ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 321 ฤทธิ์เหล้า(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 321 ฤทธิ์เหล้า(1)

ตอนที่ 321 ฤทธิ์เหล้า(1)

เริ่นม่านลี่หยิบขวดยาที่เซี่ยอวี่หรงให้แล้วเดินจากไปทันที แต่สิ่งที่หล่อนไม่คาดคิดก็คือการได้พบกับหลิวเสวียข่ายหลังจากตนเพิ่งออกมาได้ไม่นาน

เมื่อได้พบหลิวเสวียข่ายอีกครั้ง แววตาของเริ่นม่านลี่ก็ดูไม่ค่อยพอใจนัก

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ปฏิเสธหล่อน หล่อนดูดีอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะเคยหย่าร้างมาก่อนแต่ก็ไม่เคยมีลูก แม้ตระกูลเริ่นจะเทียบเท่าตระกูลหลิวไม่ได้ แต่หลิวเสวียข่ายก็อายุไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีลูกสาวหนึ่งคนด้วย ทำไมเขาถึงได้ไม่กังวลนัก

เมื่อคิดได้ดังนั้น เริ่นม่านลี่ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหลิวเสวียข่ายทันที

“คุณหลิว ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

หลิวเสวียข่ายที่เห็นเริ่นม่านลี่ในคราแรกก็ยังไม่ได้โต้ตอบกลับมา แต่กลับใช้เวลาในการนึกคิดว่าคนตรงหน้าคือใคร “ที่แท้ก็คุณเริ่นนี่เอง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

“คุณหลิวคะ กว่าจะได้เจอกันก็ไม่ใช่ง่าย ขอฉันเลี้ยงอาหารคุณได้ไหมคะ”

หลิวเสวียข่ายไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เอ่ยปฏิเสธทันที

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังมีธุระ ต้องขอตัวก่อน”

เริ่นม่านลี่เข้ามาขวางทางหลิวเสวี่ยข่ายโดยไม่อ้อมค้อม ก่อนที่สีหน้าจะยิ้มแย้มไม่ออกอีกต่อไป “คุณหลิวคะ ฉันขอถามหน่อย คุณไม่พอใจอะไรในตัวฉันตอนที่นัดดูตัวกันครั้งก่อนเหรอคะ เพราะอะไรฉันถึงไม่ผ่าน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิวเสวียข่ายก็ขมวดคิ้วแล้วมองไป ก่อนจะเอ่ย “คุณเริ่นครับ ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรตรงไหนเลย เพียงแต่ผมยังไม่มีความตั้งใจที่จะหาคู่ครองในตอนนี้ เพราะฉะนั้นคุณไปหาคนอื่นดีกว่าครับ”

แต่ถึงอย่างนั้นเริ่นม่านลี่ก็ไม่เชื่อเลยสักนิด

“ไม่มีทางหรอกค่ะ แม่ของคุณบอกว่าตอนนี้กำลังให้คุณมองหาคู่ครองที่เหมาะสมอยู่ ซึ่งหมายความว่าคุณก็ต้องอยากหาใครสักคนมาเป็นคู่ครองแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ถ้าคุณคิดอยากจะปฏิเสธก็แค่พูดมาตามตรง ทำไมต้องมาพูดหาข้อแก้ตัวอะไรแบบนี้ด้วย”

เดิมทีหลิวเสวียข่ายไม่ได้ประทับใจในตัวเริ่นม่านลี่อยู่แล้ว แต่ยิ่งได้ฟังคำพูดของเริ่นม่านลี่ เขาก็ยิ่งมีความประทับใจน้อยลงเข้าไปใหญ่

“คุณเริ่น ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมมีธุระต้องไปทำจริง ๆ ลาก่อนครับ”

“เดี๋ยวก่อน…”

แต่ถึงอย่างนั้นหลิวเสวียข่ายก็ไม่ได้หยุดเลย แม้แต่ศีรษะยังไม่หันกลับมา

“หลิวเสวียข่าย…”

เริ่นม่านลี่ต้องการตามตื๊อต่อไป แต่กลับโดนใครบางคนคว้าข้อมือเอาไว้ “เริ่นม่านลี่ รักษาหน้าหน่อยสิ หลิวเสวียข่ายปฏิเสธชัดเจนมากแล้ว ทำไมเธอยังจะตามตื๊ออีก ต่อให้เธอตามตื๊อแค่ไหนเขาก็ไม่ต้องการหรอก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เริ่นม่านลี่ก็หันหน้าไปมอง ก่อนจะได้พบกับเริ่นม่านนีที่กำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ยิ่งคำพูดคำจาก็เสียดแทงมากขึ้นไปอีก

“เริ่นม่านนี พี่มาทำอะไรที่นี่”

“ถ้าฉันไม่ได้เพิ่งมาตรงนี้ ก็คงไม่รู้เลยว่าเธอไร้ยางอายขนาดนี้”

เริ่นม่านนีดูถูกน้องสาวที่ผ่านการหย่าร้างคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ “จริง ๆ แล้วเธออยากแต่งเข้าตระกูลหลิวเหรอเนี่ย เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน เธอคิดว่าหลิวเสวียข่ายอยากจะได้ผู้หญิงที่หย่าร้างมาแล้วอย่างเธอเหรอ ด้วยภูมิหลังของตระกูลหลิวแล้ว ถ้าเขาอยากจะแต่งงานกับหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ ก็จะมีคนมากมายรอต่อคิวอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอกล้าตื๊อหลิวเสวียข่ายได้ยังไงกัน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเริ่นม่านลี่ก็ยับยู่

“เริ่นม่านนี พี่ตั้งหน้าตั้งตารอดูฉันก่อนไม่ได้เหรอ ถ้าฉันแต่งเข้าตระกูลหลิวได้ มันก็ดีสำหรับพวกเราทุกคน”

“ฮ…ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เริ่นม่านนีหัวเราะขึ้นมาอย่างเสียอดไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราไม่ได้โง่ทนงตัวเหมือนกับเธอหรอกนะ เหอะ…อย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดฉันยังไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลหลิวได้เลย” หลังจากพูดจบ ก็หันมองเริ่นม่านลี่ แล้วพูดต่อ “เธอควรจะแต่งงานกับคนที่พ่อกับแม่เลือกเอาไว้ให้จะดีกว่านะ เผื่อว่าต่อไปจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก อย่างเหยาอี้หนิงก็เป็นคนที่เธอเลือกรีบร้อนจะแต่งงานด้วย ผลสุดท้ายก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องมาหย่าร้าง”

“พี่…”

เริ่นม่านลี่พูดไม่ออก เป็นเพราะตอนแรกหล่อนไม่พอใจกับคนที่ครอบครัวจัดหาเอาไว้ให้ ตัวเองจึงได้พบเหยาอี้หนิง ผลสุดท้ายชีวิตแต่งงานก็พังไม่เป็นท่าเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าผู้ชายที่ครอบครัวจัดหามาให้นั้นจะดี

“ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะหย่าแล้ว แต่พี่ก็ไม่เคยใส่ใจเลยว่าผู้ชายที่พ่อกับแม่หาให้ฉันมันเป็นยังไง ครั้งนี้ก็ยังพิการอีก พ่อกับแม่ยังคิดว่าฉันเป็นลูกของท่านอยู่หรือเปล่า”

เริ่นม่านนีมองน้องสาวด้วยสายตาเยาะเย้ย

เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสามารถอะไรเลยสักอย่าง แต่ใจกลับใฝ่สูง เพราะฉะนั้นหล่อนจึงพูดอย่างไม่ลังเล “จะทำอะก็ทำไปเถอะ ยังไงฉันก็บังคับเธอไม่ได้อยู่แล้ว” หลังจากพูดประโยคนี้จบ เริ่นม่านนีก็เดินจากไปเพียงคนเดียว

เฝ้ามองร่างของเริ่นม่านนีเดินจากไป เริ่นม่านลี่ก็กำหมัดแน่น หยิบขวดกระเบื้องอันเล็กที่เซี่ยอวี่หรงมอบให้ออกมา แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หล่อนตัดสินใจจะให้ใครสักคนเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น หลังจากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำตามที่เซี่ยอวี่หรงพูดไหม

อีกด้านหนึ่ง หลังจากหลิวเสวียข่ายกลับไปแล้ว เขาก็ตรงไปที่โรงงานเครื่องสำอาง เดินไปจนถึงตรงประตูใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าฉินมู่หลานก็มาที่นี่ด้วย

“มู่หลาน คุณก็เพิ่งมาเหรอ?”

ฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นหลิวเสวียข่าย “ผอ.หลิว คุณมาทำไมเหรอคะ” พูดจบก็ทักทายผู้มาเยือนตรงหน้า หลังจากที่เธอกลับจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฉินเสี่ยวอวิ๋น ก็ออกไปเดินเล่นกับเพื่อนคนอื่นในหอพักอีก เมื่อเห็นว่ายังไม่สาย จึงมาที่โรงงานต่อเลย คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหลิวเสวียข่าย

หลิวเสวียข่ายเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ผมมาที่นี่เพื่อจะคุยกับคุณว่าผมหาคนมาเพิ่มได้อีกเจ็ดคน คุณลองดูว่าตารางเวลาว่างตอนไหน จะได้สัมภาษณ์อีกเจ็ดคนนี้”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพรุ่งนี้เช้าเถอะค่ะ”

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าประมาณหลังแปดโมงเป็นต้นไป ผมจะพาคนมาที่นี่”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วตอบรับ “ค่ะ”

หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกันต่ออีกสักพัก แล้วหลิวเสวียข่ายก็กลับไป แต่ฉินมู่หลานยังอยู่ที่โรงงาน คอยมองตรวจดูทุกที่ ก่อนจะพบว่าแม่ของตนกับแม่สามีจัดการงานได้ดีมาก จึงวางใจ แล้วตรงกลับไปที่บ้าน

“มู่หลาน คุณไปไหนมาเหรอ ทำไมถึงเพิ่งกลับมา”

ทันทีที่ฉินมู่หลานกลับมาถึงบ้านก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่รออยู่ที่นั่น เพียงเห็นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้นนิดหน่อย ก่อนจะจับมือของเธอแล้วพูดขึ้น “ในที่สุดคุณก็กลับมาสักที”

ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ สีหน้าก็ประหลาดใจนิดหน่อย

“ทำไมคุณกลับมาแล้วล่ะ พวกคุณทำงานเสร็จกันแล้วเหรอ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น เธอก็อดถามไม่ได้ “พ่อบุญธรรมล่ะคะ เขากลับมาด้วยหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอาแต่ถามถึงเจี่ยงสือเหิง ไม่สนใจตัวเองอยู่แบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้สึกงอนนิดหน่อย “มู่หลาน คุณไม่คิดถึงผมเลยเหรอ ทำไมเอาแต่ถามถึงพ่อบุญธรรมล่ะ”

ฉินมู่หลานค่อย ๆ หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะอดพูดไม่ได้ “คุณ…นี่คุณกำลังงอนอย่างนั้นเหรอ”

ในตอนแรกหูของเซี่ยเจ๋อหลี่แดงนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นเขาก็พูดอย่างหนักแน่น “ใช่ ผมกำลังงอน ผมไม่ได้กลับมาตั้งนานเหมือนกัน คุณไม่คิดถึงผมเลยเหรอ”

“ฉัน…”

ฉินมู่หลานชะงักไป ก่อนจะจ้องมองตรงไปที่เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้น “ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ในทันที เขาดึงฉินมู่หลานเข้ามาในอ้อมแขนตัวเอง “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน คิดถึงทุกวันเลย”

“อะแฮ่ม…”

ฉินมู๋หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังพูดว่าคิดถึงของตนเองกัน จนกระทั่งได้ยินเสียงคนกระแอมไอก็หันมองไป ก่อนจะพบว่าเจี่ยงสือเหิงกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ และเฝ้ามองพวกเขากันอยู่

เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิง ฉินมู่หลานก็ผลักเซี่ยเจ๋อหลี่ออก ก่อนจะรีบเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำที่ไม่ค่อยได้พบเจอมากเท่าใด “พ่อบุญธรรม ในที่สุดพ่อก็กลับมาสักทีนะคะ พวกเราทุกคนคิดถึงพ่อมากเลย”

“จริงเหรอ พ่อคิดว่าพวกลูกจะคิดถึงแต่อาหลี่ซะอีก”

ตอนแรกเจี่ยงสือเหิงต้องการจะพูดอะไรเพิ่ม แต่เมื่อเห็นฉินมู่หลานหน้าแดงนิดหน่อยอยู่แบบนี้ เขาจึงไม่ล้อต่อแล้ว แล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้นในบ้านแทน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เขายังไม่อยากแต่งงานแล้วก็ไม่ชอบหล่อนด้วยจ้าสาว อย่าไปตามตื้อเขาอีกเลย

พี่หลี่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท