ตอนที่ 839 ความคิดของหลินม่าย
แม้ว่าหลินม่ายจะยังเด็กและมีอายุมากกว่าลูกสาวของผู้จัดการเซี่ยเพียงสองหรือสามปี แต่ผู้จัดการเซี่ยไม่เคยประเมินเธอต่ำไปเพียงเพราะเธอยังเด็ก
ตรงกันข้าม เนื่องจากความเป็นเลิศในหน้าที่การงานและการศึกษาของเธอ เธอจึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป
ลูกสาวสองคนของเขาเข้าเรียนในวิทยาลัยได้เพราะการสนับสนุนของหลินม่าย ผู้จัดการเซี่ยต้องการบอกข่าวดีกับเธออย่างมาก
แต่เขาก็มีความคิดของเขาเอง
หลินม่ายเคยสัญญากับลูกสาวสองคนว่า หากพวกหล่อนสอบเข้าวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้ เธอจะมอบสร้อยคอทองคำให้ทั้งสองคนละเส้น
เขากลัวว่าหากเขาบอกข่าวดีกับหลินม่าย เธอจะเข้าใจผิดว่าเขากำลังเตือนเธอว่า อย่าลืมมอบสร้อยคอทองคำให้ลูกสาวสองคนของเขา
หากเป็นเช่นนั้นเธออาจมองว่าเขาเป็นคนโลภ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกข่าวนี้กับเธอ
เมื่อหลินม่ายถาม ผู้จัดการเซี่ยก็หัวเราะและก่าว “ผมยุ่งกับงานมากจนลืมเรื่องนี้ไปน่ะครับ”
หลินม่ายไม่ได้ตำหนิเขา “ฉันรอฟังข่าวดีเกี่ยวกับน้องสาวสองคนมาโดยตลอด แต่ผู้จัดการเซี่ยยุ่งกับงานจนลืมเรื่องนี้ไปเสียอย่างนั้น”
หลังกล่าวเช่นนั้น เธอก็ปกปิดได้สำเร็จว่าเธอลืมสัญญาที่ให้ไว้กับน้องสาวทั้งสองคน และปัดความผิดให้ผู้จัดการเซี่ยแทน
เธออดไม่ได้ที่จะปกปิด
หากผู้จัดการเซี่ยรู้ว่าเธอลืมลูกสาวสองคนของเขา เขาจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องตรวจสอบและยอมรับบ้าน เธอกล้ำกลืนความขมขื่นไว้โดยไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
ผู้จัดการเซี่ยพูดอย่างร่าเริง “หากปราศจากกำลังใจของคุณ เซี่ยฟางและเซี่ยหยวนอาจไม่สามารถผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
คำพูดของเขาไม่สุภาพนัก แต่เป็นการขอบคุณจากใจจริง
เขารู้ดีว่าลูกสาวสุดที่รักของเขากำลังจะไปได้ดีในการเรียน
หากไม่มีกำลังใจจากหญิงคนนี้ พวกหล่อนจะสอบเข้ามหาลัยไม่ได้แน่นอน
เขาพูดกับหลินม่ายโดยไว้หน้าของลูกสาวสองคน ท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ก็เป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปี
หลินม่ายพูดอย่างสุภาพทางโทรศัพท์ “ที่ไหนกันล่ะคะ เป็นเพราะน้องสาวสองคนฉลาด ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยค่ะ”
แน่นอนพ่อแม่จะถ่อมตัวเสมอเมื่อคนนอกชมลูกว่าฉลาด และผู้จัดการเซี่ยก็ไม่มีข้อยกเว้น
เขามีความสุขจนหัวเราะออกมา
หลินม่ายกล่าว “แม้ว่างานจะสำคัญ แต่ผู้จัดการต้องใส่ใจกับร่างกายด้วยนะคะ ร่างกายคือศูนย์กลางของทุกสิ่ง”
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องและถามผู้จัดการเซี่ย ว่าครอบครัวของพวกเขาจะจัดงานเลี้ยงเมื่อใด
ผู้จัดการเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในอีกสามวันครับ”
ในอีกสามวันข้างหน้าเป็นวันอาทิตย์ แขกสามารถมาร่วมดื่มในงานเลี้ยงได้โดยไม่ต้องขอลางาน
ภรรยาของผู้จัดการเซี่ยได้เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว
ทันทีที่ผู้จัดการเซี่ยและหลินม่ายพูดคุยจบ ภรรยาของผู้จัดการเซี่ยก็วางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะ
ครอบครัวสี่คนรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
ภรรยาของผู้จัดการเซี่ยกล่าวชม “โรงเรียนกำลังจะเปิด เสี่ยวหลินก็ยังไม่ลืมที่จะโทรหาฟางฟางและหยวนหยวนหลังจากสอบเข้าวิทยาลัยได้ ฉันคิดว่าหล่อนลืมเรื่องลูกสาวสุดที่รักสองคนของเราไปแล้ว นึกว่าคำสัญญาจะเป็นเพียงลมปาก ไม่คิดว่าจะมีคนคิดถึงลูกสาวเราตลอด เด็กคนนี้เป็นคนดีมากนะคะ”
ผู้จัดการเซี่ยไม่ได้โทรหาหลินม่ายเพราะเขากลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด เขารอสายจากหลินม่ายฝ่ายเดียว
แต่หลินม่ายก็ไม่เคยโทรหาเขาเลย และเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกับภรรยา
เขารู้สึกว่าหลินม่ายนั้นเสแสร้งมาก เวลาที่เธอต้องการใช้เขา เธอจะพูดจาไพเราะ หลังทุกอย่างดำเนินไปจนเสร็จสิ้น เธอก็ข้ามแม่น้ำรื้อสะพานทิ้ง
เธอไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าลูกสาวของเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ระดับใด และเขาก็ไม่พอใจเธออย่างมาก
แต่ตอนที่หลินม่ายริเริ่มที่จะโทรหาและถามว่าเมื่อใดครอบครัวของพวกเขาจะจัดงานเลี้ยง ความไม่พอใจของผู้จัดการเซี่ยก็เหือดหายไป และรู้สึกว่าหลินม่ายเป็นคนดีเช่นเดียวกับภรรยาของเขา
………
หลินม่ายซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารค่ำกำลังรับประทานซี่โครงหมูตุ๋น เธอไม่รู้เลยว่าการโทรศัพท์อย่างทันท่วงทีของเธอถูกจารึกไว้ในใจของผู้จัดการเซี่ยและภรรยาของเขา
วันรุ่งขึ้นหลังจากหลินม่ายคุยกับผู้จัดการเซี่ยทางโทรศัพท์ เหรินเป่าจูก็โทรมาบอกเธออย่างตื่นเต้นว่า หมวกแบรนด์ไป๋เหอของห้องเสื้อจิ่นซิวได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากฮ่องกง
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้รับคำสั่งซื้อมากมายจากฮ่องกง เพราะเฉินเฟิงช่วยหรือเปล่า?”
นี่เป็นความเป็นไปได้เดียวที่เธอคิดได้
ในยุคนี้ ฮ่องกงดูถูกเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากแผ่นดินใหญ่ โดยคิดว่าดูเรียบง่ายเกินไป
เหรินเป่าจูกล่าว “ไม่ใช่เพราะคุณเฉินช่วย แต่ละครฮ่องกงที่ชื่อว่า ‘ทะเลเดือด’ ที่เราสนับสนุนได้ออกอากาศในฮ่องกงเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของนางเอกในละครเป็นที่นิยมในหมู่สตรีชาวฮ่องกง เครื่องแต่งกายและหมวกไป๋เหอที่สวยงามของเราจึงได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากฮ่องกงน่ะค่ะ”
เมื่อหลินม่ายเป็นผู้สนับสนุนละครฮ่องกงเรื่อง ‘ทะเลเดือด’ เธอต้องการใช้อิทธิพลมหาศาลของละครเปิดตลาดสำหรับเครื่องประดับของห้องเสื้อจิ่นซิ่วในฮ่องกง
แต่เธอไม่คาดคิดว่าละครเรื่องนี้จะไม่เพียงเปิดตลาด แต่ยังทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก
หลินม่ายรู้อยู่ในใจว่าทั้งหมดเป็นเพราะคุณภาพของเครื่องแต่งกายและหมวกไป๋เหอของเธอ
แน่นอนว่าเหตุผลส่วนหนึ่งคือเธอเปลี่ยนบริษัทว่านถงกรุ๊ปให้เป็นบริษัทฮ่องกง
锦绣服饰和百合头饰也跟着成了香港公司,香港消费者也就不排斥了
หมวกไป๋เหอและห้องเสื้อจิ่นซิ่วกลายเป็นบริษัทของฮ่องกง และผู้บริโภคในฮ่องกงจะไม่ปฏิเสธ
น่าเสียดายที่ละครฮ่องกงเรื่องนี้ไม่ได้ฉายในแผ่นดินใหญ่ มิฉะนั้นจะมีกระแสการซื้ออย่างบ้าคลั่ง และจะมีร้านแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายก็พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก
เธอไม่ใช่คนที่โลภมาก เธอชอบที่จะเติบโตอย่างเชื่องช้าแต่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายถามเหรินเป่าจูว่าโรงงานถุงเท้าเป็นอย่างไรบ้าง
เหรินเป่าจูกล่าว “ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณทราบพอดี ฉันไปกว่างโจวเพื่อหาคนจากโรงงานนั้น แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามคำขอของคุณ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน แต่เมื่อฉันทำการรับสมัคร พนักงานเหล่านั้นเรียกร้องหลายอย่างมากเกินไป ดังนั้นฉันจึงหยุดไว้ก่อน และกลับมายังเจียงเฉิงเพื่อซื้อโรงงานและอุปกรณ์กับรองผู้จัดการโรงงาน ทั้งหมดเกือบจะพร้อมแล้ว ขาดเพียงแรงงานฝีมือเท่านั้น ฉันแค่อยากถามคุณหลินว่า ฉันควรทำอย่างไรเพื่อไม่ให้พนักงานโรงงานเรียกร้องมากเกินไปคะ?”
หลินม่ายกล่าว “เหตุผลที่คนเหล่านั้นเรียกร้องมากเกินไป เพราะพวกเขาคิดว่าจะหว่านล้อมให้คุณใจอ่อนและยอมจำนนต่อคำขอของพวกเขาน่ะสิ เพราะฉะนั้น อย่ายอมจำนนต่อคำขอเหล่านั้น”
“แล้วเราจะปฏิเสธและทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายยอมจำนนได้ยังไงคะ?”
“ก็รับสมัครพวกเขาเพียงครึ่งเดียว ให้พวกเขาได้แข่งขันกัน”
เหรินเป่าจูยิ้มอย่างมีความสุขที่ปลายสายของโทรศัพท์ “ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ?”
จากนั้นหล่อนก็สงสัยอีกครั้ง “หากจ้างคนเพียงครึ่งเดียว โรงงานถุงเท้าของเราจะมีกำลังคนไม่เพียงพอ และจะเป็นอุปสรรคต่อการผลิต”
“ฉลาดหน่อยสิ คุณจ้างคนแค่ครึ่งเดียว และอีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้รับการว่าจ้างจะขอให้คุณรับคนเพิ่ม และคุณก็แค่รับพวกเขา รอจนกว่าพวกเขาอ้อนวอนให้ได้สิ่งที่ต้องการแล้วจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจ คนเหล่านั้นจะไม่กล้าเรียกร้องอีก คนทำงานก็จะเพียงพอและจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิต”
เหรินเป่าจูแสดงความชื่นชมทั้งหมดที่มีต่อหลินม่าย
ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถเป็นเจ้านายขององค์กรเอกชนขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เธอมีทางออกให้กับทุกปัญหา ไม่ใช่ทุกคนจะฉลาดเฉลียวเช่นนี้ได้!
อีกไม่นานจะเป็นวันที่ผู้จัดการเซี่ยจัดงานเลี้ยงสำหรับลูกสาวฝาแฝดของเขา
หลังอาหารเช้า หลินม่ายคุ้ยตู้เพื่อหาเสื้อสำหรับงานเลี้ยง
เธอหยิบกระโปรงลายตารางสีเหลืองดำซึ่งเป็นคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิจากตู้เสื้อผ้าและเตรียมสวมใส่
ฟางจั๋วหรานเตือน “นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เจียงเฉิง อากาศหนาวแล้ว
คุณกำลังตั้งครรภ์ ถ้าคุณสวมกระโปรงแบบนี้ไป ขาของคุณจะเย็น แม้ว่าคุณจะสวมถุงน่องก็ตาม ระวังโรคไขข้อกระดูกนะ มันจะทำให้คุณทรมานเมื่อแก่”
เป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นโรคไขข้อกระดูกในวันเดียว?
แต่หลินม่ายกลัวลูกในท้องจะหนาว เธอจึงแขวนกระโปรงแห่งฤดูใบไม้ผลินั้นกลับเข้าตู้
เธอเลือกเสื้อสเวตเตอร์เปิดไหล่สีขาวครีม กับกางเกงยีนส์ขากว้างมาใส่
เสื้อสเวตเตอร์รัดตัวเล็กน้อย ทำให้ฟางจั๋วหรานจ้องมองด้วยความไม่พอใจ
กางเกงยีนส์ก็เล็กเกินไป ใส่ได้แต่หายใจไม่ออก
หลังกลับจากการถ่ายทำหนัง หลินม่ายก็สวมชุดคลุมท้องที่คุณย่าฟางทำให้เธอจากร้านตัดเสื้ออยู่เสมอ
คุณย่าฟางบอกว่า ชุดคลุมท้องหลวมๆ แบบนี้เหมาะกับลูกที่โตในท้อง
หลินม่ายไม่เคยสังเกตดตัวเองมาก่อน ก่อนที่เธอจะรู้ตัว น้ำหนักก็ขึ้นมาเยอะจนคาดไม่ถึง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ระวังหน่อยม่ายจื่อ เธอท้องแล้วนะ อย่าทำอะไรโลดโผน
ไหหม่า(海馬)