“แมงมุมที่เล็ดลอดเข้าไปในช่องว่างของฟักทอง”
เมื่อพูดถึงวิชาพละ คุณคิดว่าจะได้ทำอะไร? โดยพื้นฐานแล้วการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาตามคำแนะนำของอาจารย์ถือเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่าโรงเรียนของฮายาโตะเองก็เช่นกัน แต่ถ้าหากมันเป็นคาบเรียนสุดท้ายของวันศุกร์ละก็ มันก็อีกเรื่องนึง
เหมือนเป็นรางวัลสำหรับนักเรียนที่ตั้งใจเรียนตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์ ตราบใดที่ไม่กลับไปที่ห้องเรียนก็สามารถใช้เวลาในคาบพละนี้ได้อย่างอิสระ
เมื่อใกล้ถึงเดือนตุลาคม ลมหนาวก็เริ่มพัดมาทีละน้อย แต่วันนี้อากาศปรอดโปร่ง แดดค่อนข้างแรงและอุณหภูมิก็สูงตามไปด้วย
หากต้องการเล่นฟุตบอลหรือซอฟต์บอลคุณจะต้องไปที่สนามโรงเรียน แต่หากต้องการเล่นบาสเก็ตบอลหรือวอลเลย์บอลคุณจะต้องไปที่โรงยิม
เพียงแต่…ฮายาโตะเลือกที่จะนั่งลงบนพื้นดินที่อยู่ใต้ต้นไม้
[คร๊อกกก… คร๊อกกกก…]
คุณสามารถทำอะไรก็ได้ แน่นอนว่าการนอนหลับเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ฮายาโตะนอนหลับในขณะที่ฟังเสียงเจี้ยวจ้าวของเพื่อนร่วมชั้นราวกับว่ามันเป็นเพลงกล่องเด็ก มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะยังมีอีกหลายๆ ที่เลือกจะนั่งคุยกันโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย ดังนั้นการที่ฮายาโตะเลือกที่จะนอนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และตอนนี้เขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสงบสุข
ในตอนนั้นเองก็มีเงาของบุคคล คนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ฮายาโตะ โดยที่เขายังคงหลับอยู่แบบนั้น
[…ฟุฟุ หลับอยู่งั้นหรอ♪]
ใช่… เงาของบุคคล คนนั้นก็คือชินโจ ไอนะ
แม้ว่าฮายาโตะและไอนะจะเรียนอยู่คนละห้องกัน แต่พวกเขาก็เรียนอยู่ชั้นปีเดียวกัน ไอนะเล่นซอฟต์บอลมาจนถึงตอนนี้ แต่เมื่อเธอเห็นฮายาโตะนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ เธอก็รีบปลีกตัวออกมา
[…ฮายาโตะคุง?]
[……]
แน่นอนว่าฮายาโตะไม่ตื่น
ฮายาโตะซึ่งไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ และไอนะซึ่งมีชื่อเสียงมากในฐานะพี่น้องแสนสวย อาจจะดูแปลกๆ หากคนเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะถึงแม้จะมองเห็นฮายาโตะ แต่คนอื่นก็ไม่สามารถมองเห็นไอนะที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ได้ มันเป็นตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบ
[… อาฮ่า ♪]
ไอนะนั่งลงตรงข้างๆ ของฮายาโตะ และบอกว่าเธอคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว เมื่อเธอมองหน้าของฮายาโตะจากด้านข้าง เธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ดีว่า หากเธอเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์สักนิดละก็คงจะต้องเผลอไปจูบ และทำให้เขารู้สึกตัวเป็นแน่ ถ้างั้น… ถ้าเป็นกลิ่นละก็ จะดมแค่ไหนก็คงจะไม่แปลกสินะ ความคิดมากมายผสมผสานอยู่ภายในหัวของเธอ
[…ไม่ได้ ไม่ได้ ชั้นจะปล่อยตัวไปตามอารมไม่ได้]
ไอนะสูดหายใจเข้าลึกๆ และสงบสติอารมณ์ลง
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น หัวใจของไอนะก็เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาอยู่กับฮายาโตะสองต่อสองอีกครั้งเร็วขนาดนี้
[…ฮายาโตะคุง วิเศษจังเลย]
ช่วยไม่ได้ที่เธอจะส่งเสียงแหบพร่าออกมาโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อเธอได้รู้ว่าคนที่ใส่หมวกฟักทองในตอนนั้นคือฮายาโตะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในสายตาของไอนะก็ปรากฏแต่ภาพของฮายาโตะ และเริ่มปรารถนาที่จะมีลูกกับเขาอย่างจริงจัง
[…อ่าาาาาา♪]
ไอนะจ้องมองไปที่มือขวาที่ไร้การป้องกันของฮายาโตะ ราวกับว่าทำตามสัญชาตญาณ เธอบีบมือของเขาเบาๆ จากนั้นก็ดึงมันมาวางไว้ที่แก้มของเธอ
[…ฟุอ่าาา ♪]
เธอเกือบจะเผลอตะโกนออกมาด้วยความดีใจเมื่อนิ้วของเขาแตะลงบนแก้มของเธอ ตอนนี้เธอเริ่มอดกลั้นไม่ไหว ถูๆ ไถๆ เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่จับนิ้วนั้นเบาๆ ราวกับว่ากำลังสัมผัสสิ่งของล้ำค่า ในขณะที่ทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ฮายาโตะตื่น ความต้องการของไอนะก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
[…ฮายาโตะคุง ฮายาโตะคุง♪]
ฮายาโตะเป็นเพียงคนเดียวที่เด็กสาวผู้นี้เสนอเรือนร่างอันงดงามที่เป็นที่หมายปองผู้ชายทุกคนในโลกให้ ไอนะมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ในขณะที่จ้องมองไปที่ใบหน้าของเขาตอนนอนหลับ ไอนะก็ดึงมือของเขาไปวางลงบนหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ
มืออันแสนอบอุ่นของฮายาโตะที่กำลังโอบรัดรอบเนินอกที่อวบอิ่มของเธอ ความรู้สึกสุดยอดที่ไอนะได้รับ ตอนนี้ทะลุเกิน 90 % ไปแล้ว และยังค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ
[…อ่าาา ~~~~!!]
ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทา เธอต้องการถูกเขาสัมผัสเรือนร่างมากกว่านี้ หัวใจของไอนะกรีดร้องดังขึ้น ดังขึ้น…
เธอบีบนิ้วมือของฮายาโตะที่กำลังวางอยู่บนหน้าอกอันอวบอิ่ม ยิ่งเธอใส่แรงมากขึ้นเท่าไหร่นิ้วของฮายาโตะก็ค่อยๆ จมลงไปในเนื้อนุ่มๆ ของเธอมากขึ้นเท่านั้น และทุกๆ ครั้ง เธอก็จะรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอย่างเจ็บปวด ตอนนี้ไอนะอดไม่ได้แล้วที่จะเปล่งเสียงร้องครางออกมา
[..อ อ่ะ อ๊าาา!!]
ในที่สุดไอนะก็ไม่สามารถหักห้ามความต้องการของเธอได้ เธอจับมือของฮายาโตะและค่อยๆ ดึงมันไปที่หว่างขาของเธอ
.
.
.
[…อ่ะ?]
ไม่นานนักผมก็รู้สึกตัว
ผมตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงียนิดหน่อย ดูเหมือนสมองยังทำงานได้ไม่เต็มร้อย ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจำได้ทันทีว่าทำไมผมถึงมานอนอยู่ตรงนี้
ในคาบพละซึ่งเป็นคาบเรียนสุดท้ายของวันศุกร์ พอวิ่งวอมร่างกายเสร็จอาจารย์พละก็ปล่อยให้ใช้เวลาได้อย่างอิสระ หลังจากหลบมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่นานนักผมก็เผลอหลับไป
[…???]
พอสมองเริ่มตื่นตัวผมก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่ข้างๆ
[อรุณสวัสดิ์ ฮายาโตะคุง♪]
[อะ..รุณ…สวัส?]
ไอนะซังกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ผมด้วยรอยยิ้มที่งดงาม
ระยะห่างระหว่างผมกับเธอค่อนข้างใกล้ เพราะงั้นผมจึงพยายามรักษาระยะห่างก่อนที่จะไปสงสัยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่
[เอ๋!? ทำไมจู่ๆ ถึงถอยห่างออกไปละ~?]
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนหากต้องอยู่ใกล้ๆ กับเธอ
ไม่รู้ทำไมดูเหมือนไอนะซังไม่ค่อยพอใจนัก ผมจึงไม่ถอยออกห่างกว่านี้ ผมสงสัยว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว และเมื่อมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ปรากกฏว่าคาบสุดท้ายยังคงเหลืออีกประมาณ 15 นาที
[ทำไมไอนะซังถึงมาอยุ่นี่ได้ละ?]
[พออาจารย์ปล่อยให้เป็นอิสระ ชั้นก็เลยอยากจะพักผ่อน พอลองมองหาที่เงียบๆ ดู ก็เห็นฮายาโตะคุงอยู่ตรงนี้พอดี]
[งี้นี่เอง]
ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของผม และดูเหมือนว่ามันจะเป็นที่โปรดของไอนะซังเช่นเดียวกัน
[อย่างกับว่าพักนี้ รู้สึกเหมือนได้คุยกับไอนะซังบ่อยจังเลย]
[ชั้นเองก็คิดเหมือนกัน ดีจังเลยเนอะ♪」
ผมไม่ได้เกลียดมันหรอก กลับกันผมกลับมีความสุขจริงๆ ที่เห็นเธอยิ้มได้แบบนั้น แต่การที่ไอนะซังจะมาอยู่คนเดียวแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติงั้นหรอ? นอกเหนือจากตอนพักเที่ยงแล้ว ผมมักจะเห็นเธออยู่กับอาริสะซังเสมอ
[ไม่อยู่กับพี่สาวจะไม่เป็นไรงั้นหรอ?]
[ไม่หรอก ก็พี่ชั้นเล่นวอลเลย์บอลที่เล่นในโรงยิมนี่นา อีกอย่างชั้นกับพี่ก็ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นสักหน่อย]
ไม่หรอก ในความคิดของผม ผมมีความรู้สึกว่าพวกเธอสองคนตัวติดกันอย่างกับว่าเป็นคนๆ เดียวกันด้วยซ้ำ
[บู่วว… หรือฮายาโตะคุงไม่อยากคุยกับชั้นอย่างงั้นหรอ?]
[ไม่ใช่อย่างนั้นนะสักหน่อย ชั้นก็แค่เขิลๆ นิดหน่อย]
[เขินงั้นเหรอ?]
[อืมม เป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? คุยกับไอนะซังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องสาวสวยประจำโรงเรียน ชั้นก็ต้องรู้สึกประหม่าอยู่แล้ว]
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก มันคือความจริง
พอผมพูดแบบนั้นไอนะซังก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นอยู่นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม..เธอเงยหน้าขึ้นมนทันทีและยิ้มออกมาอย่างมาความสุข
[ถูกเรียกว่าสาวสวยแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ… ฟุฟุ ชั้นเข้าใจแล้ว ฮายาโตะคุงคิดกับชั้นแบบนี้นี่เอง♪]
[ไม่ใช่แค่ชั้นคนเดียวหรอก ชั้นว่าทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน]
ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถูกคนพูดถึงมากมายขนาดนี้
[…ชั้นไม่ต้องการความเห็นของพวกขยะหรอก]
[…?]
[อ่ะ… ไม่มีอะรายย ♪ อะ อยากมีเวลาคุยกันมากกว่านี้จังเลย]
[เอ๊ะ…!?]
พอไอนะซังพูดมาผมก็นึกขึ้นได้ เมื่อผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องมารวมตัวกันแล้ว พอผมลุกขึ้นไอนะก็ส่งเสียงร้องออกมา
[ไอนะซัง!? เป็นไรรึเปล่า?]
[อะ อืม…]
อย่างกับ เอวของเธอสั่นอยู่?
ผมเป็นห่วงเธอนิดหน่อย แต่เธอก็พยักหน้ารับทันทีที่ผมถามเธอว่าลุกไหวมั้ย?
[ค่อยๆ นะ]
[อ…อืมม..]
เหมือนขาของเธออ่อนแรง นี่เธอไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ?
ไอนะซังดูเหมือนจะสังเกตุเห็นว่าผมเป็นห่วงเธอ เธอพยายามลุกขึ้นในขณะที่หัวเราะและบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง ในตอนนั้นเอง.. มีบางอย่างที่รบกวนจิตใจผมเล็กน้อย
[…นี่มันอะไร?]
นิ้วมือขวาของผมไม่รู้ทำเหมือนว่ามันจะเปียกอยู่… ความรู้สึกเหมือนเมือกที่ลื่นเล็กน้อย หรือเป็นเพราะแดดแรง ผมเลยเหงื่อออกอย่างนั้นหรอ?
[ชั้นอาจจะคิดไปเองก็ได้… ชั้นคงจะประหม่าไปหน่อยตอนคุยกับไอนะซัง]
[อะ ฮ่าๆ… นั่นสิ คิดไปเองแหละ ต้องใช่แน่ๆ!]
เป็นอย่างนั้นแน่หรอ? เมื่อผมหันไปหาไอนะซัง เธอก็พูดอย่างหนักแน่นว่ามันต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ เราหัวเราะเยาะให้กันและกับไปรวมกลุ่มได้ทันเวลา
พอลองคิดดูแล้ว ช่วงนี้ผมก็ได้คุยกับไอนะซังบ่อยขึ้นจริงๆ
เท่าที่ผมรู้สึกได้เลยก็คือ ผมกับไอนะซังมีเวลาร่วมกันมากขึ้นตั้งแต่วันที่พี่สาวของเธอถูกสารภาพรักบนดาดฟ้า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราบังเอิญเจอกันเธอก็จะขยิบตาหรือโบกมือให้ แม้มันจะเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ แต่เราก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น
ตอนแรกผมคิดว่าคงจะไม่ได้คุยกับเธอแบบนั้นอีกแล้ว… แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ จู่ๆ เธอก็มาปรากฏตัวใกล้ๆ โดยที่ผมไม่ทันได้รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นช่วงพักเที่ยงในห้องเก็บข้อมูล หรือแม้กระทั่งตอนนี้ แต่ก็นะ…ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะเรื่องบังเอิญนั่นแหละ
เมื่อผมมองอาริสะซัง ไอนะซัง และแม่ของพวกเธอ ผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและฝังอยู่ในความทรงจำ คงไม่แปลกถ้าพกวเธอไม่สามารถลืมมันได้ แต่สำหรับพวกเธอแล้วมันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าความบอบช้ำทางจิตใจ เพราะงั้น… ผมก็ได้แต่หวัง หวังว่าพวกเธอจะลืมมันได้ในไม่ช้านี้…