ฟุ่บ!
ไท่จื่อแทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยแม้แต่นิดเดียว
แขนเสื้อยาวของชายหนุ่มสะบัดพรึ่บ ทิ้งเงาแห่งความเย็นชาและลึกลับเอาไว้ให้กับฝูงชน
ทีแรกไท่จื่อคิดว่าตี้จวินจะกลับไปที่ตำหนักเทพ แต่ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้กำลังมุ่งหน้าไปที่ตำหนักเทพ แต่กลับเป็นเส้นทางที่มุ่งสู่ดินแดนพระพุทธศาสนา
ทันใดนั้นสีหน้าของไท่จื่อก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด เขากลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ดังนั้นเขาจึงรีบใช้เมฆไล่ตามเขาไปทันที
บรรยากาศอันชั่วร้ายของชายหนุ่มไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้
เสื้อคลุมของเขาสะบัดไปตามสายลมอย่างรุนแรงราวกับไม่เห็นด้วยในคำขอนั้น และต้องการทำลายมันไม่ให้เหลือซาก!
ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยจิตสังหาร อีกทั้งใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยคราบเลือด
ไท่จื่อขวางทางของชายหนุ่มเอาไว้ แล้วมองเขานิ่งๆ เป็นการเตือน ”สงบสติอารมณ์หน่อย!”
”สงบสติอารมณ์หรือ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ ดวงตาเรียวของเขาเจือไปด้วยสีแดง
วันแล้ววันเล่า เขาเอาแต่เค้นสมองคิดหาวิธีที่จะได้พบนาง ไม่ว่าจะเป็นที่งานเลี้ยงของพระพุทธศาสนา หรือที่สงครามของภพสวรรค์ก็ตาม
เขาคิดว่าสักวันนางจะต้องปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน
เขามาถึงที่นี่เพียงเพราะเห็นความเป็นไปได้นั้น แต่ตอนนี้เขากลับเหมือนคนโง่ไม่มีผิด
เมื่อสองวันก่อน เขายังกลัวว่านางจะไม่ยกโทษให้เขาที่เขาทำกระจกวิเศษบานนั้นหายไป
แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าในระหว่างที่เขาแยกทางกับนาง เขาจะถูกคนอื่นแทนที่ทันที
สวดมนต์เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อให้บรรลุคำอธิษฐานหรือ
หึ นางเกลียดการทำตามกฎเกณฑ์และการถูกกักบริเวณมาตลอด ใครจะคิดว่าสุดท้ายนางจะทำเช่นนี้ และทั้งหมดนั้นก็เพื่อต้นโพธิ์
นางเข้าใจเขาผิดไปเสียแล้วที่คิดว่าเขาไม่มีพิษมีภัย
หลังจากนางเป็นของเขาแล้ว นางจะสามารถเป็นของคนอื่นได้อย่างไร
นางคิดจริงๆ หรือว่าถ้านางเข้าไปในเขตหวงห้ามของพระพุทธเจ้าแล้วเขาจะปล่อยนางไป
เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไล่ตามนาง!
โครม!
ขวานเล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน และทะลวงผ่านก้อนเมฆที่ลอยอยู่เหนือภูเขาซวีหมี
เศษชิ้นส่วนนับล้านกระจายเต็มท้องฟ้าและส่องแสงระยิบระยับราวกับสะเก็ดดาวที่ระเบิดออกจากกัน ทันใดนั้นคลื่นสูงเสียดฟ้าก็ถาโถมเข้ากลืนกินพื้นที่ว่างอันกว้างใหญ่และกวาดเอาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดหายไป
สามเณรที่อยู่บนยอดเขาซวีหมีเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ไกลออกไป เหนือพวกมันมีร่างของชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมยืนอยู่ ที่ด้านหลังของเขามีเปลวไฟลุกโชติช่วง พายุหมุนพัดขึ้นสู่ท้องฟ้าและทะลุผ่านพื้นโลก ภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนแต่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เงาของเขายืนอยู่เพียงลำพังเหนือเมฆที่ล่องลอย และทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสะท้าน
สายตาของชายหนุ่มหยุดลงที่เขตหวงห้ามของพระพระพุทธเจ้า ผมของเขาเป็นสีดำสนิท และดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ความชั่วร้ายอันหนาแน่นที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์อันหล่อเหลาปรากฏออกมาจนสัมผัสได้
สายตาของเขาลึกล้ำและจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น เลือดที่อยู่บนแก้มของเขาเป็นราวกับคำสาบานที่บอกว่าจะไม่มีอะไรมายับยั้งเขาได้ ความมุมานะของเขาทำเอาทุกคนหนาวเย็นไปถึงกระดูก
ตำหนักต้าสยงล้อมรอบไปด้วยเมฆหนาทึบสีดำ
ในที่สุดสมเด็จก็อยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป เขาเสด็จลงมาด้วยตัวเอง แล้วเงื้อตะบองวิเศษขึ้น
เคร้ง!
เสียงระฆังดังก้องไปทั่วภูเขาซวีหมี ปลุกปีศาจและเซียนทั้งหมดในภพภูมิทั้งหกขึ้น พวกเขารู้สึกจิตใจไม่สงบเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ตั้งแต่สมัยโบราณ มีแต่เพียงภิกษุที่ทำบาปมหาศาลเอาไว้เท่านั้นที่จะถูกโยนเข้าไปในระฆังวัชระ เมื่อระฆังถูกตี กระดูกของพวกเขาจะถูกป่นจนเป็นผุยผง และเนื้อของพวกเขาจะถูกบดเป็นเนื้อเดียวทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่!
ไท่จื่อไม่สามารถก้าวเท้าต่อได้
สัตว์อสูรและปีศาจถอยกลับไป ความมืดเลือนหายไปจนหมดสิ้น
แต่ทันใดนั้น ระฆังแห่งจิตวิญญาณก็ส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง ปีศาจ สิ่งมีชีวิต และวิญญาณร้ายทุกตนที่มนุษย์รู้จักก็พลันถูกปลดปล่อยออกมา พวกมันเต็มไปด้วยความอาฆาตและความชั่วร้าย นิ้วที่มีแต่กระดูกของวิญญาณอันหิวโหยยื่นออกมาจากประตูนรก จากนั้น คลื่นยักษ์จากทะเลเลือดก็ก่อตัวขึ้น
ทหารศักดิ์สิทธิ์จากภพสวรรค์ชะงักฝีเท้า
ตี้จวินอยู่เหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ สิ่งที่อยู่ด้านหลังเสื้อคลุมที่โบกสะบัดนั้นคือใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือด
สมเด็จสำลักกลิ่นอายของเขา เลือดทะลักออกมาจากลำคอของเขา เขาเอ่ยว่าอมิตาพุทธ แล้วประสานมือเข้าหากัน จากนั้นจึงประทับลงบนดอกบัวแล้วถามชายหนุ่มว่า ”ตี้จวิน ท่านไม่สามารถพรากภพสวรรค์หรือพระพุทธศาสนาออกจากกันได้ ท่านตั้งใจที่จะทำลายพระพุทธศาสนาจริงๆ หรือ”
ชายหนุ่มยิ้ม ใบหน้าของเขาดูราวกับปีศาจ แม้กระทั่งสติสัมปชัญญะของเขาก็ยังบิดเบี้ยว ดวงตาของเขาแตกต่างไปจากเดิม ตาข้างหนึ่งของเขาสะท้อนสีทองของภพสวรรค์ ในขณะที่อีกข้างหนึ่งเป็นสีแดงจากขุมนรก
เขามองสมเด็จจากตำแหน่งที่สูงกว่า ความเย็นชาจากริมฝีปากของเขาสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นน้ำแข็งได้เลยทีเดียว
สมเด็จถอนหายใจ ”ท่านทำไปเพื่ออะไรหรือ ท่านเองก็น่าจะรู้ว่าคนที่นางชอบไม่ใช่ท่าน” เขาเอ่ยอย่างเยือกเย็น แต่มันกลับฟังดูเหมือนสัญญาณเตือนสำหรับชายหนุ่ม
สายฟ้าฟาดเปรี้ยง!
ระฆังดังถี่ขึ้นทุกขณะเหมือนมีทหารหลายพันนายบนหลังม้ากำลังควบม้าตะบึงเข้ามา หรือไม่ก็เหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฟ้าร้องฟ้าผ่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ไม่มีอะไรทำให้เขาตัวสั่นได้มากกว่าคำพูดของสมเด็จ
คนที่นางชอบไม่ใช่ท่าน
คำพูดนั้นก้องกังวานอยู่ในหูของตี้จวิน เลือดทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ศีรษะของเขา จากนั้นเขาก็ฟาดขวานวิเศษในมือลงทันที!
โครม!
มุมหนึ่งของระฆังวัชระถูกทำลาย!
สมเด็จตกตะลึง เขาหันหน้ากลับไปทันที!
สัตว์อสูรและปีศาจกรูกันออกมาจากระฆังที่ถูกทำลายลงนั้น พวกมันส่งเสียงร้องคำรามอย่างชั่วร้าย มันเหมือนกับภาพของนรกไม่มีผิด!
พระพุทธศาสนาก็ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหญ่หลวงเช่นนี้มาก่อนหลายพันปี
นี่เป็นครั้งแรกที่สมเด็จที่ประทับอยู่บนดอกบัวรู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความเสียใจที่ซัดสาดเข้าใส่เขา ถ้าเขารู้ว่ามันจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เขาก็คงไม่ขังหงส์เพลิงไว้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงยังไม่ได้เข้าข้างฝ่ายได้ เขาเป็นเพียงแค่ตัวแทนมาตลอดหลายปี เขาคิดว่าตัวเองมีโลกอยู่ในกำมือ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ชายหนุ่มคว้าคอของสมเด็จเอาไว้โดยไม่ลังเลท่ามกลางกลุ่มหมอกและเมฆมากมาย
สมเด็จจ้องมองเขา น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง เขาฝืนเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบากว่า ”ถ้าท่านทำลายพระพุทธศาสนา หงส์เพลิงก็จะไม่มีชีวิตอยู่”
นิ้วของชายหนุ่มกระตุก ดวงตาของเขาเย็นชา ”ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพระพุทธศาสนาจะลงเอยเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังไม่มีการคัดเลือกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงกันสักที”
”อมิตาพุทธ ปัญหารักย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยง” สมเด็จมองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม ”ความคาดหวังย่อมมาพร้อมกับความเจ็บปวดเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หากท่านต้องการเข้าสู่ประตูแห่งพระพุทธเจ้า ท่านย่อมได้รับผลบุญ แต่น่าเสียดายที่ตี้จวินตกอยู่ในความทุกข์และความสับสน ดังนั้นท่านจึงพลาดประตูแห่งพระพุทธเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตี้จวิน ท่านปรารถนาที่จะก้าวเข้าสู่ประตูแห่งพระพุทธเจ้าหรือไม่”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม ”ใครบอกว่าข้าพลาดมันไป ข้ารู้ว่าในฐานะเทพจากภพสวรรค์ ข้าย่อมไม่มีทางหลบหนีจากสายตาของพระพุทธเจ้าได้ แต่ถ้าข้าไม่ใช่เทพอีกต่อไป ข้าย่อมสามารถฆ่าเจ้าได้โดยไร้ปัญหา”
สมเด็จตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มไม่รอให้เขาโต้ตอบ
ทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาตกสู่ความโกลาหล ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยขนนกสีดำ พวกมันลอยปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน ก่อนจะแทงทะลุหน้าอกของเขาทีละเส้น
นรกแตก พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน หินเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากแกนโลกพร้อมกับขนนกสีดำที่ลอยขึ้นและหมุนวนอยู่รอบขาของชายหนุ่ม
รอยยิ้มของชายหนุ่มเหยียดกว้างขึ้นท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือกที่ส่งเสียงร้องคำราม มันเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความเกลียดชัง
สมเด็จนึกไม่ถึงว่าเขาจะละทิ้งเทวจิตของตัวเองเช่นนั้น!
ที่ด้านนอกของสวรรค์ชั้นที่เก้าสิบเก้า ไท่จื่อแห่งภพสวรรค์สังเกตเห็นความวุ่นวายนั้นได้ทันที เขาทิ้งทุกอย่างแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ ”อะไร… อะไรกัน… นี่มันอะไรกัน?!”
มีคนปรารถนาที่จะตกจากสวรรค์และกลายร่างเป็นปีศาจหรือ!!?
ตู้ม!
ระฆังแตกเป็นเสี่ยงๆ ชิ้นส่วนทองแดงของมันร่วงหล่นลงมาเกิดเป็นเสียงแห่งการทำลายล้างดังสนั่นหวั่นไหว
จากนั้น ขนนกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวเข้าหากันจากขอบฟ้า พวกมันทั้งหมดล้วนแต่พุ่งเป้าไปที่ร่างของสมเด็จ!
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องยังมีเสียงหัวเราะของชายหนุ่มก้องกังวาน ”ถ้าข้ากลายเป็นปีศาจ พระพุทธเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
ทันใดนั้น ขนนกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปลิวว่อน ก่อนจะกลายเป็นทะเลเลือดอันไร้ที่สิ้นสุด!
ทุกชีวิตจากภพสวรรค์ล้วนแต่ถูกหักหลัง เส้นทางข้างหน้าของพวกเขาพร่ามัวไม่ชัดเจนราวกับถูกบดบังด้วยหมอก
ชายหนุ่มละทิ้งเทวจิตของตัวเองได้ทั้งที่ไม่ต้องขยับตัว เขาเอนกายไปด้านหลัง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ชุดของเขาปลิวอยู่ในสายลมขณะที่เขาร่วงหล่นสู่การเป็นปีศาจ…