ตอนที่ 845 ลักพาตัวพี่น้อง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยร่วมมือกันขายไป๋ซวงในราคาห้าพันหยวน
แต่นั่นก็ยังไม่พอค่าทำศัลยกรรมที่หลินเพ่ยต้องการ และทั้งสองต้องหาค่าทำศัลยกรรมให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นเงินห้าพันหยวนจะหมดไปในไม่ช้า
หลินเพ่ยยังคงเปรียบเทียบเขากับคนอื่นทุกวัน โดยบอกว่าหล่อนได้พบกับเพื่อนทางจดหมายสองคน
แม้ว่าเพื่อนทางจดหมายสองคนจะเป็นทายาทเจ้าหน้าที่รุ่นที่สอง แต่พวกเขาก็ไล่ตามจีบหล่อนอย่างดุเดือด
คนหนึ่งต้องการใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติกให้กับหล่อน และอีกคนต้องการเป็นผู้ค้ามนุษย์เพื่อหาเงินมาทำศัลยกรรมพลาสติกให้กับหล่อน
หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่มีต่อหล่อน หล่อนคงยอมรับความเมตตาของคนอื่นไปนานแล้ว
หล่อนกำลังพูดเป็นนัยว่า หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่สามารถหาเงินทำศัลยกรรมพลาสติกของหล่อนได้ภายในหนึ่งเดือน หล่อนจะไปกับคนที่สามารถจ่ายค่าทำศัลยกรรมให้หล่อนได้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเชื่อในคำพูดของหลินเพ่ย และไม่เคยมองว่าหลินเพ่ยหลอกลวง เขายอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาให้หล่อน
ครั้งหนึ่งหลินเพ่ยได้ทำการคุยโทรศัพท์กลางดึก เพื่อฉ้อโกงน้องชายคนเล็กของเพื่อนทางจดหมายเป็นเงินสิบหยวน
คำพูดของหลินเพ่ยทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน
เขาไล่ตามเพ่ยเพ่ยอยู่ตลอดเวลา จะเฝ้าดูหล่อนตกอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่นได้อย่างไร?
แม้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะต้องถูกจับได้ เขาก็ต้องลักขโมยเพื่อเพิ่มค่ารักษาพยาบาลให้กับหลินเพ่ย
แต่ประสบการณ์ลักทรัพย์คราวที่แล้วทำให้เขากลัวและไม่กล้าลักทรัพย์อีก เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
หลินเพ่ยมักจะล่อลวงให้เขาลักพาตัวและขายน้องชายน้องสาวของเขาด้วยคำพูดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงได้รับอิทธิพลและถูกล้างสมอง
ดังนั้นเขาจึงบอกว่าหล่อนให้รอเขาสักหนึ่งเดือน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเขาจะหาทางหาเงินมาทำศัลยกรรมพลาสติกให้หล่อนเอง
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนจากไป หลินเพ่ยก็เป็นอิสระ
วันนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน
แม้ว่าจะเป็นเพียงการอยู่ร่วมกันโดยไร้ซึ่งสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่ก็มีผลกระทบอย่างมากต่อหลินเพ่ย หล่อนไม่สามารถออกไปค้าประเวณีได้ทุกคืนและรายได้ของหล่อนก็ลดลงอย่างกะทันหัน
เหตุผลที่หล่อนกระตือรือร้นในการค้าประเวณี ก็เพราะเงินที่ได้มาอย่างง่ายดายและรวดเร็ว
แม้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะเชื่อฟังและเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อหล่อน แต่หล่อนก็ไม่สามารถไว้วางใจเขาได้อย่างสมบูรณ์
ครอบครัวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนนั้นยากจนมาก และตัวเขาเองก็เป็นคนไร้ค่า ไม่มีความสามารถในการหาเงินเลย
หล่อนคงอดตายข้างถนนหากเชื่อเขา
แม้หลินเพ่ยจะบอกว่าตนมีคนคุยหลายคน แต่หล่อนก็รู้ดีแก่ใจว่าตนไม่มีใครเลยนอกจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
หล่อนจึงต้องดูแลตัวเองและหาเงินก้อนหนึ่งมาทำศัลยกรรมให้ตัวเองให้ได้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอาจยอมทุกอย่างถึงขั้นขายน้องชายน้องสาวและแม้แต่ครอบครัวของเขาเพื่อแลกกับเงินเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติกให้หล่อน
แต่หล่อนก็ไม่แน่ใจว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะทำเช่นนี้เพื่อหล่อนได้
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนปฏิเสธที่จะขายพี่น้องของเขาเพื่อหล่อน หล่อนก็จะไม่มีเงินสำหรับการทำศัลยกรรมไม่ใช่หรือ?
แล้วหล่อนจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างไร
ดังนั้นหล่อนจึงต้องขายตัวเป็นโสเภณี เพราะเป็นอาชีพที่ได้เงินง่ายและไม่มีอะไรจะเสียนอกจากอ้าขาให้ลูกค้า
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำรวจจับ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนยังคงปลอมตัวตลอดทาง โดยแสร้งทำเป็นคนบ้านนอก
ในระหว่างวันเขาไม่กล้ากลับไปที่หมู่บ้านอู๋ เพราะกลัวว่าจะมีหมายจับของตำรวจในหมู่บ้าน และชาวบ้านจะจำเขาได้พร้อมส่งตัวเขาไปที่สถานีตำรวจ
กลางดึกวันหนึ่ง เขาจึงแอบกลับบ้าน
เกือบสามปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน บ้านของเขาทรุดโทรมยิ่งกว่าเดิม
เกือบทุกหมู่บ้านสร้างอาคารสไตล์ตะวันตกขนาดเล็กหรือบังกะโลอิฐและกระเบื้องขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ แต่บ้านของเขาพังทลายหลายแห่ง แม้กระทั่งกำแพงลานบ้าน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมองไปที่บ้านที่ทรุดโทรมตรงหน้า และรู้สึกอ้างว้างในใจ
เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรม แต่เนื่องจากครอบครัวยากจนมาก เขาจะโกงเงินจากครอบครัวเพื่อให้หลินเพ่ยทำศัลยกรรมได้อย่างไร?
ระหว่างทางมาที่นี่ เขาคิดดีแล้ว ถ้าเขาหาเงินจากครอบครัวได้ เขาจะไม่ขายน้องชายน้องสาวของเขา
แต่ตอนนี้เหมือนต้องขายน้องชายน้องสาวเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเอาเงินที่ไหนมาให้เพ่ยเพ่ยทำศัลยกรรม?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเคาะประตู
ในช่วงกลางดึก อู๋จินกุ้ยและคนอื่น ๆ นอนหลับสนิท
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเคาะประตูเป็นเวลานานก่อนที่จะปลุกเหยาชุ่ยฮวาให้ตื่นขึ้น
เหยาชุ่ยฮวาลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ
ขณะที่เดินไป นางก็ถามเสียงยานคางด้วยท่าทางงัวเงีย “นั่นใคร?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเหลียวมองซ้ายขวา รอบตัวมืดมิดและเงียบงัน
เขาลดเสียงลงพลางกล่าว “ผมเอง เสี่ยวเจี๋ยน”
เหยาชุ่ยฮวาตื่นเต้นมากจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้งและเปิดประตู
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรีบเลื้อยตัวเข้ามาในบ้านราวกับงูและปิดประตู
ภาพต่อหน้าเหยาชุ่ยฮวาคือชายชราในชนบทมีเคราสีเทา ตาข้างหนึ่งโต ส่วนอีกข้างหนึ่งเล็ก
สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หยิบค้อนข้างประตูขึ้นแล้วถามเสียงเฉียบขาด “แกเป็นใคร?”
ตอนนั้นเองที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจำได้ว่าเขาไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง ดังนั้นเขาจึงต้องทนกับความเจ็บปวดเพื่อดึงหนวดเคราออกจากใบหน้า
เขายังฉีกกาวใสที่เปลือกตาบนและล่างออกจนดวงตาทั้งสองข้างก็มีขนาดเท่ากัน เผยให้เห็นใบหน้าเดิม
เขาพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “แม่ ผมคือเสี่ยวเจี๋ยน เสี่ยวเจี๋ยนของแม่เอง”
เหยาชุ่ยฮวาปรับสายตาจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้รับการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาคืออู๋เสี่ยวเจี๋ยนจริง ๆ น้ำตาไหลก็อาบใบหน้า
นางโถมตัวเข้าหาเขา ทุบตีด้วยกำปั้น จากนั้นดึงเขามากอดและร้องไห้ “แกพ้นโทษได้รับการปล่อยตัวแล้วเหรอ? ทำไมถึงไม่กลับมา? ในช่วงปีใหม่ ทั้งครอบครัวของเรารอคอยแกกลับมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันตลอดเลยนะ แต่แกก็ไม่กลับมาจนถึงเช้าวันแรกของปีใหม่ เราเลยต้องเอาอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่ามากินเป็นอาหารเย็นวันปีใหม่แทน”
หลังจากฟังคำพูดของเหยาชุ่ยฮวาแล้ว อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็หายวับไป
เขากลับบ้านครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความรักในครอบครัว แต่เพื่อหาเงินสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติกให้กับเพ่ยเพ่ยหญิงผู้เป็นที่รัก
เขาผลักเหยาชุ่ยฮวาออกไป และถามอย่างกระวนกระวาย “ตำรวจกำลังตามหาผมอยู่หรือเปล่า?”
เมื่ออู๋จินกุ้ยและอู๋เสี่ยวเถาได้ยินการเคลื่อนไหว พวกเขาทั้งหมดก็เดินออกจากห้อง
เมื่อเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยน ทุกคนตื่นเต้นมากจนหายง่วง ถามว่าทำไมเขาไม่กลับบ้านหลังจากพ้นโทษ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกระวนกระวายใจ กลัวตำรวจจะรู้ที่อยู่บ้านของเขาและเดินทางมาจับกุม ดังนั้นเขาจึงพยายามหนีไปให้ไกล
เขาถามอีกครั้ง “บอกผมก่อน มีตำรวจตามหาผมไหม?”
น้องชายและน้องสาวต่างของเขาต่างงุนงง “ทำไมตำรวจถึงต้องตามหาพี่?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกโล่งใจ “ไม่มีตำรวจมาตามหาฉันเหรอ?”
ทุกคนส่ายหัว “ไม่”
ในที่สุดอู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็โล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
เขาชื่นชมไหวพริบของตนเองมาก
หากไม่ใช่เพราะเขาหาคนทำใบสำคัญแสดงสิทธิปลอม สมุดทะเบียนบ้านปลอมที่มีข้อมูลครบยกเว้นชื่อของเขาไว้ล่วงหน้า ก็คงหลอกหญิงงี่เง่าอย่างป้าฝูไม่ได้
บางทีตำรวจอาจไปเฝ้ารอจับกุมเขาตามที่อยู่ทะเบียนบ้านปลอม
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าถึงตำรวจจะไม่มีสมุดทะเบียนบ้านจริงก็อาจสืบหาที่อยู่ของเขาได้ แต่ไม่คิดว่าตำรวจจะไร้อำนาจเช่นนี้
ทำให้เขาหวาดกลัวเสียเปล่ามาเนิ่นนาน
อู๋จินกุ้ยถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เพราะแกสร้างปัญหาข้างนอก จึงกังวลว่าตำรวจจะมาหาใช่หรือไม่?”
เหยาชุ่ยฮวาหยุดร้องไห้เมื่อได้ยินดังนี้ และดุอู๋เสี่ยวเจี๋ยน “เจ้าคนงี่เง่า เจ้าสารเลว โดนหลินเพ่ยนังสารเลวนั่นปั่นประสาทอีกแล้วเหรอ?”
เมื่อคิดถึงวันเวลาขณะอยู่ในคุกเมื่อใด เหยาชุ่ยฮวาก็เกลียดหล่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเพ่ยผู้หญิงเลวเกลี้ยกล่อมลูกชายคนโตของนาง เขาก็คงไม่ถูกหลอกให้แต่งงานและหลอกล่อหลินม่าย น้องสาวของหลินเพ่ยเข้าสู่ครอบครัว
จะไม่มีหลินม่ายที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเพราะไม่ต้องการถูกหลอกให้แต่งงาน จนทำให้ครอบครัวของพวกเขาอยู่ไม่เป็นสุข
พวกเขาทั้งสามคนก็จะไม่ติดคุก
ทั้งหมดเป็นเพราะหลินเพ่ยนังหญิงสารเลวคนนั้น!
นอกจากนี้ ก่อนถึงวันปีใหม่เมื่อปีที่แล้ว ว่ากันว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการปล่อยตัวและตั้งใจจะกลับบ้าน แต่กลับไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาเลย
ด้วนเหตุนั้น เหยาชุ่ยฮวาจึงเดินทางไปยังตระกูลหลินเพื่อดูว่าลูกชายคนโตของนางไปหาหลินเพ่ยหรือไม่
แน่นอนว่าลูกชายคนโตของนางกระทำเช่นนั้น หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวจากคุก เขาไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ แต่เดินทางไปหาหลินเพ่ย
และเนื่องจากชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านหวังรังเกียจหลินเพ่ย เขาจึงต้องแอบไปทุบหน้าต่างชาวบ้านเหล่านั้น
เมื่อถูกจับได้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชย ชาวบ้านจึงไปยังบ้านของครอบครัวเขาและขอให้เหยาชุ่ยฮวาจ่ายค่าชดเชยแทน
ชาวบ้านที่ถูกทุบหน้าต่างได้รวมตัวกันและบังคับให้เหยาชุ่ยฮวาชดเชยการสูญเสียของพวกเขา
เหยาชุ่ยฮวาเกลียดหลินเพ่ยมากยิ่งขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้
หล่อนไม่เพียงพรากวิญญาณลูกชายคนโตของนางไปเท่านั้น แต่ยังทำลายชีวิตของเขาอีกด้วย
หากหลินเพ่ยยืนอยู่ต่อหน้าเหยาชุ่ยฮวาในขณะนี้ เหยาชุ่ยฮวาไม่จำเป็นต้องปล่อยให้สุนัขกัดหล่อน แต่สามารถลุกขึ้นและฆ่าหล่อนได้ด้วยตัวคนเดียว!
สิ่งที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเกลียดที่สุดในชีวิตคือ การที่คนอื่นบอกว่าเพ่ยเพ่ยผู้ล้ำค่าของเขาเป็นคนไม่ดี
ทว่าแม่ของเขาเอาแต่เรียกหลินเพ่ยว่าอีตัว
เขาฟังแล้วอยากตบสั่งสอนแม่ตัวเองให้ดังๆ เสียจริง
แต่ตอนนี้เขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว จึงพยายามระงับความโกรธที่มีต่อเหยาฮุ่ยฮวา
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงโกหกโดยบอกว่า เขากลัวว่าตำรวจจะพบเขาจึงไม่ยอมมาที่บ้าน และทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของหลินม่าย
เขาบอกว่าหลินม่ายมีพิษร้ายแรงยิ่งกว่างูพิษ
ด้วยความจริงที่ว่าเธอร่ำรวยในธุรกิจ หากเขาลงโทษเธอถึงตายหรือฆ่าเธอ เขาก็กลัวว่าตำรวจจะมาขับเขาอีดครั้ง
เมื่อหลินม่ายถูกพูดถึง พี่น้องของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทุกคนที่มีความเกลียดชังร่วมกันก็เริ่มพูดไม่ดีเกี่ยวกับเธอ
อู๋เสี่ยวเถาเป็นคนเริ่มก่อนคนแรก โดยบอกว่าหล่อนขอให้หลินม่ายช่วยเก็บผลผลิตทางการเกษตรของครอบครัว แต่หลินม่ายปฏิเสธ
อู๋เสี่ยวตี้กล่าวว่าเนื่องจากหลินม่ายไม่ยอมรับผลผลิตทางการเกษตรของครอบครัว เด็ก ๆ ในหมู่บ้านและเพื่อนร่วมโรงเรียนจึงเลือกปฏิบัติต่อเขา เรียกทั้งครอบครัวของเขาว่าเป็นนักโทษของการปฏิรูปแรงงาน
อู๋เสี่ยวเม่ยก็ประสบความคับข้องใจหลายอย่างเช่นเดียวกัน
พวกเขาทั้งหมดสาปแช่งหลินม่ายด้วยท่าทางโหดร้าย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความสุขมากที่เป็นเช่นนั้น
ยิ่งพี่น้องของเขาเกลียดหลินม่ายมากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น และเป็นการง่ายขึ้นสำหรับเขาที่จะหลอกทุกคนไปขาย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอยู่บ้านสองสามวัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาแอบสนับสนุนให้น้องชายของเขาไปที่เมืองหลวงกับเขาเพื่อแอบลักพาตัวหลินม่าย
เขาต้องการขายเธอไปยังภูเขาลึกและป่าใหญ่เพื่อ ขโมยทรัพย์สินของเธอแล้วหนีไป
ไม่เพียงเป็นการล้างแค้น แต่ยังเพื่อมีชีวิตที่ดีอย่างคนร่ำรวย
น้องชายและน้องสาวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนรักการพักผ่อนและทำงานหนัก พวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก ดังนั้นจึงถูกหลอกลวงได้ง่าย
เมื่อได้ยินว่าการขายหลินม่ายสามารถนำไปสู่ชีวิตที่มั่งคั่งได้ น้องชายน้องสาวของเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้น
พวกเขาต้องการบอกพ่อแม่ของพวกเขาก่อนแล้วจึงไปที่เมืองหลวงพร้อมกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเพื่อจัดการกับหลินม่ายและปล้นเงินของเธอ
แต่หากน้องชายและน้องสาวบอกเหยาชุ่ยฮวาและอู๋จินกุ้ย แผนจะพังทลาย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนสัญญาว่าจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้น้องสาวและนาฬิกาสำหรับน้องชายของเขา
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเหยาชุ่ยฮวาและอู๋จินกุ้ยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแค่แอบหนีไปกับเขาเท่านั้น
เพื่อกำไรเพียงเล็กน้อย น้องชายและน้องสาวก็จากไปพร้อมกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนในวันนั้นโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ
อย่างที่ทุกคนทราบ การเดินครั้งนี้คือการส่งตัวเองเข้าไปในหลุมไฟ
เมื่อเห็นว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกน้องชายและน้องสาวได้สำเร็จ หลินเพ่ยก็ไม่ได้รู้สึกผิดแต่กลับภาคภูมิใจที่หลอกขายพวกเขาได้สำเร็จ
เพื่อขายน้องชายของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนในราคาสูง หลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจึงวางแผนขายเขาให้กับเหมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่นั่นเป็นนรกบนดิน และในบรรดากุลีหนุ่มที่ถูกขายก็ยังมีคนที่อายุไม่เกินสิบห้าปี
ส่วนน้องสาวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกขายให้กับซ่องโสเภณีที่ไป๋ซวงทำงาน
ขณะขายน้องสาวคนเล็ก ดวงตาของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนฉายแววเวทนาสงสาร น้องสาวคนเล็กอายุเพียงสิบห้าปี และยังเป็นเยาวชน
แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่แตกสลายของหลินเพ่ย นับประสาอะไรกับน้องสาวคนเล็กของเขาที่อายุเพียงสิบห้าปี แม้ว่าจะอายุห้าขวบ เขาก็ยังใจแข็งขายเธอได้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขายน้องชายและน้องสาวจนได้เงินมาหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน บวกกับเงินจากการขายไป๋ซวงรวมเป็นสองหมื่นหยวน
แม้ว่าจะยังห่างไกลจากค่าศัลยกรรมพลาสติกที่หลินเพ่ยคาดหวังไว้ แต่เธอก็ไม่ต้องการรออีกต่อไป
หล่อนต้องการที่จะเป็นหญิงสาวสวยเพื่อเกลี้ยกล่อมนายท่านฉุย และยืมมือของนายท่านฉุยกำจัดหลินม่าย
หล่อนมีเงินหลายหมื่นหยวนจากการค้าประเวณี แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการทำศัลยกรรม
เมื่อหล่อนเสนอว่าจะไปฮ่องกงเพื่อทำศัลยกรรม อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็โพล่งออกมา “ผมยังมีเงินไม่พอ คุณจะทำศัลยกรรมได้อย่างไร?”
หลินเพ่ยแกล้งทำเป็นกล่าว “อย่ากังวลเรื่องเงินเลย”
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็เย็นชา
ต้องมีคนให้เงินหล่อนเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติกอย่างแน่นอน และความพยายามของเขาอาจไร้ผล
เขาไม่ได้เกลียดหลินเพ่ยที่คิดต่าง แต่เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์และไม่สามารถมอบสิ่งที่หล่อนต้องการได้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีพี่ชายอย่างเสี่ยวเจี๋ยนนี่ก็เป็นเวรกรรมอย่างนึงนะ ตาบอดจนขายน้องๆ ตัวเองได้ลงคอ
ไหหม่า(海馬)