คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 485 ช่วยด้วย มีปีศาจ!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 485 ช่วยด้วย มีปีศาจ!

ตระกูลซือ

ซือถูร้องไห้จนดวงตาทั้งสองข้างบวม มองไปยังบุตรสาวที่นอนใบหน้าซีดอยู่บนเตียง จากนั้นก็มองสีหน้าเคร่งขรึมของเจ้าอาวาสชิงหลาน ความหวาดกลัวในใจเริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อย

เจ้าอาวาสชิงหลานขมวดคิ้วแน่น ลุกขึ้นเดินไปที่ขอบโต๊ะ หยิบพู่กันปลุกเสกสีชาดมา

“เจ้าอาวาส เย่ว์เอ๋อร์เป็นอะไรไป ท่านต้องช่วยนางนะ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว จะปล่อยให้นางเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด” ซือถูเอ่ยพลางร้องไห้

เจ้าอาวาสชิงหลานเหลือบมองเขาด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “พลังชีวิตของแม่นางซือกำลังหายไป”

ซือถูดวงตามืดมน เซถอยหลัง “ใครอยู่ตรงนั้น เจ้ามาพยุงข้าเร็ว”

อาฉาเข้ามาพยุงเขา มองดูเจ้านายนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางกังวล ขอบตาแดงก่ำ

ซือถูกัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตัวเองไม่เป็นลมไป รีบไปอยู่ข้างเตียง เอื้อมมือไปจับมือซือเหลิ่งเย่ว์ด้วยความสั่นเทา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เย่ว์เอ๋อร์ เจ้าอย่าเป็นเหมือนแม่เจ้าเด็ดขาด ทิ้งพ่อไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ หากเจ้าทำเช่นนี้ พ่อ พ่อก็จะตายให้เจ้าดู”

ตอนที่ภรรยาจากไป โชคดีที่ให้กำเนิดเย่ว์เอ๋อร์แล้ว แต่เมื่อมาถึงบุตรสาว แม้แต่ทายาทสืบทอดก็ไม่มี หากจากไปเช่นนี้ เมื่อไปถึงปรโลกเกรงว่าจะถูกภรรยาลากมาตี

ยิ่งซือถูคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าอนาคตช่างเลือนลาง จับมืออันเยือกเย็นของบุตรสาว สีหน้าสิ้นหวัง คิดอย่างเลอะเลือนว่า ไม่สู้ให้เขาไปก่อนดีกว่า

เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยว่า “เรื่องการทำลายคำสาปนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องเชิญให้อาจารย์หลานปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงมาเพื่อยื้อพลังชีวิตไว้”

ซือถูได้สติกลับมา “ใช่แล้ว ใช่แล้ว รีบไปเชิญเร็ว แต่ว่านางอยู่ที่เมืองหลีไม่ใช่หรือ จะเดินทางมาทันหรือ”

เจ้าอาวาสชิงหลานไม่ได้ตอบคำถามนี้ เขาวาดยันต์ตรึงวิญญาญกดลงบนหน้าผากซือเหลิ่งเย่ว์ก่อน จากนั้นก็พับนกกระเรียนกระดาษอย่างรวดเร็ว ร่ายคาถา “ไป”

นกกระเรียนกระพือปีก ยังไม่ทันได้บินออกจากประตูห้องไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากที่ลาน “ใคร พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจบุกเข้ามาในตระกูลซือ”

“ข้า ฉินหลิวซี”

เจ้าอาวาสชิงหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดีใจแล้วรีบไปที่ประตู ปรากฏว่าเห็นฉินหลิวซียืนอยู่ข้างชายหนุ่มรูปงาม ส่วนข้างนางยังมีเด็กน้อยอีกคนหนึ่ง”

“อาจารย์หลานปู้ฉิว”

“ท่านอาจารย์ลุง” ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้า เอ่ยว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับอาเย่ว์หรือ”

เจ้าอาวาสชิงหลานพยักหน้า “เจ้ารู้ทุกอย่างแล้วหรือ รีบมาดูเร็ว นางกำลังสูญเสียพลังชีวิต”

ฉินหลิวซีรีบเดินเข้าไปทันทีโดยมีเจ้าอาวาสชิงหลานเดินตามมาอยู่ข้างหลัง เหลือบมองเฟิงซิวที่เบิกกระบุงไว้บนหลัง แววตาลุ่มลึกเล็กน้อย คนผู้นี้ท่าทางแปลกๆ!

เฟิงซิวสะบัดผม ขยิบตา ‘มองอะไร ไม่เคยเห็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าหรืออย่างไร’

เจ้าอาวาสชิงหลาน “…”

ทั้งดูแปลกๆ และขี้อวด ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร

ภายในห้อง ซือถูมองฉินหลิวซีราวกับว่าเห็นผู้ช่วยชีวิต ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่านางปรากฏตัวได้อย่างไร รีบเอ่ยว่า “แม่หนูซีซี เจ้ารีบช่วยเย่ว์เอ๋อร์เร็วเข้า”

เมื่อฉินหลิวซีเห็นซือเหลิ่งเย่ว์ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที

บนตัวของนางปกคลุมด้วยรัศมีแห่งความตายที่หนาขึ้นเรื่อยๆ

“หลบไป” ฉินหลิวซีไล่ซือถูออกไป เดินเข้าไปจับมือซือเหลิ่งเย่ว์ สัมผัสได้ว่าไร้ความอบอุ่นพอๆ กับชื่อของนาง เนื้อตัวเย็นเฉียบ

ฉินหลิวซีหยิบเข็มทองคำออกมาจากเอว ฝังลงบนจุดฝังเข็มหลักของนางหลายจุดอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็หมุนเบาๆ

เจ้าอาวาสชิงหลานเห็นดังนั้นก็ตกใจแต่กลับไม่กล้าเอ่ยอะไร ซือถูที่อยู่ข้างเขาก็ยืดคอยาวมองดูอยู่เช่นกัน

ส่วนเฟิงซิวที่ไม่มีใครสนใจ พิงอยู่ที่ประตู ดึงเถิงเจาไว้ไม่ได้เข้าไป

เปลือกตาของซือเหลิ่งเย่ว์สั่นเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของฉินหลิวซี จึงยิ้มขึ้นมา “ซีซี เหตุใดข้าจึงได้ฝันถึงเจ้า”

“ไม่ใช่ความฝัน ข้ามาแล้ว” ฉินหลิวซีไม่ได้ดึงเข็มออก เอ่ยว่า “อาเย่ว์ ชะตาชีวิตเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง กำลังสูญเสียพลังชีวิต ข้าจะแก้คำสาปเลือดนี้แก่ตระกูลซือของพวกเจ้าเพื่อคว้าพลังชีวิตนี้ไว้”

ซือเหลิ่งเย่ว์หลับตาลง “ตกลง”

ฉินหลิวซีจับมือนาง เอ่ยว่า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

“ข้าเชื่อเจ้า”

ฉินหลิวซีมองไปยังซือถูกับเจ้าอาวาสชิงหลานพลางเอ่ย “หากต้องการทำลายคำสาปต้องกลับไปยังดินแดนของเผ่าตระกูลซือ ที่นั่นมีลมหายใจและการคุ้มครองของพวกเขามาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งยังมีเรือนเก่าของแม่มดศักดิ์สิทธิ์ซือชิ่ง บางทีพลังที่ซือชิ่งหลงเหลือไว้อาจสามารถปกป้องนางสักครั้ง”

ซือถูตอบรับอย่างไม่มีเงื่อนไข “ข้าฟังเจ้าทุกอย่าง”

“ท่านอาจารย์ลุงก็ไปด้วยกันกับข้าเถิด จะได้ช่วยปกป้องพิธีหากจำเป็น” ฉินหลิวซีเอ่ย

เจ้าอาวาสชิงหลานพยักหน้า

เมื่อบอกว่าไปก็ไปทันที ฉินหลิวซียังไม่ได้ดึงเข็มออก เพียงแต่อุ้มนางขึ้นมา

ซือถูปิดปาก เก่งเกินไปแล้วกระมัง

เขามองไปยังบุตรสาว เมื่อเห็นความไว้ใจและความอ่อนโยนในดวงตาของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ ในใจ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี แม่หนูผู้นี้ดึงดูดทั้งสตรีและบุรุษ!

ซือถูก้าวไปข้างหน้า เรียกชื่อซือเหลิ่งเย่ว์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซือเหลิ่งเย่ว์หันมามองแล้วหลับตาลง

ฉินหลิวซีอุ้มซือเหลิ่งเย่ว์เดินออกมา เฟิงซิวเอ่ยด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “ข้าอุ้มเอง”

“บุรุษสตรีไม่ควรใกล้ชิดกัน” ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขา เอ่ยต่อไปว่า “แต่หากเจ้าอยากเป็นลูกเขยแต่งเข้าจวนตระกูลซือ เช่นนั้นก็ได้”

ซือถูหันมามอง คนผู้นี้ใช้ได้ รูปร่างงดงามกว่าเขาเสียอีก บุตรเกิดมาจะต้องหน้าตาดีแน่นอน

เฟิงซิวกระโดดหนี แขนทั้งสองข้างกอดอก เอ่ยตอบ “อะไรคือลูกเขยแต่งเข้าจวน ข้าไม่ทำ!”

“เช่นนั้นก็หลบไป ไปเปิดทาง” ฉินหลิวซีเอ่ย

“ดีแต่เรียกใช้ข้า” เฟิงซิวบ่นพึมพำ ร่ายคาถาปีศาจ เปิดประตูผีให้พวกเขาเดินเข้าไป

ซือถูเห็นประตูสีดำที่โผล่ออกมากลางอากาศก็มึนงงเล็กน้อย ตัวสั่นจนไม่กล้าก้าวเท้า

เจ้าอาวาสชิงหลานมองเฟิงซิวอย่างละเอียด เอ่ยกับซือถูและคนอื่นๆ ว่า “นี่เป็นการใช้เส้นทางหยิน นายท่านซือ พวกท่านต้องติดตามข้าอย่างใกล้ชิด หากได้ยินใครเรียกก็ไม่ต้องไปสนใจ”

“เร็วเข้า อย่ามัวแต่ชักช้า” เฟิงซิวเร่งเร้าด้วยความฉุนเฉียว

เจ้าอาวาสชิงหลานส่งยันต์คุ้มภัยให้ซือถูกับอาฉาคนละหนึ่งแผ่นด้วย จากนั้นก็พาทั้งสองคนเดินเข้าไป

ลมมืดพัดผ่าน ผีโหยหวน หมาป่าหอน

ทันทีที่ซือถูเห็นสภาพเสียชีวิตอย่างน่าสังเวชเหล่านั้นก็ก้าวเท้าไม่ออก กรีดร้องโหยหวนยิ่งกว่าผีเหล่านั้นเสียอีก

สยดสยอง น่ากลัวมาก

เท้าทั้งสองข้างของอาฉาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย สีหน้าซีด แต่นับว่าสงบนิ่งมากกว่าซือถูอยู่บ้าง

เจ้าอาวาสชิงหลานบำเพ็ญสายนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ใช้เส้นทางหยินสักเท่าใด ในตอนแรกยังคงรู้สึกไม่ค่อยชินเล็กน้อย ท่องบทสวดสงบจิตอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยรู้สึกสงบลง

ทำอย่างไรได้ เขาต้องดูแลซือถู อีกฝ่ายก็อายุมากแล้ว ซือถูจับมือเขาไว้อย่างอ่อนแรง ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ไป ในที่สุดเฟิงซิวก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ดึงคอเสื้อซือถูแล้วพาเขาเดินไป

“ไม่ทราบว่าผู้ประเสริฐมีนามว่าอย่างไร” เจ้าอาวาสชิงหลานถามเขา

เฟิงซิวเหลือบมอง ดวงตาจิ้งจอกเรียวยาวมีเสน่ห์คู่หนึ่งหรี่ลง “เฟิงซิว”

“เจ้าก็เป็นคนเสวียนเหมินหรือ”

“นักพรตเต๋าอย่างเจ้าช่างน่าเบื่อจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่ใช่ยังจะทดสอบทางอ้อม ถามอย่างเปิดเผยไม่ได้หรือ” เฟิงซิวสบถ

เจ้าอาวาสชิงหลานสำลัก จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าคือ”

“ข้า เจ้ารอสักครู่ ข้าจะเปลี่ยนร่าง” เมื่อเฟิงซิวมีความคิดบางอย่างขึ้นมา ก็กลายร่างกลับสู่ร่างเดิม เอ่ยว่า “ข้า ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางพันปี!”

เจ้าอาวาสชิงหลาน ‘มิน่าล่ะจึงได้ทั้งดูแปลกๆ ทั้งขี้อวด ที่แท้ก็เป็นปีศาจจิ้งจอก!’

ซือถูเห็นคนเป็นๆ ที่ลากตัวเองกลายร่างเป็นจิ้งจอกตัวใหญ่ภายในพริบตา ก็ตาลอย “ปีศาจ ข้าจะเป็นลม”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท