ตอนที่ 320 บังคับ(2)
ตอนที่ 320 บังคับ(2)
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็ปรายตามองเซี่ยอวี่หรง แล้วไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน
บรรยากาศรอบข้างเงียบงันลงชั่วขณะ ก่อนที่เฉินเซี่ยวอวิ๋นจะพูดขึ้นทำลายความเงียบ “วันนี้ฉันเชิญเพื่อนร่วมชั้นบางคนมาด้วย ตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ นอกจากพวกเธอแล้วก็ยังมีครอบครัวฉันและญาติบางคนมาร่วมงานด้วย เพราะฉะนั้นพวกเธอเข้าไปนั่งที่โต๊ะกันก่อนนะ”
หลังจากที่ฉินมู่หลานนั่งลง ก็พบว่างานเลี้ยงที่เฉินเซี่ยวอวิ๋นบอกว่าเป็นงานใหญ่กลับมีเพียงโต๊ะแค่สามตัวที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ในร้านอาหาร นอกจากพวกเธอแล้วก็ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนมาอีกเลย บรรดาแขกที่เหลือล้วนเป็นญาติและสหายของตระกูลเฉิน แต่เธอมาที่นี่เพียงเพื่อกินอาหารเท่านั้น หลังจากมองสำรวจดูแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็เริ่มรับประทานทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมาชุนเถาได้มาภัตตาคารโรงแรมที่ดีขนาดนี้ ตอนแรกจึงค่อนข้างสำรวมนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องพักหลายคนกินอาหารกันตามสบาย หล่อนก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเช่นกัน แล้วกินอาหารเต็มที่ หล่อนไม่เคยมีโอกาสได้กินข้าวในร้านอาหารดี ๆ เช่นนี้มาก่อนเลย
เซี่ยอวี่หรงต้องการจะเอ่ยอะไรเพิ่มเติม แต่นอกจากเหมาชุนเถาแล้ว ท่าทางของคนอื่นกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย นั่นทำให้หล่อนมีสีหน้ายับยู่น่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองค่อนข้างดี
เมื่อเห็นแบบนี้ แววตาของเซี่ยอวี่หรงก็มืดมนลง
ตอนแรกหล่อนไม่ได้บอกที่บ้านว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะมาที่เมืองหลวง แต่วันนี้เมื่อได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยแล้ว ในใจจึงกังวลมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงวันเกิดจบลง หล่อนจึงกลับไปเล่าให้พ่อแม่ฟังทันทีที่กลับถึงบ้าน
เซี่ยฉางชิงได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของตระกูลเซี่ยสายหลักมาที่ปักกิ่งแล้ว สีหน้าก็ดูตกใจสุดขีด
“เป็นไปได้ยังไง เซี่ยปิงหรุ่ยมาเรียนคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ยังไงกัน หล่อนร่ำเรียนวิชาพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วยังต้องเรียนมหาวิทยาลัยอะไรอีก”
เติ้งซูหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว พวกตระกูลหลักได้ร่ำเรียนวิชาพวกนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังต้องมาเรียนเพิ่มอีกล่ะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เติ้งซูหลานก็อดกระอักกระอ่วนเสียไม่ได้ พวกคนตระกูลหลักล้วนเป็นแพทย์กันทั้งนั้น แต่พวกเขาดูเหนือกว่าจนไม่มีใครสามารถกล้าที่จะสบตาได้เลย ในสายตาพวกตระกูลหลักที่มองพวกเขาแล้วมันช่างดูไร้ค่าไปหมด สิ่งนี้จึงทำให้หล่อนรู้สึกไม่มีความสุขอย่างมาก เพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่อยากจะเสวนากับตระกูลหลักที่อยู่ในซีอานมาตั้งแต่แรกแล้ว
เซี่ยอวี่หรงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้หนูไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณหนูใหญ่เขามาที่ปักกิ่งแล้ว ครอบครัวของเราจำเป็นต้องคอยดูแลหล่อนไหมคะ”
เซี่ยฉางชิงพยักหน้าทันทีแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนั้นแน่นอนว่าจำเป็นอยู่แล้ว พรุ่งนี้หลังจากลูกไปเรียนแล้วก็ไปเชิญคุณหนูใหญ่มาด้วย”
“ค่ะ”
เติ้งซูหลานเห็นสิ่งนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “คุณหนูใหญ่อะไรกัน ตอนนี้ไม่มีคุณหนูใหญ่อะไรทั้งนั้นแหละ แล้วนี่เราต้องเชิญหล่อนมาด้วยเหรอ หล่อนก็เป็นแค่รุ่นลูก แล้วเราต้องเชิญหล่อนมาด้วยหรือไง”
เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ ก็หันไปจ้องมองภรรยา ก่อนจะพูด “คุณหุบปากไปเลย อย่าให้ผมได้ยินคำพูดพวกนี้อีกนะ พวกเราควรให้ความเคารพพวกตระกูลหลักไว้”
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะมีตระกูลหลักตระกูลเดิมอะไรอยู่อีก พวกเขาประเสริฐกว่าพวกเราตรงไหน พวกเขา…”
“ผมบอกให้หุบปาก”
สีหน้าของเซี่ยฉางชิงยับยู่น่าเกลียดมาก ก่อนจะหันไปจ้องมองเติ้งซูหลาน
เติ้งซูหลานเห็นแบบนี้ สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
หลังจากเซี่ยฉางชิงไปแล้ว เติ้งซูหลานก็อดพูดบ่นเสียไม่ได้ “พ่อแกคิดอะไรอยู่เนี่ย เขาให้ความเคารพต่อตระกูลหลักมากเหลือเกิน ครอบครัวทางซีอานนั่นมีอะไรให้พวกเราต้องเคารพอย่างนั้นเหรอ ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่”
“เอาเถอะแม่ แม่ก็พูดให้น้อยลงหน่อย จริง ๆ แล้วเมื่อกี้มีบางอย่างที่หนูยังไม่ได้บอก เซี่ยปิงหรุ่ยกับฉินมู่หลานสนิทกันดีมากเลย”
“อะไรนะ…สองคนนั้รู้จักกันได้ยังไง?”
“พวกหล่อนเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน แล้วอยู่ห้องพักเดียวกัน จึงรู้จักกัน แถมยังสนิทกว่าคนอื่นอีกด้วย” หลังจากพูดจบ เซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยขึ้นต่อ “แม่ แล้วเรื่องที่แม่กำลังตามสืบฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เจออะไรเลย หมอที่เป็นคนทำคลอดให้ซูหว่านอี๋ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน คงยากถ้าจะหาให้เจอภายในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้”
“ถึงจะหายากก็ต้องหา”
เซี่ยอวี่หรงกลัวว่าสิ่งที่หล่อนคาดเดาจะเป็นจริง ดังนั้นจึงต้องตามสืบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น
เติ้งซูหลานเองก็เช่นกัน “ไม่ต้องห่วง กำลังให้คนตามหาอยู่ น่าจะได้รู้กันในอีกไม่ช้านี่แหละ แกไม่ต้องห่วงหรอก”
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”
เมื่อเซี่ยอวี่หรงเห็นว่าทางฝั่งของแม่ยังไม่มีความคืบหน้า ในใจก็รู้สึกวิตกกังวล ดังนั้นหล่อนจึงไปหาเริ่นม่านลี่อีกครั้ง
“ทางฝั่งเธอมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม ความสัมพันธ์ของเธอกับคุณนายเหยากลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือยัง?”
เริ่นม่านลี่ได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะ แล้วพูดขึ้น “คุณนายเหยายังนับว่าฉันเป็นหลานสะใภ้ เพราะฉะนั้นพวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่หรงก็หยิบขวดกระเบื้องใบเล็กออกมา แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าเธอช่วยหาโอกาสใส่เจ้านี่ลงไปในอาหารของคุณย่าด้วยนะ”
“นี่คืออะไรเหรอ?”
เริ่นม่านลี่เห็นขวดกระเบื้องใบเล็กแล้วก็มีท่าทางก็เปลี่ยนไป ด้วยทราบดีว่าเซี่ยอวี่หรงมีเจตนาไม่ดีอยู่แล้วที่ให้หล่อนแอบเข้าไปตีสนิทกับคุณนายเหยา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณนายเหยา หล่อนก็คงหนีไม่พ้น เช่นนั้นคงมีหลายอย่างที่หล่อนจะไม่ทำอย่างแน่นอน
เซี่ยอวี่หรงหัวเราะเยาะเมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเริ่นม่านลี่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องห่วง มันไม่ใช่ของอันตรายหรอก”
“ไม่ได้ ถ้าโดนจับได้ ฉันก็ซวยน่ะสิ”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้น “เธออยากจะแต่งงานกับตาเฒ่าพิการที่ครอบครัวหาเอาไว้ให้เหรอ?” เรื่องราวบางอย่างของตระกูลเริ่นได้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนจึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“ฉันต้องไม่อยากอยู่แล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของเริ่นม่านลี่ก็มืดมนลง นับตั้งแต่ที่ไปดูตัวกับหลิวเสวียข่ายล้มเหลวไม่เป็นท่า ทางบ้านจึงเล็งเห็นว่าหล่อนหมดหวังที่จะแต่งงานกับครอบครัวชนชั้นสูงแล้ว จึงหมั้นหมายให้หล่อนได้กับคนพิการที่ฐานะค่อนข้างร่ำรวยแทน
“ถ้าเธอไม่ต้องการ ก็ทำตามที่ฉันบอก ทางฝั่งหลิวเสวียข่ายล้มเหลวแล้ว ฉันก็ยังแนะนำคนอื่นให้เธอได้อีก แน่นอนว่าต้องดีกว่าที่ครอบครัวจัดหาใหแธอเป็นร้อยเท่าแน่”
“ฉัน…”
“ไม่ต้องห่วง มันไม่ใช่ของอันตรายหรอก ถ้าเธอกังวล ก็ให้คนอื่นลองตรวจสอบดูก็ได้นะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเซี่ยอวี่หรง ในที่สุดเริ่นม่านลี่ก็ยอมรับขวดกระเบื้องเล็กไปในที่สุด “ได้ ฉันจะให้คนลองตรวจสอบดู อย่าลืมที่เธอพูดล่ะ”
ตอนนี้หล่อนไม่มีทางเลือกแล้ว หากตัวเองยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไปอีกรอบ สุดท้ายคงได้แต่งงานกับคนพิการเช่นนั้นแน่
ส่วนเหยาอี้หนิงนั้นหล่อนไม่อยากจะย้อนกลับไปกินซ้ำอีก คนที่โดนขับไล่ออกจากตระกูลเหยา คนที่พ่อแม่ติดคุก หล่อนรู้สึกไม่พิศวาสเลยสักนิด หล่อนจึงต้องหาทางด้วยตัวเองเพื่อจะได้คู่ครองที่ดี
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในขวดนั่นเป็นยาอะไรนะ ที่คุณนายเหยาช่วงนี้ดูเพี้ยนๆ ไปเป็นเพราะโดนยาตัวนี้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)