ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 744 การทำงาน (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 744 การทำงาน (1)

สมบัติเวทที่เป็นภัยคุกคามต่อความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี?

ในส่วนลึกของหุบเขาที่เต็มไปด้วยดอกท้อบานสะพรั่ง นักพรตเต๋าลู่หยาอ่านข้อความบนยันต์หยกในมือชองเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นขณะที่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปมา

ขณะนั้น ลู่หยาดูไม่เหมือนนักพรตเต๋าชรา ทว่าเขากลับดูเหมือนราชาปีศาจหนุ่มรูปงามที่ฮึกเหิมทรงพลัง

นั่นเป็นตัวตนที่สอง ซึ่งนักพรตเต๋าลู่หยามักใช้ในยามที่เขาซ่อนตัว เขาปลอมตัวเป็นราชาปีศาจน้อยของฝ่ายปีศาจที่เป็นกลางของเผ่าปีศาจ

วันนี้จู่ๆ เขาก็ได้รับข้อความจากปรมาจารย์เผ่าปีศาจ เขาไม่แปลกใจเลยที่ศาลสวรรค์ออกประกาศคำสั่งให้ไล่ล่าเขา

มันไม่มีความลับใดอีกต่อไปที่ศาลสวรรค์ต้องการจะใช้เผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อสร้างพลังอำนาจของพวกเขา

ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง องค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์ก็ได้รู้ส้นเท้า[1]ของลู่หยามานานแล้ว

ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่ และต้องทนทรมานจิตใจอย่างแสนสาหัสทุกวัน เขาจะต้องออกไปเที่ยวกับเหล่าปีศาจสาวและแสร้งทำตัวเสเพล

ช่างเป็นชีวิตที่เสื่อมโทรม น่าเบื่อ และไร้การควบคุมอะไรเช่นนี้… มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน!

ทว่าคราวนี้ ศาลสวรรค์ก็ได้ให้เหตุผลในการไล่ล่าลู่หยาไว้ว่า เพราะเขามีสมบัติเวทที่เป็นภัยคุกคามความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี ซึ่งนั่นทำให้ลู่หยาสับสนงุนงงเล็กน้อย

สมบัติเวทลับอย่างตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปูของเขา จะส่งผลต่อความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพีได้หรือ?

เห็นได้ชัดว่าไม่

ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่า ตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปู มีกฎห้ามต่างๆ มากมาย และการใช้มันก็ย่อมจะสร้างความเสียหายให้บุญและโชคของคนๆ หนึ่ง

ในสมัยโบราณ ศาลปีศาจได้ใช้วิชานี้ เป็นวิธีการลงโทษปีศาจบาปอย่างลับๆ ซึ่งไม่ได้กระทบต่อสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี…

แม้เมื่อไม่นานมานี้ มีดบินสังหารเซียนของเขาจะใกล้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงสมบัติสังหารเท่านั้น แล้วมันจะส่งผลต่อสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพีได้อย่างไรกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า ‘ความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี’ นั้น ก็ยากที่เหล่าปีศาจจะหยั่งรู้ได้จริงๆ

บัดนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้กลายเป็นตัวเอกของโลก และศาลสวรรค์ก็เป็นผู้ปกครองในนามของทั้งสามอาณาจักร และทั้งสวรรค์และปฐพีก็ไม่เคยขัดแย้งกัน แล้วคำกล่าวที่ว่า “ความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี” นั้นเป็นเยี่ยงใดกัน?

คำว่า ‘ความสมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี’ มักจะปรากฏขึ้นในช่วงมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจโบราณเมื่อทั้งสองเผ่าพันธุ์อยู่ในช่วงเวลาระหว่างการสงบศึก…

“หรือว่าเขาหลอกให้ข้าปรากฏตัว?”

ลู่หยาขมวดคิ้วกระบี่ของเขาเล็กน้อย และลำแสงสีทองสองสายก็ส่องประกายผ่านดวงตาที่สุกสกาวราวดวงดาวของเขา แต่สีหน้าของเขาดูเศร้าหมอง

ในขณะนั้น กระจกทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ตรงมุมก็สั่นสะเทือน

ลู่หยามองไปยังปีศาจดอกท้อสองตนที่นั่งคุกเข่าทั้งสองด้าน ทางด้านซ้ายและด้านขวาของหน้าฉากกั้น และโบกมืออย่างไม่อดทน

สาวใช้ทั้งสองลุกขึ้นยืนและจากไป และร่างที่สง่างามของพวกนางก็นำพากลิ่นหอมจางๆ ออกไปด้วย…

ในไม่ช้า ลู่หยาก็เปิดใช้งานค่ายกลต่างๆ ในศาลาอันอบอุ่น

ลู่หยาเดินไปที่กระจกทองสัมฤทธิ์แล้วใส่แสงเซียนเข้าไปในกระจก จากนั้นก็มีภาพเงาร่างของนักพรตเต๋าชราค่อยๆ ปรากฏขึ้น …

นักพรตเต๋าชราผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีเทา เขามีหูกวางและเขากวาง เมื่อเขาได้เห็นลู่หยาแล้ว เขาก็โค้งคำนับและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนออกมาจากกระจกทองสัมฤทธิ์

“ฝ่าบาท พวกท่านแม่ทัพเก่าๆ มากกว่าสิบคนมาถามเสนาบดีเฒ่าเช่นข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรจริงๆ

หากฝ่าบาท…ทรงมีสมบัติเวทที่สามารถจัดการศาลสวรรค์ได้จริงๆ…

เหตุใดท่านไม่เปิดใจและซื่อสัตย์ต่อราชาปีศาจที่คอยสนับสนุนท่านมาตลอด? เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวัง”

ลู่หยาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หากข้ามีสมบัติเช่นนี้ แล้วแม่ทัพลู่จะไม่รู้ได้อย่างไร?”

นักพรตเต๋าปีศาจกวาง[2]เฒ่าขมวดคิ้วและครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็เกรงว่าเรื่องต่างๆ จะเกิดปัญหาลำบากยุ่งยากขึ้นได้

ตอนนี้แม่ทัพตงมู่และเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ปกครองศาลสวรรค์อยู่ องค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่[3]กำลังไปเผชิญภัยพิบัติความทุกข์ยากในโลกมนุษย์…

ฟ่อ! หรือว่าเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ใช้กลอุบายบังคับให้ท่านอาจารย์ปรากฏตัว? เราไม่อาจละเลยเรื่องนี้ไปได้”

แม่ทัพลู่รู้สึกขุ่นเคืองใจ

“เหอะ! เรื่องนี้ปรากฏชัดแจ้ง! เทพวารีผู้นี้ได้สังหารคนในเผ่าของข้าและทำร้ายพวกปีศาจของข้า ยามนี้เผ่าปีศาจของข้ากำลังเสื่อมถอยลง และตอนนี้เขากำลังวางแผนทำร้ายข้าอีก!”

ลู่หยากัดฟันก่นด่าสาปแช่ง และพร้อมกับแขนเสื้อสะบัดพลิ้วไหว เขาก็กลายร่างเป็นนักพรตเต๋า ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่เขามักใช้ประจำ

ปีศาจกวางเฒ่าในกระจกทองสัมฤทธิ์รีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดอดทนเอาไว้ก่อน อย่าได้หลงกลอุบายของเทพวารี! เราควรรอดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วดูว่าเขาจะเล่นกลอุบายทำอะไรอีก!”

“รอดู? ในเวลานี้ เรายังสามารถรอดูได้อีกหรือ?”

ลู่หยาระงับความโกรธของเขาและตอบกลับอย่างหมดหนทางว่า “หากข้าหนีไม่ได้ ขวัญกำลังใจในเผ่าพันธุ์ของข้าก็จะลดลงอย่างแน่นอน

หากข้าเริ่มปรากฏตัวขึ้นก่อน ศาลสวรรค์ก็ย่อมจะหาเหตุผลที่จะเริ่มทำสงครามกับเราอย่างเป็นทางการได้อย่างแน่นอน

เทพวารีได้พาข้าขึ้นเผาบนกองไฟแล้ว!

เขาถึงกับอาศัยเรื่องนี้ ประกาศภูมิหลังของข้าต่อผู้คน ทำให้ข้าไม่อาจซ่อนตัวในที่ลับและวางแผนต่อไปในอนาคตได้

ดูเหมือนว่า คำประกาศนี้จะเป็นการเสริมสร้างชื่อเสียงบารมีของเผ่าพันธุ์ข้าให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ความจริงแล้ว มันเป็นแผนการที่จะสังหารข้าอย่างเลือดเย็น!

แม่ทัพลู่ โปรดชี้แจงความจริงนี้แก่ผู้อาวุโสและผู้มีชื่อเสียงในตำนานของเผ่าพันธุ์ข้าได้ฟังให้ชัดเจน ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขหายนะในครั้งนี้!”

“ฝ่าบาท… พระองค์ปราดเปรื่องยิ่ง!”

แม่ทัพลู่กล่าวเสียงดัง และทันใดนั้น เขาก็รู้สึกมีอารมณ์อ่อนไหวเล็กน้อย เขายกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดหางตาและถอนหายใจ

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หากอดีตองค์ราชาได้เห็นว่า ในตอนนี้ องค์ชายทรงสุขุมและปราดเปรื่องเพียงใด พระองค์ก็คงจะพอพระทัยยิ่งนักอย่างแน่นอน

เสนาบดีเฒ่าเช่นข้า รู้สึกละอายใจนักที่ไม่อาจแก้ปัญหาให้ฝ่าบาทคลายกังวลได้ และทำให้ฝ่าบาทต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้!”

“แม่ทัพลู่อย่าพูดอีกเลย”

ลู่หยาระงับโทสะของเขาอีกครั้งและกลืนคำบริภาษที่กำลังจะพ่นออกมาจากปากของเขา และพยายามรักษาสีหน้าท่าทางที่พึงพอใจเอาไว้อย่างเต็มที่

จากนั้นเขาก็ให้กำลังใจปีศาจกวางอีกสองสามคำก่อนที่เขาจะลบอักขระเต๋าบนกระจกทองสัมฤทธิ์ไป

“เหอะ!”

เมื่อยามที่ศาลปีศาจถูกทำลาย เสนาบดีเฒ่าเหล่านั้นก็วิ่งเร็วกว่าผู้ใด มาบัดนี้ เมื่อพวกเขาเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นบางอย่าง พวกเขาก็ร้องไห้อย่างหนัก!

เขาไม่เคยเห็นแผนกลยุทธ์หรือการตัดสินใจใดๆ ที่จะทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นได้!

ในเวลานั้น เผ่าปีศาจของพวกเขาได้รวบรวมวิญญาณทั้งหมดและมีพลังท่วมท้นล้นหลาม และในช่วงปลายของสงครามจอมเวท-ปีศาจ เนื่องจากการบาดเจ็บเสียหายภายในของบรรพชนเผ่าเวท และการขัดแย้งกันราวน้ำและไฟ พวกเขาจึงย่อมได้เปรียบอย่างแน่นอน!

ทว่าพวกขุนนางธรรมดาๆ ที่ครองตำแหน่งสูงทั้งหลายเหล่านี้ ก็ไม่ได้ช่วยเหลือศาลปีศาจ แต่กลับเป็นภาระตัวถ่วงทำให้เดือดร้อนมากขึ้นซึ่งลากการดำเนินงานของศาลปีศาจทั้งหมดลงมา และทำให้ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาเปรียบได้!

สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือ ผู้ที่รอดชีวิตจากมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจกลับเป็นพวกจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เหล่านั้น…

………………………………………………………………..

[1] ภูมิหลัง

[2] ปีศาจกวางในที่นี้ก็คือ แม่ทัพลู่ (ลู่แปลว่ากวาง)

[3] องค์ราชินีขององค์เง็กเซียน (หรือเรียกว่าเทพมารดา)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท