกว่าจะไม่ทำให้ลูกแมวน้อยเสียใจอีกแล้ว แล้วทำไมคราวนี้ตนเองถึงผิดสัญญา

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาปิดตาของตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้นางมองบาดแผล นางก็รู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น

“พี่เย่จือ ข้าจะทำเอง” กู้เสี่ยวหวานดึงมือออกจากการกอบกุมของฉินเย่จือ เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง พยายามกลั้นน้ำตาและทายาให้ฉินเย่จือช้าลง

กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจที่จะช่วยฉินเย่จือทายาอย่างตั้งใจ คราวนี้เมื่อเช็ดน้ำตาจนสะอาดก็ทำให้นางบอกเห็นบาดแผลบนหน้าอกของฉินเย่จือได้อย่างชัดจน

“ท่านพี่เย่จือ” น้ำตาที่เพิ่งหยุดไปไหลโปรยปรายลงมาอีกครั้ง

น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานไหลอาบแก้ม นางเม้มปากแน่นและมองบาดแผลที่ลึกและตื้นที่แขน ไหล่ และหน้าอกของเขา

ยิ่งกู้เสี่ยวหวานมองบาดแผลนั้น นางก็ยิ่งเศร้ามากขึ้น และหวังว่าบาดแผลทั้งหมดนี้จะอยู่บนร่างกายของตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของฉินเย่จือ

กู้เสี่ยวหวานน้ำตาคลอ ดูเหมือนจะเห็นฉากในตอนนั้นอีกครั้ง

บาดแผลบนหลังของฉินเย่จือถูกฟันโดยนักดาบมรณะ ขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท