‘ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอบว่าไม่ว่างก็ได้ใช่ไหม’
‘ความเจ็บปวดไม่มาก ความเสียหน้าสูงใช้ได้!’
‘ฉันสัมผัสได้ถึงความไม่แยแสจากเจ้าแก่ฉู่ขวง!’
‘ฉู่ขวง: ทำไมชาวเยี่ยนไม่จบไม่สิ้นสักที ผมเอาชนะไปสิบคนแล้ว รวมไปถึงนิทานยาวของอาหู่ด้วย จะให้ผมทำยังไงอีก?’
‘ฉู่ขวง: ผมไม่สนใจที่จะประชันวรรณกรรมกับแม่ทัพที่พ้ายแพ้’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงพูดจาได้บ้าบิ่นจริงๆ ตัวจริงของเขาต้องหยิ่งผยองมากแน่ๆ !’
‘ชาวเยี่ยนจำศีลไปหนึ่งปีกว่าจะส่งคำท้าประชันวรรณกรรมถึงฉู่ขวง ต้องเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่แน่ๆ ปรากฏว่าเข้าแก่ฉู่ขวงตอบมาแค่ว่าไม่ว่าง นี่มัน…สะใจจริงๆ !’
‘ฉันจินตนาการสีหน้าไม่ยี่หระของฉู่ขวงตอนพูดว่าไม่ว่างครับได้เลย’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวง: ครั้งก่อนผมเคยถามไปแล้วว่ายังไม่มีใครอีกไหม ตอนนั้นคุณไม่แสดงตัวออกมาเอง ตอนนี้กลับจะมาสู้กับผม?’
‘…’
คนอื่นๆ ก็ปฏิเสธทำท้าประชันวรรณกรรมจากนักเขียนชาวเยี่ยนโจวได้เช่นกัน
แต่ขณะปฏิเสธ นักเขียนคนอื่นๆ มักมีท่าทีเกรงใจ และใช้น้ำเสียงประนีประนอม
ต่อให้โกหก ก็ยังโกหกด้วยเหตุผล
มีเพียงฉู่ขวง ที่เขียนไปอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ไม่ว่างครับ’!
ไม่ทันไร แฟนคลับแล้วชาวเน็ตต่างครึกครื้นกันถ้วนหน้า
เรื่องนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของจินมู่จริงๆ
ความเย่อหยิ่งและบ้าบิ่นของฉู่ขวงนั้นหยั่งรากลึกในหัวใจของผู้คนหลังจากวลีสะเทือนโลกในการประชันวรรณกรรมแบบหนึ่งต่อเก้าอย่าง ‘ยังมีใครอีกไหมครับ’
นอกจากนั้น ฉู่ขวงยังคงเป็นยอดฝีมือที่กล้าโจมตีบรรพกาล!
ผู้ที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ ถ้าไม่บ้าบิ่นไม่เย่อหยิ่ง ใครจะไปเชื่อถือ?
เพราะฉะนั้น ในครั้งนี้ถึงแม้ฉู่ขวงจะเย่อหยิ่ง แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดแปลก
มีน้อยคนนักที่คิดว่าคำพูดของหลินเยวียนไม่เหมาะสม
เมื่อต้นปีที่แล้ว ฉู่ขวงแทบปราบปรามวงการนิยายเยี่ยนโจวได้ด้วยตัวคนเดียว!
เขามีคุณสมบัติมากพอให้โอหังและบ้าบิ่น!
ชาวเน็ตจากฉินฉีฉู่ต่างแทะเมล็ดแตงโมอย่างเพลิดเพลินใจ แต่ชาวเน็ตเยี่ยนโจวกลับทุกข์ใจ
‘โอ้โฮ ทำไมฉู่ขวงคนนี้ถึงโอหังขนาดนี้!’
‘ไม่เห็นอาจารย์ไป๋เจี๋ยอยู่ในสายตาเลย?’
‘อาจารย์ไป๋เจี๋ยเป็นอันดับหนึ่งตัวจริงของวงการนิทานเยี่ยนโจว!’
‘ยอดฝีมือระดับอาจารย์ไป๋เจี๋ย ท้าทายนักเขียนนิทานคนไหนในบลูสตาร์ อีกฝ่ายมีแต่จะรู้สึกเป็นเกียรติ แต่ทำไมฉู่ขวงดันมาทำแบบนี้’
‘บ้าชะมัด ในฐานะคนเยี่ยน ฉันเกลียดจริงๆ เกลียดที่ตัวเองเกลียดฉู่ขวง แต่ก็ชอบโฮล์มส์!’
‘ผมชอบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันหยุดเชียร์ให้อาจารย์ไป๋เจี๋ยเอาชนะฉู่ขวง!’
‘ศิลปะไร้พรมแดน แต่ศิลปินมีพรมแดน!’
‘ฉู่ขวงเป็นแค่เมฆครึ้มที่ปกคลุมเหลือวงการนิทานเยี่ยนโจวของเรา จะต้องเอาชนะให้ได้!’
‘นักเขียนนิทานชาวเยี่ยนโจวล้วนเป็นผู้กล้า ไม่ช้าก็เร็วเราจะสังหารเจ้ามังกรร้ายฉู่ขวง!’
‘…’
ไม่ต้องสงสัย
นับตั้งแต่หลังจากฉู่ขวงทำศึกใหญ่กับวงการนิทานเยี่ยนโจว ทั้งยังเอาชนะการต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้าได้สำเร็จอย่างปาฏิหาริย์ เขาก็กลายเป็นหัวโจกวายร้ายในสายตาของชาวเยี่ยนนับไม่ถ้วน!
ถึงแม้ชาวเยี่ยนจะชื่นชอบผลงานของฉู่ขวง
ทว่าเมื่อเอ่ยถึงนิทาน ชาวเยี่ยนจะสามัคคีกันโกรธแค้นศัตรูซึ่งมีร่วมกัน
การประชันแบบหนึ่งต่อเก้าในวงการนิทาน…
นี่คือบาดแผลที่ฉู่ขวงทิ้งไว้ในใจของชาวเยี่ยน!
ชาวเยี่ยนต่างเฝ้าฝันว่านักเขียนนิทานในทวีปตนจะสามารถเอาชนะฉู่ขวง และลบล้างความอับอายที่วงการนิทานทั้งทวีปถูกเขาข่มเหงด้วยตัวคนเดียว
เพราะฉะนั้น เมื่อไป๋เจี๋ยออกโรงประกาศสงครามกับฉู่ขวง เลือดของชาวเยี่ยนจึงเดือดพล่าน!
เพียงแต่คำว่า ‘ไม่ว่าง’ ของฉู่ขวงประหนึ่งกะละมังน้ำเย็นเฉียบ สาดลงบนกองไฟในใจซึ่งเพิ่งกลับมาลุกโชนของพวกเขาจนดับมอด
ในเวลานั้น
ชาวหานโจวเพิ่งเพิ่งผนวกรวม กลับมีสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั่งมีชาวเน็ตจากฉินฉีฉู่เข้าไปแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับมหาศึกแบบหนึ่งต่อเก้ากับวงการนิทานเยี่ยนโจวในครั้งนั้นให้พวกเขาฟัง…
‘หนึ่งต่อเก้า?’
‘โหดขนาดนั้นเชียว?’
‘ฉู่ขวงคนนี้ดูเหมือนจะสุดยอดมาก’
‘ช่วงนี้ฉันได้สัมผัสกับวัฒนธรรมฉินฉีฉู่เยี่ยน นิยายเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศของฉู่ขวงยอดเยี่ยมจริงๆ แต่เหมือนว่าจะเป็นนิยายแฟนตาซี ไม่ใช่นิทาน’
‘ช่วงนี้ฉันอ่านนิยายชุดยอดนักสืบโฮล์มส์ นักเขียนก็คือฉู่ขวง เขาไม่ใช่นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนหรอกหรือ?’
‘คือว่า ผมกำลังอ่านเรื่องสั้นของฉู่ขวง เขายังเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน นิยายแฟนตาซี แล้วก็นิทานได้อีก?’
‘ฉันเพิ่งเห็นข่าวว่าฉู่ขวงคนนี้ได้เป็นเทพสูงสุดในวงการนิยายแฟนตาซี เมื่อปีที่แล้วเขายังเขียนนิทานด้วย แถมกำราบได้ทั้งทวีปด้วยตัวคนเดียว?’
‘…’
ชาวหานต่างตกตะลึง!
พวกเขาอยู่ระหว่างกระบวนการทำความเข้าใจวัฒนธรรมของฉินฉีฉู่เยี่ยน
ทว่าในเวลานี้ คำว่า ‘ฉู่ขวง’ กลับดังก้องกัมปนาทราวกับเสียงฟ้าคำราม!
เป็นครั้งแรกที่ชาวหานได้เรียนรู้ว่าคำว่า ‘ฉู่ขวง’ นั้นมีความหมายว่าอย่างไรในวงการนิยาย
ฉู่ขวงคนนี้ บ้าบิ่นเกินคน!
……
เยี่ยนโจว
ไป๋เจี๋ยเห็นคำตอบของฉู่ขวง บนใบหน้ามีความสับสน ระคนกับความอับอาย ความตื่นตกใจ และความไม่พอใจอีกส่วนหนึ่ง!
ชั่วขณะนั้น สีหน้าของเขาน่าดูมากทีเดียว!
เมื่อปีที่แล้วเขาเก็บตัวไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เพื่อเขียนผลงานชิ้นใหม่
หลังจากออกมาเขากลับต้องตะลึงงัน
วงการนิทานเยี่ยนโจวนั้นถูกรังแกจนเป็นเช่นนี้เชียวหรือ?
ทันใดนั้น เขาจึงตระหนักได้ว่านี่คือภารกิจ!
ในฐานะนักเขียนนิทานยาวที่แข็งแกร่งที่สุดในเยี่ยนโจว เขาอยากเอาชนะฉู่ขวงอย่างราบคาบ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของวงการนิทานเยี่ยนโจว!
ปรากฏว่า…
เขากลับถูกฉู่ขวงเมินซะได้!?
ไป๋เจี๋ยเดือดดาลสุดขีด แต่กลับจนปัญญา ฉู่ขวงคนนี้ปฏิเสธการต่อสู้ ตนจะไปทำอะไรได้?
ในขณะนั้นเอง
จู่ๆ การแจ้งเตือนก็ปรากฏบนปู้ลั่วของไป๋เจี๋ย
มีคนเมนชันถึงเขา!
ไป๋เจี๋ยคลิกเข้าไปอ่านด้วยความรำคาญใจ
ปรากฏว่าเป็นนักเขียนนิทานคนหนึ่งจากหานโจวเมนชันถึงไป๋เจี๋ย พร้อมกับแนบข้อความว่า
‘ผมว่าง’
ไป๋เจี๋ยตะลึง อ่านชื่อของอีกฝ่ายโดยละเอียด ทันใดนั้นจึงรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที!
‘เดวิด!’
ถึงแม้ไป๋เจี๋ยไม่เข้าใจวัฒนธรรมหานโจว แต่เขาย่อมเคยได้ยินชื่อของนักเขียนชั้นนำในวงการนิทานบลูสตาร์มาบ้าง
เดวิดคนนี้ ไป๋เจี๋ยเคยได้ยินชื่อ
คนคนนี้ไม่ธรรมดา เป็นนักเขียนนิทานที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งบนบลูสตาร์
ตนท้าทายฉู่ขวง ปรากฏว่าฉู่ขวงบอกปัดเขาทันที นึกไม่ถึงว่าเดวิดกลับมาหาตนถึงที่!
‘ผมว่าง!’
สองคำนี้มีความหมายชัดเจนในตัวเอง
นี่คือคำจดหมายท้าประลอง!
สำหรับชาวเยี่ยน สิ่งที่ไม่กลัวที่สุดคือการท้าทาย!
เมื่อถูกฉู่ขวงปฏิเสธ เดิมทีไป๋เจี๋ยระงับความโกรธของเขาได้แล้ว ตอนนี้เดวิดคนนี้กลับมาหาเรื่องถึงที่…
ไม่สิ
ตอนนี้ฉินฉีฉู่เยี่ยนหานผนวกรวมกันแล้ว ชื่อเสียงของเดวิดจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในหานโจว เขาเพียงแค่เรียกกระแส!
“อยากเหยียบไหล่ผม สร้างชื่อเสียงด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียว เพื่อให้คนอ่านจากทั้งห้าทวีปรู้จักคุณใช่ไหมล่ะ?”
ไฟโทสะของไป๋เจี๋ยถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง!
แต่เขามองความคิดของเดวิดออกหมด!
ได้!
ในเมื่อฉู่ขวงไม่ตอบรับคำท้า ผมก็ขอทำความเข้าใจกับคุณสักหน่อย เพื่อให้ฉู่ขวงได้เห็นความแข็งแกร่งของผม!
‘ประชันวรรณกรรม ตกลงไหม?’
เขาเมนชันถึงเดวิดทันที ประกาศสงครามอย่างห้าวหาญ
เดวิดตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘ok!’
ไป๋เจี๋ยค้นหาอยู่เงียบๆ สักพัก ถึงได้รู้ว่า ‘ok’ หมายความว่าตกลง
เจ้าปีศาจจากหานโจว คิดจะใส่ภาษาถิ่นกับฉันหรือ?
โอหังจริงๆ
คุณคิดว่าคุณคือฉู่ขวงหรือไง?
ด้วยความเดือดดาล ไป๋เจี๋ยจึงนัดหมายวันเวลาเผยแพร่นิยายกับอีกฝ่ายในทันที
อีกฝ่ายก็ตื่นเต้นเช่นกัน จึงตอบกลับไปตามตรงว่าตนสามารถปล่อยผลงานได้ในวันเดียวกัน
การประชันวรรณกรรมจึงเปิดฉากขึ้นแล้ว!
อย่างไรก็ตาม
กลุ่มผู้ชมซึ่งกำลังแทะเมล็ดแตงโมกลับตกตะลึง
ฮะ?
ไป๋เจี๋ยไม่ได้ท้าทายฉู่ขวงหรอกหรือ?
ทำไมจู่ๆ นักเขียนนิทานชาวหานโจวคนหนึ่งถึงปรากฏตัวขึ้นมาได้ล่ะ
แถมไป๋เจี๋ยยังนัดหมายการประลองกับอีกฝ่ายเสียเสร็จสรรพ?
นี่เป็นเพราะฉู่ขวงไม่ตอบรับ เลยอยากระบายโทสะใส่เดวิด?
ทันใดนั้น!
ชาวเยี่ยนโจวต่างตื่นเต้น ‘เดวิดคนนี้รนหาที่ตายจริงๆ !’
ไป๋เจี๋ยถูกฉู่ขวงหมางเมิน จะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน
เดวิดคนนี้ถึงกับโผล่มากระตุกหนวดไป๋เจี๋ย มีหรือจะไม่ถูกไป๋เจี๋ยกระหน่ำหมัดใส่จนขาดใจตาย?
แม้ว่าทิศทางของสถานการณ์จะพิลึกกึกกือขึ้นมา แต่ความตื่นเต้นกลับไม่ได้ลดลง
มีชาวเยี่ยนตะโกนคำขวัญออกมา ‘ทำลายเดวิดก่อน แล้วค่อยทำลายฉู่ขวง!’
ทว่าในหานโจว
ชาวหานโจวหลายคนกลับเผยสีหน้าแปลกประหลาด
อาจารย์เดวิด ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ชาวเยี่ยนคิดหรอกนะ
……
หลินเยวียนยังคงท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อติดตามผล
เขายังคงรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นชาวเน็ตพูดกันว่าเขา ‘บ้าบิ่น’ และ ‘โอหัง’
ฉันโอหังตรงไหน?
และปฏิกิริยาตอบสนองของชาวเยี่ยนโจวเหล่านี้ก็เช่นกัน
ทำอย่างกับว่าฉันเป็นวายร้ายหัวโจก
มิหนำซ้ำยังเรียกฉันว่ามังกรร้าย ต้องให้เหล่าผู้กล้าชาวเยี่ยนมาสังหาร
แต่เมื่อเขาเห็นว่าไป๋เจี๋ยเปิดฉากประชันวรรณกรรมกับนักเขียนนิทานชื่อว่าเดวิด เขาจึงไม่สนใจเรื่องโอหังไม่โอหังหรือวายร้ายหัวโจกอีกต่อไป
เขารู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าง
ชาวเยี่ยนเป็นตัวตึงจริงๆ
แหย่ไม่ได้เลย
เห็นได้ชัดว่าเดวิดคนนี้พูดเพียงว่า ‘ผมว่าง’ ไป๋เจี๋ยก็ไปประชันวรรณกรรมกับเขาแล้ว
แต่ก็ดี
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว
อาจเป็นเพราะเทศกาลฤดูใบไม้ผลิทำให้คนเราเกียจคร้าน
ระยะนี้หลินเยวียนรู้สึกเกียจคร้านจริงๆ การ์ตูนก็ไม่อยากวาด นิยายก็ไม่อยากเขียน
ค่อยๆ เปลี่ยนจากเซี่ยนอวี๋ เข้าสู่โหมดปลาเค็ม[1]แล้ว
แน่นอนว่า
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่หลินเยวียนรวบรวมพลังทั้งหมดไปใส่ในการชิงแชมป์สิบสองสมัยในฤดูกาลเพลง
เขาง่วนอยู่กับการชิงสถานะพ่อเพลง ในใจเต็มไปด้วยความกดดัน จึงอยากผ่อนคลายให้เพียงพอบ้าง
เขาถึงขั้นนั่งแทะเมล็ดแตงโมรออย่างเพลิดเพลินใจ อยากรู้ว่าผลการแข่งขันระหว่างไป๋เจี๋ยและเดวิดจะเป็นอย่างไร
เมื่อก่อนคนอื่นๆ แทะเมล็ดแตงโมรอรับชม ส่วนเขากลับมีน้อยครั้งเหลือเกินที่ได้แทะเมล็ดแตงโมอย่างคนอื่นๆ
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวนี้
ชาวเยี่ยนเริ่มเปิดศึกกับชาวหานทันที
เมื่อเกี่ยวโยงถึงข้อพิพาทระหว่างทวีป ประชาชนในแต่ละทวีปมักสามัคคีกันจนน่าตกใจ
ดูเหมือนว่านี่เป็นธรรมเนียมจากการผนวกรวมบลูสตาร์
ทุกครั้งที่มีทวีปใหม่เพิ่มเข้ามา มักจะมีความขัดแย้งทางวัฒนธรรมระหว่างพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
รวมทั้งฉินโจวซึ่งมีก็มีส่วนเกี่ยวข้องนับครั้งไม่ถ้วน
หลินเยวียนเองก็เข้าร่วมอยู่หลายครั้ง
“เดวิดไม่ธรรมดานะครับ”
จู่ๆ จินมู่ซึ่งแทะเมล็ดแตงกวาอยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมา
หลินเยวียนเอ่ยด้วยความสงสัย “ยังไงเหรอครับ”
“ผมอ่านประวัติโดยย่อของเดวิด นักเขียนคนนี้คล้ายกับหัวหน้าอยู่นะครับ ผลงานนิทานของเขาถึงแม้จะไม่ได้มียอดขายสูงสุดในหานโจว แต่ยอดขายผลงานนิทานทุกเรื่องของเขาจะสูงกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้าเสมอ พูดให้ชัดก็คือ ฝีมือในการเขียนของเดวิดพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และผลงานชิ้นก่อนหน้านี้ทำยอดขายได้เป็นอันดับสามของหานโจวแล้วครับ”
จินมู่เอ่ย
“สมมติว่าเดวิดยังพัฒนาไปได้อีก จากแนวโน้มนี้ ในการประชันวรรณกรรมระหว่างเดวิดและไป๋เจี้ย เขาจะหยิบผลงานที่ทำยอดขายได้เหนือกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้าออกมา”
หลินเยวียนพยักหน้า
นักเขียนแบ่งเป็นสองประเภท
ประเภทแรกคือกลุ่มอัจฉริยะ อีกประเภทหนึ่งคือกลุ่มที่มีการพัฒนา
กลุ่มอัจฉริยะ สามารถสร้างชื่อได้จากหนังสือเรื่องเดียว ทว่าหลังจากนั้นเขาอาจไม่สามารถทำลายสถิติของตนเองได้
กลุ่มที่มีการพัฒนา อาจอยู่ในระดับปานกลางไม่โดดเด่นในระยะแรกที่เปิดตัว ทว่าผลงานหลังจากนั้นจะมีการพัฒนาสูงกว่าครั้งก่อนหน้า
ถ้าหากเดวิดคือนักเขียนประเภทที่มีการพัฒนา เช่นนั้นต่อให้เขาพ่ายแพ้ต่อไป๋เจี๋ยให้ครั้งนี้ ครั้งต่อไปเขาจะทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ในการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้ ใครแพ้ใครชนะนั้นไม่แน่นอน
ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
หลินเยวียนเคี้ยวเมล็ดแตงโม รสชาติหอมอร่อยชวนเพลิดเพลินใจจริงๆ
————————
ปล. ช่วงนี้เขียนเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋มาตลอด ให้ฉู่ขวงออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง
[1] ปลาเค็ม ในภาษาจีนคือ ‘เสียนอวี๋’ เป็นการเล่นมุกกับคำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’