ภายใต้แสงไฟที่ส่องประกาย รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มนั้นสามารถกุมหัวใจของหญิงสาวทุกนางได้อย่างง่ายดาย
แต่ความเย็นชากลับค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วดวงตาของเขา
หงส์เพลิงมองเขา แล้วดันมือเขาออกจากนาง นางเห็นด้วยกับประโยคนั้น จากนั้นจึงคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า ”ข้าคิดว่าท่านคงไม่ชอบคนตื๊อ ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงไม่คิดที่จะเป็นคนเช่นนั้น ในเมื่อพวกเราคลายความเข้าใจผิดกันกระจ่างแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักได้ว่าหงส์เพลิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อคืนดีกับตี้จวิน แทนที่จะเป็นเช่นนั้น นางกลับมาที่นี่เพื่อเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์
ตี้จวินยังคงมีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า เขาโน้มตัวเข้าไปหานางอย่างกะทันหัน ริมฝีปากบางของเขาอยู่ชิดใบหูของนาง แล้วจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมเย็นชาว่า ”เจ้าเป็นห่วงต้นโพธิ์ต้นนั้นมากหรือ ต้นไม้ต้นนั้นจะตายหรือถ้าเจ้ากลับช้าสักนิด แต่เจ้าก็พูดถูก เราสองคนต่างก็ไม่ชอบให้คนมาตามตื๊อ”
ชายหนุ่มปาจอกในมือลงกับพื้นทันทีที่พูดจบ จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับเสียงนั้น!
เซียนหนุ่มวิ่งตามผู้เป็นนายจนทัน สายลมเย็นยะเยือกปะทะเข้ากับร่างของเขาและทำให้นิ้วของเขารู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นตี้จวินในสภาพนั้น
แม้กระทั่งไท่จื่อก็ยังเผลอขมวดคิ้วสีเข้มของตัวเองเข้าหากัน
กลิ่นอายชั่วร้ายของชายหนุ่มดูจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเหตุผลที่ไม่อาจทราบได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับภพสวรรค์
ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขาจะกลับไปเป็นชายที่สามารถพรากชีวิตของคนที่ขัดหูขัดตาตัวเองคนนั้นอีกครั้งเมื่อใด
อาจเป็นเพราะชายหนุ่มถูกนับว่าเป็นชาวสวรรค์มานานเกินไป เพราะเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของภพสวรรค์
ดังนั้นทุกคนจึงอาจจะลืมไปแล้วว่าชายหนุ่มผู้สง่างามและสมบูรณ์แบบผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าใครๆ
ถ้าเขารู้สึกไม่พอใจ แม้กระทั่งไท่จื่อก็ยังเดาในสิ่งที่เขาคิดจะทำไม่ออก
”ตี้จวิน…” เซียนหนุ่มที่สาวเท้าตามหลังชายหนุ่มไปติดๆ ยกมือขึ้นด้วยความลังเล ”ในเมื่ออรหันต์หงส์เพลิงได้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรกับกระบอกใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ดีขอรับ”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง ”โยนทิ้งไป”
”ขอรับ” น้ำเสียงของเซียนคนนั้นค่อยๆ แผ่วเบาลงทีละน้อย ”แล้วกระจกบานนี้ล่ะขอรับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ
ทีแรกเซียนหนุ่มคิดที่จะโยนมันทิ้ง แต่เขาก็กลัวว่าตี้จวินจะโกรธ ทุกคนต่างก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี ดังนั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา คนที่ตำหนักเทพจึงระมัดระวังเรื่องนี้อย่างมาก
พวกเขาไม่เข้าใจความคิดของตี้จวินในเวลานี้
ชายหนุ่มหมุนตัวกลับ แล้วมองไปที่กระจกวิเศษบานนั้น
ทันใดนั้นภาพภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผิวกระจกเรียบลื่น นางกำลังก้มหน้าลงเขียนอะไรบางอย่างในคู่มือ ขณะที่เขากำลังโอบกอดนางจากทางด้านหลัง และใช้นิ้วมือจับมือของนางไว้
นางไม่เคยทำตัวเชื่อฟังได้นานนัก เพราะนางจะผลักเขาออกอย่างช้าๆ หากนางอยู่ในอ้อมกอดของเขานานเกินไป พร้อมกับสั่งให้เขาไปเตรียมอาหารมังสวิรัติมาให้
บนโลกนี้มีใครกล้าสั่งเขาเสียที่ไหน จะมีก็แต่หงส์เพลิงคนเดียวที่สามารถทำได้
ตั้งแต่ที่นางพยายามกินอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ความอยากอาหารของนางก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน
ดังนั้นเขาจึงต้องคอยจับตาดูนางเพื่อทำให้มั่นใจว่านางกินข้าวเพิ่ม
บางครั้งนางก็รู้สึกรำคาญเขา ใช่ว่าพวกเขาสองคนจะไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนหัวรั้นและไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ กันทั้งคู่
แต่ต่อให้พวกเขาจะทะเลาะกันรุนแรงเพียงใด สุดท้ายพวกเขาก็จะหัวเราะและคืนดีกัน
อย่างไรหงส์เพลิงของเขาก็เป็นคนเชื่อฟังมาตั้งแต่เกิด
นอกเหนือจากการที่นางไม่ชอบถูกมัดแล้ว เวลาที่เขาไปไหน นางก็จะไปด้วยทุกที่
ตี้จวินเชื่อว่านางคงไม่สามารถอยู่ได้ถ้าขาดเขา
แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าวันหนึ่งเขาจะถูกใครสักคนทิ้งเช่นนี้
ตอนที่นางโยนกระจกวิเศษบานนั้นใส่เขา หัวใจของเขาก็ดิ่งวูบไปพร้อมกับมัน พอเขาถามหาเหตุผลที่ฟังขึ้น นางกลับทำเพียงแค่ยิ้ม แล้วกล่าวว่า ”ทันทีที่เกมนี้หมดความสนใจลง ถึงจะเล่นต่อไปมันก็ไร้ความหมาย ท่านผ่านสงครามมามากมาย ท่านคงเข้าใจดีว่าทุกสิ่งย่อมน่าเบื่อไปตามกาลเวลา”
เขารู้สึกเหมือนถูกท่อนไม้ตีเข้าที่ศีรษะขณะมองหงส์เพลิงที่ยังคงมีท่าทางสงบเยือกเย็น
คนหยิ่งผยองเย็นชาคนนี้ต้องการไปจากเขาจริงๆ
แต่เขาไม่สามารถรั้งนางเอาไว้ได้
เขาไม่รู้วิธีที่จะทำให้นางอยู่ต่อด้วยซ้ำ
เขาทำได้เพียงแค่กอดนางไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วกดไหล่ของนางไว้อย่างแรง และทำเรื่องบ้าๆ นั้นกับนางราวกับต้องการรวมนางกับเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
หากเพียงแต่เขาจะสามารถควบคุมตัวเองได้ หากเพียงแต่เขาสามารถข่มความโกรธของตัวเองได้ดีกว่านี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ทำร้ายนาง…
แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ในความคิดของนาง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงแค่เกมหรือ
นางไม่ตอบ และปล่อยให้เขากอดนางอย่างเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่นางหลับตา นางดูเชื่อฟังเหมือนกับเด็กที่รู้ความ
แต่เขารู้เป็นอย่างดีว่านางไม่ใช่เด็ก นางมีความคิดเป็นของตัวเอง และพวกเขา… จบกันแล้วอย่างแท้จริง
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจของเขาไว้แน่นราวกับคิดที่จะบดขยี้มัน หัวใจของเขาบิดเบี้ยวเสียจนยากจะหายใจ มันเจ็บปวดอย่างมากจนเขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายเพราะขาดอากาศ นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่เขาจะได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้
แต่ในวันนั้น เขากลับได้สัมผัสกับมันนับครั้งไม่ถ้วน
อารมณ์ของเขาขึ้นๆ ลงๆ มันทะยานขึ้นสูงแล้วจากนั้นก็ทิ้งตัวลง เมื่อทุกอย่างสงบลง สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือความว่างเปล่าในหัวใจของเขา
นางเหนื่อยจนหลับไป แต่เขาไม่ได้หลับตาลงเลยตลอดทั้งคืน
เขาเกลียดที่นางพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาได้โดยไม่ต้องพยายาม ดังนั้นเขาถึงพาคนไปที่ดินแดนพระพุทธศาสนาเสมอ
เขาทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตที่อาละวาดเพื่อเรียกร้องความสนใจ
เขารู้สึกถึงความไม่พอใจและความเฉยชาของนางได้อย่างชัดเจน
ทันทีที่ได้ยินบทสนทนาที่อยู่รอบตัว เขาก็คิดจริงๆ ว่านางมาที่นี่เพื่อขอคืนดีกับเขา เขาไม่สามารถลบรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าออกได้ นี่เป็นข่าวดีที่สุดที่เขาได้รับในช่วงนี้
เขารอนางอยู่พักใหญ่ แต่นางก็ยังไม่พูดอะไร แต่กลับลุกขึ้นแล้วต้องการจะกลับไป
ด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงรู้สึกว่าเขาต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้นางอยู่ต่อ
ใช่ เขาต้องทำให้นางอยู่ต่อ
แม้จะต้องทิ้งความเย่อหยิ่งที่เขามีมาอย่างยาวนานไปก็ไม่เป็นไร เขายืนกรานต่อหน้าฝูงชนมากมายว่า ”กลับไปอยู่ด้วยกันเถอะ”
บางทีเขาอาจจะมั่นใจในตัวเองเกินไป
เขาคิดว่านางจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา เขาคิดว่านางจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น
แต่ความเป็นจริงนั้น ตอนที่เขาได้ยินไท่จื่อพูดถึง ’น้ำศักดิ์สิทธิ์’ และเอ่ยถึงชื่อน่ารำคาญนั้น เขาก็เข้าใจได้ในที่สุดว่านางไม่ได้มาที่นี่เพื่อคืนดีหรือเพื่อเขา แต่นางมาที่นี่เพื่อต้นโพธิ์ต้นนั้น
ในเวลานั้นอารมณ์ของเขาห่างไกลจากท่าทางเยือกเย็นที่เขาแสดงออกอย่างมาก
เวลาผ่านไปเพียงแค่สิบวัน พวกเขาเลิกกันได้ประมาณสิบวันเท่านั้น
นางลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปจนหมดแล้ว และทุ่มความสนใจทั้งหมดของนางให้กับต้นโพธิ์
ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นางก็ไม่แสดงอาการผิดแปลกอันใดออกมา
เขาซักไซ้นางด้วยความไม่เชื่ออย่างมาก แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือคำว่า ’ท่านกับข้าต่างก็ไม่ชอบคนช่างตื๊อ’
ตี้จวินหัวเราะออกมาทันที รอยยิ้มของเขาดูค่อนข้างบิดเบี้ยว
ตื๊อหรือ
ดูเหมือนนางจะคิดว่านี่เป็นเกมจริงๆ นางอยู่ด้วยกันกับเขาก็เพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น นางจะเอาตัวเองออกจากความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
คนที่บอกว่าเขาไร้หัวใจควรหันไปมองหงส์เพลิงให้ดีๆ
หากเทียบกับความเยือกเย็นของนางแล้ว เขาที่เป็นผู้เล่นเกมมากประสบการณ์ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะผ่านเกณฑ์ด้วยซ้ำ
ตอนแรกเขาคิดว่านางจะเข้าใจความรู้สึกของเขา แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยมันออกมาดังๆ
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่เคยแสดงความรักของตัวเองออกไป
หึ ในเมื่อนางคิดว่านี่เป็นเกม เช่นนั้นก็ให้มันจบลงเช่นนี้เสียก็ดี ตี้จวินอย่างเขา หากเขาเจอคนที่พอใจ เขาย่อมสามารถเอาชนะใจคนคนนั้นได้สบายๆ อยู่แล้ว…