ตอนที่ 841 กลัวน้ำหนักขึ้น
หลินม่ายนอนพักที่บ้านอีกสองวัน และวันที่ 30 สิงหาคมก็เป็นวันลงทะเบียนเปิดภาคเรียนของโต้วโต้วด้วย
หลินม่ายไม่อยากใส่ชุดคลุมท้องไปโรงเรียน เพราะเธอไม่ต้องการเป็นจุดสนใจของทุกคน เธอเขินอายเกินกว่าจะเป็นเป้าหมายของสายตาใคร
หลังตื่นนอนเธอก็สวมใส่ชุดกีฬา
ชุดกีฬาหลวมและสวมใส่สบาย ทั้งยังสามารถปิดหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยได้ ทำให้หลินม่ายพอใจมาก
การลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพราะเธอสามารถลงทะเบียนได้ตลอดทั้งวัน
โรงเรียนของโต้วโต้วอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหลินม่าย ห่างออกไปเพียงหนึ่งหรือสองกิโลเมตร
หลังอาหารเช้า ทั้งครอบครัวก็พาโต้วโต้วไปโรงเรียน
โต้วโต้วถือกระเป๋านักเรียนใบเล็ก มือซ้ายจับมือหลินม่ายและมือขวาจับฟางจั๋วหราน ชูมือขึ้นฟ้าอย่างมีความสุข
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเดินตามหลังทั้งสามคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เพื่อนบ้านก็จงใจแหย่โต้วโต้ว “โต้วโต้ว จะพาทั้งครอบครัวใหญ่ไปที่ไหนล่ะ?”
โต้วโต้วพูดอย่างภาคภูมิใจ “ส่งหนูไปโรงเรียนค่ะ”
เพื่อนบ้านชมเชย “โต้วโต้วสุดยอดมาก อีกไม่นานหนูจะกลายเป็นนักเรียนประถมแล้วสิเนี่ย”
โต้วโต้วภูมิใจมากขึ้น
ครอบครัวห้าคนค่อย ๆ เดินออกไป และเพื่อนบ้านก็ซุบซิบกัน
ว่ากันว่าโต้วโต้วโชคดีที่หลินม่ายรับไปเลี้ยงและมีชีวิตเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย
ลูกแท้ๆ หลายคนที่อยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดยังไม่มีชีวิตที่ดีอย่างนี้เลย
เมื่อหลินม่ายปรากฏตัวในโรงเรียนของโต้วโต้ว เธอก็เป็นจุดดึงดูดความสนใจจากผู้ปกครองและครูหลายคนในทันที
ผู้ปกครองบางคนจำเธอได้ แต่ไม่อยากจะเชื่อ
ครอบครัวของหลินม่ายทั้งห้าคนที่มาที่ชั้นเรียนของโต้วโต้วตามรายชื่อชั้นเรียนของนักเรียนใหม่ที่ติดไว้ที่ประตูโรงเรียน
ครูประจำชั้นของโต้วโต้วถามหลินม่ายว่าเธอคือหลินม่ายที่ร้องเพลง ‘ชีวิตที่เบ่งบาน’ ใช่หรือไม่ และเมื่อเธอตอบว่าใช่ ผู้ปกครองจึงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้จำคนผิด
ทันใดนั้นทั้งชั้นเรียนก็พลันโกลาหล ทุกคนต่างต้องการที่จะพูดคุยกับหลินม่ายและพากันเบียดเสียดไปอยู่ข้างหลินม่าย
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และทุกคนในครอบครัวตื่นตระหนกจนต้องล้อมหลินม่ายไว้เป็นวงกลม
โต้วโต้วผลักฝูงชนด้วยมือเล็ก ๆ ของหล่อน ตะโกนสุดเสียงพลางกล่าว “แม่ของหนูมีน้องอยู่ในท้อง ได้โปรดอย่าเบียดแม่หนู”
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ ก็เตือนทุกคนเช่นกัน
บางคนหยุดอยู่กับที่ ในขณะที่บางคนยังคงเบียดเข้าหาหลินม่าย
คุณปู่ฟางโกรธมากและขอให้ฟางจั๋วหรานพาหลินม่ายออกไป พวกเขามองไปที่โต้วโต้ว
ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายไว้ในอ้อมแขนของเขา วิ่งไปทางซ้ายพร้อมใช้ร่างสูงโปร่งของเขาพาหลินม่ายออกจากห้องเรียนและโรงเรียนไป
เพียงเดินไปให้ไกลก็ไม่มีผู้ใดกวนใจแล้ว
หลินม่ายถอนหายใจยาว
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่ต้องการมีชื่อเสียง แฟน ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่คลั่งไคล้เธอมากเกินไป!
ฟางจั๋วหรานเรียกแท็กซี่ให้หลินม่าย
ก่อนที่หลินม่ายจะขึ้นรถ สามีก็บอกให้หลินม่ายระวังเรื่องความปลอดภัยและอย่าให้คนอื่นชนเธอ
อย่ากลับมายังโรงเรียนและกลับไปยังมหาวิทยาลัยโดยเร็ว
คนขับแท็กซี่ขับรถออกไปและจ้องมองเธอผ่านกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อถึงประตูมหาวิทยาลัย หลินม่ายจ่ายค่าโดยสาร ลงจากรถแท็กซี่ และมาที่หอพักโดยสะพายกระเป๋านักเรียนไว้
ทันทีที่เพื่อนร่วมห้องเห็นเธอ พวกหล่อนก็โบกมือให้ “มาเร็ว มาชิมอาหารที่เรานำมาจากบ้านเกิดของเรากัน”
เมื่อหลินม่ายได้ยินว่ามีของกิน เธอก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
เธอไม่โลภเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังน้ำลายไหลเมื่อได้ยินของอร่อย
รูมเมทของเธอมาจากทั่วทุกมุมของประเทศและนำอาหารพิเศษมากมายจากบ้านเกิดของพวกหล่อน
มีแตงดองหวานซานหลิน ถั่วปรุงรสพะโล้เฉิงหวงเมี่ยว แห้ว เกาลัด ผักดองเสฉวน เค้กข้าว ไข่เยี่ยวม้า…
หลายอย่างถือว่าเป็นอาหารโปรดของหลินม่าย ซึ่งอาหารโปรดของเธอก็คือถั่วปรุงรสพะโล้เฉิงหวงเมี่ยวจากเซี่ยงไฮ้ ผักดองเสฉวน และไข่เยี่ยวม้าจากหูหนาน
เธอหยิบถั่วปรุงรสหนึ่งกำมือแล้วกิน ชี้ไปที่ผักดองเสฉวนขวดเล็กและไข่เยี่ยวม้าหนึ่งโหล พลางกล่าว “เก็บบางส่วนไว้ให้ฉันด้วย”
รูมเมทพูดพร้อมกัน “เธอท้องแล้วก็อายุเยอะสุด เราไม่กินสองอย่างนี้หรอก เก็บไว้ให้เธอหมดเลย”
หลินม่ายหันไปมองเสิ่นอวิ้นทันที “เธอบอกพวกหล่อนว่าฉันท้องเหรอ?”
เสิ่นอวิ้นไม่รู้สึกผิดเลย “เธอปิดข่าวเรื่องท้องไม่ได้หรอก เพียงมองด้วยตาเปล่าก็รู้ ในเมื่อไม่สามารถปกปิดได้ แล้วทำไมฉันถึงพูดไม่ได้?”
หลินม่ายพูดไม่ออก
ไม่ใช่ว่าไม่อาจบอกเรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ เพียงแต่มันเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเธอ
เสิ่นอวิ้นบอกเพื่อนร่วมห้องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของหลินม่าย ซึ่งไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร
หล่อนหวังว่าเพื่อนร่วมห้องจะเอาใจใส่มากขึ้น ไม่ชนเธอ ดูแลเธอมากขึ้น ซึ่งหล่อนบอกกล่าวโดยไม่มีเจตนาร้าย
กั๋วเซี่ยงหงคิดใส่อาหารสองอย่างไว้ในตู้ของหลินม่าย และปล่อยให้เธอกิน
หลินม่ายรีบห้ามไว้ “อย่าวางไว้ในตู้ของฉัน สามีของฉันไม่ให้ฉันกินผักดองกับไข่เยี่ยวม้า”
เพื่อนร่วมห้องล้วนเป็นคนมีการศึกษา และก็รู้ว่าของหมักดองแสลงต่อสตรีมีครรภ์
กั๋วเซี่ยงหงจึงไม่ได้ใส่สองสิ่งนี้ไว้ในตู้ของหลินม่าย
เถียนเฟินเห็นหลินม่ายกำลังกินถั่วปรุงรสอย่างเอร็ดอร่อย จึงเอ่ยขึ้น “ตอนที่พี่สาวของฉันท้อง ฉันได้ยินแม่ของฉันบอกพี่สาวว่า อย่ากินอาหารที่แข็งเกินไปขณะตั้งครรภ์ ไม่อย่างนั้นจะปวดฟันได้”
เมื่อหลินม่ายได้ยินดังนั้น เธอก็รีบวางถั่วปรุงรสในมือลง
ความยากลำบากของคนท้องคือ ไม้อาจกินในสิ่งที่ตนเองต้องการได้
หลังจากกินข้าวสักพัก ทุกคนก็ออกจากหอพักไปพร้อมกันเพื่อลงทะเบียนเรียน
ทันทีที่หลินม่ายเข้าห้องเรียน นักศึกษาหญิงหลายคนก็มารวมตัวกันและมองเธออย่างระมัดระวัง โดยบอกว่าเธออ้วนขึ้นและใบหน้าของเธอก็กลมขึ้น
คนหนึ่งบอกว่าหลินม่ายยังไม่อ้วนนัก แต่บางคนกลับมองเรื่องนี้เป็นปมด้อยและล้อเลียนเธอ
ในชาติก่อนของเธอ ทุกคนกลัวที่จะอ้วน แม้ว่าหลินม่ายจะเกิดใหม่ เธอก็ยังรู้สึกประหม่าเมื่อได้ยินคำว่าอ้วน
เธอแอบจับไขมันรอบเอวของตัวเอง
ตอนนี้เธอท้องได้เพียงห้าเดือน
ตามการคำนวณการตั้งครรภ์ในเดือนตุลาคม เธอจะอ้วนขึ้นอีก และจะอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น ฮือๆๆ
หลังจากลงทะเบียน หลินม่ายวิ่งไปถามเพื่อนร่วมห้องของเธอว่าเธอน้ำหนักขึ้นเยอะจนขี้เหร่หรือไม่?
เพื่อนร่วมห้องทุกคนบอกว่าเธออ้วนขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังสวยมาก
หลินม่ายรู้สึกเสมอว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอกำลังปลอบโยนเธอ เธอจึงนั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยอาการซึมเศร้าเล็กน้อย
หลินม่ายกลับบ้านมาก่อน ส่วนโต้วโต้วและคุณปู่ฟางก็ตามมาหลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับมาแล้ว ป้าถูจึงนำซุปเห็ดหูหนูขาวใส่เม็ดบัวและไป๋เหอที่ต้มไว้เมื่อเช้ามาให้
หลินม่ายโบกมือทำท่าไม่อยากดื่ม
น้าถูไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงเอ่ยถาม “คุณหมอฟางบอกว่าทุกคนต้องดื่มซุปเห็ดหูหนูขาวนี้ มันบรรเทาอาการผิวแห้งในฤดูใบไม้ร่วงได้”
แต่หลินม่ายยังไม่ยอมดื่มและไม่ฟังใครแนะนำ เธอเดินกลับห้องไปทันที
คุณย่าฟางคิดว่าเธอไม่ค่อยสบายจึงตามเข้าไปในห้อง แล้วถามว่าเป็นอะไร
หลินม่ายบอกว่าเธอเหนื่อยนิดหน่อย จึงเข้ามาพักผ่อน
ในตอนบ่าย ฟางจั๋วหรานซื้อองุ่นของโปรดหลินม่ายกลับมา คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางบอกเขาว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติกับหลินม่าย
ฟางจั๋วหรานขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกับม่ายจื่อครับ? หล่อนรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?”
คุณย่าฟางส่ายศีรษะพลางกล่าว “ย่าถามหล่อนว่าไม่สบายหรือเปล่า หล่อนตอบว่าเปล่า หลานไปถามเองแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
คุณปู่ฟางกังวล “ไม่รู้ว่าม่ายจื่อกำลังท้องและเหนื่อยง่าย หรือเพราะทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนมา สีหน้าท่าทางถึงดูไม่ค่อยดีนัก”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง
หลินม่ายเคยบอกว่าหลังจากที่เธอท้อง เธอก็ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
บางทีเมื่อเธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เธออาจทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้น
เขาหันกลับและไปที่ห้องนอนของทั้งสองคน
และเห็นว่าหลินม่ายกำลังนอนอยู่บนเตียงและไม่ได้ผล็อยหลับไป ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่เพดานด้วยสายตาขุ่นเคือง
ฟางจั๋วหรานเดินไปนั่งลงข้างเตียงและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “เป็นเพราะคุณไม่สบายหรือมีเรื่องขัดแย้งกับคนอื่นหรือเปล่า? ผมได้ยินมาจากปู่กับย่าว่าวันนี้คุณอารมณ์ไม่ดีและไม่อยากอาหาร”
หลินม่ายซบศีรษะลงในอ้อมแขนของเขา “ฉันไม่ได้ไม่สบายและไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่เป็นเพราะฉันอ้วน เสื้อผ้าหลายชิ้นไม่พอดีตัว และฉันก็ไม่มีความสุขเลยสักนิด”
ก้อนหินก้อนใหญ่ในหัวใจของฟางจั๋วหรานหายไปในทันที “เสื้อผ้าไม่พอดี งั้นเราไปซื้อตัวที่เหมาะสมกันเถอะ นี่มันเรื่องใหญ่นะ!”
หลินม่ายไม่ต้องการที่จะไป แต่ฟางจั๋วหรานบอกว่าน้ำหนักจะหายไปเมื่อคลอดลูก
หลินม่ายตามเขาออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่
คุณย่าฟางขอให้ฟางจั๋วหรานพาหลินม่ายไปรับประทานอาหารมื้อใหญ่
มีร้านอาหารอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นร้านที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างเคร่งครัด ปรุงอย่างประณีต มีรสเค็มและหวานปานกลาง เน้นรสชาติดั้งเดิม น้ำซุปส่วนใหญ่เป็นน้ำซุปที่ทั้งเข้มข้นและกลมกล่อม เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์
ฟางจั๋วหรานพาหลินม่ายไปทานอาหารหวยหยาง
เขาสั่งอาหารเพียงสามอย่างสำหรับหลินม่าย ได้แก่ ผัดหมี่เต้าหู้ ปลาเก๋าทอด และปลาไหลกรอบเหลียงซี
อาหารสามจานนี้ไม่มันเลี่ยน และไม่ทำให้อ้วน หลินม่ายสามารถกินได้หมดโดยไม่ละอายใจ
ฟางจั๋วหรานเห็นเธอกินอย่างมีความสุข เขาก็มีความสุขเช่นกัน จนลืมกินกับข้าวและกินแต่ข้าวขาว
หลินม่ายรับประทานอาหารไปได้ครึ่งทาง แต่พบว่าฟางจั๋วหรานยังไม่ได้กิน เธอจึงรีบเลื่อนจานอาหารมาให้เขาและพูดด้วยความโกรธ “ทำไมคุณไม่กินกับข้าวล่ะ?”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณสวยมาก การดูคุณกินทำให้ผมมีความสุขมาก”
หลินม่ายหน้าแดงจากการชมของเขา “บ้าบอ”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างจริงจัง “คุณไม่เคยได้ยินคำว่าเอร็ดอร่อยและสวยงามเหรอ?”
หลินม่ายรู้สึกเบิกบานใจกับคำชมของเขา และความหดหู่ในใจของเธอก็หายไป
หลังอาหารเย็น ทั้งสองไปซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน
พวกเขาไปห้างสรรพสินค้าสองแห่งติดต่อกัน แต่ก็ไม่พบเสื้อผ้าสวยงามที่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์เลย
ทุกวันนี้ชีวิตผู้คนเริ่มดีขึ้น และเสื้อผ้าคนท้องก็ใส่ได้ไม่นาน ผู้หญิงท้องที่ไม่ยอมควักเงินซื้อชุดคลุมท้องก็แค่หาเสื้อผ้าหลวม ๆ มาสวมใส่
มีหญิงตั้งครรภ์บางคนที่สวมเสื้อผ้าของผู้ชายในระหว่างตั้งครรภ์
หากไม่มีความต้องการในตลาด ผู้ผลิตก็ไม่ผลิตเป็นธรรมดา หลินม่ายจึงไม่สามารถซื้อได้
ทั้งสองต้องกลับมาอย่างคว้าน้ำเหลว
ฟางจั๋วหรานปลอบใจหลินม่ายว่าหากไม่สามารถซื้อชุดคลุมท้องได้ อีกสองวันก็จะถึงวันอาทิตย์ เขาจะพาเธอไปที่ร้านตัดเสื้อเพื่อสั่งตัด
หลินม่ายทำหน้ามุ่ยพลางกล่าว “ฉันไม่อยากไปสั่งตัดที่ร้านหรอก ดูชุดคลุมท้องที่คุณย่าสั่งตัดให้ฉันสิ ไม่มีชุดไหนดูดีเลย”
“คุณออกแบบเองได้นี่ และให้ช่างตัดให้”
หลินม่ายยังคงปฏิเสธ
ถ้าเธอต้องออกแบบชุดคลุมท้อง เธอต้องลอกแบบมาจากชาติที่แล้วและขอให้ช่างตัดเสื้อออกแบบให้
ทั้งสองเดินทางกลับบ้าน และเมื่อหลินม่ายหลับไป คุณย่าฟางก็แอบมาถามฟางจั๋วหรานว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลินม่าย เธอไม่สบายหรือทะเลาะกับใครที่โรงเรียนกันแน่
ฟางจั๋วหรานบอกว่าไม่ใช่ทั้งสอง แต่เป็นเพราะหลินม่ายคิดว่าเธออ้วนเกินไป
คุณย่าฟางพูดอย่างจริงจัง “ม่ายจื่อไม่อ้วน ไม่อ้วนเลย คนท้องหลายคนอ้วนกว่าหล่อนเยอะ”
คุณปู่ฟางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ถูกต้อง ม่ายจื่อเป็นหญิงท้องที่ผอมที่สุดแล้ว!”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อยู่กับคนท้องต้องเข้าใจนะคะ อารมณ์มันจะสวิงขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)