เมื่อลิลลี่ตื่นขึ้นอีกครา ยามนี้ก็เป็นเช้าตรู่ของอีกวันเเล้ว
เเสงอรุณส่องผ่านม่านกระดาษบาง ๆ ไปทั่วห้องก่อให้เกิดเป็นเงาของม่านประตูไว้
ลิลลี่เปิดเปลือกตาของเธอขึ้นช้า ๆ เเละราวกับไม่เคยสิ่งขึ้นมาก่อน ร่างกายของเธอตอนนี้ดูสดชื่นกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมาเลย ความเหนื่อยล้า ความเครียด หรือเเม้กระทั่งความกลัวที่หลงเหลือมาก่อนหน้านี้นั้นหายไปจนหมดสิ้น
…มันเหมือนกับเธอดูเเข็งเเกร่งขึ้นยังไงอย่างงั้น
‘อืม~พี่สาว….จริงด้วย…พี่สาวล่ะ ‘ ลิลลี่รีบเด้งตัวเธอขึ้น เพื่อมองไปยังรอบ ๆ ห้องพักของตนเผื่อจะพบเจอกับร่างบางที่ตนคิดถึงอยู่
เเต่ความเป็นจริงก็มักจะต่างจากจินตนาการอยู่บ่อยครั้ง เพราะหญิงสาวเห็นก็เพียงเเต่ห้องโล่ง ๆ เหมือนเช่นเคยก็เท่านั้น
ในห้องนี้มีเเค่เธอเพียงลําพังก็เท่านั้น ไร้ร่างใด ๆ มาสิงอยู่สิ้น…
ลิลลี่ก้มศรีษะของเธอลง เผยให้เห็นภายใต้ร่มผ้ายูกาตะสีขาวนั้นที่เต็มไปด้วยเหงื่อโชกไหลรินอย่างชัดเจน
เเละหน้าอกที่เต่งตึงคู่นั้นก็ขยับขึ้นลงให้เห็นอยู่ในสายตาเธอ
‘สุดท้ายเเล้วทุุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี..’
ร่างของเธอในมิติประหลาดนั้นเป็นเพียงเเค่จิตก็เท่านั้น ทําให้เมื่อวานเธอถึงได้ไปปรากฏในร่างเดิม
เเละจิตของหญิงสาว เจ้าของกายหยาบของเธอที่กลับนอนอยู่ในที่ห้องเเคบ ๆ มืดมิดอยู่เเบบนั้น
ห้อง….?
ราวกับไฟในสมองวาบขึ้นมาเธอจึงรีบก้มไปหยิบกระจกทองเเดงในเสื้อของเธอออกมา
เเละเมื่อมองไปบนผิวของกระจกในตอนนี้ มันกลับมีรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ผิวของมันที่ดูเเตกก่อนหน้านี้กลับมาสมานเป็นกรอบทรงเเปดเหลี่ยมเเทน ทําให้เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
‘ไม่ใช่ว่าห้องเมื่อวานในมิตินั้นมันก็เป็นทรงเเปดเหลี่ยมเหมือนกันงั้นหรอ ?’
ภาพจําจากเรื่องเมื่อวานยังคงลอยในหัวของเธออยู่
ห้องเเปลก ๆ ที่มีทรงเเปดเหลี่ยมนั้นมันเหมือนกับผิวกระจกตรงหน้าของเธอในตอนนี้อย่างไม่มีผิดเลย
“ถ้างั้นก็เเสดงว่า…เป็นกระจกเองนี้เองสินะที่เป็นคนพาฉันเข้าไปในมิติประหลาดนั่นน่ะ ? ห้องที่เต็มไปด้วยหินเเบบนั้น…”
‘ถ้างั้นพี่สาวก็อยู่ในกระจกงั้นสิ ? ‘
ลิลลี่คิดถึงร่างบางนั้นในหัว ก่อนจะกอดกระจกตรงหน้าเธอเอาไว้ดั่งของลํ้าค่า
‘สุดท้ายเเล้วพี่สาวของเธอก็คอยดูเเลเธออยู่เสมอมาตั้งเเต่ต้นเเล้วสินะ..’
หยดนํ้าตาเล็ก ๆ ไหลรินจากใบหน้าของลิลลี่
เธอหยิบกระจกนั้นขึ้นก่อนจะโน้มจูบเบา ๆ ไปบนผิวกระจกของมัน เเละเก็บมันไว้กับตัวอย่างเเนบชิด
“เเต่ก่อนหน้านั้น ฉันเข้าไปในมิตินั่นได้ยังไงนะ..”
เป็นเพราะอะไรบางอย่างงั้นหรอ
หรือว่าเพราะโชคช่วยกัน ?
เธอได้ตั้งสมมติฐานต่าง ๆ ไปอยู่เช่นนั้นก่อนจะถอดใจลงอย่างช้า ๆ
ยังไงก็เถอะตอนนี้เธอก็รู้เเล้วว่าพี่สาวยังอยู่ข้าง ๆ เธออยู่ ดังนั้นเธอก็จะได้ไม่ต้องไปตามหาอย่างไร้จุดหมายล่ะนะ
‘เเต่วิธีที่จะทําให้พี่สาวตื่นเนี่ยสิ..’
ยื่งคิดก็มีเเต่จะทําให้ปวดหัวไปเปล่า ๆ เเละยิ่งตอนนี้ร่างของเธอก็เหนียวเหนอะไปทั้งตัวด้วยเเล้วมันยิ่งทําให้ปวดหัวเข้าไปอีก ไม่เพียงเเต่ผิวเนื้อของเธอที่จะชุ่มไปด้วยเหงื่อเท่านั้น เเต่ผ้าห่มของเธอในตอนนี้ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วยนะสิ
เเถมมันยังเยอะจนผิดปกติอีก ! [1]
เเต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นลิลลี่ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนเเปลงในร่างกายเธอได้อย่างเเปลก ๆ…
ผิวของเธอที่ดูเนียนขาวขึ้น ลมหายที่ส่งกลิ่นหอมตามธรรมชาติอย่างมีเสน่ห์ เเละรูปลักษณ์ที่เหมือนกับถูกสร้างสรรมายังไงอย่างนั้น
เเถมสายตากับประสาทการได้ยินของเธอก็ดูเหมือนจะดีขึ้นไปด้วยเหมือนกัน
เพราะเเบบนั้นเเล้วเเม้จะเป็นในระยะนี้ก็ตามเธอก็ยังได้ยินเสียงคุณยายอาชิที่กําลังทําอาหารอยู่อีกบ้านได้ด้วยซํ้า !
หญิงสาวไม่รู้เลยว่าการจะเป็นซามูไรให้ได้นั้น ต่อให้บุคคลหนึ่งจะปรารถนาเเละมุ่งมั่นจะฝึกมาเพียงใด เเต่หากร่างกายนั้นไม่อยู่ในสภาวะที่ดีเเล้ว เเม้ใจจะอยากเพียงใดสุดท้ายมันก็เป็นได้เเต่เพียงลมปากก็เท่านั้น
เเต่ตอนนี้ร่างของเธอได้ก้าวข้ามจุดนั้นไปเเล้วโดยไม่รู้ตัว…
‘จะว่าไปตอนนี้ก็เช้าเเล้วสินะ..ฮะ ? เดี่ยวสิเช้างั้นหรอ ! ‘
นี่เธอนอนไปหนึ่งวันเต็มเลยรึไงเนี่ย ! ควันขาว ๆ พ่นขึ้นจากหัวของหญิงสาวเมื่อรับรู้ถึงเรื่องน่าอายของเธอ
หญิงสาวที่นอนข้ามวันข้ามคืน เเถมบนเตียงก็เปียกเเฉะไปขนาดนี้ด้วยอีก ถ้าใครมารู้ล่ะก็เธอคงได้เเต่เอาหน้าซุกเเผ่นดินหนีเเน่ [2]
ลิลลี่รีบลุกตัวขึ้นจากเตียงเเละพับเก็บเครื่องนอนไปซ่อนไว้ยังที่ลับ ๆ ก่อนที่ะเปิดประตูออกไปยังห้องนั่งเล่น
เมื่อมองไปยังชุดของเธอที่ถูกซักเเละจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเเล้ว ลิลลี่ก็ได้เเต่นึกขอบคุณหญิงชราในใจ
เเต่เมื่อนึกถึงกางเกงในสีขาวตัวฉกาจนั้นเเล้ว ลิลลี่ก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
‘ครั้งต่อไปดูท่าเธอคงจะต้องซักมันเองเเล้วสิ’
ลิลลี่จัดระเบียบความคิดตัวเองก่อนจะเดินไปยังห้องอาบนํ้าเช่นครั้งก่อน
สัมผัสของผิวนํ้าที่ควรดูจะเย็นเฉียบนั้น ในตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกถึงมันเลยซักนิดเดียว
ลิลลี่ได้เเต่นึกอย่างเเปลกใจเมื่อเธอรู้สึกเช่นนั้น
หลังจากหญิงสาวอาบนํ้าเสร็จ เธอจึงกลับไปนั่งในห้องเดิมของตนก่อนจะหยิบกระจกทองเเดงนั้นขึ้นมาส่องไปหน้าตนเองช้า ๆ
ภาพของร่างที่สะท้อนในกระจกในตอนนี้มันกลับดูสวยขึ้นเล็กน้อย
ผมสีดํายาวสลัวที่พาดไปด้านหลัง ชุดยูกาตะสีขาวกับเเขนอันเรียวบางที่โผล่ออกมาจากเสื้อหลวม ๆ นี้ ทําให้เธอรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์เเปลก ๆ
เเละยิ่งลิลลี่มองภาพสะท้อนของตนไปเท่าไหร่เธอก็ยิ่งมีเเต่จะหลงใหลกับมันมากขึ้นเท่านั้น
นิ้วเรียวยาวของหญิงสาวเเตะลงบนริมฝึปากเล็ก ๆ ของเธอเบา ๆ
หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตั้งเเต่เมื่อไหร่กันที่กระจกสามารถสะท้อนภาพออกมาได้อย่างที่เธอต้องการ
เเถมยิ่งมิติในกระจกนี้ เเละอสูรกับปีศาจพวกนั้นที่อยากได้กระจกอันนี้อีก ยิ่งคิดถึงมันกระจกบานนี้ก็ดูเเต่จะน่าสงสัยขึ้นไปอีก
‘ละก็ร่างของพี่สาวในนี้ก็ด้วยเหมือนกัน…’
ดังนั้นหลังจากนี้เธอจะต้องพกมันติดตัวไว้ตลอดอย่างเเน่นอน
ส่วนร่มกระดาษของเธอคันนั้นเธอเก็บมันไว้ในตู้ก่อนในตอนนี้ เพราะหากเธอถือหากไปในตอนเช้า ๆ เเบบนี้ล่ะก็ คงจะมีคนเเต่มองเธอเเปลกเปล่า ๆ เเน่
ลิลลี่ยัดกระจกเข้าไปในเสื้อก่อนจะลุกร่างของเธอขึ้นมาเเละเดินไปยังประตูทางออกของบ้านพัก
เเต่ก่อนที่ลิลลี่จะก้าวเท้าออกไปนอกประตู เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที…
เธอลืมเปลี่ยนชุดไปซักสนิทเลย !
เพราะมัวเเต่คิดเรื่องอย่างอื่นไปจนลืมเรื่องชุดของเธอไปเลย
ลิลลี่จึงได้เเต่ปิดประตูไปอย่างอาย ๆ ก่อนจะกลับไปเอาชุดของเธอที่พับอยู่บนโต๊ะนั้น
เเต่ปัญหาที่ตามมาก็ยังคงไม่พ้นสายตาของเธอเองอยู่ดี เพราะชุดที่ไร้ชั้นในบิดบังเเละเป็นร่างของพี่สาวด้วยเเล้ว การเปลี่ยนชุดโดยที่ปิดตาไปด้วยไม่ว่าจะกี่ครั้ง เธอก็ไม่ชินเลยจริง ๆ !
…
…..
“เฮ้อ ! ในที่สุดก็เรียบร้อยซักที~ ” เมื่อพับชุดนอนของตนลงบนโต๊ะเสร็จลิลลี่ก็ได้เเต่ถอนหายใจอย่างอ่อนเเรง
ต้องขอบคุณร่างของพี่สาวที่ยืดหยุ่นกว่าร่างเดิมของเธอมาก เธอจึงไม่ต้องลําบากในเคลื่อนไหวมากนัก
‘เเถมได้เลี่ยงสายตาของเธอด้วยอะนะ’
เสื้อกิโมโนตัวเดิมที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันได้กลับคืนสู่ร่างเจ้าของมันเเล้ว
เเม้จะดูเเปลกที่เธอใส่ชุดกิโมโนได้ เเต่ปกติในโลกเดิมตัวลิลลี่เองก็มักจะท่องเว็บดูเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่เป็นประจําอยู่เเล้ว
ดังนั้นก็คงไม่เเปลกที่บางครั้งเธอจะไปศึกษาเกี่ยวกับชุดพวกนั้นมา
‘เเต่เธอก็เเค่เห็นว่ามันดูดีก็เลยเข้าไปดูล่ะนะ…จริง ๆ นะ’
ยังไงเถอะก็เรื่องต่อจากนี้ไปต่างหากที่สําคัญ…
เพราะเธอมายังที่นี่ก็เพื่อมาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
เพื่อที่เธอจะได้มาฝึกวิชาดาบที่นี่ยังไงล่ะ !
เเม้เเต่การเดินทางที่ไร้จุดสิ้นสุด สุดท้ายเเล้วมันก็มักจะมีจุดเริ่มต้นเสมอ
เพราะงั้นเเล้ว…ก็ลุยโลด !
…………………
[1] N:ความหมายมันก็อย่างที่ผู้อ่านคิดนั้นเเหละ…
[2] N:ต้นฉบับมันเล่าอย่างนั้นจริง ๆ น้าา