ตอนที่ 832 หลินเพ่ยจับไป๋ซวงไปขาย
เหมาฉงบอกกับหลินม่ายว่า อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้ไปฮ่องกง และมีเพียงหลินเพ่ยเท่านั้นที่ลักลอบเข้าฮ่องกง
แต่ก่อนที่จะถึงฝั่ง หล่อนถูกลูกน้องจากแก๊งใหญ่อันดับสองของฮ่องกงปล้นชิงทรัพย์สินทั้งหมดไป จากนั้นพวกเขาก็ส่งหล่อนกลับไปที่กว่างโจว
หัวหน้าแก๊งอันธพาลใหญ่อันดับสองของฮ่องกงเคยได้รับการช่วยเหลือจากเฉินเฟิง ต่อมาทั้งสองได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ซึ่งหัวหน้าแก๊งอันธพาลผู้นี้รู้จักกันในนามพี่ใหญ่หลง
พี่หลงทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือน้องชายร่วมสาบาน โดยไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์
หลินเพ่ยมีเงินราว 70,000 ถึง 80,000 หยวน ซึ่งแม้แต่ในฮ่องกงก็ไม่ถือเป็นจำนวนเงินที่น้อยเลย หากทำงานล้างจานโดยไม่กินหรือดื่ม อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามปีกว่าจะได้เงินจำนวนนี้มา
หลินม่ายถามต่อ “หลินเพ่ยถูกส่งกลับไปที่กว่างโจว แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น?”
เหมาฉงที่อยู่ปลายสายส่ายหัว “เรื่องนั้นผมไม่ทราบรายละเอียด ตั้งแต่นังสุนัขตัวเมียหนีไปกับชายอื่น ผมก็ไม่สามารถเฝ้าจับตาดูพวกมันได้ตลอดเวลา”
หลินม่ายหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขอให้เหมาฉงจับตาดูพ่อแม่ของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
เงินทั้งหมดที่หลินเพ่ยมีถูกปล้นไป หล่อนจึงไม่มีเงินสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติก และอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอาจต้องขายน้อง ๆ ของตัวเองเพื่อหาเงินมาให้หลินเพ่ยทำศัลยกรรม
ตราบใดที่คอยจับตาดูครอบครัวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน อย่างน้อยก็สามารถหาเบาะแสที่อยู่ของเขาและหลินเพ่ยได้
ในเวลานี้ที่หลินม่ายและเหมาฉงไม่ทราบที่อยู่แน่ชัดของหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยน พวกเขาได้แอบกลับมายังเมืองหลวงเมื่อครึ่งเดือนก่อน
เงินทั้งหมดที่อยู่กับหลินเพ่ยถูกปล้นบนเรือระหว่างเดินทางไปฮ่องกง นั่นทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนนึกตำหนิหลินเพ่ยอยู่ในใจ
ตอนที่พวกเขาหนีไปกว่างโจว หลินเพ่ยเกิดป่วยเป็นท้องร่วงระหว่างทาง
ทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงจากรถไฟกลางทาง ใช้เวลาราวสามวันในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการท้องร่วงของหลินเพ่ย ก่อนจะเดินทางต่อเพื่อไปกว่างโจว
เมื่อพวกเขาลงจากรถไฟก็พลันเหลือบไปเห็นตำรวจกำลังตรวจสอบ
ทั้งสองเกิดความกลัวและไม่กล้าออกจากสถานีรถไฟผ่านทางออกปกติ แต่กลับปีนขึ้นไปบนพื้นที่ขนาดใหญ่ของรางรถไฟและเดินตามกลุ่มผู้เลี่ยงค่าโดยสาร เพื่อออกจากสถานี
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลัวว่าหลินเพ่ยเดินทางไปฮ่องกงคนเดียวจะไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถไปฮ่องกงผ่านช่องทางที่เป็นทางการได้
เขาเสนอว่าจะไปฮ่องกงกับหลินเพ่ยด้วย
แต่หลินเพ่ยปฏิเสธ โดยบอกว่าการลักลอบเข้าฮ่องกงจะมีราคาแพงเกินไปสำหรับทั้งคู่
หล่อนเลือกที่จะไปคนเดียวและถูกปล้นไปหมดตัว เขาจำเป็นต้องหาเงินมาให้หล่อนทำศัลยกรรมอีกครั้ง
แม้ว่าจะนึกตำหนิหล่อนอยู่ในใจ แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา ทำเพียงปลอบโยนหลินเพ่ยเท่านั้น
แต่เหตุผลแท้จริงที่หลินเพ่ยปฏิเสธไม่ให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไปฮ่องกงกับหล่อนก็คือ หล่อนเกลียดขี้หน้าเขา
หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์และทำทุกอย่างเพื่อหล่อน หล่อนจะไม่มีวันคุยกับเขาด้วยซ้ำ
ในใจของหลินเพ่ยคิดว่า แม้ชีวิตหล่อนจะตกต่ำเพียงใด หล่อนก็จะไม่มีวันเห็นคนอย่างอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอยู่ในสายตา
ดังนั้นหล่อนจึงหาข้ออ้างทุกวิถีทางที่จะห้ามปรามไม่ให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไปด้วย และยืนกรานว่าจะไปฮ่องกงตามลำพัง
โดยไม่คาดฝัน หล่อนถูกพวกอันธพาลปล้นบนเรือและชิงทรัพย์สินในตัวไปจนหมด
โชคดีที่หล่อนยังคงสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ โดยเลียปัสสาวะบนเรือของพวกอันธพาลเหล่านั้น
พวกมันไว้ชีวิตหล่อนและโยนหล่อนกลับไปที่ชายฝั่งกว่างโจว ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจโยนหล่อนลงทะเลเป็นอาหารปลาไปแล้ว
หลังจากพบกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน หล่อนพยายามพูดคำหวานเพื่อขอเงินจากเขาอีกครั้ง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนใจอ่อนอีกครั้ง หากเรื่องการฉ้อโกงเงินของป้าฝูยังไม่ถูกเปิดโปง มันก็ย่อมเป็นไปได้
จากนั้นเขาจึงกลับไปหาป้าฝู ใช้คำหวานมากมายเพื่อหลอกเอาเงินของหล่อนต่อไป
ตราบใดที่สามารถโกงเงินเพิ่ม พวกเขาก็จะมีโอกาสหนีไปอีกครั้ง
ทั้งสองคนตัดสินใจกลับมาที่เมืองหลวง
เพื่อความปลอดภัย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงหลยซ่อนตัว และให้หลินเพ่ยออกไปสืบหาข่าวคราว
หลังจากการสอบถาม ทั้งสองจึงทราบว่าคดีฉ้อโกงของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการลงบันทึกที่สถานีตำรวจแล้ว
ทั้งสองตกใจมากจนแทบอยากวิ่งหนีทันที ขณะที่พวกเขากำลังหมดหวัง สายตาพลันเหลือบไปเห็นไป๋ซวงบนถนนระยะไกล
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเห็นว่าสายตาของหลินเพ่ยที่มองไป๋ซวงเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
เขาเสนอความเห็นอย่างเอาใจ “เพ่ยเพ่ย จับนังผู้หญิงนั่นไปขายเถอะ เพื่อแลกกับเงินสำหรับการทำศัลยกรรม คุณคิดว่าดีไหม”
ในเวลานี้หลินเพ่ยละทิ้งความเกลียดชังในสายตา ก่อนส่ายหัวด้วยความสยดสยอง “ไม่มีทาง ฉันไม่กล้าทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างการค้ามนุษย์หรอก!”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “คุณไม่กล้า แต่ผมกล้า ผมสัญญาว่าจะไม่ลากคุณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
หลินเพ่ยเริ่มเอนศีรษะบนไหล่ของชายหนุ่ม ดวงตาเอ่อชื้นด้วยความซาบซึ้ง “เสี่ยวอู๋ คุณใจดีกับฉันมาก ฉันจะแต่งงานกับคุณหลังจากที่ทำศัลยกรรมจนสวยขึ้นแล้วนะ”
ในเวลาเดียวกันหล่อนคิดในใจว่า เมื่อฉันทำศัลยกรรมจนสวยแล้ว ก็ถึงเวลาที่แกต้องไสหัวไป!
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับฟังดังนี้ หัวใจของเขาก็พองโตด้วยความอิ่มเอมใจ ในที่สุดเขาก็สามารถชมแสงจันทร์หลังเมฆเลือนหาย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนสะกดรอยตามไป๋ซวงเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดเมื่อสบโอกาสในคืนมืดสนิทเพราะเมฆฝน เขาก็ฉวยโอกาสใช้ไม้ฟาดไป๋ซวงตอนที่หล่อนอยู่ตามลำพังจนหมดสติ
จากนั้นก็ป้อนยานอนหลับเข้าปากหล่อน ก่อนอุ้มหล่อนใส่กระสอบและพาไปยังบ้านชาวนาผู้ยากไร้ในชานเมืองปักกิ่ง ซึ่งเขาและหลินเพ่ยเช่าอาศัยอยู่
หลินเพ่ยที่ก่อนหน้านี้เสแสร้งแกล้งบอกว่าไม่กล้าค้ามนุษย์ ตอนนี้กลับชี้นิ้วสั่งอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
โดยบอกว่าหากต้องการขายไป๋ซวงให้ได้ราคาสูง เขาจะต้องนำหล่อนไปขายให้กับประเทศเกาะ
มีสถานที่ลามกอนาจารมากมายในประเทศเกาะแห่งนั้น ซึ่งสถานที่เหล่านั้นสุดโต่งถึงขนาดยอมจ่ายค่าตอบแทนสูงลิ่ว ผู้ให้บริการทางเพศทั้งในและต่างประเทศล้วนไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว
คนสารเลวพวกนั้นซื้อชายหญิงจากกลุ่มค้ามนุษย์ เพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทางเพศอโคจรเหล่านี้
อุตสาหกรรมนี้ต้องการผู้ปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วน หากไป๋ซวงถูกขายให้กับพวกมัน เขาจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงลิ่วแน่นอน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนลังเล “นังนี่ป่วยเป็นกามโรค แล้วจะขายได้ในราคาที่สูงหรือ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำให้ไป๋ซวงหมดสติและยังป้อนยานอนหลับกับหล่อน
ก่อนหน้านี้เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกับหลินม่ายก่อนที่เธอจะเสียโฉม อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็เสียสมาธิไปชั่วขณะ หากเขามีเพศสัมพันธ์กับหล่อน มันคงเหมือนว่าเขาร่วมหลับนอนกับหลินเพ่ย
เขาถอดกางเกงของตัวเองออก แต่เมื่อยกกระโปรงของไป๋ซวงขึ้น ภาพฉากตรงหน้าก็ทำให้เขาแทบไร้เรี่ยวแรง
ต้นขาของไป๋ซวงเต็มไปด้วยแผลพุพอง…
หลังจากได้ยินคำพูดของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน หลินเพ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าหล่อนเป็นกามโรค?”
มันไม่ใช่เพราะหลินเพ่ยมีใจให้แก่อู๋เสี่ยวเจี๋ยน จนไม่ต้องการให้เขามีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น
หล่อนแค่แสร้งทำเป็นสงสัยความภักดีของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่มีต่อหล่อน เพื่อที่จะใช้มันเป็นข้ออ้างในการทำให้เขาเชื่อฟังต่อไป
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะกล้าบอกหลินเพ่ยได้อย่างไร ว่าเขาวางแผนข่มขืนไป๋ซวงขณะที่หล่อนหมดสติ
หลินเพ่ยอาจโกรธมากจนไม่คุยกับเขาอีกเลยก็ได้?
เขาจึงโกหกไปว่า “ตอนที่ฉันไปลากตัวหล่อนมา หล่อนสวมกระโปรงสั้นเปิดให้เห็นถึงต้นขาที่เต็มไปด้วยแผลพุพอง แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก?”
หลินเพ่ยนึกเสียดายเล็กน้อย ที่หล่อนจับไม่ได้ว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหักหลัง
หล่อนกลับไปพูดถึงหัวข้อก่อนหน้าพลางโบกมือ “งานสายนั้นไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นโรคหรือไม่ ตราบใดที่ยังเป็นผู้หญิง ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครสน ตราบใดที่มีคนเสนอขาย ไอ้พวกวิปริตเหล่านั้นก็ยอมควักเงินจ่ายเพื่อมัน”
การเน้นย้ำว่าอายุไม่สำคัญนั้นเป็นเจตนาของหลินเพ่ย
เผื่อว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะไม่กล้านำน้องของตัวเองไปขาย ซึ่งอาจทำให้เขาหาเงินมาไม่เพียงพอที่จะให้หล่อนไปทำศัลยกรรม
เช่นนั้นเขาจะได้พิจารณาขายพ่อแม่ของตัวเองด้วย
สำหรับพ่อ แน่นอนว่าสามารถขายให้กับเหมืองถ่านหิน
ส่วนแม่น่ะหรือ…หึๆ!
เจ้าสุนัขตัวนี้พร่ำบอกว่ามันรักหล่อนมากกว่าสิ่งใด นี่คงถึงเวลาแล้วที่จะทดสอบมัน
ดูสิว่าเขาจะยอมเสียสละพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อหล่อนหรือไม่
หากเขาปฏิเสธ นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้รักหล่อนจริง
หลังทำศัลยกรรมพลาสติกสำเร็จ หล่อนจะได้มีเหตุผลในการสลัดเขาทิ้งไป!
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรู้เรื่องราวแปลกประหลาดที่ไม่ควรรู้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนนึกสงสัยและถามไปว่า “คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
หลินเพ่ยพลันตัวแข็งทื่อ
หล่อนต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว และนี่ต้องขอบคุณเฉินเฟิง
ตอนที่เฉินเฟิงขายเธอให้กับย่านโคมแดงใต้ดินในกว่างโจว หล่อนเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่นั่น
แต่หล่อนไม่สามารถบอกความจริงกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน เพราะต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่บริสุทธิ์ของตัวเองไว้
หลินเพ่ยกลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว โดยบอกว่าหล่อนได้ยินเรื่องแปลกประหลาดเหล่านี้จากหญิงสาวในหมู่บ้านที่เป็นโสเภณีในกว่างโจว
ข้ออ้างนี้แยบยลอย่างมาก
นับตั้งแต่มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ หญิงสาวไร้ยางอายในแผ่นดินใหญ่อยากได้เงินซื้อสิ่งของโดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย การไปทำงานเป็นโสเภณีที่นั่นทำให้ได้รับเงินด่วนที่แสนสกปรกมา
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกหลินเพ่ยหลอกอย่างง่ายดายอีกครั้ง
เพื่อความปลอดภัย ทั้งสองแต่งตัวให้ตัวเองและไป๋ซวงเป็นชาวชนบทวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ก่อนขึ้นรถไฟเพื่อไปกว่างโจว
ไป๋ซวงตื่นขึ้นมาบนรถไฟ
เมื่อเห็นชาวชนบทวัยกลางคนและผู้สูงอายุนั่งอยู่ด้านข้าง หล่อนก็รู้สึกประหลาดใจ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หล่อนก็จำได้ว่าตัวเองถูกตีหัวจนหมดสติ
หล่อนมองคู่รักชาวชนบทด้านข้างด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
นึกสงสัยว่าตนถูกพวกค้ามนุษย์ขายให้กับชาวชนบทสองคนนี้หรือเปล่า?
หากเป็นเช่นนั้นหล่อนก็จะแกล้งทำดีกับพวกเขาและตามกลับบ้าน ก่อนจะฉวยโอกาสหนีไปโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนี หล่อนไม่รู้ว่าพวกค้ามนุษย์ให้ยาอะไรหล่อนกิน
ร่างกายหล่อนเวลานี้ทั้งอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง ไม่มีแรงเปล่งเสียงด้วยซ้ำ แล้วจะร้องขอความช่วยเหลือและหนีไปได้อย่างไร?
เมื่อพวกเขามาถึงกว่างโจว ทั้งสามก็พักอยู่ในโรงแรมซอมซ่อแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นเองที่หลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเช็ดเครื่องสำอางออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ไป๋ซวงมองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจ พยายามเปล่งเสียงในลำคอด้วยแรงทั้งหมด “พวกคุณเป็นใคร?”
เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานต่อหน้าหลินเพ่ย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงเตะไป๋ซวงตรงหน้า “พวกเราเป็นใครน่ะหรือ? แน่นอนว่าพวกเราคือคนที่จะส่งแกไปสวรรค์ยังไงล่ะ!”
เมื่อไป๋ซวงได้ยินคำว่า “สวรรค์” จึงคิดว่าทั้งสองกำลังจะฆ่าหล่อน นั่นทำให้หล่อนหวาดกลัวมากจนสีหน้าบิดเบี้ยว
ด้วยเสียงอันแหบแห้ง หล่อนร้องขอให้พวกเขาไว้ชีวิต ให้หล่อนเป็นโสเภณีและหาเงินมาให้พวกเขาใช้จ่าย
หลินเพ่ยยิ้มเยาะอยู่ในใจ แน่นอนว่าหล่อนต้องไปขายตัวเพื่อหาเงินมาให้อยู่แล้ว
หล่อนเหยียบมือข้างหนึ่งของไป๋ซวงและบดขยี้นิ้วทั้งห้าอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดทำให้ไป๋ซวงมีเหงื่อเย็นผุดซึมพร้อมอ้าปากกรีดร้อง
เพียงแต่เสียงกรีดร้องเบามากจนไม่มีใครได้ยิน ยกเว้นหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
หลินเพ่ยตบหน้าไป๋ซวงอย่างแรง “นังแพศยา แหกตาดูให้ดีสิว่าฉันเป็นใคร!”
ไป๋ซวงมองหน้าหลินเพ่ยด้วยความหวาดกลัว
ใบหน้าของหลินเพ่ยเสียโฉมอย่างมากจนไม่เหลือเค้าเดิม หากไป๋ซวงจำอีกฝ่ายได้คงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
อย่างไรก็ตามไป๋ซวงจดจำหล่อนได้จากแววตาชั่วร้ายของหลินเพ่ย
ในบรรดาผู้คนที่ไป๋ซวงรู้จักมาตั้งแต่เกิด มีหญิงสาวคนเดียวที่มีแววตาชั่วร้ายเช่นนี้ และนั่นคือหลินเพ่ย
แม้แต่แม่ไป๋ที่เกลียดชังหล่อนอย่างมากในตอนนี้ก็ไม่เคยมีแววตาร้ายกาจยามเมื่อจ้องมองมา
ไป๋ซวงพูดติดขัดด้วยความกลัว “ธะ… เธอคือ… หลินเพ่ย?”
“ใช่แล้ว ฉันเองนี่แหละ! คงไม่คาดคิดล่ะสิว่าแกจะตกอยู่ในเงื้อมมือของฉันในวันหนึ่ง”
หลินเพ่ยตบไป๋ซวงอีกครั้ง “ไม่ใช่ว่าแกชอบขายตัวนักเหรอ ฉันจึงจะส่งแกไปประเทศเกาะเพื่อขายตัวเสียให้พออย่างไรล่ะ ฮ่าๆ!”
เสียงหัวเราะของหลินเพ่ยที่ผ่านเข้าหูไป๋ซวงฟังคล้ายกับเสียงหัวเราะของปีศาจ ซึ่งทำให้ไป๋ซวงตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ
เพื่อป้องกันไม่ให้ไป๋ซวงหลบหนี อู๋เสี่ยวเจี๋ยนป้อนยานอนหลับให้หล่อนอีกครั้งแทนที่จะให้อาหาร ทั้งหมดที่ไป๋ซวงได้กินมีเพียงน้ำเท่านั้น
ไป๋ซวงกำลังจะตายด้วยความหิวโหย และไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะหลบหนี
แต่หล่อนยังปรารถนาที่จะหนีไป ด้วยรู้ว่าหากไม่หนี หลินเพ่ยคงไม่ปล่อยหล่อนไป และหล่อนจะต้องตายอย่างทรมาน
ขณะที่หลินเพ่ยออกไปติดต่อกับผู้ค้ามนุษย์ ไป๋ซวงขยับเข้าหาอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่คอยเฝ้าทีละน้อย ขณะขอร้องให้เขาปล่อยหล่อนไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ตราบใดที่เขาปล่อยหล่อนไป หล่อนจะตอบแทนเขาดั่งราชา
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ใช่คนโง่ จึงไม่ถูกหลอกด้วยถ้อยคำของหล่อน
นอกจากนี้เขายังมีเพียงหลินเพ่ยอยู่เต็มหัวใจ แล้วจะทรยศหลินเพ่ยไปหาไป๋ซวงได้อย่างไร
ไม่เพียงเขาไม่ยอมปล่อยไป๋ซวงไป แต่ยังลงมือทุบตีหล่อนอย่างรุนแรงอีกด้วย
เมื่อหลินเพ่ยกลับมา อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงเล่าเรื่องนี้ให้หล่อนฟัง
หลินเพ่ยตบตีไป๋ซวงอีกครั้ง กระทั่งไป๋ซวงหวาดกลัวที่จะถูกลงโทษและไม่กล้าคิดหนีไปไหนอีก
ไม่กี่วันต่อมา หลินเพ่ยได้ติดต่อกับนักค้ามนุษย์ที่เชี่ยวชาญด้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติอย่างลับๆ
หลังจากต่อรองราคา ไป๋ซวงก็ถูกเสนอขายในราคา 5,000 หยวน
ตอนที่ไป๋ซวงถูกขาย หล่อนจ้องมองหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยความเกลียดชัง อยากจะกระโจนใส่คนทั้งสองและกัดพวกมันให้ตาย!
แต่สภาพร่างกายของหล่อนในตอนนี้ไม่สามารถทำร้ายหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้เลย มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะดึงดูดสายตาเหยียดหยามจากพวกเขามากขึ้น
ไป๋ซวงถูกขายในราคา 5,000 หยวน ซึ่งทำให้หลินเพ่ยมีความสุขมาก
หล่อนคิดคำนวณอยู่ใน หากนำผู้หญิงทั้งสามของตระกูลอู๋ไปขาย หล่อนจะสามารถหาเงินได้ถึง 20,000 หยวน ซึ่งทำให้ตนเข้าใกล้เป้าหมายเงิน 50,000 หยวนสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติกอีกหนึ่งขั้น
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้ล่วงรู้แผนการในใจของหลินเพ่ยเลย และยินดีช่วยหล่อนนับเงินหลังจากขายไป๋ซวงไป
หลินม่ายไม่ได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋ซวง
ต่อให้รู้ เธอก็จะไม่เข้าไปช่วยเหลือ แถมยืนดูอีกด้วย
มองดูพี่น้องทำร้ายกันเอง มันคงเป็นเรื่องน่าสนุกจนต้องปรบมือ
หลังจากคุยโทรศัพท์กับเหมาฉง เธอต่อสายหาเหรินเป่าจู
เมื่อดูเอกสารที่ส่งแฟกซ์มาจากสำนักงานใหญ่เมื่อคืนนี้ ก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ
เหรินเป่าจูบอกว่า หากประเทศต้องการใช้ระบบราคาคู่ขนาน มันจะมีผลอย่างมากต่อห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
หลินม่ายเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบราคาคู่ขนานในชีวิตก่อน กล่าวคือเป็นระบบการอยู่ร่วมกันของเศรษฐกิจแบบวางแผนและเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี
แต่ระบบนี้ส่งผลกระทับต่อร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วอย่างไร?
เธอต้องโทรไปถามให้กระจ่าง
เมื่อได้คุยผ่านโทรศัพท์แล้ว เหรินเป่าจูบอกหลินม่ายเกี่ยวกับผลกระทบของระบบราคาคู่ขนานต่อร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว
กล่าวคือ ราคาของสินค้าใด ๆ ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีจะต้องไม่สูงกว่า 20% ของราคาสินค้าที่คล้ายกันภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน
อย่างไรก็ตามร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วกำลังมุ่งสู่เส้นทางระดับไฮเอนด์ในจีน ตอนนี้ราคาของพวกมันสูงกว่าสินค้าของแบบวางแผนที่มีรูปแบบเหมือนกันกว่าสองเท่า
เมื่อเอกสารระบบราคาคู่ขนานถูกกำหนดอย่างเป็นทางการ ราคาสินค้าต้องลงลง และนั่นหมายถึงการสูญเสียเงินจำนวนมาก
หลินม่ายเป็นเพียงแม่ค้าเร่ขายขนมในชีวิตที่แล้ว ระบบราคาคู่ขนานไม่ได้ส่งผลกระทบกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเหรินเป่าจู เธอก็เริ่มเป็นกังวลอย่างมาก
แต่ทันใดนั้น น้ำเสียงตื่นตระหนักดังขึ้นจากปลายสาย “ผู้อำนวยการเหริน คนงานหญิงชื่อไช่ฉางชุนเกิดเสียชีวิตกะทันหัน!”
เหรินเป่าจูรีบพูดกับหลินม่ายว่า “คุณหลินคะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนต้องจัดการ”
หล่อนไม่รอให้หลินม่ายตอบกลับด้วยซ้ำ ก่อนจะรีบวางสายโทรศัพท์ไป
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อดีตศัตรูโดนกำจัดทิ้งนอกแผ่นดินใหญ่ไปอีกหนึ่ง เหลือแค่รอให้เสี่ยวเจี๋ยนกับหลินเพ่ยมันขัดผลประโยชน์กันเองแล้ว
ไหหม่า(海馬)