ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 317 เจรจราร่วมมือกัน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 317 เจรจราร่วมมือกัน(1)

ตอนที่ 317 เจรจราร่วมมือกัน(1)

ทุกคนดีใจแล้วก็อดพูดกับฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “สหายฉิน วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆนะ”

“ทุกคนสุภาพเกินไปแล้วค่ะ พวกเราแต่เดิมก็เป็นพนักงานของห้างโหยวอี้ เป้าหมายในการขายของพวกเราก็เพื่อแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทุกคนต่างทำงานหนักกันมากเลยค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานถ่อมตัวและสุภาพมาก ทุกคนจึงมีรอยยิ้มขึ้นมา แล้วแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน

ฉินมู่หลานเห็นว่าทุกอย่างที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางขายหมดแล้ว จึงหันมองพนักงานทั้งสองคนแล้วพูดขึ้นว่า “พวกคุณกลับไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ เดี๋ยวมีของล็อตใหม่แล้วฉันจะแจ้งให้พวกคุณทราบ” หลังจากพูดจบ เธอก็มอบเครื่องสำอางสองชุดให้กับพนักงานทั้งสองแล้วบอกว่า “พวกคุณเอากลับไปลองฝึกแต่งดูนะคะ ปกติฉันไม่ค่อยได้มาที่นี่ เพราะฉะนั้นพวกคุณต้องเรียนรู้แล้วฝึกเอาไว้ค่ะ”

“แต่ว่า…นี่เป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะคะ พวกเราไม่มีทางเรียนรู้ได้แน่นอน”

ทั้งสองเคยเป็นพนักงานขายมาก่อน แต่ก็ทำเพียงแค่ขายของเท่านั้น แล้วจะเอาฝีมือที่ไหนมาแต่งหน้าให้ลูกค้ากัน

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่ยากหรอกค่ะ”

หลังจากนั้นก็อธิบายวิธีการให้ทั้งสองฟังอย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวปิดท้าย “แค่ฝึกให้มาก ตอนแรกมันอาจจะยังไม่ค่อยดีนัก แต่ค่อย ๆ ฝึกไปเดี๋ยวก็ได้เอง”

“ค่ะ พวกเราจะตั้งใจฝึกค่ะ”

ทั้งสองคนเห็นแล้วว่าวันนี้เครื่องสำอางขายดีประหนึ่งโดนปล้น จึงรู้ว่าเคาน์เตอร์เครื่องสำอางของพวกหล่อนเป็นที่นิยมมาก ดังนั้นพวกหล่อนต้องเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าให้ดี มิฉะนั้นคงไม่รู้ว่าจะทำงานต่อที่นี่ได้หรือเปล่า

หลังจากพนักงานทั้งสองกลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ออกจากห้างโหยวอี้เช่นกัน แต่เธอไม่ได้กลับบ้าน และไปหาทางฝั่งของเยว่เจินจูแทน

เมื่อฉินมู่หลานมาถึง เยว่เจินจูก็กำลังแต่งหน้าให้ใครบางคนอยู่ ส่วนพนักงานทั้งสองคนก็คอยแนะนำเครื่องสำอางให้กับลูกค้า เมื่อเธอเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่ง จึงยิ้มแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเพื่อทำการช่วย

“สวัสดีค่ะ คุณกำลังรอแต่งหน้าอยู่ใช่ไหมคะ เดี๋ยวฉันช่วยแต่งให้เองค่ะ”

ฉินมู่หลานพูดกับลูกค้าที่กำลังรออยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ของเยว่เจินจู

แต่ลูกค้าคนนั้นเห็นว่าฉินมู่หลานยังดูเด็กมาก จึงไม่ค่อยเชื่อมั่น ขณะเดียวกันก็มองเธอแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เธอเป็นใครเนี่ย ทำไมฉันจะต้องให้เธอแต่งหน้าให้ด้วย”

เยว่เจินจูใช้โอกาสนี้เอ่ยแนะนำทันที “หล่อนผู้นี้คือหัวหน้าของพวกเราเองค่ะ ฉันเองก็เรียนการแต่งหน้ามาจากหล่อน เพราะฉะนั้นหล่อนสามารถแต่งหน้าให้คุณได้อยู่แล้วค่ะ คุณแค่รีบนั่งลงเถอะ”

ลูกค้าคนนั้นได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “ใช่เหรอ พวกเธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ลูกค้าคนนั้นก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พวกเรามู่เสวี่ยไม่โกหกหรอกค่ะ” ขณะที่พูดก็เริ่มแต่งหน้าให้ลูกค้าคนนั้น

ฉินมู่หลานลงมือว่องไวมาก ขณะที่เยว่เจินจูกำลังแต่งหน้าให้คนที่มาก่อน เธอก็ได้แต่งหน้าให้ลูกค้าอีกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองได้ส่องกระจกพร้อมกัน หลังจากนั้นก็แตกตื่น “สวรรค์ นี่ฉันจริงเหรอเนี่ย”

คนที่อยู่ข้างหลังเห็นคนแต่งหน้า และเห็นผลที่ได้ออกมามหัศจรรย์เช่นนี้ จึงรีบแห่กันเข้ามาทันที เครื่องสำอางค์บนเคาน์เตอร์ก็ขายออกจนหมด นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่ลังเลจะซื้อเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง จึงได้แต่ทุบอกแล้วนึกเสียดายทีหลัง

“ทำไมพวกคุณถึงไม่เอามาวางขายเพิ่มอีกหน่อยล่ะ”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเรายังไม่ได้ซื้อเลยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ทุกคนไม่ต้องกังวลนะคะ พวกเรากำลังเร่งผลิตสินค้าอยู่ค่ะ รอสินค้ามาถึง ทุกคนค่อยมาซื้อกันก็ได้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นสินค้าจะมาถึงตอนไหน”

“อีกสองวันทุกคนลองมาดูก็ได้ค่ะ”

หลายคนได้ยินแบบนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ เดี๋ยวอีกสองวันพวกเรามาดู” แต่ไม่นานนักก็มีคนเอ่ยถามขึ้น “ถ้าอย่างนั้นหลังจากซื้อแล้วเราจะได้ลุ้นรางวัลไหมคะ?”

เยว่เจินจูหันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าตั้งคำถาม

ฉินมู่หลานก็โบกมือเล็ก ๆ ไปมา ก่อนจะพูดตอบด้วยรอยยิ้ม “เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษของพวกเรา หลังจากเครื่องสำอางมาถึงในสองวันนี้แล้ว ทางเราจะจัดกิจกรรมลุ้นโชคให้ด้วยค่ะ”

“ตกลง”

ได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ต่างพากันดีใจ เพราะวันนี้ก็มีคนได้สบู่ไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้รางวัลเป็นจักรยานหนึ่งคันด้วย รางวัลพวกนี้น่าลุ้นโชคมาก ยิ่งไปกว่านั้น หากโควต้าเต็มก็ยังสามารถรับผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นของขวัญแทนได้ พวกหล่อนจึงต้องกัดฟันใช้เงินกัน

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายไปกันแล้ว เยว่เจินจูก็รีบหันมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานทันที “มู่หลาน เธอมาทำอะไรเหรอ แล้วที่ห้างโหยวอี้ล่ะ ไม่ต้องไปดูแล้วเหรอ หรือว่าชาวต่างชาติไม่ซื้อเครื่องสำอางของพวกเรา”

หลังจากพูดจบ หล่อนก็ดูเป็นกังวลนิดหน่อย

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่ใช่อยู่แล้ว เครื่องสำอางทางฝั่งนั้นขายหมดแล้ว และมีขายไม่พอด้วย” พูดจบเธอก็เอ่ยเล่าถึงสถานการณ์ล่าสุดให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดต่อท้าย “เอาล่ะ พวกคุณทุกคนรีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ เครื่องสำอางล็อตใหม่จะมาถึงในสองวัน พวกคุณก็ค่อมาที่นี่กัน”

“พวกเรากลับบ้านไปพักตอนนี้ได้เลยเหรอ?”

เยว่เจินจูมองฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อ เพราะวันนี้ไม่ได้ทำงานหนักอะไรเลย

พนักงานขายอีกสองคนก็มีความคิดแบบเดียวกัน

“ของหมดสต๊อกแล้ว ทุกคนอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีประโยชนือะไร กลับบ้านไปพักเถอะ”

แต่เธอก็ยังขอให้พนักงานขายทั้งสองคนไปฝึกแต่งหน้ามาด้วย “ถ้าเกิดว่าเจินจูไม่อยู่ พวกคุณก็ต้องขึ้นมาทำแทน เพราะฉะนั้นตั้งใจฝึกให้ดีนะ”

“ค่ะ”

พนักงานขายทั้งสองคนพยักหน้าอย่างจริงจัง

“เอาล่ะ ทุกคนกลับกันเถอะ ฉันมีธุระอย่างอื่นต้องรีบไปทำ”

หลังจากฉินมู่หลานออกมาจากร้านค้าของชาวจีนโพ้นทะเลแล้ว ก็ตรงไปที่โรงงานทันที

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวมา จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน ทำไมลูกกลับมาเร็วจัง ที่ร้านมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เครื่องสำอางขายออกไหม?” หล่อนรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่เช้า กลัวว่าเครื่องสำอางพวกนั้นจะขายออกไม่หมด เมื่อเห็นลูกสาวกลับมาจึงรีบเอ่ยถาม

เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็มองฉินมู่หลานด้วยท่าทางประหม่าเช่นกัน ด้วยอยากทราบข่าวคราวการขายเครื่องสำอาง

ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองดูท่าทางกังวลใจ จึงยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องห่วงค่ะ เครื่องสำอางมีแนวโน้มการขายค่อนข้างดี วันนี้เครื่องสำอางถุกขายออกหมดแล้วค่ะ แถมไม่พอขายด้วย ฉันก็เลยมาที่โรงงานอยากจะขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานล่วงเวลาเพิ่ม เพื่อจที่จะผลิตเครื่องสำอางได้รวดเร็วมากขึ้น”

“มู่หลาน จริงเหรอเนี่ย ขายออกหมดแล้วจริงเหรอ?”

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือรู้สึกเหลือเชื่อมาก เดิมทีพวกหล่อนกังวลว่าจะขายไม่ออกแม้แต่ชุดเดียว เพราะราคาที่มู่หลานกำหนดเอาไว้ไม่ได้ถูกเลย แต่ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่จะขายออก แต่ยังขายหมดด้วย

“จริงแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราต้องทำงานหนักมากขึ้นแล้วค่ะ”

“ใช่ ๆ ต้องทำงานหนักขึ้นอยู่แล้ว วันนี้พวกเราจะอยู่ทำงานล่วงเวลากัน”

ฉินมู่หลานเห็นว่าแม่ตัวเองและแม่สามีมีความสุขมาก ก็ยิ้มแย้มขึ้น สุดท้ายพนักงานทุกคนก็อยู่และทำงานล่วงเวลากัน และฉินมู่หลานก็จ่ายค่าแรงให้เป็นสองเท่า อย่างแรกเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการทำงานล่วงเวลา อย่างที่สองเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นที่ดี

หลังจากจัดการทุกอย่างที่โรงงานเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่หลานก็วางแผนจะพัฒนาอีกหลากหลายสูตร มู่เสวี่ยจะไม่จำกัดแค่การขายเครื่องสำอางเท่านั้น เธอจะวางขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวออกมาด้วย แต่ก่อนที่เธอกำลังจะวุ่นอยู่กับการวางแผน หลิวเสวียข่ายก็มาหา

“สหายฉิน ผมเพิ่งทราบว่าคุณมาที่โรงงาน”

เมื่อเห็นหลิวเสวียข่ายมีท่าทางหายใจหอบเหนื่อย ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “หัวหน้าหลิว ทำไมคุณถึงหายใจแบบนี้ล่ะคะ หรือว่ารีบวิ่งมาที่นี่?”

“ใช่ครับ ผมรีบวิ่งมาจริง ๆ”

หลิวเสวียข่ายยอมรับตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม แล้วเอ่ยพูดกับฉินมู่หลานตามตรง “คุณวิลเลียมนั่นอยากจะร่วมมือกับคุณไม่ใช่เหรอครับ ทำไมวันนี้คุณถึไม่ตอบตกลงล่ะ”

เมื่อเห็นว่าหลิวเสวียข่ายมาที่นี่ด้วยเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มแล้วบอกกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “หัวหน้าหลิวคะ การพูดคุยเรื่องที่จะร่วมมือทางธุรกิจกันมันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะพุ่งเข้าใส่โอกาสทันทีที่มาถึง หากคุณวิลเลียมอยากจะร่วมธุรกิจกับฉันจริง เขาต้องตามตื๊อฉันต่ออยู่แล้วค่ะ”

หลิวเสวียข่ายรู้สึกเป็นกังวล แต่เมื่อเขาเห็นว่าเทพฉินมู่หลานมั่นใจว่าจะเอาชนะได้แบบนี้ ก็สงบสติอารมณ์ลงทันที

“ใช่ หากเขาสนใจอย่างที่พูดจริง จะต้องตามตื๊อคุณต่อไปแน่นอน พวกเขากับกลุ่มคนของพวกเขาจะอยู่ที่เมืองหลวงต่ออีกหลายวันเลยครับ” เขากังวลเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนเป็นหลัก จึงอยากจะส่งเสริมผลักดันเรื่องการร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่เขาก็รู้ว่าฉินมู่หลานพูดถูก หากพวกเขาไม่กระทำการด้วยความอดทน สิ่งที่คิดฝันก็จะไม่มีวันตกไปอยู่ในมือของพวกเขา

“ผมจับตามองคุณวิลเลียมตลอด หากเขาอยากจะคุยเรื่องร่วมมือทางธุรกิจกับคุณ ผมจะรีบแจ้งให้คุณทราบทันทีเลยครับ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนหัวหน้าหลิวด้วยนะคะ”

หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็นึกไปถึงสิ่งที่หลิวเสวียข่ายเคยพูดเรื่องการรับสมัครคนงานก่อนหน้านี้ “หัวหน้าหลิวคะ จากแนวโน้มของการขายเครื่องสำอางในวันนี้ ทางโรงงานของเราจะเปิดรับสมัครคนงานคนเพิ่มอีกแน่นอน ก่อนนี้คุณเคยถามเรื่องรับสมัครคนงานอยู่ คุณมีคนดี ๆ แนะนำแล้วใช่ไหมคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลิวเสวียข่ายก็รีบกล่าวทันที “มีครับ ที่ผมมาพบคุณวันนี้ก็เพื่อจะพูดคุยเรื่องการร่วมมือทางธุรกิจกับการจัดสรรหาบุคลากรนี่แหละครับ คนพวกนั้นสามารถมาทำงานได้ทันทีเลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยค่ะ ทำไมไม่เรียกมาตอนนี้เลยล่ะคะ เดี๋ยวฉันจะสัมภาษณ์เอง ถ้าเป็นไปได้ ก็จะให้มาเริ่มงานพรุ่งนี้เลยค่ะ”

หลิวเสวียข่ายก็ไม่ชักช้า เริ่มติดต่อให้ทันที

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เครื่องสำอางมู่หลานจะได้ส่งออกนอกหรือเปล่านะ สัญญานี้จะเป็นรูปเป็นร่างไหมหนอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน