ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1185 ขายโสม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1185 ขายโสม

บทที่ 1185 ขายโสม

“น้องเหลียนจือดูดีจริง ๆ เหมือนนางฟ้าที่เดินออกมาจากภาพวาด” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เกาหลียนจือและกล่าวเคล้ารอยยิ้ม

เกาเหลียนจือหน้าแดงทันทีที่ได้ยิน “ท่านพี่จะนำข้าไปเปรียบเทียบกับภาพวาดได้อย่างไร”

กู้เสี่ยวหวานอายุครบสิบสี่ปีในปีนี้ ร่างกายของนางเริ่มยืดออกและสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ใบหน้าของนางยังคงมีไขมันในวัยเยาว์อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางเริ่มเข้ารูปและสวยขึ้น

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้และถามว่า “ครั้งล่าสุดที่เจ้าป่วย ข้าให้คนนำโสมมาให้เจ้า ใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อได้ยินคำถามของกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับโสม เกาเหลียนจือก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “โสมอะไรหรือ ข้าไม่เห็นเลย”

ครั้งล่าสุดที่เกาเหลียนจือนอนป่วยไข้อยู่บนเตียง นางได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานจะส่งโสมมาให้ แต่เนื่องจากว่านางไม่เห็น จึงคิดว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้ส่งมา

เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวหวานที่แสดงออกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือว่านางจะส่งโสมมาให้แล้วจริง ๆ

แล้วทำไมนางจึงไม่ได้ใช้มัน

เกาเหลียนจือรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่ก็คงไม่ดีถ้าจะถามออกมา

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกงงงวยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงอธิบาย “บางทีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าอาจจะฟังคำของหมอและยังไม่ได้ให้โสมแก่เจ้าก็เป็นได้”

โสมเป็นสิ่งที่ดี เกาเหลียนจือรู้

สองสามวันมานี้นางนอนอยู่บนเตียง มันทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาก นางแค่ต้องการดูแลฟื้นฟูร่างกายของนางให้เร็วที่สุด แต่ว่านางมีเรื่องอยู่ในใจ นางจึงได้แต่นอนราบอยู่อย่างนั้น

“ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นห่วงข้าอยู่เสมอ ไว้ข้าจะขอให้พวกท่านนำโสมมาให้ข้าในภายหลัง” เกาเหลียนจือกล่าวอย่างมั่นใจ

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดอย่างอิจฉาว่า “พ่อแม่ของเจ้าปฏิบัติต่อเจ้าดีมาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาเหลียนจือจึงพูดอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุด และพวกเขาไม่เคยดูถูกข้าที่ข้าเป็นลูกสาว”

เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้กังวลของเกาเหลียนจือ กู้เสี่ยวหวานจึงคิดว่าเกาต้าผิงและสวีซื่อคงรักเกาเหลียนจือเป็นอย่างมาก

มันหายากมากที่คนในชนบทอย่างเกาต้าผิงและสวีซื่อจะใจดีกับผู้ที่เป็นลูกสาว

“พ่อแม่ของเจ้าใจดีกับเจ้าเสมอมาหรือ? มันน่าอิจฉามากที่ได้ยินเช่นนั้น” ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความอิจฉา หลังจากนั้นก็ปรากฏความเศร้า “เมื่อข้าอายุหกขวบ พ่อแม่ของข้าจากไป และข้ายังมีน้องชายสองคนอยู่ข้างหลัง นอกจากนี้ยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนที่ไม่เคยได้รับการดูแลจากพ่อและแม่ของนาง ครั้นเห็นน้องเหลียนจือมีพ่อแม่ที่รักเจ้ามาก ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”

สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดนั้นออกมาจากใจจริง ๆ

ครั้นคิดถึงตัวเองที่สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก พวกท่านประสบอุบัติเหตุอย่างกะทันหัน นางทำงานหนักเพียงลำพังมานานหลายปี เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา

“พี่เสี่ยวหวาน ท่านไม่ต้องเสียใจไป พ่อแม่ของข้าจะเป็นพ่อแม่ของท่านนับจากนี้” เกาเหลียนจือไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพูดอะไรเช่นนี้ออกมา

กู้เสี่ยวหวานฟังดังนั้นจึงเช็ดหางตาของนาง “น้องเหลียนจือ ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าเคยประสบกับความเจ็บปวดของมนุษย์เราหรือไม่ แต่เจ้าคงไม่เข้าใจความสูญเสียของคนที่ห่วงใยและรักเจ้ามากที่สุดในโลกนี้หรอกกระมัง”

เมื่อเกาเหลียนจือได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที

หลังจากฟังคำพูดนั้น มุมปากของนางก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และพึมพำกับตัวเอง “ข้าไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาก่อน”

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองนาง และเห็นว่าเกาเหลียนจือดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย นางจับมือกู้เสี่ยวหวานและมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกจึงรีบถามขึ้นว่า “พี่เสี่ยวหวาน ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าบอกอะไรกับท่านบ้าง ต้องการให้ข้าแต่งงานกับกู้หนิงอันหรือไม่”

กู้เสี่ยวหวานดึงมือของนางกลับมาและพูดว่า “อย่าเพิ่งคิดมาก พักผ่อนให้หายดีก่อน เมื่อเจ้าหายดีแล้ว ข้าค่อยบอกเจ้าก็ไม่สาย”

เกาเหลียนจือลังเล นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดจา ดังนั้นนางจึงไม่ถามอะไรอีก และบอกให้เกาเหลียนจือดูแลตัวเองให้ดี ก่อนจะขอตัวกลับไป

ระหว่างที่อาจั่วส่งกู้เสี่ยวหวานออกไป นางก็เอ่ยถึงเรื่องโสมขึ้น

“โสมถูกเกาต้าผิงเอาไป ดูเหมือนว่าไม่มีใครมอบให้เกาเหลียนจือเลย” อาจั่วพูดอย่างสงสัย

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วเมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ เกาเหลียนจือเป็นดั่งดวงใจของเกาต้าผิงและสวีซื่อไม่ใช่หรือ?

เหตุใดเมื่อเห็นลูกสาวของพวกเขาทรมานเช่นนั้นแล้วยังไม่เอาโสมไปให้เกาเหลียนจือ?

ยิ่งกว่านั้น กู้เสี่ยวหวานเองก็ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า โสมนี้ดีต่อสุขภาพของเกาเหลียนจือ

“ดูให้ดีอีกทีว่าโสมหายไปไหน” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำและจากไป

เกาเหลียนจือนอนอยู่บนเตียง ช่างน่าสงสาร เจ็บปวด และโศกเศร้าจริง ๆ

เมื่อสวีซื่อนำยามาให้นางดื่ม เกาเหลียนจือเรียกหาอาจั่วโดยตั้งใจและถามสวีซื่อว่า “ท่านแม่ ทำไมท่านไม่นำโสมที่ท่านพี่เสี่ยวหวานให้ไว้มาให้ข้าล่ะ? ข้าต้องการให้ร่างกายของข้าดีขึ้นโดยไว”

เกาเหลียนจือรู้สึกผิดกับสิ่งที่นางพูด สวีซื่อคิดว่ากู้เสี่ยวหวานอาจจะบอกเกาเหลียนจือเกี่ยวกับโสมในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงพูดว่า “เจ้าเด็กโง่ โสมนั่นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าพวกข้าจะไม่เต็มใจให้เจ้า แต่เจ้านอนป่วยอยู่บนเตียง เงินหาหมอ ค่ายาบำรุงก็หมด พ่อกับแม่ไม่มีเงินก็เลยนำโสมนั่นไปขาย”

“อะไรนะท่านแม่ ท่านนำโสมไปขายแล้วหรือ” เกาเหลียนจือรู้สึกประหลาดใจ นางจึงพยายามลุกขึ้นจากเตียง “ท่านแม่ ท่านพี่เสี่ยวหวานมาถามข้าว่าโสมนั้นเป็นอย่างไร แต่ท่านกลับนำมันไปขาย เมื่อถึงเวลา ถ้าท่านพี่เสี่ยวหวานมาถามข้า แล้วท่านจะให้ข้าตอบว่าอย่างไร”

สวีซื่อขมวดคิ้ว “ก็ไม่มีอะไรแปลกนี่ ถ้าเจ้าจะตำหนิ ก็ตำหนิตระกูลกู้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา เจ้าคงไม่เป็นหวัดและไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเช่นนี้ ข้านำโสมไปขายมันผิดตรงไหน”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท