บทที่ 1141 ประจบสอพลอ
บทที่ 1141 ประจบสอพลอ
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากรถม้า เมื่อผู้คนกลุ่มนี้เห็นกู้เสี่ยวหวานลงมา พวกเขาก็ใช้สายตาเหยียดหยามมองนาง
ในตอนนี้ กู้เสี่ยวหวานดูสะโอดสะองมากขึ้น เป็นเพราะโดนขวากนามเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็เชิดหน้าตั้งรับไม่หยุดหย่อน ก่อนหน้านี้ยังมีไขมันของเด็กบนใบหน้า ทว่าตอนนี้ใบหน้าเรียวเล็กลง คิ้วบางเรียวยาว แล้วไหนจะผิวนั่นอีก มันช่างดีราวกับไข่ที่ปอกเปลือกแล้วจริง ๆ
ครั้นยามอยู่ใต้แสงตะวัน มันก็เหมือนจะสะท้อนแสงออกมาได้
ผู้คนมากมายมองอย่างอิจฉา จากนั้นมองไปที่รถม้าหนึ่งคันด้านหลัง ก็เห็นลูกฝาแฝดของบ้านรองตระกูลกู้โดดเด่นอยู่ในนั้น
ทั้งยังมีขอทานที่น่าเวทนารูปงามเดินทางมาด้วย
ห่างหายไปหลายปี ลูกหลานตระกูลกู้ได้เติบโตมาพร้อมกับอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นเสียจนคนไม่กล้าดูหมิ่น
ทุกคนต่างก็มารุมล้อมโดยรอบ พากันมองคนตระกูลกู้ด้วยสายตาที่หากไม่ใช่หมั่นไส้ก็คงอิจฉา ทว่ากลับไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า
หลังจากลงจากรถม้า กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านที่อยู่รอบตัวนาง
นางเกือบถูกมองว่าเป็นดาวหายนะและตายในหมู่บ้านอู๋ซีด้วยน้ำมือของชาวบ้านไม่รู้ประสาเหล่านี้ พวกเขาต้องการให้นางยกโทษให้
แต่นางไม่ใช่แม่พระ นางทำไม่ได้
กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ เมื่อชาวบ้านเห็นกู้เสี่ยวหวานมองมาที่พวกเขา คนที่มีความละอายบางคน หากรู้ตัวว่าตอนนั้นทำผิดอะไรไปจะกล้ามองหน้ากู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร ทุกคนจึงพากันก้มศีรษะลง
ตอนนี้นางเป็นถึงเสี้ยนจู่ ถ้าขุดคุ้ยเรื่องของนางในอดีต เกรงว่าจะต้องคำนึงผลที่ตามมาด้วย
เฉาซินเหลียนก็เป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตไม่ใช่หรือ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เฉาซินเหลียนมีชีวิตที่ดีมาหลายปี มีบ้านหลังใหญ่และเก็บค่าเช่ามากมาย แต่ก็ยังถูกกู้เสี่ยวหวานเอาคืน
ไม่มีแม้แต่ชีวิตที่เรียบง่าย
กู้เสี่ยวหวานผู้นี้เป็นคนที่จำฝังใจเชียวล่ะ
คนที่กลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะสะสางบัญชีกับพวกเขา ต่างก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามอง บางคนไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งแจ้นออกไป
แต่ก็ยังมีบางคนหน้าด้านหน้าทนพอที่จะจ้องมองกู้เสี่ยวหวานอย่างไร้กังวล ซึ่งในแววตาของพวกเขาไม่อาจซ่อนความอิจฉาไว้ได้เลย
นางกวาดมองผ่านไปอย่างไม่แยแส ดวงตาราวกับมีดคมนั้นปรายตามองกลุ่มคนที่มีความสุขในทีแรก ครั้นเมื่อถูกมองก็เหมือนกับถูกทิ่มด้วยเข็มเหล็กไปทั่วร่าง ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ก้มหน้ากันหมด
เด็กสาวผู้นี้ อำนาจเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร
“เสี่ยวหวาน ไม่เห็นเจ้ามาตั้งหลายปี ตอนนี้เจ้าดูดีขึ้นมาก” ทันใดนั้น เสียงแก่หง่อมก็ดังเข้ามา ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสนิทสนม
ไม่ต้องหันกลับไปดูว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ใด เพียงแค่เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมา กู้เสี่ยวหวานก็เดาออก
จะเป็นใครได้อีก นอกเสียจากหัวหน้าหมู่บ้านหมู่เหลียงที่มีดวงตาโตไปถึงหน้าผากผู้นั้น
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยความอิจฉา “โอ้ เสี่ยวหวาน เจ้าสวมเสื้อผ้าไหมปักกลับบ้านเกิดมา นี่เป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวาที่สุดในหมู่บ้านอู๋ซีของพวกเราแล้ว เพราะตอนนี้เสี่ยวหวานเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้า พวกเราชาวอู๋ซีก็จะได้พึ่งบารมี”
“นั่นน่ะสิ หมู่บ้านอู๋ซีของพวกเราไม่เคยมีหญิงใดที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งสักคน เสี่ยวหวาน เจ้าเป็นคนแรกในหมู่บ้านอู๋ซี พวกเราจะได้เพิ่งบารมีของเจ้า” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจหลังจากได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด ซึ่งเป็นคำพูดที่ดี ทั้งยกยอกู้เสี่ยวหวาน ทั้งบอกกล่าวนางทางอ้อม ว่านางยังเป็นคนในหมู่บ้านอู๋ซี นางควรแบ่งปันความรุ่งโรจน์ให้กับหมู่บ้านด้วย
กู้เสี่ยวหวานหันกลับมาหลังจากได้ยินเช่นนั้น นางก็เห็นคนสองคนยิ้มร่าราวกับดอกเบญจมาศ รอยยิ้มที่ประจบสอพลอบนใบหน้านี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็หยุดไม่ได้ พวกเขากำลังมองไปที่กู้เสี่ยวหวานพร้อมรอยยิ้มนั่น
“เสี่ยวหวาน เจ้าเป็นเสี้ยนจู่มานานแล้วก็ไม่กลับมาดู รู้หรือไม่ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านของเราคิดถึงเจ้ามากเพียงใด” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล้าดีเสียจริง ๆ นางเดินตรงเข้ามาเพื่อดึงมือของกู้เสี่ยวหวานและเข้าใกล้อย่างไม่คาดคิด
หยุดอยู่แค่นั้น ยังไม่ทันที่นางจะได้เข้าถึงตัวกู้เสี่ยวหวานก็ถูกอาโม่ขัดขวางเอาไว้
หลังจากลงจากรถแล้ว อาโม่ก็มายืนอยู่ข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวาน
หน้าที่ของเขาคือการคุ้มกันกู้เสี่ยวหวาน
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งเข้ามาขวางนางเยี่ยงเทพอารักขาประตู สีหน้าของนางจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในหมู่บ้านอู๋ซี ผู้ใดจะกล้าทำเช่นนี้กับนางอีก
นางเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านและเป็นหญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในหมู่บ้านนี้
ผู้ใดจะกล้าชักสีหน้าใส่นาง
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน จวนเจียนจะโมโหขึ้นมา ทว่านึกถึงตัวตนของกู้เสี่ยวหวานตอนนี้และสิ่งที่สามีพูดกับตัวเองเมื่อครั้งที่เดินมา
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นดั่งหมั่นโถวทองคำ จะทำให้นางขุ่นเคืองขึ้นมาไม่ได้
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาสีเหลืองกรอกไปมา จะกล้าบุ่มบ่ามได้อย่างไร
ทันใดนั้น บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เฮ้ เสี่ยวหวานเอ๋ย ตอนเจ้ายังเด็ก เจ้ามาจากไหนหรือ ไยโตมาถึงได้งามเสียจริง ๆ”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มองหรือสนใจอะไรนาง
และอาโม่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจนางเช่นกัน
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดออกมาตามใจตัวเอง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครให้ความสนใจ ชาวบ้านจำนวนมากจึงเบิ่งมองตาโต
ตนเป็นถึงภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ใคร ๆ ก็ไม่รักษาหน้าให้ตัวเอง ถ้าความละอายในนี้อยู่ที่กู้เสี่ยวหวาน คงจะถูกพวกชาวบ้านในหมู่บ้านพากันหัวเราะเยาะ
เดิมทีหญิงบางคนที่มีความกล้าอยู่แล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้ขึ้น คงไม่ต้องไปรื้อกระเบื้องหลังคาเลยหรือ
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีสีหน้าดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนางกำลังจะตะโกนด่า หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นภรรยาได้อย่างไร เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันที ดึงแขนเสื้อของนางอย่างรุนแรงแล้วพูดด้วยเสียงเรียบว่า “เจ้าออกไปก่อน”
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นท่าทางเงอะงะและคำกล่าวเตือนออกมาจากสายตาของสามี ตอนนี้เองนางถึงได้รู้ว่าตัวเองเกือบทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจอีกครั้ง จึงรีบหุบปากและเดินไปยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นว่าภรรยาของตนเพิ่งจะทำเสียเรื่อง และเห็นว่านางอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่เต็มใจ ก็แอบตำหนินางอยู่ในใจว่าชอบคิดอะไรตื้น ๆ
เมื่อหันไปมองกู้เสี่ยวหวาน สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและยิ้มออกมาราวกับดอกไม้บาน
“เสี่ยวหวานเอ๋ย เจ้ามาได้เสียที หมู่บ้านอู๋ซีของเรารอให้เจ้ากลับมาโดยตลอด”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดเช่นนี้กับตัวเอง นางก็หัวเราะเยาะ “เกรงว่าจะเป็นเสี้ยนจู่เสียมากกว่าที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงต้องการให้กลับมา คงไม่ได้อยากให้กู้เสี่ยวหวานผู้นี้กลับมาหรอก ใช่หรือไม่”
เขาไม่ได้บอกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวหายนะหรอกหรือ
จะต้อนรับดาวหายนะกลับมาอีกได้เช่นไร
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงลำบากใจเล็กน้อย
เพราะไม่มีอะไรจะชัดเจนเกินไปกว่าคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้ว
เสี้ยนจู่ได้รับการพระราชทานจากฮ่องเต้เอง ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นคนที่มีอิทธิพลมาโดยตลอด พอกู้เสี่ยวหวานได้รับพระราชทานตำแหน่งจากฮ่องเต้ให้เป็นเสี้ยนจู่ มันก็เป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างมากของหมู่บ้านอู๋ซี
หากก่อนหน้าไม่เกิดเรื่องเช่นนั้น หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็ไปเชิญกู้เสี่ยวหวานกลับมาตั้งนานแล้ว
แม้ว่าเขาจะหน้าด้านไปที่นั่นในภายหลัง แต่ใครจะสนใจเขา คงโยนของที่เขามอบให้ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
หัวหน้าหมู่บ้านบ้านเหลียงโอ้อวดว่าตัวเองก็เป็นคนมีฐานะ ดังนั้นเขาจึงไม่ไปที่นั่นอีก
ถึงอย่างไรเขาก็มีทรัพย์สินอยู่ในมือ
ไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะมาหรือไม่มา มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเหลียงของเขาอยู่แล้ว
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นกู้เสี่ยวหวานพูดเช่นนี้ออกมา เขาก็จับหน้าตัวเองแล้วตบซ้ายขวาโดยบอกว่าเขาหัวสูง แต่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็ไม่โกรธ เขาหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวหวาน นี่เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด เจ้าไม่ใช่เสี้ยนจู่หรือ”
เขาไม่เก็บประโยคประชดประชันของกู้เสี่ยวหวานเอามาใส่หูอยู่แล้ว ราวกับคิดว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงพูดเรื่องตลก
ขิงแก่ก็ย่อมเผ็ดกว่า
เป็นเพียงเสี้ยนจู่ที่เพิ่งผ่านขวากหนามมาเท่านั้น ถ้าอยากสู้กับตัวเองก็ต้องสู้กับคนอื่นให้นานกว่าอายุของนาง
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงนับถือกู้เสี่ยวหวานมาก ทว่าใจดวงนี้ไม่ได้เก็บนางมาใส่ใจตั้งแต่ไหนแต่ไร
สิ่งที่เขาสนใจคือ ตำแหน่งของเสี้ยนจู่และเกียรติยศทั้งหมดที่ตำแหน่งนี้จะสามารถนำมาให้ได้ก็เท่านั้น
“เสี่ยวหวานเอ๋ย ตอนนี้เจ้าเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ ไม่รู้ว่าบ้านของตระกูลกู้ถูกเฉาซินเหลียนทำลายจะเป็นอย่างไร ทั้งสกปรก ทั้งรกรุงรัง มันไม่คู่ควรกับฐานะของเจ้าแล้วล่ะ มิเช่นนั้นเจ้าก็ไปพักด้วยกันกับข้าที่บ้านสิ บ้านของข้ายังมีห้องใหญ่อยู่สองสามห้อง ประเดี๋ยวให้อาสะใภ้ของเจ้าทำความสะอาด เจ้าก็เข้าไปอยู่ได้แล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีบ้านที่งดงามอย่างมากในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในเมืองมันมีเอกลักษณ์เฉพาะและดูดีมาก ๆ
ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานกลับมา เขาก็ปรารถนาที่จะทำความรู้จักกับนางให้ดี
ห้องเหล่านั้นในบ้านของเขาต่างก็ตระเตรียมไว้เป็นอย่างดี
ใครก็ตามที่เข้าไปในหมู่บ้านนี้ จะไม่มีการทอดหายใจ โดยกล่าวว่ามาตรฐานที่พักเช่นนี้จะเป็นของใต้เท้าจือเสี้ยนเท่านั้น ฉะนั้นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงมั่นใจมากที่จะเชิญกู้เสี่ยวหวานไปพักที่บ้านของตัวเอง
เขาอยากจะพากู้เสี่ยวหวานไปพัก ตราบใดที่นางอยู่ที่นั่น เขาจะได้มีเวลาและมีโอกาสตีสนิทกับกู้เสี่ยวหวานไปด้วย เมื่อก่อนตัวเองเกือบจะเผานางให้ตาย แต่ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเย็นชาและไม่แยแส เกรงว่าในใจของนางคงจะนึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา