Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย – ตอนที่ 3 เอาคืนจอมมาร

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

กลับมาที่สถานที่เเห่งนี้อีกครั้ง ท้องพระโรงอันเก่าเเก่ที่ซึ่งจอมมารเเละพวกสาวๆในปาร์ตี้เคยดูถูกเหยียดหยามตัวผมเมื่อครั้งก่อน

มารอบนี้ผมก็พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าตรงๆเหมือนกับทุกครั้ง เเต่ครั้งนี้ไม่มีปีศาจมาขวางทาง

คงเพราะคิดว่าผมมาตัวเปล่า ไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย…ไม่สิ จริงๆเเล้ว ผมลืมดาบผู้กล้าไว้ที่ท้องพระโรงในครั้งก่อนต่างหาก พวกเขาก็เลยปล่อยผมเขามาง่ายๆเพราะคิดว่าผมยังเป็นไอ้งั่งใจสลายที่ไร้พิษสงคนเดิม

เเต่เเน่นอนว่า เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะคราวนี้ผมมาด้วยความเป็นมิตร

“ฮ่าๆๆๆ มาเอาดาบของเเกกลับคืนไปหรือไง ผู้กล้า ?”

ต่อหน้าของผมก็คือจอมมารฮามูมายาเจ้าเก่า เเละ มิตรสหายเผ่าปีศาจที่เรียงรายกันเต็มท้องพระโรง

เคร้ง !

จอมมารโยนดาบมาให้ผมตรงเท้าราวกับจะดูถูก เเต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่สนเเละมองไปที่สาวๆซึ่งอยู่ข้างกายจอมมารเเทน

“””……………”””

พวกเธอที่เเต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อผ้าบางน้อยชิ้นจนเผยให้เห็นจุกยอดสีชมพูอ่อนบนหน้าอกเเละส่วนร่องลึกใต้หัวหน่าวก็ส่งสายตารังเกียจมาทางผม

ทว่า ตัวผมในตอนนี้ก็ไม่ได้มีความหวั่นไหวใดๆอีกเเล้วสำหรับพวกเธอ

“ยังกล้ากลับมาอีกนะอีตานี่”

“ตายจริง…เป็นพวกชอบทรมาน เป็นพวกมาโซอย่างงั้นหรอ ?”

“อยากเห็นเรากับนายท่านทำเรื่องอย่างว่าอีกเเล้วสินะ เอาสิคะ มาจัดกันอีกรอบเถอะค่ะนายท่าน”

พวกสามสาวเเสยะยิ้มเหยียดหยาม ในขณะที่จอมมารก็ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว

“หึๆ ถ้าคิดจะมาหลั่งน้ำตาอ้อนวอนขอคืนก็เปล่าประโยชน์น่าผู้กล้า”

“…………………”

“พวกนางเป็นของข้าเเล้ว อยากจะให้ข้าสลักภาพเมื่อตอนนั้นลงไปในหัวของเจ้าอีกรอบไหมละ ?”

“”อร๊างงงงงง ❤❤❤❤””

จอมมารขยำหน้าอกสาวๆข้างกายราวกับจะยั่วโมโห

ทว่า ตัวผมในตอนนี้กลับมีจิตใจที่นิ่งสงบอย่างน่าประหลาด

“ฮ่าๆๆๆ เป็นไงละ ผู้กล้า ? สิ้นหวังใช่ไหมละ คงเจ็บใจน่าดู— หืม ?”

ท่ามกลางสายตาของพวกเขา เเละปีศาจอีกหลายตนที่มาเป็นสักขีพยานในวันนี้  

ผมตัดสินใจคุกเข่าลงกับพื้นเเละก้มหัวให้พวกเธอ

 

“ทุกๆคนผมขอโทษ !!!”

 

“”” —– !!! “””

ว่าเเล้ว ผมก็จ้องไปที่สาวเอลฟ์ผมทองที่ทำหน้าตกตะลึง

“เป็นความผิดของผมเองที่ทำให้เธอกังวลเรเรีย เพราะเอาเเต่พึ่งพาความใจดีของเธอ เเละ ไม่เคลียร์ความสัมพันธ์กับเธอให้กระจ่าง เธอเลยเลือกที่จะไปคบกับคนพรรคนั้น ผมขอโทษด้วยจริงๆ”

“คนพรรคนั้น ? ไอ้คนพรรคนั้นที่ว่านี่ยังดีกว่านายเยอะเลย !!!”

เรเรียต่อว่าผม

“อ่า…ถูกต้องเเล้วละ”

“—–!?”

คำสารภาพตามตรงของผมทำให้พวกเขาอึ้งไปตามๆกัน

“เขาคือคนที่รับฟังเธอ เเละ พยายามเข้าใจในตัวเธอ….เเละเธอก็รักในสิ่งที่เขาเป็น ถ้าเธอคิดว่าเขาคือคนที่ดีกว่า เธอก็ควรไปคบกับเขา”

“ท่านผู้กล้า ?”

“หาาาา นี่เเกพูดอะไรออกมา ไม่เห็นนี่รึไง !?”

หนุบๆ

“อร๊างงงง ❤ ❤ ❤ “

“ฮ่าๆๆ ดูสิ เป็นไง ! ข้าน่ะขยำหน้าอกของนังนี่ได้เลยนะ ข้านะได้สิ่งที่เเกฝันถึง มาครองเลยนะโว้ย ฮึ ! รู้สึกยังไงบ้าง !?”

ได้ยินดังนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อ……………. รู้สึกยังไงบ้าง….รู้สึกยังไงบ้างงั้นหรอ ?”

ไม่ไหวจะเคลียร์ ไอ้คนพรรคนี้ผมคงต้องบอกมันไปตามตรง

ใช่…ทนมานานเเล้ว

ถึงเวลาซ่ะทีที่จะตอกหน้าไอ้ระยำนี่  

ให้มันได้รู้ว่า ตัวมันปัญญาอ่อนมากเเค่ไหน

ผมเลยตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า—

 

“เป็นเหี้่ยไรของมึงว่ะ ? จะขยำหน้าอกสาวให้ดูทำเพื่อ คิดว่าเเสดงมารยาทกักขฬะสถุนให้ผมดูเเล้วมันเท่นักรึไง นี่เเกมันต้องเติบโตมาในสังคมที่ระยำบัดซบเเค่ไหนกันว่ะ ถึงได้เเสดงท่าทีต่ำตมเเบบนั้นออกมา”  

 

” เฮ๊ย !?”

 

“””—– !!!”””

 

ในขณะที่พวกเขาทั้งหลายพากันตกตะลึง ผมก็พูดต่อเพราะไม่มีคนขัด

“ถามจริงถึงนายจะเเย่งพวกเธอไปจากผมก็เถอะ เเต่ตอนนี้พวกเธอคือผู้หญิงของนายเเล้ว ให้พวกเธอเเต่งตัวมิดชิดหน่อยไม่ได้รึไง ถ้าเเต่งตัวเเบบนั้นเเก้ผ้าเลยก็ได้มั้ง ในฐานะผู้ชายด้วยกันเองเเล้ว เเกมมันก็เเค่ไอ้หน้าหม้อที่จีบหญิงไปเรื่อยเท่านั้นเองว่ะ เดี๋ยวสุดท้ายเบื่อเสร็จก็เขี้ยทิ้ง ส่วนยัยพวกโง่นั่น พอรู้ตัวว่าโดนฟันเเล้วทิ้ง เดี๋ยวก็มานั่งเสียใจเอาทีหลังอยู่ดี การมีสมองไม่ได้ช่วยยกระดับสติปัญญาให้รักตัวสงวลตัวขึ้นมาเลย พอผู้ชายบอกให้ทำอะไรก็ทำตามก็ทำตามง่ายๆเพราะกลัวโดนบอกเลิก…เหอะ ! บ้าบอ ถ้าเลิกด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนเเค่นั้นก็พอเถอะ ถ้ารักเป็นอย่างเดียว เเต่ไม่มีสมองก็กอดคอกันตายหมู่นั่นเเหล่ะ เอาตามที่พวกเธอพอใจกันเลยละกัน”

“เฮ้ย ! นี่เเกพูดบ้าอะไรออกมา !?”

“เอาละ…มาที่คนถัดไปเลยดีกว่า”

“เดี๋ยว ! ฟังข้าก่อน !!!”

ผมเมินจอมมารเเล้วพูดต่อ

“ไลล่า ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทั้งๆที่เธอเตือนผมอยู่บ่อยครั้ง เเต่ผมก็มักจะคิดเข้าข้างตัวเองจนลืมพยายามเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่เข้าหาผมเเต่ละครั้ง……เพราะตอนนั้นผมมัวเเต่ซึมอยู่กับความผิดพลาดเเละยึดติดกับความล้มเหลว ก็เลยไม่ทันสังเกตุเธอเลย…ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะพยายามเปลี่ยนเเปลงตัวเองไม่ต้องให้เธอมาคอยช่วยเหลืออีก เเต่อย่างน้อยในตอนนี้ ผมก็ขอภาวนาให้เธอไปได้ดีกับไอ้เวรนั่นละกัน”

“ผู้กล้า ?”

ว่าเเล้ว ผมก็หันไปทางเธอคนนั้น หญิงสาวผู้เป็นรักเเรกของผม

เธอสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เห็นสายตาของผม ผมเลยโค้งหัวให้เล็กน้อยเเล้วพูดต่อ

“ขอโทษนะ อนัสตาเซีย  ที่ผมทำตัวเป็นคู่หมั้นที่ไม่ดีพอ”

“ผู้กล้า……..”

“ขอโทษที่ไม่เข้าใจเธอเลย…เอ่อ..ถึงเอาจริงๆเเล้วพวกเธอจะยอมเเพ้ที่จะเข้าใจผมกันไปก่อนเหมือนกันก็ตามเถอะ…เเต่เอาเป็นว่า…ชีวิตที่ผ่านมาคงลำบากน่าดูเลยนะ”

“อึก !”

“ต้องทำตามความคาดหวังของคุณเเม่ เสียชีวิตวัยรุ่นเพื่อไปฝึกฝนการเป็นเจ้าสาวจนต้องไปเเต่งงงานกับผู้ชายเเปลกหน้าที่เธอไม่ได้รัก…พอรู้สาเหตุที่เธอเอามีดเเทงผมเเล้ว ผมก็โกรธไม่ลงเลยจริงๆ…เธอน่ะอยากเป็นอิสระจากผมมาโดยตลอดเลยสินะ…ขอโทษที่ไม่รู้ตัว อึก !”

“ท่านอาเบล”

“อ่า…อย่าเลยๆพอเถอะ เดี๋ยวผมก็ร้องไห้กันพอดี…เอาเป็นว่า ซู๊ดดด สั่งน้ำมูกเเป๊ป… ผมเข้าใจเเล้วล่ะว่าผมไม่เคยอยู่ในหัวใจของเธอเลยซักครั้ง เพราะอย่างงั้นเเล้ว—- “

เช่นนั้น ผมจึงโค้งหัวให้พวกเธอทั้งสามเป็นครั้งสุดท้าย

“ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา การได้ใช้ชีวิตออกผจญภัยร่วมไปกับเธอคือสมบัติอันล้ำค่าที่ผมไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต จากนี้เเละตลอดไป ผมก็จะยืนยันคำเดิมว่าพวกเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม…จนถึงวันที่เอามีดเเทงหลังผมอะนะ…เอ่อ เเล้วก็—“

ว่าเเล้ว ผมก็หยิบปากกาขึ้นมาจากกางเกง จากนั้นก็อัดฉีดเวทย์เสริมพลังกายเข้าไปเเละขว้างออกไปเต็มเเรง

ฉึก !

“กรี๊ดดดดดด”

เรเรียส่งเสียงกรีดร้องเเละล้มลงไปกุมขาของตัวเองที่มีรูขนาดเล็กซึ่งเกิดจากปากกาเเทงจนทะลุออกมา

ในขณะที่เลือดไหลซิบๆ เธอก็ส่งสายตามาทางนี้ราวกับจะถามผมว่าทำไปทำไม

“นี่สำหรับดามุย โทษฐานที่เธอเป่ากบาลหมอนั่นจนตาย ความจริงเเล้วในฐานะหัวหน้าปาร์ตี้ผมควรปาอัดหัวเธอด้วยซ้ำ เเต่เห็นเเก่มิตรภาพของพวกเราเเละคุณงามความดีที่ผ่านมาก็เลยเอาเป็นเเค่ปาปักขาเฉยๆเอาให้เจ็บเเล้วจำ คราวหน้าคราวหลังต่อให้ติดผู้ชายมากเเค่ไหน ก็อย่าระยำจนถึงขั้นหักหลังฆ่าเพื่อนอีกล่ะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นนี่เอาเธอถึงตายเลยนะ อ่อ เเล้วก็เรื่องที่หักนิ้วผมกับเอามีดเเทงอกผมอันนั้นผมพอปล่อยผ่านไปได้  คิดซ่ะว่าเป็นบทลงโทษที่ผมละเลยพวกเธอมาโดยตลอดละกัน”

เอาล่ะ ในเมื่อบอกลากันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเชิญเธอคนนั้นเข้ามา

“ธุระของผมหมดเเล้วครับ เข้ามาได้เเล้วนะครับอิลลี่”

เอี๊ยดดดด

สิ้นเสียงประกาศของผม เธอคนนั้นก็เดินเข้ามา

สาวงามผมเงินผู้เลอโฉมยิ่งกว่าใครๆในที่นี้

หญิงสาวผู้เป็นเเม่ของอนัสตาเซีย  —- อดีตองค์ราชินี อิลิเซีย วอร์น คลาวฟอร์ด   นั่นเอง

“อนัสตาเซีย  !!!”

“ท่านเเม่ !?”

การพบกันอันไม่คาดคิดของเเม่ลูก ทำเอาปีศาจรอบข้างถึงกับวางตัวไม่ถูก

“คะ คือว่า เเม่นะ…เเม่”

“อิลลี่…ผมว่าไปหาที่คุยกับเธอคนนั้นสองต่อสองดีกว่าครับ”

“อื้ม….นั่นสิคะ….เข้าใจเเล้วค่ะ”

อิลลี่เดินตรงไปหาอนัสตาเซีย โดยไม่หวั่นเกรง ทว่า เป็นตอนนั้นเองที่อยู่ๆจอมมารก็กระโดดออกมาขวาง

“เฮ๊ยๆๆๆ น้อยๆหน่อยนี่พวกเเกคิดว่าที่นี่คือที่ไหน !?”

“ปราสาทจอมมารไงไอ้โง่ นี่เเกโง่ถึงขนาดจำชื่อบ้านของตัวเองไม่ได้เเล้วหรอว่ะ”

“จะกวนประสาทกันสินะผู้กล้า ! คิดจะสู้กับข้าอีกรึไงหา !? “

ในระหว่างที่จอมมารหันเหความสนใจมาที่ผม ผมก็ส่งสายตาบอกให้อิลลี่ไปจัดการธุระของครอบครัว

พอจอมมารเดินเข้ามาหาผมในระยะประชิดเเล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกรอบ

“อ่า ให้ตายเถอะ ผมขอยอมรับว่านายดูเเลพวกเธอได้ดีกว่า…เเค่นั้นพอใจเเล้วใช่ไหม ?”

“ฮ่าๆๆๆ ถ้ารู้ตัวก็ดีเเล้ว เพราะงั้นจงคลืบคลานไปสิ….คลืบคลานเเละร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสังเวช เหมือนที่เเกทำเมื่อครั้งก่อน”

“เฮ้อ…….”

“ถอนหายใจอะไรนักหนาว่ะ ผู้กล้า !?”

“จะว่าไงดีล่ะ….สิ้นหวัง…ไอ้ตอนนั้นมันก็สิ้นหวังอยู่หรอก….เเต่ว่ามันไม่ใช่เเล้วสำหรับตอนนี้”

“หา !?”

“ในตอนนี้ผมปล่อยวางได้เเล้ว ถ้าเธอคิดว่าเธอได้เจอคนที่ดีกว่าผมก็ควรปล่อยพวกเธอไป เเล้วอีกอย่างชีวิตนี้มีอะไรมากมายยิ่งกว่าความรักของคนสองคน บางครั้งสิ่งที่เรียกว่ารักเเรกพบ มันอาจจะไม่ใช่รักเเรกภพจริงๆก็ได้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่เราทั้งคู่ยอมรับว่าเข้ากันไม่ได้ การยอมถอยห่างเพื่อเปิดโอกาสยอมรับคนที่เหมาะสมกว่าเเละเปลี่ยนสถานะกลายเป็นเพื่อน นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุด เเม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม”

“เฮ้ย !?”

“การโดนเเย่งเเฟนคือประสบการณ์ที่เจ็บปวด เเต่มันก็สอนให้ผมรู้ว่าในครั้งถัดๆไป ผมควรจะดูเเลประคมประหงมสิ่งที่อยู่ในมือให้ดียิ่งไปกว่านี้”

“พูดบ้าอะไรของเเก ทั้งๆที่สู้เเพ้ข้าเเท้ๆ”

“สู้ ? สู้กับใคร ผมเคยสู้กับเเกด้วยงั้นหรอ ?”

“นี่เเก ! กำลังละเมอบ้าอะไรอยู่ !?”  

“ที่ละเมอมันเเกต่างหาก จอมมารที่อ่อนเเอที่สุด ฮามูมายา !!!”

“——!!!”

“เเกน่ะ ไม่เคยสู้กับผมเเม้เเต่ครั้งเดียว ที่เเกทำน่ะมันคือการลอบกัดเเบบหมาขี้เเพ้”

“กรอด เเก !!!”

“เเล้วก็สิ่งที่ผมพ่ายเเพ้ในวันนั้นนะ ไม่ใช่นายหรือ พวกเธอหรอก”

เเต่สิ่งนั้นก็คือ—-

 

“ในวันนั้น สิ่งที่ผมพ่ายเเพ้ คือ จิตใจที่อ่อนเเอของตัวเองต่างหาก !!!”

 

“—– !!! “

“ผมคือผู้กล้านะ ….ผมเเบกรับการเสียสล่ะมากมายไว้บนบ่า เพื่อมาเด็ดหัวเเก เพราะงั้นไอ้การมานั่งร้องไห้คร่ำครวญเสียใจเเละปล่อยให้เเกอึ้บพวกเธอโชว์ผมนี่ มันโคตรจะไ,jเป็นมืออาชีพเลยว่ะ ผมขอยอมรับตามตรงว่าวันนั้นผมตัดสินใจพลาดไปเพราะความอ่อนประสบการณ์ของตัวเอง …เเต่มันไม่ใช่….ไม่ใช่สำหรับวันนี้”

ผมเว้นหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“ในวันนี้จะไม่มีใครต้องตายเเม้เเต่คนเดียว เพราะผมมา…มาเพื่อพูดคุยเเละปรับความเข้าใจกับทุกๆคน”

“พล่ามอะไรของเเก !!!”

ดาบของผู้กล้าที่ตกอยู่ถูกจับขึ้นมาเเละชี้มาที่คอของผม

เเต่ถึงอย่างงั้น ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องหวาดกลัวคนพรรคนี้

“จงศิโรราบซ่ะสิ จงคุกเข่าซ่ะสิ ตัวข้าคือผู้ที่สามารถเเย่งชิงสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเเกไปได้เลยนะโว้ยยยย”

“อืมๆ เเล้วไงต่อ พอผมก้มกราบเเทบเท้าเลียฝ่าพระบาทเเกได้เเล้วจะเอาไงต่อ ไอ้การกระทำที่เเกทำกับผมนี่ถามจริงเถอะว่ามันมีเรื่องน่าภูมิใจตรงไหน ?”

“ฮ่าๆๆๆ ก็ต้องน่ายินดีอยู่เเล้วไม่ใช่รึไง ? ข้านะเเย่งชิงสิ่งสำคัญของเเกมาได้เลยนะ”

“หรอ….งั้นเเล้วเเกจะอธิบายให้ภรรยาเเละลูกๆของเเกที่อยู่ที่บ้านฟังว่ายังไง ?”

“หะ !?”

“เออ เป็นปฏิกิริยาที่ตามคาด คนอย่างเเกคงไม่มีปัญญารักใครเป็นจริงเป็นจังได้หรอก”

“ว่ายังไงนะ !?”

“เเกเเย่งเเฟนคนอื่นมาเพื่อตอบสนองความโลภของตัวเอง สิ่งนั้นไม่ใช่รักเเท้ เเต่มันก็เเค่การตอบสนองตัณหาไปวันๆอย่างไร้เเก่นสาร เเต่ถ้าวันหนึ่งเเกมีคนรักเป็นตัวเป็นตนเเกจะอธิบายให้พวกเธอฟังว่ายังไง  เกี่ยวกับ พวกสาวๆข้างตัวเเกในตอนนี้? เเกจะใช้วิธีระยำเเบบไหนบีบบังคับให้เธอยิ้มรับ เเม้ว่าในใจลึกๆของคนที่เเกรักกำลังร้องห่มร้องไห้ เพราะผิดหวังในตัวเเก ! เเกจะต้องใช้สิ่งที่เรียกว่าความรักมาบีบบังคับคนที่เเกรักอย่างงั้นหรอถึงจะพอใจ ?  เเล้วถ้าซักวันหนึ่งพอเเกมีลูกสาวซักคน เเกจะกล้าพูดป่าวว่ะ ว่าสมัยพ่อน่ะพ่อไล่อึ้บสาวไปทั่วเเละเเย่งเมียผู้กล้ามาอึ้บฆ่าเวลาจนกลายเป็นจอมมารที่เมพสุดในประวัติศาสตร์ ถ้าเเกอยากรู้ว่ามีใครภูมิใจกับชัยชนะเเบบนี้ของเเกบ้าง เเกก็ลองกวาดสายตาไปรอบๆข้างดูสิ”

พรึ่บ !

ทันใดนั้นเอง พวกปีศาจตนอื่นๆก็พากันหลบตาอย่างพร้อมเพียง

“อึก !”

“เห็นไหม !? มันจะไปมีใครอยากร่วมงานกับไอ้ระยำบัดซบที่ผิดลูกผิดเมียคนเขาไปทั่ว ยศใหญ่เเล้วไง ? ถ้าต้องมานั่งระเเวงว่าวันไหนทำอะไรให้เเกไม่พอใจเเล้วไปเเย่งลูกเเย่งเมียเขาเข้ามา คิดหรอว่าคนอื่นเขายากจะร่วมงานด้วย”

“หนวกหู ! เเกพูดมากไปเเล้ว !!!”

ฟ้าววววว

จอมมารตวัดดาบผู้กล้าลงมา

เเต่สุดท้ายมันก็เป็นได้เเค่นั้น

กึก !

ดาบกากๆของคนกากๆที่เป็นได้เเค่ขยะสังคม สุดท้ายผมก็เอามือเปล่ารับได้โดยไม่เจ็บไม่คัน

“อึก ! เป็นไปไม่ได้ !?”

“ก็เป็นเเบบที่เห็นตรงหน้าเเกนั้นเเหล่ะ โตๆเป็นผู้ใหญ่เเล้วนะจอมมาร สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบน่ะ มันคือสิ่งที่เเยกระหว่างเด็กเเละผู้ใหญ่ ไม่เคยเเปลกใจเลยว่าทำไมโลกใบนี้ยังมีสงครามอยู่ เเล้วก็ไม่เเปลกใจเลยว่าทำไมโลกใบนี้ถึงได้วุ่นวาย….ใช่ ! มันก็เพราะว่าโลกใบนี้มันมีไอ้สวะชั้นต่ำอย่างเเกปกครองอยู่…ไอ้กากเดนไม่ได้ความที่มีดีเเค่ป้ายชื่อคือจอมมาร พอไม่มีป้ายติดชื่อว่าจอมมาร ก็เป็นอะไรไม่ได้ซักอย่าง เเม้เเต่ตัวของตัวเอง ภายใต้เปลือกหุ้มจอมปลอม เเกมันก็เเค่ขยะสังคมธรรมดาๆที่หาได้ตามถังขยะ เฮ้อ….สุดท้ายสิ่งที่เเกทำ มันก็เเค่การหาของมาประดับเปลือกหุ้มจอมปลอม มันก็เท่านั้นเอง”

ว่าเเล้ว ผมก็มองไปยังจอมมารที่จ้องผมด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ต่อให้เเย่งชิงคนรักของผู้คนอีกนับหมื่นเเล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าสุดท้ายภายในของเเกมันก็เป็นเเค่ภาชนะว่างเปล่ากลวงโบ๋อยู่ดี….จอมมารให้ว่ากันตามตรงนะ ผมละโคตรจะสมเพชขยะอย่างเเกจริงๆที่ภูมิใจในเรื่องผิดๆ”

พร้อมกันนั้นผมก็กวาดสายตาไปรอบห้อง จับจ้องปีศาจทั้งหลายเเละชูนิ้วกลางขึ้นมา

“เเล้วก็สำหรับพวกเเกทุกคนที่อยู่ที่นี่นะ ขอพูดได้คำเดียวว่าไปตายซ่ะไอ้พวกเหี้ย ! พวกเเกทุกคนมัวเเต่ปล่อยให้ไอ้สารเลวพรรคนี้ปกครอง มันเป็นจอมมารเเล้วไง มันมีพลังกล้าเเกร่งเเล้วไง ? เพราะพวกเเกที่มีพลังเอาเเต่หวาดกลัว ไอ้โง่นี่มันเลยขึ้นมาปกครองพวกเเกเเละทำให้โลกใบนี้มันบิดเบี้ยวเละเทะไปหมด”

“””……………..”””

ว่าเเล้วก็ชี้มือไล่บี้ พวกมันทุกๆตัว

“พอมันกร่างขึ้นเรื่อยๆ ซักวันเกิดมันอย่างเบ่งอำนาจเเย่งเมียของเเก…ของเเก…หรือว่าของเเกขึ้นมา !!! พวกเเกจะทำยังไงวะ ? ถ้าไม่ตัดไฟไอ้สารเลวนี่ตั้งเเต่ต้นลม เเล้วพวกเเกจะตัดมันทิ้งตอนที่ไล่เเทงตูดเมียเเกเเล้วอย่างงั้นเรอะ คิดสิ คิด ! พวกเเกเป็นบ้าอะไรกันไปหมด ?”

ใช่….เพราะพวกมันทุกคน โลกใบนี้ถึงได้เกิดสงคราม

“คนบางคนเเค่อยากได้เงินไปซื้อน้ำซุปต้มกระดูกหมูมากินคลายหนาวกับครอบครัว คนบางคนขอเเค่ได้กลับบ้านไปรับไปส่งลูกสาวเท่านั้นก็เพียงพอ หรือ คนบางคนขอเเค่ได้ใช้เวลายามบ่ายเดินเล่นร่วมกับคนรัก”

ได้เเต่สูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อสะกดกลั้นอารมร์อันคุกกรุ่นที่อยู่ข้างใน

เเต่มาถึงตอนนี้ ไม่มีคำว่าใจเย็นอีกต่อไปเเล้ว

“เเต่สุดท้าย ไอ้คนที่ไปหาเงินก็ไปตายในสงคราม ส่วนอีกคน ลูกสาวเเละโรงเรียนก็โดนลูกหลงจากระเบิดตายจนคนพ่อไล่ฆ่าปีศาจอย่างบ้าคลั่งจนตัวตายไปอีกคน ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนที่เป็นทหารก็เอารองเท้าข้างขวาเพียงข้างเดียวเข้าสนามรบเเทนเครืองรางเพราะสิ่งที่เหลืออยู่ของเเฟนสาวหลังระเบิดในวันนั้นมีเเค่ขาขวาเพียงข้างเดียว !!!”

“””……………..”””

 

“พวกเราทุกคนจะตายห่ากันหมด ! ถ้าพวกเเกปล่อยให้สงครามบ้าๆนี่มันดำเนินต่อไปทั้งๆเเบบนี้ !!!”

 

เเละผมก็ทนกับมันมามากพอเเล้ว !!!

 

“นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย เผ่าปีศาจทุกๆคน เเล้วก็เดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะไปบอกให้พวกขุนนางหน้าเหียกที่เเมร่งเเย่งบัลลังค์กันอยู่ทางนู้นด้วย “

ผมประกาศออกไปด้วยเสียงอันดังก้อง

“ใครก็ตามที่เเมร่งอยากได้สงคราม เดี๋ยวผมจะเสิร์ฟตรงให้ถึงบ้าน ! จะไม่มีการไล่ยกกองทัพเป็นหมื่นมาฆ่ากันอีก ถ้าหูคู่นี้ได้ยินว่าใครมันอยากได้สงคราม ผมก็จะตามไปเด็ดหัวมันถึงหลังบ้าน ไม่มีกำเเพงเเบ่งเเยกจะเผ่าปีศาจหรือเป่ามนุษย์ ใครที่มันอยากได้สงครามมันต้องตายห่าไปให้หมด !!!”

ว่าเเล้ว ผมก็ดึงดาบผู้กล้ากลับมาจากจอมมารเเละปักลงไปที่พื้น

ปึ้ง !

“เเล้วก็นี่ดาบของผู้กล้า ! เชิญเอาไปติดบนหัวเตียงเเละติดป้ายป่าวประกาศว่า ‘ชัยชนะเหนือผู้กล้าอาเบลด้วยวิธีเเย่งเมียมันมา’ จารึกลงไปให้ลูกหลานของพวกเเกทุกคนรู้ ว่าพวกเเกมันก็เเค่ไอ้ขี้ขลาดที่ไม่มีปัญญาสู้กับผู้กล้าตรงๆ “

อึก !

พวกปีศาจกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ คงไม่คิดเลยว่าจะมีผู้กล้าที่ไหนมาต่อว่าตัวเองตรงๆ หาใช่การเอาดาบมาฟาดฟัน

เเต่ชีวิตที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้เเล้ว

ว่าการฆ่าไม่ใช่วิธีเดียวในการจบปัญหา

ไว้พูดคุยจบค่อยฆ่า ทำเเบบนั้นทีหลัง มันยังไม่สาย

ขอยืนยันคำเดิมว่า ในวันนี้ผมจะไม่ฆ่าพวกมัน เพราะผมมาเพื่อพูดคุย

ผมจะตักเตือนไอ้พวกคลั่งสมครามเลียตีนเจ้านายโง่ๆพวกนี้เป็นครั้งสุดท้าย

ถ้าครั้งหน้ามาถึงจะไม่มีการพูดคุยหรือต่อรอง มีเเต่การสับหัวมันเป็นชิ้นๆเเละโยนลงทะเลเป็นอาหารปลา

หลังจากชี้หน้าด่าพวกมันเสร็จ อิลลี่ก็เสร็จธุระกับลูกสาวของตัวเองพอดี

สีหน้าของทั้งคู่ที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา เเต่มีท่าทางโล่งสบายราวกับยกภูเขาออกจากอก

ทั้งสองที่จูงมือเดินมาหาผมอย่างสนิมสนม มันทำให้รู้ว่าในที่สุดพวกเธอทั้งคู่ก็เป็นอิสระเเล้ว

เมื่อคนเราเปิดใจเข้าหากันได้สำเร็จ มันดีอย่างงี้นี่เอง

“ก็ตามนั้นเเหล่ะ ลาล่ะ หวังว่าจะไม่ได้พบกันอีก”

“เดี๋ยว ! คิดว่าจะปล่อยออกไปง่ายๆหรือไง”

“ใช่เเล้ว ผู้กล้า ! ข้าจะหยุดเเกไว้ที่นี้เอง”

“หยุด ? หยุดผู้กล้า ?”

ผมชี้มาที่ตัวเอง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“เหอะๆ ไร้สาระ ตัวผมในตอนนี้ไม่ใช่ผู้กล้าอีกเเล้ว”

ว่าเเล้ว ผมก็หยิบดาบผู้กล้าขึ้นมาใหม่

จับต้นดาบเเละปลายดาบ ออกเเรงบิดอย่างช้าๆ

เเกร๊ก !

เกิดรอยร้าวอย่างบนใบดาบสีเงินของผู้กล้าทีละน้อย

 

เพล้ง !!!

ก่อนที่สุดท้าย มันก็เเตกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

“ทำบ้าอะไรของเเกว่ะ !!!!”

“เเกเป็นผู้กล้าภาษาอะไรนิ !?”

“จะหักดาบในตำนานไปทำไม ว่าเเต่หักได้ยังไงว่ะเนี่ย !?”

 

ผมเลยตอยพวกมันทุกคนด้วยความเอือมระอา

“ไอ้เศษเหล็กที่ไล่ฟันหัวคนมาเป็นพันๆปี ดาบมันก็ต้องขึ้นสนิมจนหักง่ายอยู่เเล้วป่ะว่ะ”

“จริงๆเเล้ว ดาบของผู้กล้าที่เห็นคือดาบที่ถูกตีขึ้นใหม่เป็นเล่มที่ 100 เเล้วค่ะ…เพราะงั้นไม่ต้องห่วงในด้านของคุณค่าทางประวัติศาสตร์”

ได้ยินที่อิลลี่พูดเสริม พวกปีศาจก็ถึงกับอึ้งกิมกี่

“อือ ตามนั้นเเหล่ะ เพราะงั้นหลีกทางไป ถ้าไม่อยากหักสองส่วนเหมือนดาบผู้กล้า”

“กรอด….เเกยังกล้าเรียกตัวเองว่าผู้กล้าอีกหรอ”

ได้ยินที่ปีศาจซึ่งขวางทางผมอยู่ถาม ผมนี่เเทบจะเบ้ปากใส่ด้วยความรำคาญ

“คำก็ผู้กล้า สองคำก็ผู้กล้า ถามจริงนิยามความหมายผู้กล้าของพวกเเกมันคืออะไรอย่างงั้นหรอ ?”

“—- !?”

“คือไอ้งั่งถือดาบศักดิ์สิทธิ์ที่โดนเเย่งเมียไปเมื่อวันก่อน หรือ ไอ้หน้าหล่อที่ถือดาบไล่เด็ดหัวจอมมาร หรือว่าเป็นไอ้พวกขี้โม้ที่เอาหัวจอมมารไปเสียบโชว์หน้าบ้านของตัวเอง เพราะเเข็งเเกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์เลยเป็นผู้กล้า หรือเพราะเกิดมาเเล้วเป็นผู้กล้าก็เลยเป็นผู้กล้า พวกเเกนิยามคำว่า ผู้กล้า ไว้เเบบไหนกันเเน่ ?”

“นั่นมัน—“

“ถ้าถามความเห็นของผม ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ผู้กล้า น่ะ มันคือผู้หญิงที่อยู่ตรงนี้ต่างหาก !!!”

ว่าเเล้ว ผมก็ผายมือไปทางอิลลี่ที่โอบกอดอนัสตาเซียซึ่งกำลังห่อตัวอยู่ทั้งน้ำตา

 

“นี่เเหล่ะคือ ผู้กล้า !!!”

 

“”” —-!? “””

 

“กล้าที่จะยอมรับความผิดของตนเอง กล้าที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้เปลี่ยนมาสู่ทิศทางที่ถูกต้อง เเละก็กล้าที่จะก้มหัวขอโทษเเละพูดเปิดใจกับลูกสาว คนที่ไม่หนีจากปัญหา ผู้ใหญ่ที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก นั่นเเหล่ะ คือผู้กล้า”

ทีนี้ก็ผายมือไปรอบห้องเเละบอกกับพวกมันทุกๆตัว

 

“เเล้วพวกเเกทุกตัวในที่นี้คือตัวอะไร ?”

 

“””………………”””

 

“เผ่าปีศาจอันทรงเกียติเอย ? สายเลือดอันบริสุทธิ์เอย ? เหล่าชนชั้นปกปครองของโลกเอย ? อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย พวกเเก มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยซักอย่าง เเม้กระทั่งของตัวเอง !  ไอ้พวกที่ก้มหัวให้กับสว่ะพรรคนั้น มันก็เเค่…กรอด….มันก็เเค่”

ยากที่จะปิดกลั้นสีหน่ารังเกียจเหยียดหยามได้อีกต่อไป

 

“ผลผลิตที่เนาเฟะของสังคมห่วยๆ……พวกเเกมันก็เเค่หุ่นเชิดกลวงโบ๋ที่เผ่าปีศาจในยุคก่อนสร้างทิ้งไว้ มันก็เท่านั้นเองว่ะ”

 

“””………………”””

 

ท่ามกลางความเงียบสงบ เสียงตะโกนของผมก็ดังก้องไปทั่วห้องโถงที่เต็มไปด้วยปีศาจซึ่งก้มหน้าลง

 

“เพราะงั้น ผมพอเเล้ว ! พอกันทีกับไอ้ตำนานปัญญาอ่อนหลอกเด็กอย่างผู้กล้าปราบจอมมาร ถ้าเเกอยากเปิดสงครามปัญญาอ่อนของพวกเเกกันต่อ ก็เชิญตามสบาย เชิญไปบอกประชาชนของเเกว่าจงทิ้งความฝัน เเละตายห่าอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อตอบสนองตัณหาพวกเเกซ่ะ ส่วนผมนั้นขอไปใช้เวลากับคนที่ผมรัก ตื่นเช้ามาชงกาเเฟ ดื่มคู่กับขนมปังเเละเฝ้ามองพระอาทิตย์ริมทะเลที่มีเเดดอุ่นๆดีกว่า”

ผมเเบมือขึ้นมา เเละ ค่อยๆดันหลังอิลลี่เเละลูกสาวออกไป พร้อมกับส่งสายตากดดันจนพวกปีศาจที่ขวางทางอยู่พากันหลบ

 

“โอเค ! จบนะ ขอผมกลับบ้านเเละไปพักผ่อน ความสัมพันธ์ของพวกเราสิ้นสุดลงเท่านี้เนอะ”

 

โฮกกกกกกก

 

กระนั้นเเล้ว ทันใดนั้นเอง ปีศาจร่างยักษ์ก็กระโดดลงมาขวางทางของผม

“ผู้กล้าาาา อย่าคิดว่าาาาจะปล่อยไปง่ายยยยย ง่ายยยย”

“อะไรอีก……”

“ข้านะ ไม่ปล่อยให้เเกดูถูกหรอกกกกก ด้วยเกียรติของข้า ขะจะฆ่าเจ้าเเละ ยัยนี่—–“

 

ผัวะ !

 

“…………………”

“…………………”

 

สิ้นเสียงตบเบาๆหนึ่งที

โครมมมมม

ร่างที่ไร้ศีรษะของเผ่าปีศาจที่เคยพูดพล่ามเมือกี้ก็ล้มลงกับพื้น

“……………….”

“……………….”

“………………..”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของพวกปีศาจ ผมก็หยักใหล่เล็กน้อย พลางรับผ้าเช็ดมือจากอิลลี่มาเช็ดมือที่เปื้อนเลือด

“อ่า….โทษทีๆ พอดีมือมันลั่นนะ…เป็นอุบัติเหตุ”

“……………………….”

“ใครก็ได้เรียกหมอมาให้ที หัวขาดเเค่เเป๊ปเดียว น่าจะต่อทันส่งให้สัปเหร่อนะ”

“…………………..”

“เอ่อ…เเล้วก็สำหรับประเทศของพวกเเกที่มีวัฒนธรรมเเย่ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรียกนักข่าวมาเอาภาพผมขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง เดี๋ยวผมจะเอาดอกไม้มากราบงามๆเเละใส่ซองขาวใต้โต๊ะพร้อมรับโทษจำคุกสองปี”

“………………….”

“อ่อ เเต่เดี๋ยว ผมจะหนีออกนอกประเทศซัก 10 ปีอยู่เเล้ว คดีคงหมดอายุความพอดี เพราะงั้นละล่ะ ปีศาจทุกๆท่าน”

 

เช่นนั้น เรื่องราวในฐานะผู้กล้าของผมก็สิ้นสุดลงบนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งด้วยประการฉะนี้

 

 

 

 

 

ปล. นิยายเรื่องนี้ได้ลงจนจบในอีกที่หนึ่งเเล้ว เพราะงั้นทาง NEKOPOST จะลงช้ากว่า 

ถ้าสนใจสามารถไปตามอ่านกันก่อนได้ที่ ลิ้งค์นี้เลยครับ Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย (novelkingdom.co)

 

 

 

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

Status: Ongoing
หลังจากที่เด็กหนุ่มได้รับฉายาว่าผู้กล้า เขาก็ต่อสู้เพื่อโลกใบนี้มาโดยตลอด เเต่ทว่า ในศึกสุดท้ายเขากลับถูกสาวๆในปาร์ตี้หักหลังเเละย้ายข้างไปอยู่กับจอมมาร กระนั้นเเล้ว เมื่อได้กลับไปพบกับองค์ราชินีเเละได้รับความรักความเมตตาจากสาวใหญ่คัพ G เขาก็ได้รับรู้ว่าสาวเเรกรุ่นก็ไม่ต่างหากต้นอ่อน ต้องสาวทรงโตมากประสบการณ์นี่สิถึงจะดี นี่คือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของนักล่าสาย MILF ในตำนาน คุณเเม่ทรงโตเปิดเผยผิวพรรณอวบๆของสาวเอลฟ์ เเม่สาวปีกดำหน้าตาสล่ะสลวยมารยาเจ้าสเน่ห์ผู้เป็นเเม่ของจอมมาร เเถมยัง คุณเเม่ของอดีตคู่หมั้นอย่างองค์ราชินีผมเงินท่าทางอ่อนโยนผู้เป็นสาวงามล่มเมือง เเม้จุดเริ่มต้นอาจไม่งดงาม เเต่เรื่องราวของเขาจะยิ่งใหญ่เเละจบลงด้วยครอบครัวอันสุขสันต์อย่างเเน่นอน

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท