บทที่ 818 มาได้พอดี ยืนยันพิกัดแดนลับอาทึกได้แล้ว!
ตาเฒ่ากลับไปแล้ว ดวงตาชราภาพคู่นั้นสว่างไสวยิ่งกว่าไข่มุกราตรี พืชพรรณประหลาดทุกต้นล้วนเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้ หากได้ใช้ในการฝึกฝนย่อมช่วยให้ก้าวสู่ระดับสูงขึ้นได้แน่!
“ยามบุปผาผลิบานขอจงเด็ด ยามร่วงโรยคงเหลือเพียงก้านกิ่ง…”
เขาหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบาน ทั้งยังท่องบทกวีอีกด้วย มิมีช่วงเวลาใดงดงามกว่ายามนี้แล้ว
บุปผาสดใหม่เฉิดฉันแวววาวสีสันฉูดฉาดขึ้นอยู่ดอกแล้วดอกเล่า ตาเฒ่ายื่นมือเข้าไปหมายจะเด็ดดอกไม้
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น ความเจ็บปวดถาโถมขึ้นสู่สมอง บุปผาเฉิดฉันนี้กัดกินมือข้างนั้นของผู้เฒ่าไปทันที!
“อ๊ากกก เรื่องบ้ากระไรนี่!”
เขาอึ้งงัน ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ไหนว่าเงียบสงบปลอดภัยอย่างไร เหตุใดเขาถึงถูกโจมตีเข้าให้?!
งึงงึงงึง!
เวลานั้นเอง ผู้เฒ่าได้ยินเสียงกระพือปีกพึ่บพั่บของยุงจำนวนมาก จึงหันมองตามเสียง แล้วก็ต้องตกตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง!
“สวรรค์ทรงโปรด!”
ยุงกลุ่มใหญ่ยั้วเยี้ยบินมาหาเขา หากถูกกลุ่มก้อนนี้โถมทับ คงถูกดูดเลือดจนแห้งเหี่ยว ไม่เหลือเลือดแม้สักหยด!
ผู้เฒ่ารีบโยนหินผลึกออกไปหลายก้อนโดยไม่สนแล้วว่าจะเสียดายหรือไม่ และยังจุดระเบิดหินผลึกเหล่านั้นทันทีอีกด้วย!
หินผลึกนี้ขุดได้ยากยิ่ง เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมหาศาลถึงขุดขึ้นมาจากมุมหลืบได้จำนวนหนึ่ง และบัดนี้ก็โยนมันออกไปหมดแล้ว
แม้ว่าหินผลึกเหล่านี้เป็นเพียงของริมขอบ กระนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มันแฝงไว้ด้วยพลังอันมากล้น และมีพลังทำลายล้างสูงจนน่าทึ่ง!
ตู้มตู้มตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาในเสี้ยวลมหายใจ พลังอันน่าสยดสยองทะยานสู่ฟ้า ประหนึ่งคลื่นพลังพร้อมทำลายทั้งพิภพกำลังซัดสาด พลังระดับนี้สามารถสังหารได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายขั้นหก!
ทว่า ยุงเหล่านั้นกลับไร้รอยขีดข่วน ขาสักข้างยังไม่มีหลุด พวกมันยังจะฝ่าออกมาจากพลังอันน่าสะพรึงนั่นเพื่อบินไปหาตาเฒ่า
“มารดาเจ้าเถอะ ข้าไม่ต้องการกายเนื้อนี้แล้ว ยกให้พวกเจ้าแล้วกัน!”
สีหน้าตาเฒ่าเปลี่ยนไปอย่างมาก วิญญาณของเขาเหินออกจากร่างกายทันทีด้วยความเด็ดขาด มิมีลังเล
ก่อนไปเขาชำเลืองดูแล้ว พับผ่าสิ ยุงพวกนั้นน่ากลัวเหลือเกิน พริบตาเดียวก็ดูดเลือดในร่างกายเขาออกจนหมด!
ผู้เฒ่าหนีไปไกลมากกว่าจะหยุดลง นึกโชคดีอยู่เต็มหัวใจ
ยังดีที่เขาละทิ้งกายเนื้อโดยไม่ลังเล มิฉะนั้น คงไม่มีทางรอดมาได้ และต้องตายลงที่นั่นอย่างสมบูรณ์
ยุงเหล่านั้นมิได้ไล่ตามมา คล้ายว่าเคลื่อนไหวแต่ในพื้นที่นั้นเท่านั้น เขารีดเร้นกำลังหลอมกายเนื้อขึ้นใหม่
“ช่างพิศดาร… เหลือเกิน!”
ผู้เฒ่าสบถ อย่างไรก็คิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดเมื่อครู่ยังไม่เป็นไร คราวเขาย้อนกลับมาดันเกิดเรื่องขึ้นได้
“ช่างเถิด ไปฝึกฝนดีกว่า! ใช่ว่าเรื่องทุกเรื่องนั้นจะมีคำตอบ แต่เดิมอาณาจักรนี้ก็พิลึกกึกกืออยู่แล้ว!”
เขาไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้อีก หากแต่กลับไปยังจวนที่เขาสร้างขึ้นในสถานที่แห่งนี้แล้วรีบเร่งฝึกฝนรักษาตน
การละทิ้งร่างกายเดิมสร้างความเสียหายต่อตัวเขาไม่น้อย ถึงอย่างไรกายเนื้อใหม่นี้ก็สู้กายเนื้อเดิมมิได้
…..
ภายในขุนเขา
ครั้นพวกหลี่จิ่วเต้าก้าวเข้าไป ภูตหินผลึกที่เดิมสยดสยองสงบลงทันที มิกล้าโผล่หัวออกมาแม้แต่น้อย!
“ไม่เลวเลย…”
ชายนหุ่มหัวเราะเบา ๆ เขาพึงพอใจในเหมืองเพชรของภูเขานี้มาก ยังมิได้ขุดจริงจังนักก็ค้นพบเพชรจำนวนไม่น้อยแล้ว ซ้ำยังน้ำงามกันถ้วนหน้า
“ตีเครื่องประดับวันแต่งงานให้พวกเขาหนึ่งชุด เสร็จแล้วจะตีให้เจ้าอีกหนึ่งชุด”
เขาบอกกับลั่วสุ่ย เพชรที่ผ่านการเจียระไนแล้วเจิดจรัสอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าหากลั่วสุ่ยได้ใส่ คงยิ่งทวีความงดงามของนางขึ้นไปอีก
ลั่วสุ่ยยิ้มหวานหยดย้อย “ขอบคุณคุณชาย”
“พวกเราหาได้รีบกลับไม่ ยังมีเวลาพอ ลำพังพื้นที่ชายขอบยังมีเพชรน้ำงามเยี่ยงนี้ คิดแล้วด้านในคงยิ่งดีกว่านี้อีก”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “มิหนำซ้ำ มิได้มีเพียงภูเขาลูกนี้ที่มีเพชร ยังมีภูเขาอีกหลายลูกที่มีเช่นกัน พวกเราคงขุดพบเหมืองเพชรน้ำงามกว่านี้ได้แน่”
วันแต่งงานของสือเฟิงคืออีกหนึ่งเดือนให้หลัง มีเวลาเพียงพออย่างที่ว่า ไม่จำเป็นต้องรีบกลับ
…
เทวโลกชั้นหนึ่ง
หนานฉงกลับมาที่เดิมอีกครั้งอย่างนึกสะท้อนใจไม่น้อย
หวนนึกถึงเมื่อคราวก่อน เขาใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้น ถูกไล่ล่าไปทุกวี่วัน ไม่มีช่วงเวลาสุขสงบแม้แต่น้อยต้องหนีเอาชีวิตรอดอยู่ตลอด
ทว่าหนนี้ต่างออกไป เขามีพลังเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนิกายนั้นอีกครั้งก็หาได้หวั่นเกรง ด้วยมีความสามารถพอจะต้านทาน
นอกจากนี้ เมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็มากับเขาด้วย อีกทั้งมีก้านหลิวที่พี่หลิวมอบให้ด้วยตนเองในมือ เขายิ่งไม่จำเป็นต้องวิตกหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ไปดูที่นิกายนั้นหน่อย ข้าอยากเห็นว่าชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง!”
หนานฉงพาเมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมายังนิกายนั้น
ครานั้น เป็นเพราะเขาบังเอิญไปเจอภรรยาเจ้านิกายเล่นชู้กับศิษย์คนโตแล้วถูกปรักปรำว่าเป็นโจรขโมยอาภรณ์ชั้นใน ถึงถูกไล่ฆ่าอย่างน่าอนาถ
หากมิใช่ว่าต้นหลิวและก้อนหินไปถึงทันเวลา เขาคงถูกผู้อาวุโสที่เป็นภรรยาเจ้านิกายลวงฆ่าไปแล้ว
ครานั้น เพื่อแก้แค้นให้เขา ก้อนหินย้อมผมของภรรยาเจ้านิกายและศิษย์คนโตผู้นั้นเป็นสีเขียวทั้งคู่ และส่งกลับไปยังนิกายนั้น
เขาอยากไปดูว่าหลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้นบ้าง
“ท่านมาแล้วหรือ เชิญเข้ามาก่อน!”
ลูกศิษย์ผู้เฝ้าทางเข้าภูเขาของนิกายนั้นจำหนานฉงได้ คลี่ยิ้มกว้างออกมาในบัดดลแล้วเอ่ยเชิญหนานฉงเข้าไป
ต้นหลิวเคยต่อสู้กับกระโปรงสีขาวแห่งความตายที่นอกอาณาจักร เผยให้เห็นถึงกำลังอันเหนือจินตนาการ สิ่งมีชีวิตในเทวโลกต่างเคารพนับถือต้นหลิวกันอย่างยิ่งยวด!
หนานฉงมีความเกี่ยวข้องกับต้นหลิวไร้เทียมทานท่านนั้น เขาไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาท
ไม่กล้าเลยสักนิด!
พวกหนานฉงเข้าไปในนิกาย ไม่นานนักเจ้านิกายก็มาถึง
“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ท่านต้องลำบากแล้ว! นี่คือของกำนัลแทนคำขอโทษจากข้า ขอท่านโปรดจงรับไว้!”
เจ้านิกายมิได้มามือเปล่า หากแต่นำวัตถุดิบล้ำค่ามาด้วยอีกนับคณา เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษต่อหนานฉง
ถึงอย่างไร หนานฉงก็ต้องลำบากมาไม่น้อยเพราะนิกายของพวกเขา ที่หนานฉงมาเยือนนิกายเขาในครานี้ บอกตามตรงว่าหัวใจเขาตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวหนานฉงมาคิดบัญชีกับพวกเขา
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วปล่อยให้สยายไปตามลมเถิด อีกอย่าง เจ้านิกายเองก็เป็นผู้เสียหาย เป็นผู้ถูกหลอก”
หนานฉงโบกมือไปมา ปฏิเสธที่จะรับวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านี้ “ข้ามิเคยโกรธแค้นเจ้านิกาย ที่มาคราวนี้ก็เพราะอยากเห็นว่าชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
ทว่า ยามเขาเอ่ยวาจา แหวนบรรจุบนมือเขากลับร่วงลงพื้นกะทันหัน
“เอ๊ะ เหตุใดแหวนข้าถึงหล่นได้…”
หนานฉงเอ่ย ทว่ามิมีท่าทีอยากเก็บแหวนขึ้นมาแม้แต่น้อย
เจ้านิกายอยู่มานานย่อมมีความหลักแหลม ไฉนเลยจะไม่เข้าใจ เขาตระหนักถึงความหมายทันทีและรีบเก็บแหวนบรรจุขึ้นจากพื้น พร้อมทั้งยัดวัตถุดิบล้ำค่าที่เขามอบให้เพื่อเป็นการขอโทษเข้าไปทั้งหมด
“โอ๊ย ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่เอา! เจ้านิกาย ท่านทำเช่นนี้มิได้!” หนานฉงเอ่ย
“ผิดก็ต้องยอมรับ นี่คือน้ำใจจากข้า!”
เจ้านิกายยื่นแหวนบรรจุให้หนานฉงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“เจ้าแหวนไม่เอาไหน ทำข้าขายหน้าอยู่ได้!”
หนานฉงสบถ โทษว่าแหวนวงนี้ทำให้เขาต้องอับอาย
เมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเห็นแล้วนึกขัน ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?!
แหวนที่ใส่อยู่ดี ๆ จู่ ๆ จะหลุดได้อย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นความตั้งใจของหนานฉง เขาอยากให้เจ้านิกายเก็บวัตถุดิบล้ำค่าเหล่านั้นเข้าแหวนบรรจุ!
ปากบอกไม่เอา แต่แท้จริงแล้วกลับกระทำอีกแบบ เจ้าหนานฉงนี่เหลือเกิน!
“เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เราจะไม่กล่าวถึงอีก ท่านจัดการชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นอย่างไรหรือ คงมิได้ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ใช่หรือไม่” หนานฉงถาม
เจ้านิกายเอ่ยอย่างมีน้ำโห “จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไรเล่า! ข้าตาบอดไป พวกเขาบังอาจทำเรื่องเยี่ยงนี้ใต้จมูกข้า! ข้าฆ่าทิ้งแล้วทั้งคู่!”
สวมหมวกเขียวให้เขาแล้วยังคบชู้กับศิษย์ที่เขาโปรดปรานที่สุด ยามเขาได้รู้เรื่องนี้ก็บันดาลโทสะ มิได้ปล่อยไปสักคน สังหารทั้งคู่!
“ดี คนเช่นนี้สมควรต้องฆ่า มิฉะนั้น เก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภัย”
หนานฉงพยักหน้า ก่อนจะถามเจ้านิกาย “ท่านรู้เรื่องแดนลับอาทึกมากน้อยเพียงใด มีเบาะแสบ้างหรือไม่”
เมื่อครั้งเขาเพิ่งมาถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้รู้ว่าในชั้นหนึ่งมีแดนลับอยู่หนึ่งแห่งซึ่งลึกลับเกินหยั่ง ภายในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
ครานั้นเขาอยากเข้าไปในแดนลับนี้ดูสักรอบ
เพียงแต่ตำแหน่งของแดนลับนี้ไม่แน่นอน สับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หาทางเข้ายากยิ่ง
หนนี้ที่เขามายังนิกายนี้มีจุดประสงค์หลักคือต้องการล้วงข้อมูลของแดนลับนั้นจากนิกายนี้ พวกเขาต้องเตรียมของขวัญแต่งงานให้สือเฟิง หากเป็นไปได้เขาอยากเข้าไปในแดนลับนั้น
“ท่านมาได้พอดี! พวกเรากำลังเตรียมตัวเข้าแดนลับอาทึกกันอยู่เลย!”
เจ้านิกายกล่าว มิได้ปิดบังแต่อย่างใด บอกข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้ไปหมด
พวกเขาจับร่องรอยแดนลับอาทึกได้พอดี และยืนยันพิกัดแดนลับอาทึกได้แล้ว
“บัดนี้มีกองกำลังเพียงน้อยนิดที่รู้ เรื่องที่ยังไม่เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน”
เจ้านิกายกล่าว แดนลับอาทึกหยุดการเดินทางชั่วคราว และพวกเขาสัมผัสได้ ต่อไปก็คงมีสิ่งมีชีวิตสัมผัสได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“เช่นนั้นมัวรอกระไรอยู่ รีบไปกันเถิด!”
หนานฉงตาเป็นประกาย พวกเขามาได้จังหวะเหมาะเจาะจริงเชียว!
“ไป ๆ ๆ!”
เจ้านิกายรีบนำทาง โดยตามผู้อาวุโสในนิกายไปด้วยเพียงไม่กี่คน ไม่ทันได้เรียกสมาชิกไปด้วยให้มากกว่านี้
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาย่อมไม่มีทางไปทั้งอย่างนี้ หลังเข้าไปในแดนลับอาทึก การแย่งชิงย่อมดุเดือดเหลือแสน
ทว่าบัดนี้ต่างออกไป
เขาได้เกาะบารมีของหนานฉง หากได้ร่วมทางกับคนผู้นี้ เจ้านิกายย่อมไม่เหลือความวิตกกังวลใดอีก
หนานฉงเป็นถึงคนข้างกายต้นหลิว เขายังต้องกังวลอันใดอีกเล่า!
เมื่อครู่ตนยอมบอกข้อมูลของแดนลับอาทึกให้หนานฉงรู้ทั้งหมดก็เพราะมีความคิดจะเกาะบารมีด้วย
หลังผ่านไปแล้วระยะหนึ่ง พวกเขาไปถึงที่นั่น ทางเข้าแดนลับอาทึกส่องประกายวาววามแยงตา กฎระเบียบลึกลับบางอย่างไหลเวียน สามารถมองเห็นภาพการณ์ด้านในได้
ภายในนั้นเป็นมิติเล็ก ๆ แสนมหัศจรรย์ มีสมบัติล้ำค่าอยู่คับคั่ง มองเพียงปราดเดียวก็ชวนให้หวั่นไหวอย่างยิ่ง
“ไม่เลวจริง ๆ! ยามนี้แม้ว่าอาณาจักรของเราก็เต็มไปด้วยสมบัติ กระนั้นยังไม่ถึงเวลาสุกงอม อยู่ในช่วงวิวัฒนาการ ต้องผ่านไปอีกระยะหนึ่งจึงจะเสถียร…”
เมิ่งจีหรี่ตาพลางกล่าว สสารระดับสูงพวยพุ่งอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณชายลงมือวาด กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์
ทว่าเป็นดั่งที่ว่ามาจริง ครั้นการเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ต่อให้มีสมบัติก็ยังไม่เสถียรนัก จำต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง
หากมิใช่เช่นนั้น เขาคงไม่คิดขอความช่วยเหลือจากต้นหลิว แล้วตรงดิ่งไปยังสถานที่เหล่านั้นก็พอ
“ที่นี่ดีมาก แต่ข้ากลับรู้สึกว่าที่นี่มิได้ธรรมดาอย่างที่เห็น…”
เมิ่งจีกล่าวต่อ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง สังหรณ์ว่าในแดนลับนี้อาจมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่!