คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 472 พี่หญิงน่าเกรงขามมาก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 472 พี่หญิงน่าเกรงขามมาก

หลังจากที่ฉินหมิงฉุนไปที่เรือนของฉินหลิวซี ความรู้ของเขาก็เปลี่ยนไปมาก และได้ตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่ง หากเชื่อพี่หญิงใหญ่จะอายุยืนยาว!

แต่ว่าเรื่องน่าเหลือเชื่อที่สัตว์กับต้นโสมเป็นปีศาจนั้น แม้ว่าเขาจะเห็นกับตาตัวเอง แต่เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!

เถิงเจาส่งเขาออกจากเรือน เมื่อเห็นท่าทางล่องลอยของเขา จึงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เชื่อ”

ฉินหมิงฉุนหันไปมองอย่างกระตือรือร้น “แล้วตอนนี้ล่ะ”

เถิงเจาถามกลับ “ท่านว่าอย่างไรล่ะ”

ฉินหมิงฉุนเอ่ยพึมพำ “เจ้าเป็นศิษย์ของพี่หญิงใหญ่ข้า ผู้ที่เข้าสู่เสวียนเหมินแล้ว มีหรือจะไม่เชื่อ”

“เมื่อได้ประสบกับตัวเองย่อมเชื่ออยู่แล้ว”

ฉินหมิงฉุนเอ่ยอย่างลำบากใจ “เจ้าเปิดกว้างมาก ไม่กลัวเลยสักนิด!”

“พวกเขาไม่เคยทำร้ายข้า ก็เลยไม่กลัว” เมื่อเถิงเจานึกถึงปีศาจโสมน้อย ก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “อีกอย่าง มันน่ารักมาก”

ฉินหมิงฉุนก็นึกถึงปีศาจโสมน้อย เอ่ยอย่างยอมรับว่า “น่ารักก็น่ารักอยู่ แต่มันเหลือเชื่อมาก!”

ที่แท้ยังมีสิ่งเหล่านี้อยู่บนโลกใบนี้ มหัศจรรย์จริงๆ

“สรรพสิ่งในโลกล้วนมีจิตวิญญาณ การที่พวกเราไม่เคยเห็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่ ดังนั้นจงทำจิตใจให้เป็นปกติก็พอ” เถิงเจาเอ่ย “จริงๆ แล้วปีศาจเหล่านี้ไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก บริสุทธิ์ยิ่งกว่าใจคนเสียอีก”

จิตใจของคนนั้นน่ากลัว ยากที่จะหยั่งรู้

ฉินหมิงฉุนมองดูเขา

เถิงเจา “ทำไมหรือ”

“วันนี้เจ้าไม่ได้กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก พูดมากกว่าปกติ”

เถิงเจารีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ แล้วหันหลังเดินกลับไป “ท่านเดินกลับดีๆ ล่ะ ข้าไม่ส่งแล้ว”

ฉินหมิงฉุนบ่น “เด็กพวกนี้ไม่น่ารักเลยแม้แต่นิด”

เขาวิ่งกลับไปที่เรือนของตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าสะใภ้หวังไม่อยู่ เขาก็เลยไปที่ห้องของอนุวั่น

อนุวั่นกำลังจับคู่เสื้อผ้าสำหรับอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าในวันนี้ เมื่อเห็นว่าบุตรชายมา จึงหันกลับมาแล้วถามว่า “เจ้าว่าข้าสวมชุดนี้ดีหรือไม่”

ฉินหมิงฉุนเห็นนางสวมชุดสีแดงเข้มตัวใหม่ มีเข็มขัดสีม่วงคาดเอว ถักผมแล้วเกล้าขึ้น ไม่มีเครื่องประดับพิเศษ มีเพียงปิ่นปักผมสีทองธรรมดา แต่ใบหน้าของอนุวั่นมีผิวที่สวยเนียนละเอียด ดวงตาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ดูมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ

นางดูดีมากจริงๆ

เพียงแต่…

“ก็ดูดีอยู่หรอก แต่ข้าเคยเห็นที่ดูดีกว่านี้” สุนัขในห้องพี่หญิงใหญ่ตัวนั้น อ้อ ไม่ใช่ ปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นทั้งรูปงามและมีเสน่ห์จริงๆ

สมกับเป็นปีศาจจิ้งจอกจริงๆ มีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่จะถูกหลอกหรือไม่!

อนุวั่นไม่ยอม “ในจวนนี้มีใครรูปงามเหมือนข้าหรือ”

“แม่เล็ก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน” ฉินหมิงฉุนถอนหายใจ เอ่ย “แต่ตอนนี้ท่านอย่าสวมชุดสีแดงเข้มนี้จะดีกว่า ท่านย่ายังป่วยอยู่ หากท่านสวมชุดนี้เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าโกรธ”

อนุวั่นก้มลงมองพลางเอ่ย “มีปัญหาอะไรหรือ ว่ากันว่าหากมีคนชราป่วยอยู่ก็ยิ่งต้องใส่เสื้อผ้าฉลองความเป็นมงคล หากข้าสวมชุดธรรมดาๆ คงจะเหมือนเป็นอัปมงคล เช่นนั้นจึงจะทำให้นางโกรธต่างหาก! ข้าไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเสียข้าสวมชุดอะไรก็ดูดี เรื่องความกตัญญู…ข้าทำได้เพียงแค่ดูสวยขึ้นเท่านั้น”

ฉินหมิงฉุนอ้าปากค้าง ก็นับว่ามีเหตุผล แต่ดูโอ้อวดและโดดเด่นเกินไป จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ง่าย

“อย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงแค่อนุ คงไม่ถึงคราวที่ข้าต้องไปวนเวียนอยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า ไม่สนใจแล้ว” อนุวั่นลูบเสื้อผ้าบนตัวนาง เอ่ยพึมพำ “ข้าไม่ได้สวมเสื้อผ้าสีสดใสเช่นนี้มานานแล้ว”

ฉินหมิงฉุนยังคงคิดถึงเรื่องที่โสมกับจิ้งจอกเป็นปีศาจ เอ่ยอย่างเหม่อลอยว่า “แม่เล็ก ท่านว่าสัตว์สามารถกลายเป็นปีศาจได้หรือไม่”

“ทำไมจะไม่ได้”

ฉินหมิงฉุน “ท่านเชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือ”

“เชื่อสิ!” อนุวั่นเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ก็ท่านอาสะใภ้รองของเจ้ามักจะด่าข้าลับหลังว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกไม่ใช่หรือ หากไม่มีจิ้งจอกที่กลายเป็นปีศาจได้ แล้วจะมีคำเรียกเหล่านี้ได้อย่างไร เห็นได้ว่ามีสิ่งนี้อยู่บนโลกใบนี้ คนบนโลกนี้จึงได้มีคำเรียกเช่นนี้ไง”

ฉินหมิงฉุน “…”

ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ข้าคัดค้านนางไม่ได้เลย!

อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าในตระกูล

ทุกคนในตระกูลฉินล้วนสวมเสื้อผ้าใหม่ นี่คือข้อกำหนดของสะใภ้หวัง และเป็นสิ่งที่นางพิสูจน์ให้นางฉินผู้เฒ่าเห็น

ตระกูลฉินล้มลงแล้ว แต่ก็จะไม่ขี้ขลาดจนเงยหน้าขึ้นไม่ได้ ตราบใดที่ทุกคนมีใจเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนก็จะไม่แย่จนเกินไป ไม่ถึงขั้นต้องกินแกลบ และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง

นางต้องทำให้นางฉินผู้เฒ่าเข้าใจว่าตระกูลฉินล้มลงนั้นดีกว่าขุนนางต้องโทษเหล่านั้นที่ถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็มีเพียงบุรุษเท่านั้นที่ถูกเนรเทศ สตรียังสามารถกลับบ้านเดิมได้ มีบางตระกูลถูกยึดทรัพย์ มีหรือที่สตรีจะไม่ตกไปเป็นทาสของขุนนางจนถูกผู้อื่นรังแก

ชีวิตของพวกนางก็ไม่ได้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพียงแต่มีบ่าวรับใช้น้อยลง เสื้อผ้าเครื่องประดับหรูหราน้อยลง แต่เมื่อเทียบกับชาวนาที่ยากจนจริงๆ เหล่านั้น ชีวิตของพวกนางไม่รู้ว่าราบรื่นกว่ากี่เท่า

ตระกูลฉินล้มลงแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกผัน

พวกนางเพียงแค่ต้องรอให้บรรดาบุรุษกลับมาอย่างปลอดภัย นี่คือสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

หลังจากที่นางฉินผู้เฒ่าได้รักษาร่างกายมาสักพักก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว เพียงแต่ปากยังเบี้ยวอยู่ และเอ่ยได้เพียงทีละคำ ไม่คล่องแคล่ว

หลักจากเกิดโรคหลอดเลือดในสมองของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ร่างกายอ่อนแอมีหลายโรคเช่นนาง จำเป็นต้องได้รับการรักษาระยะยาว

นางถูกบรรดาสะใภ้ช่วยกันเปลี่ยนชุดให้ใหม่ ซ้ำยังทาแป้งเล็กน้อยเพื่อให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น จากนั้นก็ถูกกึ่งพยุงกึ่งแบกมาที่ห้องโถงบุปผา

ห้องโถงเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม

บุรุษอย่างฉินหมิงฉีกับฉินหมิงฉุนสวมเสื้อคลุมผ้าแพรตัวน้อย บรรดาสตรียิ่งสีสันหลากสี เสื้อผ้าชุดใหม่ทำให้พวกนางฟื้นคืนสู่รูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนและงดงามในอดีต และอนุทั้งสองคน คนหนึ่งสวยงาม คนหนึ่งดูสง่า เช่นเดียวกันกับตอนที่ตระกูลฉินยังไม่ล้มลง

นางฉินผู้เฒ่าตาลายชั่วขณะ มองด้วยความหลงใหล ดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย หากบรรดาบุรุษอยู่ด้วยจะดีแค่ไหน

เมื่อเด็กๆ เห็นนางออกมาก็ต่างพากันมาแสดงความกตัญญู โดยเอ่ยคำอวยพรอันเป็นมงคลต่างๆ ทำเอานางฉินผู้เฒ่ายิ้มขึ้นมาได้บ้าง เพียงแต่เป็นเพราะว่าปากเบี้ยว รอยยิ้มจึงดูแปลกๆ เล็กน้อย ไม่ค่อยอ่อนโยน

ฉินหลิวซีเดินเข้ามาพร้อมกับลูกศิษย์ทั้งสองคนในขณะที่ห้องโถงเต็มไปด้วยความสุข

ทุกคนต่างพากันมองมา นางไม่สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ยังคงสวมเสื้อคลุมแขนกว้างสีเขียวที่ดูเรียบง่ายและสง่างาม วัสดุผ้ามีความเงางามแวววาว คอเสื้อถูกปักลวดลายสีเข้มที่ละเอียดอ่อน จับกลีบเป็นชั้นๆ สายคาดเอวก็งดงามไม่แพ้กัน แขวนหยกน้ำเต้าและป้ายหยก ทำให้ดูเรียบง่ายเล็กน้อย รวบผมมวยขึ้นสูง ปักด้วยปิ่นไม้ เผยให้เห็นหน้าผากที่อวบอิ่มและเรียบเนียน

เด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ข้างนางต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ เพียงแต่ล้วนเป็นเครื่องแต่งกายลัทธิเต๋า แต่สีหน้าสดใสดูดี เดินก้าวตามมาข้างฉินหลิวซี ราวกับเซียนน้อยทั้งสอง

ฉินหลิวซีเดินเข้ามา สายตาเหลือบมองบรรดาเด็กชายและเด็กสาวทั้งหลาย สายตาที่จ้องมองไปทำให้พวกเขากลัวจนถอยหลังสองก้าว หัวใจเต้นแรง

สายตานี้ดูเหมือนมีไอสังหาร!

ฉินหมิงเป่าเป็นคนเดียวที่ไม่กลัวฉินหลิวซี พุ่งเข้าไปหา คำนับอย่างเป็นกันเอง ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ร้องเรียกเสียงหวาน “พี่หญิงใหญ่ ท่านดูดีมากจริงๆ เจ้าค่ะ”

พี่หญิงใหญ่ท่าทางสง่างามกว่าบรรดาพี่ชายเสียอีก ดูน่าเกรงขาม ในภายภาคหน้าข้าจะแต่งงานกับบุรุษเช่นนี้เท่านั้น!

ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างมีสายตาที่ซับซ้อน

นางฉินผู้เฒ่าเสียดาย ‘หากเป็นบุรุษจะดีแค่ไหน’

สะใภ้เซี่ยไม่พอใจ ‘เหมือนบุรุษมากกว่าบุตรชายข้าเสียอีก ไม่เข้าท่า!’

สะใภ้หวังปลาบปลื้ม ‘บุตรสาวคนโตบ้านใหญ่ของพวกเราโดดเด่นจริงๆ!’

อนุวั่นสงสัย ‘ตอนนั้นข้าคลอดบุตรสาวจริงๆ หรือ’

ฉินหมิงฉุนเหม่อลอย ไม่รู้ว่าปีศาจโสมกับปีศาจจิ้งจอกกินอะไรถึงจะอิ่ม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท