ชีวิตเกษตรกรตามใจ ในต่างโลก – ตอนที่ 47 หมู่บ้านฮาวลิ่ง

ชีวิตเกษตรกรตามใจ ในต่างโลก

———-

กลุ่มการ์ฟเดินทางกลับไปแล้ว

ในท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของการ์ฟก็คือการผูกมิตร ไม่ได้มีลับลมคมในแต่อย่างใด

ที่ไม่ได้นำของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยนั้นก็เพราะ ที่หมู่บ้านของพวกเขาทั้งยากจน และไม่มีขนบธรรมเนียมเช่นนั้น 

หลังจากรู้แบบนั้น ผมก็ไปยืนยันกับลูและเทียร์อีกหน พวกเธอก็ครวญออกมาว่าการนำของฝากติดมือมาด้วยนั้นอาจจะจัดเป็นวิธีการของเมืองที่มั่งคั่งไม่ก็ขุนนางก็ได้ 

ความธรรมดาก็มีหลายรูปแบบล่ะนะ

การเหมารวมเป็นสิ่งที่ไม่ดี

เอาล่ะ ถึงจะรู้แล้วว่าต้องการจะผูกมิตร แต่เรื่องค้าขายแลกปลี่ยนในอนาคตจำเป็นต้องมีการปรึกษากันก่อน

เท่าที่ฟังจากการ์ฟแล้ว ถึงจะบอกว่าเป็นการค้าขาย แต่อันที่จริงก็เป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ 

หมู่บ้านฮาวลิ่งแทบไม่มีเงินตราหมุนเวียนอยู่เลย หมู่บ้านของเราก็เช่นกัน

แล้วอีกอย่าง ตามปกติแล้ว การที่ทั้งสองฝ่ายจะผลัดกันเปิดตลาดแลกเปลี่ยนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าหากเป็นได้ก็อยากให้เปิดที่หมู่บ้านฮาวลิ่งเพียงที่เดียว

ทั้งนี้ไม่ใช้เพราะจะบีบบังคับกันแต่อย่างใด แต่ด้วยเพราะการจะขนสินค้าเข้ายังหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเรื่องที่ลำบากมาก อีกทั้งหากทำแบบนั้นราคาของสินค้าจะสูงขึ้นจนอาจจะไม่สามารถทำการแลกเปลี่ยนกันได้ แล้วต่อให้แลกเปลี่ยนสำเร็จการจะนำสินค้าที่แลกเปลี่ยนกลับไปก็ยากลำบากเช่นกัน

ตอนแรกก็อดคิดไม่ได้ว่า เรื่องแบบนั้นก็เป็นปัญหากับฝั่งนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ คำตอบที่ได้รับมาก็คือ ในเมื่ออยู่ในที่แบบนี้ได้ การเดินทางไปก็คงไม่หนักหนาอะไร

จริงอยู่ที่ ไม่ว่าจะลูหรือเทียร์ก็เดินทางมาที่นี่ได้ด้วยตัวคนเดียว ส่วนเรื่องสัมภาระก็ขอให้พวกคุโระขนให้ก็ได้

อีกอย่าง ถ้าแค่เข้าร่วมเฉย ๆ ไม่พอใจไม่เมื่อไร่จะล้มเลิกก็ง่ายนิดเดียว

ไม่เลวเลย

ต่อไปก็ จะแลกเปลี่ยนอะไรสินะ

ทางหมู่บ้านฮาวลิ่งดูเหมือนจะเป็น หินแร่หลายชนิดกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้แร่พวกนั้น

ผมฟังหลาย ๆ เรื่องมาจากการ์ฟ แต่สิ่งที่สนใจที่สุดก็คือ สีทา

พวกเขาสามารถจัดหาได้หลายสี จากการบดหินที่มีสี

ที่นี้ก็จะสามารถทาสีรั้วบ้านพักได้แล้ว

แล้วก็เครื่องเงิน (ผลิตภัณฑ์จากแร่เงิน)

เหมือนจะขายเครื่องครัวเป็นหลัก

ผมรู้สึกประทับใจนิดหน่อย เพราะที่หมู่บ้านยังใช้เครื่องครัวจากไม้ที่ผมเป็นคนทำเป็นหลักอยู่เลย

เครื่องแก้ว

แม้ตัวแก้วจะไม่โปร่งใสเท่าที่ภาพในหัวผม แต่เหมือนจะมีขวดหลากหลายขนาด 

เจ้าขวดแก้วถูกใจลูกับฟลอร่า

เหมือนว่าขวดแก้วจะดีต่อการเก็บรักษายา

กับน้ำผึ้งก็คงเหมือน ๆ กัน

เครื่องเหล็ก

หม้อกับกระทะเหล็กก็มีเช่นกัน

อนึ่ง ผมได้ลองใช่เครื่องครัวจากเหล็กที่กลุ่มของแอนกับทากะนำมาด้วยดูแล้ว ปรากฏว่าปรุงอาหารได้ง่ายกว่าเครื่องหินเป็นไหน ๆ

อยากได้

สิ่งที่หมู่บ้านฮาวลิ่งต้องการคือ อาหาร

ผลผลิตทางการเกษตรนั้นเอง

เนื่องด้วยอยู่กลางเขา การรวบรวมอาหารเลยค่อนข้างทุลักทุเล

ผลไม้ที่นำมาเสิร์ฟได้รับความนิยมมาก ถึงขนาดยอมก้มหัวข้อร้อง

ไวน์เองก็เช่นกัน

หากของที่ต้องส่งออกเป็นผลผลิตทางการเกษตรล่ะก็ไม่ได้ลำบากอะไรสำหรับเรานัก

อันที่จริง ก็ลำบากเรื่องการสำรองอาหารเพราะจำนวนสมาชิกในหมู่บ้านกำลังเพิ่มขึ้น แต่ก็เพราะมีคนเพิ่มขึ้นมานั่นแหละการขยายไร่ในสเกลใหญ่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

อย่างไรก็ดี การค้าขายแลกเปลี่ยน ตลาดการแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือไปจากหมู่บ้านฮาวลิ่งแล้วก็มีหมู่บ้านอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย กว่าจะเริ่มก็ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนทางยังอีกยาวไกล

ไว้ค่อย ๆ ปรึกษาทุกคนก่อนจะถึงเวลานั้นก็ได้

ผลลัพธ์จากการพูดคุยกันคือ เป็นอันตกลงแล้วว่าจะขยายไร่ออกไปในสเกลใหญ่

ขนาดเพิ่มขึ้นมาสี่เท่าจาก 8*8 หกสิบสี่แปลงเป็น 16*16 สองร้อยห้าสิบหกแปลง

จะให้ผมไล่พรวนดินทั้งหมดเลยก็คงเกินไปหน่อย

ถึงอย่างนั้น คนที่ใช้ (อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์) ได้ก็มีแค่ผมคนเดียว

พยายามเต็มที่เลย

คิดว่าข้ามขีดจำกัดไปได้แล้ว

ในความเป็นจริงแล้ว ผมคิดว่าความเร็วในการพรวนดินของผมน่าจะเพิ่มขึ้น

คงเพราะชินแล้วล่ะมั้ง 

ถึงคนพรวนดินจะเป็นผม แต่เรื่องการดูแล เก็บเกี่ยวก็จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือด้วย

ทั้งกลุ่มของเรียกับทากะ แล้วก็ลูก ๆ ของซาบุตงก็พยายามกันอย่างเต็มที่

อีกอย่าง หกสิบสี่ไร่จากทั้งหมดถูกใช้เป็นไร่องุ่นสำหรับทำไวน์ 

ใช้ทำเหล้าไปหนึ่งในสี่ส่วนจะดีแล้วเหรอ

คงดีแหละนะ

ยังไงซะ แทบทุกคนนอกเหนือไปจากผมก็เห็นพ้องต้องกันแล้ว

หลังจากนั้น ก็สร้างแปลงไปพลางปรึกษาไปพลางแล้วกัน

โดยการปลูกธัญพืชอย่างข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ต์ ถั่วเหลือง ข้าว และข้าวโพด

และพืชอย่างแครอต มันฝรั่ง หัวไชเท้า กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ฟักทอง แตงกวา มะเขือม่วง ผักขม หัวหอม กระเทียมในปริมาณเท่าเดิมกับที่เคยปลูก

สิ่งที่ได้รับการแนะนำมานอกเหนือไปจากที่คาดการณ์ไว้ก็คือ ผักกาดก้าขาวกับอ้อย

ผักกาดก้านขาวเพื่อสะกัดเป็นน้ำมัน ส่วนอ้อยก็สำหรับน้ำตาล

แล้วก็เครื่องเทศอื่น ๆ 

มีความเห็นว่าให้ปลูกพริกไทยเอย งา พริกแดงในปริมารมากเพราะน่าจะขายได้

จะว่าไปแล้ว ผมได้ลองปลูกวาซาบิดูแล้ว

ด้วยต้องปลูกในนา ผมเลยพรวนดินข้าง ๆ อ่างเก็บด้วย (อุปกรณ์การเกษตรสารพัดประโยชน์) จากนั้นก็ล้อมด้วยคันกั้นน้ำ ปิดท้ายด้วยการรดน้ำ

ดูคล้าย ๆ ขึ้นมาเลย (น่าจะหมายถึงการปลูกวาซาบิ)

เรียบร้อย

ได้วาซาบิมาแล้ว

……

ได้มาแล้วก็จริง แต่ไม่มีอาหารที่จะเอาไปใช้นี่สิ

เรื่องการผลิตมิโซะกับน้ำมัน ผมส่งต่องานนี้ให้กับฟลอร่า

เพราะอันที่จริงแล้ว เธอเชี่ยวชาญเรื่องนี้มากกว่าผม

ผมสอนทฤษฎีและวิธีการทำให้กับเธอ ส่วนเรื่องปริมาณก็ขึ้นอยู่กับการลองผิดลองถูกแล้ว

อ่อ..อีกอย่างหนึ่ง การค้นพบที่เกี่ยวข้องกับรา

ผมเปลี่ยน (อุปกรณ์การเกษตรสารพัดประโยชน์) เป็นทัพพี จากนั้นก็คนพืชผลพลางภาวนาให้เกิดรา พอนำไปหมัก ผลก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี

หลัก ๆ คือราเกิดขึ้นตามอย่างที่ภาวนา

ผมสร้างกระท่อมเล็ก ๆ เพื่อใช้หมักโดยเฉพาะ 

ตอนนี้เองก็ทำการทดลองอยู่

หลักก็เพื่อให้ได้รสชาติที่ผมรู้จักนั่นเอง

———-

คุยกันท้ายตอนนิดหนึ่งครับ

ตอนนี้ผมแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นหลักแล้ว (อันที่จริงก็ทำแบบนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ไม่ได้แจ้ง)

เหตุผลหลัก ๆ ก็เพราะผมกำหมัดมาก ๆ กับภาษาอังกฤษ 

อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ การแปลจากงานแปลอีกทีนั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ เรื่องนี้หากใครศึกษาการแปลมาบ้างก็คงทราบกันดี

อย่างไรก็ดี ส่วนหนึ่งที่ผมแปลอยู่นี้ก็เพราะเป็นการศึกษาผสมกับงานอดิเรก ดังนั้นผมไม่อาจรับประกันความถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นได้ แต่จะตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ

ขอให้สนุกครับ 

ชีวิตเกษตรกรตามใจ ในต่างโลก

ชีวิตเกษตรกรตามใจ ในต่างโลก

Status: Ongoing
หลังจากทุกทรมาณกับโรคร้ายมากว่าทศวรรษและเสียชีวิตลง เขาอ่อนเยาว์ลง และคืนชีพในโลกใบใหม่ ระหว่างการต่อสู้กับโรคร้าย สิ่งที่คอยค้ำจุนเขามาโดยตลอดก็คือ รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการเกษตรแบบสบาย ๆ ในชีวิตที่สองนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลองทำเกษตรดู! …

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท