เสียงสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนเปลี่ยนท่าทีทุกคนอย่างฉับพลัน
จากสีหน้าเหม็นเบื่อบนเก้าอี้กลับมีชีวิตชีวาราวได้อิสรภาพคืนมาสู่ชีวิตวัยรุ่น หนุ่มสาวในชุดเครื่องแบบพากันลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง พวกเขาเก็บกระเป๋าพลางคุยเสียงดังกลบครูด้านหน้าที่คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง
“เย็นนี้ทำอะไรกันดี” นักเรียนหญิงคนหนึ่งก้าวเข้าหากลุ่มเพื่อนอย่างร่าเริง “ร้องเพลงหรือซื้อเสื้อผ้า”
“เสียใจด้วย~” สาวสวยผู้นั่งไขว่ห้างอยู่หลังห้องนั้นกรีดนิ้วสะบัดเรือนผมยาวสลวยหนหนึ่งก่อนเท้าคางดั่งราชินี “เย็นนี้ฉันจองคิวทำเล็บเอาไว้แล้ว”
“จริงสินะ มีนัดบอดวันพรุ่งนี้…” เพื่อนอีกคนเลิกคิ้วสูงหลังจากนึกขึ้นได้ “แต่เดี๋ยวสิ แค่หน้าตาเธอก็เด่นพออยู่แล้วนะ จะแย่งหนุ่มๆ ไปหมดเลยรึไง!?”
“เรื่องนี้ใครดีใครได้หรอก~” หัวโจกประจำกลุ่มลากเสียงใสและโปรยยิ้มหวานจนชวนให้ทั้งกลุ่มหมั่นไส้ “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันเล็งแค่คนที่รวยที่สุดเท่านั้นแหละ”
“นิสัยเสียจริงๆ นะ” เพื่อนสาวคิ้วกระตุกกันทั้งแถบ
สวยและรวยมาก คือนิยามของผู้หญิงตรงหน้านี้ หากโรงเรียนยังมีธรรมเนียมประกวดดาวเดือนอยู่คงไม่ต้องสืบว่าใครจะได้ตำแหน่งนั้นไปโดยไม่มีคู่แข่งกล้าเสนอตัวเทียบ
ทุกคนล้วนชินชากับนิสัยเสียของราชินีประจำห้อง
มองก็รู้ว่าเกิดมาโชคดีกว่าคนส่วนใหญ่บนโลก ราวกับเป็นผู้ชนะโดยกำเนิด มีทั้งทรัพย์สินเงินทองและดวงหน้าสวยสง่าจนไม่มีใครกล้าหือ
งดงาม แต่มากด้วยหนามแหลมคมและยากจะควบคุม ด้วยบุคลิกโดดเด่นหากไม่ใช่เพราะชอบวางตัวเหนือคนอื่นคงได้เข้าวงการบันเทิงจนโด่งดังไปนานแล้ว…
“วันนี้วันศุกร์… อ๊ะ เกมใหม่วางขายวันนี้นี่!” เสียงพูดคุยดังแว่วมาจากโต๊ะด้านในระหว่างที่สาวๆ กำลังลุกเก็บของ “ไปกันเถอะ”
ความเร่งรีบทำให้วิ่งชนราชินีประจำห้องเข้าอย่างจัง
“…นี่~” เจ้าของใบหน้าสวยยิ้มเหี้ยม “พวกนายไม่มีตารึไง”
“เอ่อ…” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง คล้ายวางตัวไม่ถูกว่าควรทำอย่างไร กระนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีระเรื่อเพียงสบตาราชินีคนงาม “ขอโทษ… ครับ…”
“ให้ตายเถอะ พวกชอบการ์ตูนแบบเด็กๆ นี่มัน…” หัวโจกประจำกลุ่มเตรียมจะต่อว่าต่อขาน
ทว่าจู่ๆ ใต้พื้นกลับมีอักขระประหลาดเรืองแสงออกมา
“อะไรเนี่ย” ไม่ใช่เพียงนักเรียนสองกลุ่ม แต่พวกที่เหลือในห้องและครูผู้สอนเองก็อ้าปากค้าง
“หรือว่า…!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างขึ้นพร้อมประกายสดใสข้างใน
เพียงชั่วขณะเดียว ทัศนียภาพรอบด้านก็แปรเปลี่ยนเป็นห้องโถงโอ่อ่าประดับโคมระย้าระยิบระยับ
…ราชินีประจำห้องเรียนหรี่ตาลงและกวาดมองรอบๆ ทั้งนักเรียนในชุดเครื่องแบบและครูประจำชั้นกลับมารวมตัวกันที่นี่เหมือนเล่นกล
“ถูกอัญเชิญมาต่างโลกงั้นเหรอ!?” เสียงเด็กหนุ่มจากกลุ่มชอบการ์ตูนเปล่งดังจนไม่อาจเก็บซ่อนความยินดีไว้ได้เลย
“เป็นบ้าอะไรของมัน” เพื่อนสาวข้างราชินีประจำห้องมองเขาด้วยสายตารังเกียจแล้วจึงหันมากระซิบคุย “นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ความฝันเหรอ หรือรายการทีวีจัดฉาก…”
“แม่ฉันเพิ่งเรียกให้ลงไปที่รถเองนะ จะเล่นอะไรก็ปล่อยฉันกลับบ้านก่อนได้ไหม” นักเรียนสาวสวมแว่นจากด้านหน้าแสดงความหงุดหงิดใส่เด็กหนุ่มผู้ทำท่าสนุกกับสถานการณ์ปัจจุบัน เธอกำมือถือไว้แล้วบ่นกระปอดกระแปด “สัญญาณขาดแบบนี้จะปั่นยอดวิวเพลงใหม่ยังไง”
ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ตรงนี้… มองยังไงก็ไร้วี่แววพวกที่ออกไปจากห้องเรียนก่อนตั้งแต่ช่วงกริ่งหมดเวลาดังขึ้น ทว่าในโถงใหญ่ยังมีมากกว่ายี่สิบชีวิตอยู่ดี
ราชินีประจำห้องเรียนถอนหายใจ เธอน่าจะออกไปก่อนตั้งแต่แรกเหมือนกัน จะได้ไม่มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระซึ่งไม่รู้ว่าใครจัดฉาก
“ใจเย็นก่อนนะทุกคน” คนเป็นครูพยายามหยุดความโกลาหล
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวคนที่อัญเชิญพวกเรามาก็คง…” เด็กหนุ่มกลุ่มการ์ตูนพูดยังไม่ทันจบประโยคดี ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมขบวนคนรับใช้ชุดย้อนยุคสีขาวแบบตะวันตก “นั่นไง มาแล้ว!”
แถวตอนลึกเดินแยกซ้ายขวาอย่างสมดุลเพื่อเปิดทางให้บุคคลสำคัญก้าวตามเข้ามา
“#&*@…” คำพูดภาษาประหลาดถูกเปล่งจากบุรุษด้านหลังสุด
ห้องโถงนิ่งเงียบด้วยความงุนงง จากนั้นหนึ่งในข้าราชบริพารผู้สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าก็ก้าวออกมา พร้อมกับแท่นหินรองลูกแก้วใสขนาดใหญ่อันสลักสัญลักษณ์วงกลมเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์
[ยินดีต้อนรับ เหล่าหนุ่มสาวจากต่างโลก]
เสียงจากลูกแก้วนั้นดังขึ้นทีหลังราวกับถูกแปลภาษา แถมยังเป็นโทนของผู้หญิงที่ดูแข็งทื่อไร้อารมณ์ไม่ต่างจากหุ่นยนต์
กลุ่มสาวๆ ซึ่งเตรียมนัดบอดวันพรุ่งนี้ขมวดคิ้ว “นี่ก็จ้างมาเหรอ เป็นรายการทีวีที่เปลืองงบเล่นใหญ่เกิน…”
“เงียบก่อน!” เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายหันมาดุคนพูด แต่พอเจอสายตาของสาวสวยประจำชั้นเขม่นแทนเพื่อนก็เม้มปากเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ชายผมดำผู้เผยใบหน้าและดูมีอำนาจที่สุดอ้าปากกล่าวต่อ คล้ายพยายามสื่อสารให้รู้เรื่องผ่านวัตถุนั้น
[โลกของเรากำลังมีวิกฤต จึงต้องอัญเชิญพวกท่านผ่านเวทมนตร์ของเทพธิดามาโลกใบนี้]
“พวกเราถูกอัญเชิญมาต่างโลกจริงๆ เหมือนการ์ตูนเลย!”
“เดี๋ยวก่อนสิ” ผู้ใหญ่คนเดียวในกลุ่มมองนักเรียนชายซึ่งอยู่ใต้การดูแลของตน “เธอเข้าใจสถานการณ์นี้เหรอ มันอะไรกัน”
“ก็เหมือนการ์ตูนหรือนิยายที่ไปต่างโลกไงครับ พวกเราเป็นผู้โชคดีที่ถูกเชิญมาช่วยเหลือโลกนี้ แล้วจะมีระบบคอยสนับสนุนให้เราสามารถทำภารกิจได้”
“แล้วทำไมจะต้องใช้คนโลกอื่นล่ะ ถ้ามีระบบอะไรนั่นก็ใช้คนจากโลกของตัวเองไปเลยสิ” ราชินีประจำห้องบ่นอย่างหัวเสีย “ให้พวกเรากลับได้แล้ว ฉันมีคิวทำเล็บเย็นนี้ ไม่ว่างพอจะมาเล่นช่วยโลกอะไรหรอกนะ”
“เห็นด้วยเลย” หลายเสียงคล้อยตามทันที
[ขออภัย พวกเราไม่สามารถส่งกลับได้]
“อะไรนะ” ครูประจำห้องกำมือแน่นขึ้น
“ฉันจะฟ้องร้อง” สาวสวยประจำห้องเบ้ปาก “จะต่างโลกจริงหรือจัดฉากแกล้งกัน ฉันก็จะฟ้องร้อง ไม่ว่ายังไงก็ต้องจ่ายชดเชยค่าเสียเวลา”
“ใจเย็นก่อนสิครับ” เด็กหนุ่มกลุ่มการ์ตูนรีบก้าวออกมาขวางสายตามุ่งร้าย “อยู่ในโลกนี้ก่อนก็ได้นี่นา ช่วยพวกเขาแก้วิกฤตได้พวกเราก็อาจเจอทางกลับบ้านได้ แล้วก็… แล้วก็… ผมจะพยายามเป็นที่พึ่งของ…”
“ถ้าจะสารภาพรักก็ไปต่อคิวหลังนัดบอด” ราชินีประจำห้องตัดบททิ้งอย่างไร้เยื่อใย เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนด้านหลังทั้งแถบ
คนถูกหักหน้าได้เพียงทรุดเข่าลงอย่างเคว้งคว้าง
พวกเธอไม่ได้ต้องการคนที่ทำท่าเหมือนรู้สถานการณ์ตอนนี้แบบเข้าใจไปเอง แต่ต้องการคำยืนยันจริงๆ จากกลุ่มคนด้านหลัง
[โลกของเรามีระบบเวทมนตร์อย่างที่เด็กหนุ่มคนนั้นเข้าใจ] เสียงเรียบไร้อารมณ์ไม่ได้ว่าเปล่า ผู้ดูแลแท่นลูกแก้วสร้างเปลวไฟขึ้นเหนือฝ่ามืออย่างง่ายดายเป็นการแสดงให้พวกเธอได้เห็น
หลายคนอ้าปากค้างนึกสงสัยว่านั่นมันมายากลแบบไหน
หรือว่าจะเป็นของจริง…
“เวทมนตร์…” หนึ่งในผู้สวมเครื่องแบบนักเรียนคล้ายนึกสนุก “เหมือนกับเกมเลย”
“อยู่ที่นี่สักพักก็ดูไม่เสียหายนะ เบื่อที่ต้องคอยไปเรียนทุกวันพอดี”
เสียงจากลูกแก้วทำให้เพื่อนร่วมชั้นบางส่วนเปลี่ยนกระแส เมื่อเริ่มมีความเห็นฝั่งเดียวกันเด็กหนุ่มคนเดิมจึงยันตัวลุกขึ้นมายืนตรงอีกครั้ง
“ของจริงเหรอ” กลุ่มสาวๆ ขยี้ตาและหยิกแก้มตัวเองว่าไม่ได้กำลังฝันอยู่
[เพียงวางมือบนลูกแก้วของเทพธิดา ทุกท่านจะได้เห็นค่าสถานะ] เสียงแข็งทื่อของมันกล่าวอีกครั้ง ผู้สวมผ้าคลุมหน้าสาธิตให้ดูไปพร้อมกัน
แค่สัมผัสก็ปรากฏหน้าต่างเล็กๆ ตรงหน้าของตนเอง เหมือนเคยเห็นระบบแบบนี้ผ่านตามโฆษณาเกมอย่างไรอย่างนั้น
“ผมจะเป็นคนแรกเอง” เด็กหนุ่มที่เพิ่งถูกปฏิเสธรักเรียกกำลังใจตัวเองด้วยการก้าวไปข้างหน้า เขาหันเข้าหาราชินีประจำห้องด้วยสายตากึ่งอ้อนวอน “ช่วยมองผมใหม่ด้วยนะ”
นักเรียนทั้งหมดรวมสายตาจ้องเขาจับลูกแก้ว
แต่จากนั้น เพียงปลายนิ้วสัมผัสวัตถุทรงกลมร่างกายของเด็กหนุ่มก็ล้มพับลงไปราวหุ่นกระบอกถูกตัดสาย
“…หา?” พวกผู้หญิงอุทานแทบจะพร้อมกัน
[นี่เป็นผลข้างเคียงของการรับพลังจากระบบเท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คนต่อไปโปรดก้าวเข้ามา]
เด็กหนุ่มถูกข้าราชบริพารในชุดขาวพาไปนอนข้างๆ
หลายคนไม่ค่อยไว้วางใจ แต่เพราะก่อนหน้านี้ผู้สวมผ้าคลุมสาธิตให้ดูแล้วเลยมีการลองต่อคิวเพราะอยากทดสอบสิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ ของโลกใบใหม่ด้วย
แล้วผู้ชายคนต่อมาก็ล้มพับลงเช่นกัน
“เดี๋ยวสิ พวกเขาหายใจอยู่รึเปล่า” ครูขมวดคิ้วสังเกตหน้าท้องใต้เครื่องแบบนักเรียนที่ดูจะไม่ขยับขึ้นลงเลยสักนิด “พวกเขาแค่หลับไปจริงๆ ใช่ไหม”
คำทักนั้นทำให้ท่าทีของคนชุดขาวรอบๆ เปลี่ยนอย่างกะทันหัน เหล่าเจ้าของโลกนี้เข้าล้อมพวกเธอพร้อมอาวุธแหลมคม
“…นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีดำยาวอยากกรีดร้องออกมา เธอแค่อยากไปทำเล็บเตรียมตัวสำหรับนัดบอดเองนะ!?
ข้าราชบริพารทุกคนสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าจนไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นใคร พวกเขากุมอำนาจด้วยการถือหอกปลายแหลมในแนวเอียงดูพร้อมทิ่มแทง และบีบวงแคบเข้ามาให้คนที่เหลือเรียงแถวแบบจำยอม
[วางมือบนลูกแก้วของเทพธิดา ทีละคน] น้ำเสียงไร้ชีวิตชีวาจากวัตถุกลมใสราวกับคำข่มขู่
บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นจนถึงขีดสุด แม้แต่ผู้ใหญ่ที่ถูกอัญเชิญมาต่างโลกพร้อมกันก็มิอาจต่อต้าน
อะไรกัน… นี่มันอะไรกัน…
ไหนบอกว่าเป็นต่างโลกเหมือนในการ์ตูนไงเล่า…!
พวกเธอถูกต้อนให้สัมผัสลูกแก้วทีละคนและล้มลงเป็นศพกองอยู่ข้างหน้าดุจแท่นบูชายัญ
ยิ่งแถวหดสั้นลงมากเท่าไรความตายก็ยิ่งคืบคลานเข้าใกล้เธอมากเท่านั้น… เหงื่อกาฬผุดพรายโดยไม่ช่วยชโลมใจให้ระทึกน้อยลงแม้แต่น้อย
ไม่มีการหลั่งเลือด ทว่าเย็นเยียบ ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต ดุจมัจจุราชไร้เสียงพรากเอาวิญญาณไปโดยปราศจากคำเตือน
น่ากลัว…
“น่ากลัวเกินไปแล้ว…” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความสยดสยอง “ไม่เอานะ!”
เด็กสาวผู้ถูกยกย่องเป็นราชินีประจำห้องขดตัวนั่งลง เธอไม่ยอมเข้าใกล้ลูกแก้วอีกแม้แต่ก้าวเดียว
“พ่อคะ… แม่…” เสียงร่ำไห้ของเธอทำให้คนที่เหลืออยู่สะอื้นตาม
ทำไมพวกเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
“นี่ก็แค่ฝันร้ายไงล่ะ” เด็กสาวสวมแว่นผู้อยู่ด้านหน้าพูดขึ้น “ถ้าวางมือบนลูกแก้วนี้ก็จะตื่นขึ้น ฉันจะได้กลับบ้านไปปั่นวิวให้อปป้า… ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”
เพราะทุกอย่างดูไร้เหตุผลสิ้นดี คำชักจูงนั้นจึงน่าเชื่อถือมาก
ต่างโลก? เวทมนตร์? เรื่องเหนือธรรมชาติก็มีอยู่แค่ในจินตนาการหรือความฝันน่ะถูกแล้ว คนเราจะหายตัวมาอีกโลกหนึ่งเพราะถูกอัญเชิญได้ยังไงกัน
แค่วางมือลงบนลูกแก้วก็จะได้ไปทำเล็บสวยๆ แล้วนัดบอดกับหนุ่มหล่อมีฐานะตามแผนที่วางไว้เหมือนเดิม
…เพื่อนร่วมชั้นร่างแล้วร่างเล่าล้มลงกับพื้น
“ก็แค่นี้เองนี่…” ร่างเพรียวบางลุกขึ้นยิ้มราวกับเสียสติเมื่อถึงคราวของตนเอง “วางมือลงไป จะได้เจอกับ…”
ทว่าเรื่องไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น
ขณะเจ้าของดวงหน้างามสัมผัสลูกแก้วเทพธิดา หน้าต่างสถานะกลับปรากฏอักขระอีกภาษาซึ่งไม่อาจอ่านออก
“…” ดวงตาของหนึ่งในผู้สวมผ้าคลุมหน้าเบิกกว้างขึ้นชั่วขณะก่อนจะก้าวขาฉับไวมาดึงแท่นลูกแก้วออกห่างทันที
“%&#!!” เสียงตะโกนก้องของผู้ทรงอำนาจทำให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบมุ่งเป้ามาหาเธอคนเดียว
[ดวงจิตพิสุทธิ์!!] น้ำเสียงของลูกแก้วแปลภาษาในครั้งนี้เจือด้วยอารมณ์กระหายอยาก
ดวงจิตพิสุทธิ์…?
ข้าราชบริพารทั้งห้องกระโจนเข้าใส่ หลายมือเหยียดคว้าเป้าหมายอย่างสุดกำลัง ทว่าในเสี้ยววินาทีที่กำลังตกใจนั้นเอง หอกด้ามหนึ่งก็แทงทะลุลำคอของเด็กสาวผู้งดงาม “อั่ก!”
สีเลือดไหลอาบย้อมชุดนักเรียนขาวและใบหน้าของผู้ลงมือให้เปรอะเปื้อน
เจ็บ!
เจ็บที่สุดเลย…!!
ทรมาน… จวนจะตายอยู่แล้ว…!
เด็กสาวอยากกรีดร้องสุดเสียง แต่ลำคอทะลุไปแล้วจึงไม่อาจเปล่งคำพูดใด ได้เพียงตะโกนก้องในความคิดให้กลบทุกสิ่งรอบตัว
สองมือจิกเล็บเข้ากับด้ามหอก ทว่าเรี่ยวแรงพลันเหือดหายอย่างรวดเร็วเมื่อสัญญาณชีพผ่อนเบาลง
ชั่วขณะหนึ่งผ้าคลุมหน้าของอีกฝ่ายเปิดขึ้นเล็กน้อยตามแรงลมที่พัดผ่าน เผยรอยยิ้มสดใสและดวงตาสีชมพูข้างหนึ่งซึ่งเปล่งประกายยินดี “*$@%…!”
ผู้หญิงตรงหน้าพูดอะไรไม่รู้แต่คนฟังไม่อาจประคองสติคิดได้แล้ว
พริบตาถัดมาที่เด็กสาวจากต่างโลกเกือบจะสิ้นลมหายใจ เธอเห็นฆาตกรใช้แขนอีกข้างหยิบมีดยาวขึ้นแทงใต้คางของตัวเองอย่างไม่ลังเล
“กรี๊ดดดดดดด!!” เสียงเพื่อนในกลุ่มเดียวกันซึ่งต่อแถวอยู่ด้านหลังกรีดร้องลั่น
หอกปลายแหลมถูกปล่อยทิ้งให้ร่วงลงมาพร้อมร่างนักเรียนหญิง ด้ามไม้กระแทกลงกับพื้นส่งเสียงกังวานไปทั่วห้องโถง
แค่หวังให้กลับไปทำเล็บต่อได้… ให้หลอกตัวเองอีกสักหน่อยจนวาระสุดท้าย… ก็ไม่ได้หรือไง…
ทำไมพวกเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้โดยไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้
นี่มันโชคร้ายแบบไหนกัน…?
…และแล้วชีวิตของเธอก็จบลงอย่างไม่อาจทำความเข้าใจ
+++++
“อุแว้~! อุแว้~!!” เสียงร้องน่ารำคาญดังขึ้นถี่ๆ จนประสาทคนฟังเกร็งเครียด
เธอลืมตาไม่ขึ้นจึงไม่อาจมองหาต้นเสียงได้ ทั้งแสบร้อนจากการถูกแทงแถมร่างกายยังหนักอึ้งไปหมด คอทะลุจนเหมือนเป็นใบ้แล้วต้องเจอเด็กร้องแทนให้หงุดหงิดอีก ทำอย่างกับฝันร้ายที่เพิ่งเจอมามันยังแย่ไม่พออย่างนั้นแหละ
“อุแว้! อุแว้! อุแว้~!” เอ้า ร้องมันเข้าไป ถ้าลุกไหวเมื่อไรแม่จะรีบอุดปากให้ตายไปซะ
“%&$#” ใครบางคนพูดพร้อมสัมผัสที่เข้ามาโอบอุ้มให้สบายตัว
เสียงเด็กเงียบลงไปแล้ว ค่อยสบายหูเธอขึ้นมาหน่อย
ไม่นานดวงตาทั้งสองก็ค่อยๆ ปรือขึ้นไหว สิ่งแรกที่มองเห็นคือเงาสะท้อนกระจก แผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งที่โอบอุ้มทารกซึ่งเกยศีรษะพาดบ่าพอดี
นี่สินะเจ้าของเสียงน่ารำคาญ
“อุแว้~!?” คือตัวเธอเองหรอกเรอะ!
เพราะพยายามกรีดร้องมาตลอดแต่ไม่อาจสื่อความเจ็บปวดออกไปได้ มาคราวนี้จึงเปล่งเสียงโดยไม่รู้ตัวแทน
แต่… นี่หมายความว่ายังไงกัน
ข้างกระจกมีสัญลักษณ์วงกลมกระจายแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ไกล
มันดูคล้ายรอยสลักบริเวณแท่นบูชาลูกแก้วของเทพธิดาราวกับถอดกันมาไม่ผิดเพี้ยน
หรือว่าเธอจะติดอยู่ในโลกใหม่ ร่างใหม่… โดยไม่อาจหลีกหนีไปได้ตลอดกาล?
_____________________
[TALK]
สวัสดีทั้งนักอ่านขาประจำและนักอ่านหน้าใหม่เลยนะคะ MintomintH (มินโตะมิ้น) กลับมาพร้อมนิยายเรื่องใหม่แล้ว
เรื่อง “เกิดใหม่อยู่นั่นแหละ รำคาญ!” หรือ #เกิดใหม่รำคาญ มีความยาว 2 เล่มจบ ขนาด A5 แบบหนาๆ
เนื้อหาอัดแน่นด้วยปริศนาและดราม่าหลากอารมณ์ พร้อมภาพประกอบจากนักวาดมากฝีมือหลายท่าน ทั้งภาพสีและภาพขาว-ดำ
ปัจจุบันเขียนจบแล้ว มีราคาพิเศษและของแถมพิเศษเฉพาะรอบพรีรูปเล่ม ส่วนอีบุ๊กกำลังจะลงระบบตามเว็บไซต์ในอีกไม่ช้าเช่นกัน
สามารถอ่านตัวอย่างและติดตามกันได้เลยนะคะ >w<