[“…เเย่ที่สุด”]
ผมยืนอยู่หน้าร้านคาราโอเกะ
ถ้ามีผู้ชายเเพร่ข่าวลือว่าผมพา ฟุตาบะ เรย์นะ กลับบ้าน ผมไม่อยากจะนึกถึงจํานวนศัตรูที่ผมจะเจอที่โรงเรียนเลย
[“งั้น นายพาฉันไปบ้านของนายได้มั้ย?”]
ฟุตาบะ พูดอย่างใจเย็นจากนั้นเธอเอนตัวพร้อมกับหน้าอกอันอวบอิ่มเเสนยั่วยวนมาพิงกับเเขนของผม
[“จะพาไปได้ไงเล่า!”]
[“งั้นพวกเราไปโรงเเรมกันไหม?”]
[“ไม่ไปหรอก…ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นซะด้วย”]
ขณะที่ผมลองล้วงดูเงินในกระเป๋ากางเกง ถึงกับต้องร้อง “อ๊ะ” ออกมา
[“ฉันลืมจ่ายส่วนแบ่งค่าคาราโอเกะไปเลย…”]
ผมวิ่งหนีออกมาโดยไม่ทันคิด ทําให้ผมลืมไปสนิท
ผมควรจะกลับไปที่นั่นเพื่อไปจ่ายเงินไหมนะ?
สถานที่ที่ผู้ชายสองคนได้รับผลกระทบทางจิตใจจากปากฟุตาบะ
[“ไม่เป็นไรหรอก คุณทานากะบอกว่าเขาเลี้ยงหน่ะ”]
[“งั้นเหรอ?”]
ถึงผมจะเป็นผู้ร่วมจัดงานนี้ขึ้นมาเเต่มาให้ผู้หญิงเลี้ยงมันดูเเปลกๆ…
ไม่สิ โชคดีที่ผมพาฟุตาบะออกมาจากสถานที่เเห่งนั้นเเละหวังว่าทานากะกับโชวจะไปได้สวย
คิดซะว่าเป็นรางวัลล่ะกัน
[“…เเล้วเธออยู่ท่านี้อีกนานไหม?”]
[“ทําไมล่ะ?”]
[“มันน่าอายไงเล่า!”]
หน้าอกอันอวบอิ่มของฟุตาบะกําลังสัมผัสกับเเขนของผม ทําให้จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคําพูดได้ เเต่มันรู้สึกดี ตัวเธอมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจเเละถ้ายังเป็นเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆผมคิดว่าผมอาจคุมตัวเองไม่อยู่เเน่ๆ
อย่าลืมว่าเธอเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน
ผมสงบสติอารมณ์ไม่ได้เมื่ออยู่ใกล้ๆกับสิ่งๆนี้
ตอนที่ผมถูกเธอจูบเข้าให้ มันกระทันหันเกินไปจนผมทําอะไรไม่ถูก เเต่ในตอนนี้เพียงเเค่นึกถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมาก็ทําให้หัวใจผมก็เต้นรัว
[“…งั้นเหรอ นายอายที่จะอยู่เคียงข้างฉันสินะ…”]
ฟุตาบะ รู้สึกเสียใจเเละพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนลง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยนํ้าตาที่กําลังไหลรินออกมา
[“เอ๊ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าเเบบนั้นสักหน่อย…”]
[“ชินเซย์…เกลียดฉันหรอ?”]
จู่ๆ เธอก็เรียกชื่อผมออกมา
เมื่อรวมกับสายตาเจ้าเล่ห์ของเธอฟุตาบะที่มองมาให้ผม ทําให้เธอรู้สึกน่ารักขึ้นมาทันทีทันใด
ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเกลียดการถูกรักจากสาวสวยอย่างฟุตาบะหรอก
ถ้าให้ว่ากันตามตรงตอนนี้ อารมณ์ของผมรู้สึกไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่หลังจากเลิกกับเรียไป
เเม้ว่าผมพยายามสงบสติอารมณ์ เเต่ฟุตาบะก็ไม่หยุดทําตัวน่ารําคาญใส่ผม
[“มะ ไม่ได้เกลียดสักหน่อย…”]
[“งั้น นายจะพาฉันกลับบ้านใช่ไหม?”]
[“เอ่อ…”]
[“งืออ…ชินเซย์ใจร้าย…”]
[“มะ..ไม่สักหน่อย”]
ลําบากเข้าเเล้ว ดูเหมือนผมจะใจอ่อนเป็นพิเศษเมื่อผู้หญิงพยายามทําตัวออดอ้อน
[“ถ้าเกิดว่านายไม่พาฉันไปที่กลับบ้าน พรุ่งนี้คงรู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน?”]
ทันใดนั้น นํ้าเสียงของฟุตาบะก็ดูหนักขึ้นซึ่งเป็นการขู่เบาๆ
เเขนของผมถูกบีบรัดเเน่นขึ้นเเละเธอนําหน้าอกมาทับเเขนผม
เเกล้งร้องไห้งั้นหรอ?
การที่เธอไม่พูดเจาะจงว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้ ทําให้ผมรู้สึกหวั่นกลัวมากเข้าไปอีก
ผมไม่อยากจะคิดถ้าฟุตาบะเเฉเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่โรงเรียน
จากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะออกมาจากบาร์คาราโอเกะ ผมรู้ว่ามันสายไปเเล้วเเต่ผมต้องการที่จะไม่ให้เรื่องนี้มันบานปลายไปมากกว่านี้
[“กะ…ก็ได้ เเต่ไปบ้านฉันไม่ได้นะ”]
[“ทําไมล่ะ?”]
[“ระหว่างทางกลับบ้าน อาจบังเอิญไปเจอเรียที่อาศัยอยู่ระเเวกนั้นก็ได้หน่ะ”]
ยังไงก็ตาม คืนนี้ผมยังกลับบ้านไม่ได้
เพราะมีโอกาสที่เรียซึ่งอาศัยอยู่ระเเวกเดียวกับผม อาจรอผมอยู่หน้าบ้าน มาหาผมที่บ้านหรือเข้าไปในบ้านผมโดยไม่ได้รับอนุญาติ
อันที่จริง ตอนที่ผมทะเลาะกับเรียรอบก่อน เธอได้มาขอโทษผมที่บ้าน
กล่าวเป็นอีกนัยหนึ่งได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่เรียจะมาหาผมที่บ้านนั้นเอง
ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการ เพราะต้องมานั่งฟังข้อเเก้ตัวของเธอ
ผมเบื่อที่จะฟังมันเเล้ว มีเเต่ทําให้ผมหนักใจกว่าเดิม
ผมไม่รู้ว่าเรียคิดอะไรอยู่ เเต่นอกใจก็คือนอกใจ เเก้ตัวไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
ตอนนี้ ผมไม่พร้อมที่จะเห็นหน้าของเธอ จึงได้เเต่คิดว่าถ้าสมมุติเจอเธออยู่ตรงหน้า ผมจะควรทําหน้ายังไงดีนะ
ผมยังสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตราบใดที่ผมยังรักษาระยะห่างกับเธอ เเต่ถ้าผมเห็นเธออยู่ต่อหน้า ผมยังไม่รู้จะเเสดงออกทางสีหน้าอย่างไรดี
อาจจะร้องไห้อย่างน่าสมเพชด้วยความโศกเศร้าเเละความเจ็บปวดทางใจก็ได้
ถึงกระนั้น ผมไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น เเม้ว่าผมจะเสียใจเพราะเธอนอกใจผม
อย่างไรก็ตาม ผมจะออกห่างจากเรียตลอดไปไม่ได้
สุดท้ายเเล้ว สักวันหนึ่งพวกเราก็ต้องไปคุยกันอยู่ดี เเต่ก่อนหน้านั้นผมต้องใจเย็นลงก่อน
ถ้าให้ว่ากันตามตรง ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับเธอตอนนี้เลย
ที่ผมเลิกกับเรีย เพราะเธอนอกใจผม และผมไม่อยากพูดถึงมันไปมากกว่านี้เเล้ว
ผมคิดไว้ว่าถ้าผมสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับเธอ
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะเลี่ยงการทะเลาะกับเธอ หลังจากผมได้เห็นเธอนอกใจผม
เลยทําให้ตอนนี้ผมไม่อยากเจอเรียเเละไม่อยากไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดๆไปเลยด้วยซํ้า
นอกจากนี้ ผมไม่รู้ว่าเรียจะคิดยังไงถ้าเธอเห็นผมกับฟุตาบะอยู่ด้วยกัน
ถึงกระนั้น เรียที่นอกใจผม ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบ่นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฟุตาบะ
[“นายยังกล้าเอ่ยชื่อเเฟนเก่าให้ฉันฟังอีกเหรอเนี่ย”]
[“ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ…”]
ตอนนี้ฟุตาบะยังโสด
ในขณะนั้นเองก็ได้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของผม
‘ตอนนี้ผมโสด’
เเล้วสาวสวยอย่างฟุตาบะชอบคนอย่างผมอยู่
นี่มัน…ไม่ใช่โอกาสที่จะเริ่มความรักครั้งใหม่เหรอ?
ตัวผมก็สงสัยในตัวฟุตาบะมาสักพักเเล้วเหมือนกัน ถึงขนาดที่ผมมองเธอด้วยสายตาตัวเอง
ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับฟุตาบะ ซึ่งทําให้ผมนึกถึงผู้หญิงที่ผมตกหลุมรักเป็นครั้งเเรกในชีวิต
มันเป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นหรือความรู้สึกซาบซึ้งในอดีต โดยไม่มีความโรเเมนติกมาปะปน
เป็นความคิดที่ไม่เลวที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับฟุตาบะในฐานะเพื่อน
ในทางกลับกัน การพาเธอกลับบ้านมันยากเกินไปสําหรับผม
ผมสงสัยว่าถ้าให้มนุษย์คิดบวกอย่างโชวไม่ก็อาโออิจะพาเธอกลับบ้านได้อย่างราบรื่นไหม
ถ้าพูดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ ผมเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว
การฟุตาบะชอบผมไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องไปเดทด้วยกันเสมอไป
เเละเมื่อพูดถึงความรัก ผมเป็นคนที่ชอบทําอะไรค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ฟุตาบะจูบผมไปเเล้ว ดังนั้นผมจึงไม่คิดว่ามันเป็นเเค่การเเสดงอีกต่อไป
เมื่อคิดเช่นนั้น ผมสงสัยว่าฟุตาบะเป็นคนรักเดียวใจเดียวรึเปล่า
อันที่จริง ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกแย่หากพวกเขาได้รับความเยียวยาจากสาวสวยอย่างฟุตาบะ
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่ผมต้องเเยกทางจากเรีย ผมก็คงลอยนวลเหมือนกัน
ฟุตาบะเองก็คงรู้ตัวว่า ตัวเองนั้นหุ่นดีถึงได้ทำอะไรใจกล้าแบบนั้นออกมา
ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ เธอก็คงจะเป็นเจ้าแผนการที่รู้การใช้ข้อเด่นของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเลยแน่ๆ
แถมตอนนี้ก็ยังพูดโดยใช้เสน่ห์ของตัวเองทำให้ผมลำบากใจอีก เเละเรื่องที่เธออยากมาบ้านผมก็คงเป็นแผนของฟุตาบะสินะ
แต่ทว่า ไออ่อนด๋อยอย่างผมเนี่ยกับเรื่องพวกนั่นน่ะทำไม่ได้หรอก
[“มะ…ไม่ว่ายังไง ฉันไม่กลับบ้านหรอก ฉันเลยคิดอยู่ว่าคืนนี้จะไปค้างบ้านใครสักคน เรื่องในวันนี้ค่อยคุยต่อวันหลังได้ไหม?”]
ที่จริงเเล้วหลังจากนี้ ผมจะถามโชวหรืออาโออิว่าขอค้างที่บ้านได้ไหม
เเต่ว่า พวกเขาทั้งสองคนกําลังคุยเข้าได้เข้าเข็มกับทานากะเเละซุซุกิ ผมเลยไม่ค่อยอยากเข้าไปขัดพวกเขาสักเท่าไหร่เเละยังมีประเด็นที่ฟุตาบะเลือกผมในงานนัดบอดอีก
[“ถ้างั้น มาค้างที่บ้านฉันไหม?”]
[“บ้านของคุณฟุตาบะงั้นเหรอ…?”]
[“ถ้านายมาค้าง นั้นก็หมายความว่าฉันพาชินเซย์กลับบ้านรึเปล่า ฮิๆ เเบบนั้นก็ไม่เลวนะ”]
ฟุตาบะขํา…เเละยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว
[“ถึงฉันไปค้าง พ่อเเม่ของเธอก็ไม่ยอมให้ผู้ชายอย่างฉันไปค้างอยู่เเล้วอยู่ดี จริงไหมล่ะ?”]
[“ลืมบอกไป ฉันอยู่คนเดียว”]
[“เอ๊ะ งั้นเหรอ”]
หนทางที่จะออกจากบทสนทนานี้ได้หายไปในทันที
[“ไหนๆก็ไม่มีปัญหาอะไรเเล้วด้วย สรุป ชินเซย์จะค้างบ้านฉันใช่ไหม?”]
[“เอ่อ…”]
ผมว่ามันเต็มไปด้วยปัญหาทางจริยธรรม…
[“คงจะค้างใช่ไหม?”]
ฟุตาบะยิ้มให้ผมเเต่ผมรู้สึกกดดันจนพูดไม่ออกว่าจะ ‘ไม่ไป’
[“คือว่านะ ทําไมเธอดื้อรั้นจะพาฉันกลับบ้านขนาดนั้น?”]
[“เพราะว่างานนัดบอดคือ การที่จะได้พาคนที่ชอบกลับบ้านยังไงล่ะ”]
[“ฉันได้พึ่งเคยได้ยินครั้งเเรกเลยนะเนี่ย…”]
ต้องบอกว่าผมไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับงานนัดบอดดีกว่า
นี่เป็นครั้งเเรกที่ผมเข้าร่วมงานนัดบอดทําให้ผมไม่รู้ว่าหลังจากรู้จักกันเเล้วควรทําอะไรต่อ
ผมไม่มั่นใจว่าผมกับฟุตาบะจะไปกันรอดไหม ถึงเเม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจุกจิกก็ตามเเต่
การพาเพศตรงข้ามที่คุณชอบกลับบ้านในงานนัดบอด…มันเป็นเรื่องปกติสําหรับคนคิดบวกรึเปล่านะ
[“ถ้าชินเซย์ปฏิเสธ พรุ่งนี้ฉันจะเเฉที่โรงเรียนนะ”]
[“ฉะ เเฉอะไรของเธอ?”]
[“ชินเซย์จูบฉันด้วยซํ้าเเต่ยังเฉยเมย”]
[“อะ…”]
ถ้าเรื่องเเบบนี้ถูกคนที่โรงเรียนรู้ ภาพลักษณ์ที่โรงเรียนของผมคงไม่เหลือเเหล่เเหงๆ
ฟุตาบะเป็นคนจูบผมเเละผมไม่ควรเป็นฝ่ายผิด เเต่โดยธรรมชาติเเล้ว ผู้คนมักจะเข้าข้างเเละเชื่อใจคําพูดคนที่มีชื่อเสียงมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นสาวสวยที่สุดในโรงเรียนอีก ถ้าผู้คนจะเชื่อในคําพูดของเธอจึงไม่เเปลกนัก
สําหรับฟุตาบะที่ครองตําเเหน่งสูงสุดของชั้นวรรณะในโรงเรียน ชีวิตของผมไม่มีนัยสำคัญ
[“เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้ฉันพูดเเบบนั้นที่โรงเรียน ยอมเเต่โดยดีเถอะ ฉันไม่กัดนายซะหน่อย”]
[“…อยากพาฉันกลับบ้านขนาดนั้นเลย?”]
[“ก็ฉันชอบชินเซย์นี่นา มันผิดหรอถ้าฉันอยากอยู่เคียงข้างกับคนที่ฉันชอบ?”]
วิธีการพูดที่น่ารักของเธอนั้นไม่ยุติธรรมเลย มันทําให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
[“ก็ไม่ผิดหรอก…พอดีว่าฉันไม่เข้าใจน่ะ ทําไมคุณฟุตาบะถึงชอบคนอย่างฉัน”]
[“…งั้นถ้านายมาบ้านฉันล่ะก็ ฉันจะบอกให้ฟัง”]
หลังจากพูดเช่นนั้น ฟุตาบะทําหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์
ผมตกไปอยู่ในกํามือของฟุตาบะโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ถ้าผมปฏิเสธคําเชิญของเธอในตอนนี้ ผมคงไม่มีโอกาสได้รับรู้ความจริงอีก
[“…ก็ได้ เวลาที่เหลืออยู่ในวันนี้ ฉันขอตอบรับคัาเชิญไปที่บ้านคุณฟุตาบะ”]
[“ฟุฟุ คราวนี้นายเป็นของฉันคนเดียวล่ะนะ”]
ฟุตาบะยิ้มออกจากใจจริงเเละนําทางผมไปที่บ้านโดยอยู่ในท่าควงเเขนผมอยู่
◇
ระหว่างทางที่จะไปเเมนชันของฟุตาบะ ฟุตาบะขอเเวะจับจ่ายใช้สอยที่ร้านสะดวกซื้อ ผมจึงตัดสินใจออกไปรอนอกร้านเพราะไม่มีของที่อยากซื้อ
[“จริงด้วย ต้องบอกมิโอริด้วยว่าวันนี้ไม่กลับบ้าน”]
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและส่งข้อความไปหามิโอริซึ่งเป็นน้องสาวของผมผ่านไลน์
(เช็คด้วยนะว่าล็อคประตูบ้านดีเเล้ว…)
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอตอบกลับมาว่า “เเล้วข้าวเย็นหนูล่ะ?”
(มีคัพราเมนอยู่ ถ้าไม่ชอบก็ทําอะไรกินเองเอานะ…)
พวกเราอยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ เเต่เธอไม่เคยทําอาหารเองเลยสักครั้ง ในทางกลับกัน งานบ้านส่วนใหญ่ผมเป็นคนทําเองทั้งหมดซึ่งเธอไม่มีความคิดที่จะช่วยผมเลยสักนิด
ผมหวังลึกๆในใจว่าเธอจะมองโซระที่อายุไล่เลี่ยกันเป็นตัวอย่างบ้าง
[“เฮ้อ อยู่โดยไม่มีพี่ชายบ้างเถอะนะ…”]
[“ขอโทษที่ให้รอค่า~”]
ขณะที่ผมกําลังถอนหายใจอยู่นั้น ฟุตาบะก็ได้เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมถุงพลาสติกที่มีของอยู่ด้านใน
[“ซื้ออะไรมาหรอ?”]
[“ยางน่ะ”]
[“อ่อ ยางมัดผมสินะ…”]
ผมไม่ค่อยเห็นฟุตาบะมัดผมสีดําที่โรงเรียน มันจึงน่าแปลกใจที่เธอต้องการยางมัดผม
[“…? นี่นายไม่รู้ตัวหรอว่ากําลังถูกฉันลากเข้าบ้านน่ะ?”]
[“ไม่รู้ตัว? หมายความว่ายังไง?”]
[“…เฮ้อจะยังไงก็ช่าง คืนนี้ฉันไม่ให้นายได้หลับเเน่”]
ฟุตาบะหันมามองผมด้วยนัยน์ตาสีฟ้าประกายดาบ จากนั้นเธอก็เริ่มควงเเขนผมอีกครั้ง
[“ฉันจะไม่ทิ้งนายไปอีกเเล้ว”]
[“อีกเเล้ว…?”]
[“ไม่สิ ต้องบอกว่า ฉันไม่ปล่อยนายไปอีกเเล้ว”]
ผมเเค่จะไปค้างบ้านเธอเฉยๆสินะ…?
หลังจากนี้ผมจะไม่ถูกเธอทําอะไรใช่ไหม?
————————
เเบ่งเป็นสองพาร์ทย่อยเพราะเเปลเสร็จเเล้วเเต่ QC ยังไม่เสร็จนะครับ
สามารถติดตามได้ที่เพจ : Mxgic