ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1160+1161 มีเลศนัย(2)รู้รักษาตัวรอด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1160+1161 มีเลศนัย(2)/รู้รักษาตัวรอด

บทที่ 1160 มีเลศนัย (2)

เฉกเช่นต้นไม้ต้นเล็กริมสระน้ำ มันพลิ้วไหวเบา ๆ ตามสายลม ท่าทางน่าสงสารทำให้ผู้คนรู้สึกรักใคร่ พลันมีคนพูดขึ้นมาว่า “แม่นางเกา เสื้อผ้าของเจ้าเปียกหมดแล้ว เจ้าต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มิฉะนั้นจะหนาวเอาได้”

เกาซื่อได้ยินเสียงจามของหลานสาว จึงเกรงว่าเกาเหลียนจือจะเป็นหวัด และคร้านเกินกว่าจะพูดคุยกับหญิงผู้นั้น ดังนั้นจึงลากเกาเหลียนจือกลับบ้านทันที

กู้หนิงอันไร้ซึ่งเสื้อผ้าตัวนอกและจำใจถือถังน้ำว่างเปล่าเดินกลับบ้าน

กู้ฟางสี่ออกมาเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอก และเห็นว่าเสื้อผ้าของกู้หนิงอันหายไป เหลือเพียงเสื้อผ้าชั้นใน หลังจากไปตักน้ำอยู่นานสองนาน หากแต่ก็กลับมาพร้อมกับถังน้ำที่ว่างเปล่า และรองเท้าที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อเช้าคราวนี้ก็เปลี่ยนอีกแล้ว

เมื่อครู่ที่เกาเหลียนจือชนกับกู้หนิงอันทำให้น้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว

รองเท้าเปียกอีกแล้ว

“หนิงอัน เกิดอะไรขึ้นหรือ” เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของกู้หนิงอัน กู้ฟางสี่รีบรุดขึ้นหน้าแล้วลากหลานชายเข้าไปในครัว

ในครัว เตาไฟยังถูกก่อเอาไว้ ตอนนี้ต้องถอดรองเท้าที่เปียกโชกออก แล้วผึ่งเท้าให้แห้งโดยเร็วจะได้ไม่เป็นหวัด

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาเข้าในห้องครัวก็เห็นกู้หนิงอันนั่งเท้าเปล่าอยู่หน้าเตาเพื่อทำให้เท้าอุ่น เสื้อผ้าบนร่างกายของกู้หนิงผิงหายไป เหลือเพียงแต่เสื้อผ้าชั้นใน ส่วนเสื้อผ้าชั้นนอกที่สวมอยู่ตอนนี้ ดูจากสีแล้วคาดว่าเป็นของกู้หนิงผิง

ในขณะที่กู้ฟางสี่กำลังถือรองเท้าอังอยู่หน้าเตาไฟ ซึ่งดูเหมือนว่ารองเท้าของเขาจะเปียกอีกแล้ว

“ท่านอา เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมไม่ซักรองเท้าแล้วตากข้างนอก ทำไมถึงนำมาอังกับไฟเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างไม่เข้าใจ

“ที่ไหนกัน คู่ที่เพิ่งซักน่ะตากอยู่ด้านนอก นี่เป็นคู่ใหม่ที่เขาเพิ่งเปลี่ยน” กู้ฟางสี่ตอบอย่างหนักใจ

เนื่องจากครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่หมู่บ้านอู๋ซีเป็นเวลานาน พวกเขาจึงไม่ได้นำเสื้อผ้ามามากนัก แต่ละคนเตรียมรองเท้ามาเพียงสองคู่เท่านั้นไว้สับเปลี่ยน

แต่ตอนนี้รองเท้าของกู้หนิงอันเปียกทั้งสองคู่ หากพวกเขาไม่ทำให้แห้งโดยเร็วที่สุด เกรงว่ากู้หนิงอันอาจไม่สามารถออกไปไหนได้

“หนิงอัน ทำไมรองเท้าของเจ้าถึงเปียกอีกแล้ว” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่แค่รองเท้าที่เปียก แต่ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของกู้หนิงอันก็หายไปด้วย” ที่สวมอยู่เป็นเสื้อผ้าของกู้หนิงผิงที่กู้ฟางสี่หยิบมาให้ทีหลัง

คิ้วของกู้เสี่ยวหวานขมวดมุ่น รองเท้าของเขาเปียกโชกวันละสองครั้ง และตอนนี้แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็หายไป เรื่องนี้น่าแปลกนัก

“ท่านพี่ ตอนที่ข้ากลับมาจากการไปตักน้ำ ข้าบังเอิญไปชนเข้ากับใครบางคนและทำเสื้อผ้าของนางเปียก ข้าจึงถอดเสื้อผ้าออกและให้นางสวม”

“ไปชนกับใครเข้า”

….

บทที่ 1161 รู้รักษาตัวรอด

“ข้าไม่รู้ แต่ตามที่ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงบอกข้า ดูเหมือนว่าหญิงที่ข้าช่วยเก็บผ้าเช็ดหน้าเมื่อเช้านี้จะเป็นหลานสาวของนาง ชื่อเกาเหลียนจือ” ไม่เคยพบเห็นคนผู้นี้ในหมู่บ้าน เป็นธรรมดาที่กู้หนิงอันจะไม่รู้จักนาง

“เจ้าได้เจอนางอีกแล้วหรือ” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว

“ก็ตอนกลับจากตักน้ำตอนบ่าย แม่นางผู้นั้นไม่ทันระวังเลยชนกับถังน้ำของข้า ข้าหลบไม่ทัน น้ำในถังเลยกระฉอกใส่ตัวข้าเต็ม ๆ ข้าเห็นว่าเสื้อผ้าของนางก็เปียกปอนแนบไปกับร่างกาย ข้าจึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วให้นางสวมใส่ไว้” กู้หนิงอันพบกับหญิงคนหนึ่งถึงสองครั้งในหนึ่งวัน และเสื้อผ้าต่างก็เปียกกันทั้งคู่ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

แค่หวังว่าคราวหน้าจะต้องไม่เจอหญิงคนนั้นอีก เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นอีก

“เกาเหลียนจือ…” กู้เสี่ยวหวานทบทวนอีกครั้ง “นางเป็นหลานสาวของเกาซื่อ ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงหรือ”

“ข้าได้ยินมาแบบนั้นนะ” กู้หนิงอันไม่รู้เรื่องนี้มากนัก

ในเวลานี้ป้าจางก็เดินเข้ามา และหลังจากได้ยินการสนทนาของคนทั้งสอง นางก็เอ่ยขึ้นว่า “บ้านของเกาซื่ออยู่ห่างจากเราเล็กน้อย ข้าได้ยินมาว่านางมีพี่ชายคนหนึ่ง พี่ชายของนางมีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน เด็กหญิงคนนั้นคงจะเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่เป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าในครอบครัว คนทุกคนต่างมอบทุกอย่างให้นาง สาว ๆ ในหมู่บ้านล้วนอิจฉาเหลียนจือ และต่างบอกว่า แม้ว่านางจะเกิดในครอบครัวที่ยากจน แต่ครอบครัวของนางก็ไม่ได้ประเมินนางต่ำเกินไปที่นางเกิดมาเป็นหญิง ทว่าตรงกันข้าม นางได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าพี่น้องสามคนในครอบครัวของนางเสียอีก”

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะคิดว่ามันแปลกเล็กน้อย แต่ครอบครัวปฏิบัติต่อหญิงผู้นี้มานานกว่าสิบปี นางคงเป็นที่รักของครอบครัวจริง ๆ

เนื่องจากเรื่องของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับเกาเหลียนจือมากนัก

“เจ้าเด็กโง่ คราวหน้าก็ระวัง ๆ หน่อย” กู้ฟางสี่ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าเรื่องราวในครั้งนี้มันมีบางอย่างแปลกประหลาด

“แต่มันแปลกที่จะบอกว่าเกาเหลียนจือไม่เคยมาที่หมู่บ้านอู๋ซี แต่ทำไมจู่ ๆ เมื่อพวกเรามาที่นี่ ไม่กี่วันถัดมานางก็มาปรากฏตัวที่นี่ด้วย” ป้าจางพูดแปลก ๆ

ปกติครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานและครอบครัวของป้าจางได้ระวังคนจากครอบครัวเหลียงแล้ว แต่พวกกู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ทำไมเกาเหลียนจือถึงมาที่หมู่บ้านอู๋ซีอย่างกะทันหันและได้พบกับกู้หนิงอันถึงสองครั้งในหนึ่งวัน

ไม่ใช่ว่าป้าจางใจแคบหรือคิดร้ายกับผู้อื่น แต่เป็นเพราะนางต้องการที่จะปกป้องทุกคน

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตาดูเกาซื่อให้ดีเช่นเดียวกับเกาเหลียนจือที่ติดตามอยู่ข้างเกาซื่อ

กู้หนิงอันไม่ได้มีความประทับใจเกาเหลียนจือมากนักในตอนแรก แต่เขาคิดเสมอว่าเมื่อคนอื่นมีปัญหา เขาก็อยากที่จะช่วยถ้าเขาช่วยได้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพราะความใจดีของเขา ทำให้เขาเกือบจะติดกับดักของคนพวกนั้น

———————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท