หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น – ตอนที่ 5 เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

ผมฝันถึงวันนั้น วันที่ผมไปเดทกับเรียเมื่อวันคริสต์มาสต์ปีที่เเล้ว

พวกเราเดินจูงมือกันไปตามถนนที่หิมะตกโปรยปรายในยามคํ่าคืน

ไปดูหนัง ไปทานมื้อเย็นในร้านอาหารที่ราคาแพงกว่าปกติเล็กน้อย และแลกของขวัญกัน

เรียหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลา เเละผมก็จมอยู่กับเสียงหัวเราะของเธอ

ผมคิดว่าช่วงเวลาแห่งความสุขพวกนี้จะคงอยู่ตลอดไป

ผมคิดว่าเธอจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ

แต่ถึงกระนั้น──ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะจบลงแบบนั้น

[“เรีย…ทําไมถึง…”]

ตอนที่ผมพบเรียครั้งแรกในช่วงม.ต้น ความประทับใจของผมที่มีต่อเธอคือเป็นผู้หญิงที่เงียบขรึมและเก็บตัว

อย่างไรก็ตาม จู่ๆเรียก็กลายเป็นสาวเเกล*

* สาวเเกล หมายถึงผู้หญิงที่เเต่งตัวสไตล์เปรี้ยวๆจัดๆ เช่นเเต่งหน้าจัดๆ ใส่ชุดเซ็กซี่ๆหน่อย

เมื่อผมถามเรียว่าเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่าเธออยากลองเปลี่ยนลุ๊คดู

แต่ที่จริงเเล้วเพราะเธอถูกย้อมเอาอกเอาใจผู้ชายคนนั้น…

ผู้หญิงที่ผมรักเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

หรือเป็นเพราะอีโก้ของผมที่อยากให้มันเป็นแบบนั้น?

…ถ้าเป็นเเบบนั้น ผมคง ──

[“─ ─ ยังกล้าพึมพําชื่อผู้หญิงที่ตัวเองบอกเลิกไปเเล้วตอนหลับอีกนะ ชินเซย์”]

…หืม? ผมได้ยินเสียงใครสักคนจากที่ไหนสักแห่ง

ทําไมกันนะ? ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนชีวิตตกอยู่ในอันตรายยังไงก็ไม่รู้…

[“นายกอดฉันแน่นมากเลยนะเมื่อคืน แต่ใจนายยังยึดติดอยู่กับผู้หญิงคนนั้นในอดีตอีกนะ…”]

[“หือ!?”]

ทันทีผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆที่หลัง ผมได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยทันที

[“อรุณสวัสดิ์ ชินเซย์”]

หญิงสาวยิ้มในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังคร่อมผมอยู่

ทันทีที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น ผมจำเหตุการณ์ได้ทุกอย่าง

[“…เป็นฝันที่ดีน่าดูเลยนะ”]

[“ฮะ ฮาๆ….”]

ด้วยเสียงเย็นชาของหญิงสาวทําให้ผมปากสั่นด้วยความหวาดกลัว

เพราะผมเข้าใจทันทีว่าผมทำอะไรลงไป

ในขณะที่ผมกําลังฝันอยู่ ผมเรียกชื่อเเฟนขณะกําลังนอนหลับซึ่งเเฟนคนนั้นผมเห็นเธอจนถึงเมื่อวานนี้เเละเธอได้ยินสิ่งที่ผมพูดเมื่อคืน เมื่อพวกเขาเริ่มเห็นหน้ากัน

เมื่อคิดดูเเล้วไม่เเปลกที่เธอจะขุ่นเคือง

เเล้วก็──เมื่อลองพิจารณาบุคลิกของ ฟุตาบะ เรย์นะ เเล้ว จึงเชื่อมั่นว่าเธอต้องลงโทษอะไรบางอย่างกับเราอย่างเเน่นอน

[“…คือว่าพอดีฉันฝันถึงวันเก่าๆน่ะ…”]

ผมเปิดปากขอโทษ ที่นั่งคร่อมฟุตาบะและผมไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะสามารถต่อต้านสิ่งที่เธอทำกับผมได้

เราต้องระวังไม่ให้ฟุตาบะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้…

ผมไม่รู้ว่าฟุตาบะจะทำอะไรกับเราในตอนนี้กันเเน่

ผมไม่รู้ว่าทำไม แม้ว่าเธอจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่นัยน์ตาของเธอดูไม่มีความสุขเลย

ก่อนอื่น เมื่อผมยกร่างกายท่อนบนขึ้น ใบหน้าของฟุตาบะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

[“วันเก่าๆเนี่ย เป็นเรื่องเเบบไหน?”]

[“วันคริสมาสต์ปีที่เเล้ว…ในช่วงที่ฉันไปเดทกับเรีย…”]

[“หืม~…”]

ฟุตาบะดูน่าเบื่อหน่ายและหันไป

[“ในขณะที่ฉันกำลังทำอาหารเช้าให้ชินเซย์ นายก็ได้พบกับแฟนเก่าในความฝัน ไม่คิดว่า…นี่เป็นน่าสมเพชบ้างหรอ?”]

ฟุตาบะกระตุ้นให้ผมรู้สึกตัวรอบๆ และเมื่อผมมองไปที่ข้างเตียงก็ได้พบกับอาหารเช้าที่อยู่บนโต๊ะ

[“…ขอโทษครับ…”]

คนเราเลือกไม่ได้ว่าจะฝันเรื่องอะไร

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นความฝันที่ไม่อาจเลื่ยงได้ แต่นั่นไม่สำคัญ

ที่สําตัญกว่านั้น นี่ผมฝันถึงเรียโดยไม่อ่านบรรยากาศหรอเนี่ย

บางทีมันอาจจะไม่ใช่ฟุตาบะที่อ่านบรรยากาศไม่ออก แต่เป็นผมเองที่อ่านไม่ออก

[“…เฮ้อ ไม่เป็นไร เมื่อคืนนายดูเเลฉันซะด้วย ครั้งนี้ฉันปล่อยไปก่อนเเล้วกัน”]

[“งะ…งั้นเหรอ ขอบคุณนะ”]

ฟุตาบะที่ทําหน้ามุ่ยเเละเม้มปาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะให้อภัยผม

[“นั้นเป็นครั้งเเรกของฉันเเท้ๆ…ชินเซย์ทําฉันซะยุ่งเหยิงอย่างงั้น”]

[“ทะ โทษที ฉันไม่คิดว่าเป็นครั้งเเรกของเธอ เห็นเธอดูคุ้นเคยกับมันน่ะ”]

เพราะฟุตาบะกล้าที่จะออกไปซื้อยางกลับบ้านอย่างไม่เเคร์โลก

เพราะเช่นนั้น ผมจึงด่วนสรุปไปว่าฟุตาบะเป็นผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน…

[“…หรือว่า นายคิดว่าฉันเป็นพวกหิวดุ้นอะไรพวกนั้นหรอ? ทั้งที่ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวเเท้ๆ?”]

ฟุตาบะหรี่ตาของเธอลงและเปล่งนําเสียงที่ดูเย็นชา

อย่างกับ เธอจะบอกผมว่าอย่าไปคบกับผู้หญิงที่สุดท้ายเเล้วจะนอกใจคุณ

[“จะ…จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง?”]

[“จริงหรอ? ถ้างั้นนายจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันบอกว่านี่เป็นครั้งเเรกที่ฉันได้จูบกับใครสักคนอย่างชินเซย์”]

[“ชะ…เชื่อสิ จะว่าไป เธอมาขึ้นคร่อมอะไรฉันเเต่เช้าเนี่ย?”]

ผมเปลี่ยนประเด็นทันที

[“ไม่เห็นเเปลกตรงไหนเลย? เมื่อคืนเราก็ทํากันเเบบนี้”]

[“ก็จริงอยู่หรอก…ตอนเเรก ฉันนึกว่าฉันจะถูกโจมตีตอนหลับซะเเล้ว”]

นี่ไม่ใช่ประเด็น ผมอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนบทสนทนาไปในทิศทางนั้น

[“นายจะบอกว่าฉันเป็นสัตว์กินเนื้อที่โจมตีชินเซย์เเต่เช้าอะไรเเบบนี้หรอ?”]

ฟุตาบะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าหลงใหล

[“ก็…ชะ…ใช่”]

[“ทําไมถึงคิดเเบบนั้นหรอ? หรือเพราะเมื่อคืนได้ประสบการณ์การถูกขึ้นคร่อมครั้งเเรกไป ส่วนครั้งที่สองก็มาเจอประสบการณ์เเบบสลับตําเเหน่งกันหรอ?”]

[“ตามนั้นเเหละ…”]

ผมย้อนไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะประจบประแจง

ฟุตาบะบอกว่าให้ผมอ่อนโยนเพราะนั้นเป็นครั้งแรกของเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดถึงครั้งที่สอง…

[“ครั้งที่สาม ชินเซย์อ้อนวอนฉันเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเลยนะ อย่าง น่ารักจังเลย…”]

จากนั้นฟุตาบะก็นํามือทั้งสองข้างมาโอบแก้มผม

[“ดูมีความสุขดีนะ เเล้วก็…”]

[“…ตอนนั้นก็มีความสุขอยู่หรอก เเต่เช้านี้ฉันอารมณ์เสียนิดนึง”]

[“เอ๋ ฉันนึกว่าเธอจะยกโทษให้ฉันที่พูดตอนนอนซะอีกนะ?”]

[“มันคนละเรื่องกัน เพราะฉะนั้นชินเซย์ ช่วยทําให้เเฟนของตัวเองกลับมาอารมณ์ดีซะ”]

[“อะ อ่า…เข้าใจเเล้ว”]

หลังจากเเก้ต่างกันบนเตียงและทำให้ฟุตาบะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจทานอาหารเช้าด้วยกัน

มันยังคงเป็นอาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพเเบบเดียวกับเมื่อคืนและมันก็ยังอร่อยอยู่

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฟุตาบะก็เริ่มเปลี่ยนชุดเครื่องเเบบต่อหน้าผมอย่างช้าๆ

ฟุตาบะถอดเสื้อนอน ถอดบราออก โน้มตัวไปข้างหน้าเเละเอามือดึงกางเกงลง

หน้าอกของเธอแกว่งไปมาอย่างเย้ายวน และขาของเธอก็ยื่นออกมาจากบั้นท้ายเล็กๆ ของเธอ ร่างกายของผมตอบสนอง แม้ว่าใจผมจะไม่ต้องการก็ตาม

[“เดี๋ยวนะ…ปิดด้วยเส้!”]

[“เมื่อวาน นายก็เห็นฉันเปลือยเเล้วยังจะอายอยู่อีกเหรอ?”]

[“คือ…”]

มันคนละเรื่องกัน

มันไม่ดีต่อใจของคนๆหนึ่งที่ต้องมาเจออะไรที่น่าตื่นเต้นเเต่หัววัน

เลยต้องอัดอั้นไว้จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น…

อะไรทํานองนั้นเเหละ ถึงเราจะอธิบายเธอไปคงไม่เข้าใจอยู่ดี

เพราะงั้นเเล้ว เราควรไม่มองเธอสิ? เธอกําลังยั่วเราอยู่เเหงๆ

ผมหันหลังและพยายามไม่มองฟุตาบะตรงๆ แต่ผมได้ยินเสียงเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่

[“จะว่าไป ชินเซย์ต้องกลับบ้านไปเอาของใช่ไหมล่ะ? เเต่ถ้าอยู่ที่นี่ นายจะไปโรงเรียนสายก็ได้นะ”]

[“ไม่ล่ะ…วันนี้ฉันอยากพัก”]

ผมพูดพลางกัดฟันกรอด

ฟุตาบะกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของผมราวกับว่าเธอพอใจสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ผมที่เหนื่อยแทบตายกลับนอนไม่หลับซะงั้น

[“ไม่มีทาง…ที่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะว่าไม่อยากไปเจอหน้าคุณชิอินะใช่ไหมล่ะ?”]

[“ก็มีส่วนอยู่หรอก…”]

เหตุผลมีเเค่นั้นเเหละ

ผมกับเรียเรียนอยู่ห้องเดียวกัน เเละเมื่อวานนี้ผมปวดท้อง

[“ถ้างั้น นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันหรอก อีกฝ่ายเป็นคนนอกใจเองนี่นา เพราะงั้นเเล้วเราควรจับมือกันต่อหน้าคุณชิอินะเพื่อเเสดงให้เห็นว่าเรามีความสัมพันธ์กันเเบบไหน เหมือนที่เธอทํากับชินเซย์”]

เมื่อคืน ผมคุยกับฟุตาบะเรื่องความสัมพันธ์กับเรียในขณะนี้

เรามีข้อตกลงกันว่าผมจะติดต่อเธอล่วงหน้าถ้าไปพบหากับสมาชิกคนอื่นๆ ที่เป็นเพศตรงข้าม แต่เรียกำลังพบกับชายอื่นโดยไม่บอกให้ทราบ และเธอกำลังเดินจับมือกับเขาในที่ล้อมรอบไปด้วยคน

ผมก็ตื้นเขินเหมือนกันโดยที่ไม่รู้ว่าเรียเปลี่ยนไปเพราะชายคนอื่น

[“เเบบนั้นก็…ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากให้มันเป็นไปได้ด้วยดีอ่ะนะ”]

ผมไม่รู้ว่าใจของเรียยังมีความรู้สึกต่อผมอยู่ไหม แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่คิดอะไรกับการที่ผมกําลังจงใจที่จะไปยั่วยุ

เพราะอย่างแรกเลย ถ้ามีใครเห็นเหตุการณ์นี้ มันอาจทำให้ผู้ชายทุกคนหันมาเป็นศัตรูเราได้

[“ไม่มีทางที่จะไม่เจ็บใจเมื่อมีคนมานอกใจ ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าคนที่นอกใจนั่นทิ้งซะไปเลย”]

ฟุตาบะหันมาจ้องผมอย่างเยือกเย็น

ถ้าผมนอกใจเธอ เธอคงจะฆ่าผมจริงๆเเหง

[“แต่ถ้านายที่ถูกทิ้ง พยายามที่จะยอมอ่อนข้อให้กับเธอคนนั้นก็อาจมีความหวังสำหรับการแก้ปัญหาอย่างสันติ เว้นแต่ว่าคุณชิอินะซึ่งเป็นฝ่ายที่นอกใจนายจะฟ้องร้องพวกเราอ่ะนะ”]

เรียที่นอกใจผมเพราะความไม่พอใจ…มันเป็นไปได้จริงๆเหรอ?

ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ

ที่อยากจะสื่อคือ ผมอยู่ในสถานการณ์เเบบนั้น ผมก็คงเจ็บเหมือนกัน

[“สรุปเเล้ว…ชินเซย์จะลาหยุดไหม?”]

[“อืม”]

[“งั้นเเสดงว่า นี่คือช่องว่างระหว่างฉันที่ได้ที่หนึ่งกับอาซาฮิโอกะ ชินเซย์ ผู้ที่ได้ที่สองสินะ?”]

[“อั๊ก…”]

ในการสอบกลางภาคที่ผ่านมาในที่สุดผมก็ตามติดฟุตาบะจนได้

แต่ถ้าผมที่กําลังนอยอยู่ลาหยุดหนึ่งวัน นั้นก็หมายความว่าผมตามหลังเธออยู่ก้าวหนึ่ง

เเต่ผมไม่ได้ตั้งเป้าที่จะได้ที่หนึ่งอยู่เเล้ว

เเต่ผมจะอยู่ที่สองตลอดเวลาไม่ได้

เหมือนกับฟุตบอล หากคุณไม่กล้าไปเล่นเป็นตําเเหน่งประจําเหมือนทุกที คุณก็จะเสียตําเเหน่งนั้นไปให้กับสมาชิกคนอื่นในทีม

ในโลกของการแข่งขันนั้น ความล่าช้าหนึ่งวันอาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ได้เลย

นั้นก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่อันดับของผมจะร่วงลงไปจากอันดับสอง เเต่ผมไม่ต้องการคะเเนนไม่ดรอปไปกว่านี้เพราะ ผมตั้งเป้าที่จะยื่นโควต้าสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเด่นเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์

แต่พูดตามตรง ผมไม่คิดว่าผมจะมีสมาธิกับการเรียนหรือกิจกรรมชมรมถ้าไปโรงเรียนวันนี้

ผมจะทํายังไงดี…

[“…ถึงนายไม่มีสีหน้าเเบบนั้น หลังจากนี้ไป ฉันว่าจะให้นายมาค้างที่นี่เเล้วฉันจะช่วยติวให้นายเอง…”]

[“…เอ๋?”]

ขณะที่ผมกำลังหาหนทางอยู่นั้น ฟุตาบะก็พูดออกมาอย่างเขินอาย

[“เพราะฉะนั้น มันไม่ผิดหรอกถ้านายจะพักวันนึง นายที่พึ่งถูกคนรักหักหลังมา นายมีสิทธิ์ที่จะเอาเเต่ใจตัวเองพอที่จะขอพักได้อ่ะนะ”]

เรียนอกใจผม

ทั้งๆที่ผมเชื่อใจเธอมากกว่าใครๆ

ผมมีเพื่อนที่เห็นอกเห็นใจผม

ผมมีเพื่อนที่คอยปลอบใจผม

เเต่ สุดท้ายเเล้ว ฟุตาบะก็เข้ามากอดผม ใช้เวลาทั้งคืนกับผมและทำให้ผมหลุดพ้นจากความเหงาด้วยความอบอุ่นของเธอ

[“…ขอบคุณนะ ที่เธออยู่ด้วยกับฉันเมื่อคืน”]

[“…นี่ขอบคุณฉันอยู่จริงๆเหรอ?”]

ฟุตาบะทำหน้าสงสัย

[“จริงสิ”]

[“…ในเวลาเเบบนี้ ไม่คิดว่าเเสดงออกเป็นการกระทําจะดีกว่าหรอ?”]

จากนั้น ฟุตาบะค่อยๆหลับตาลง

[“…ก็จริงเเฮะ”]

ผมประกบริมฝีปากเธอเบาๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ไม่นานนักหลังจากที่พวกเราเตรียมตัวเสร็จ ผมกับฟุตาบะก็เจอกันที่ทางเข้าบ้าน

[“สรุป ชินเซย์จะกลับบ้านสินะ”]

[“อืม”]

ผมไม่คิดว่าเรียจะขาดเรียนวันนี้

ถ้าเรียอยากเจอผมยังไงเธอก็ต้องมาโรงเรียน เเต่ถ้าเธอขาดเรียนมันดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่

ดังนั้นผมจะใช้เวลาตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียน กลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่ใส่เสื้อผ้าที่ยืมมาจากโชว และกางเกงในที่โซระซื้อมาให้

[“ทั้งๆที่จะค้างอยู่บ้านฉันตลอดได้เเท้ๆ”]

[“ฉันค้างเธอไม่ได้หรอก ฉันมีน้องสาวที่ต้องดูเเลอยู่”]

[“น้องสาว…เหรอ…”]

ฟุตาบะพึมพำอย่างมีความหมาย เเละดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะมาพบน้องสาวของผมเป็นการส่วนตัว

แน่นอนว่า ถ้าเธอกับมิโอริเข้ากันได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่หรอก…แต่ผมรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าเธอจะบีบให้เหลือเพียงทางเลือกเดียวตั้งแต่เนิ่นๆ

[“งะ งั้น ไป

[“เดี๋ยว ก่อนหน้านั้น…”]

[“มีอะไร──อื๊อ!?”]

[“…’ไปก่อนนะ’…อยู่ไหน?”]

ฟุตาบะพูดออกมาอย่างเคอะเขินพร้อมกับริมฝีปากของเธอที่ดูมันวาว

[“คุณฟุตาบะ…”]

ผมอยากจะกอดสาวน้อยน่ารักผู้ชั่วร้ายคนนี้อย่างหุนหันพลันแล่น

โดยธรรมชาติแล้วแขนของเธอจะยื่นออกมาและผมเข้าโอบกอดเธอ

ถึงหุ่นเธอจะสเลนเดอร์ แต่เธอมีร่างกายที่เนียนนุ่ม

พร้อมกับมีกลิ่นดอกมะลิเเละกลิ่นเหมือนเเชมพูจากผมยาวสีดําของเธอ

มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข เเละอยากทำแบบนี้ตลอดเวลาไป

[“…นี่ ชินเซย์”]

[“…มีอะไรหรอ?”]

[“ช่วยหยุดเรียกฉันว่า ‘คุณฟุตาบะ’ จะได้ไหม?”]

[“…เอ๋?”]

เธอไม่พอใจหรอที่เราเรียกเธอว่า ‘คุณฟุตาบะ’

เมื่อผมเอียงศีรษะด้วยความงุนงง เธอก็ยิ้มเขินนิดๆ

[“ถ้าเป็นชินเซย์ล่ะก็ เรียกฉันว่า ‘เรย์นะ’ ก็ได้นะ”]

เธอเข้ามากระซิบข้างหูเเละทําให้ผมหน้าแดง

ป่านนี้เเล้วเรายังจะมาอายอะไรอีกเนี่ย? เธอคงจะหัวเราะเยาะผม แต่มันเป็นคำขอที่กระตุกจิตผมสุดๆ

[“…เข้าใจเเล้ว เรย์นะ”]

[“…พอถูกเรียกเข้าจริงๆเเล้ว ฉันรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับนิสัยของชินเซย์สักเท่าไหร่”]

[“ทั้งๆที่เธอบอกฉันเองเนี่ยนะ!?”]

ดูไร้เหตุผลไปหน่อย

[“ล้อเล่น ล้อเล่นน่า…เอ้า ไปได้เเล้วชินเซย์”]

เรย์นะขยับออกห่างจากผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

หน้าตาของเรย์นะพร้อมกับแก้มของเธอมีสีแดงระเรื่อนั้นดูสวยมาก──

[“…!?”]

ชั่วขณะหนึ่ง ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมมองเห็นเรย์นะเป็นสาวรักครั้งแรกของผม

──ไปกันเถอะ ชินเซย์!

ผมรู้สึกว่าผมได้ยินเสียงที่น่าคิดถึงจากที่ไหนสักแห่ง

[“…มีอะไรรึเปล่า? ชินเซย์”]

เรย์นะเอียงหัวด้วยความสงสัย เมื่อเธอออกมาจากบ้าน ภาพหญิงสาวรักเเรกของผมก็จางหายไป

[“…ป่าว ไม่มีอะไรหรอก”]

เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ …ถ้าคนนั้นเป็นเรย์นะก็คงดีไม่ใช่น้อย

หลังจากที่แยกทางกับเรย์นะระหว่างทาง ผมก็มุ่งหน้าไปยังเเมนชันโดยระแวดระวังรอบข้าง

เหตุผลที่ต้องระแวดระวังเพราะมีโอกาสที่อาจบังเอิญไปเจอเรียที่อาศัยอยู่ระเเวกเดียวกับผม

อย่างไรก็ตาม ความกลัวของผมได้หายไปและผมก็กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

[“แต่ถึงกระนั้น…เเค่ไม่ได้กลับบ้านวันเดียว ทําไมมันรู้สึกห่างหายไปนานเเบบนี้นะ”]

ผมหยิบกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นสอดเข้าไปช่องปลดล็อคของลูกบิดเเละหมุนลูกบิดประตู

หลังจากที่ผมเข้าไปในห้องเเล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปที่ห้องเปลี่ยนชุดโดยทันที จากนั้นถอดเสื้อผ้าและใส่ลงในเครื่องซักผ้า

พรุ่งนี้ผมเอาเสื้อผ้าที่ยืมมาจากโชวไปคืน

ผมโยนกางเกงในสีชมพูที่เรย์นะบอกว่า “สีของกางเกงในตัวที่ใส่อยู่ดูน่ารักดีนะ” ลงไปในเครื่องซักผ้าด้วย

จากนั้น ผมกดปุ่มให้เครื่องซักผ้าเริ่มทํางานเเละออกไปยังทางเดินหน้าห้องด้วยสภาพชีเปลือย

เสื้อผ้าอยู่ในห้องส่วนตัวผม ผมจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง

[“รู้สึกหวิวๆเเปลกๆเหมือนกันเเฮะ ตอนชีเปลือย”]

ในตอนนั้นเองที่ผมพึมพำบางอย่างกับตัวเอง

ประตูหน้าที่อยู่ด้านหลังผมเปิดออกพร้อมกับได้ยินเสียงกึกๆ

[“หว๋า!?”]

ใครมาอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย!?

มิโอริควรจะอยู่ที่โรงเรียนในตอนนี้…

ผมล็อคประตูไปเเล้ว…อย่าบอกนะว่ามีโจร!?

ด้วยความตื่นตระหนก ผมจึงรีบเข้าไปในห้องของมิโอริซึ่งอยู่ข้างๆเพื่อซ่อนตัว

ผมซ่อนลมหายใจและอ่านสถานการณ์

ผมได้ยินเสียง ปิดประตูจากประตูหน้าและเสียงคนเดินตามทางเดินหน้าห้อง

ถ้าเป็นโจรจริงๆล่ะก็…

[“…”]

ผมจะทํายังไงดี…? ในสภาพชีเปลือย…?

มีอะไรในห้องที่ใช้เป็นอาวุธได้บ้างไหม? ผมคิดเช่นนั้น แต่ไม่มีอะไรในห้องน้องสาวของพี่ชายมัธยมปลายอย่างผมที่จะใช้เป็นอาวุธได้

ถ้าเป็นห้องห้องของผม ผมยังมีดาบไม้ที่ผมซื้อกับโชวตอนไปทัศนศึกษาช่วงม.ต้นอยู่

…มาคิดดูตอนนั้น เรียก็รู้สึกตกใจมากเหมือนกัน…

นี่ไม่ใช่เวลาที่จมอยู่กับความทรงจําอมทุกข์

จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็มาหยุดที่หน้าห้องที่ผมซ่อนอยู่

ไม่จริงใช่ไหม? เขารู้หรอว่าผมซ่อนอยู่ห้องนี้?

ถ้าเป็นเเบบนั้นเเล้ว…ก็คงเหลือเเค่ทางเดียวคือทําให้โจรตกใจเเละหนีไป

ทันทีที่ประตูห้องค่อยๆเปิดออกนั้น ผมพยายามจะโจมตีคนที่ปรากฏตัวโดยการตะโกนว่า “เห้ย!” และกดชกต่อย──

[“…อาเร๊!?”]

ทันใดนั้น ผมก็ได้หยุดอยู่กับที่

นั้นเพราะคนที่ปรากฏตัวนั้นไม่ใช่โจร แต่เป็นหญิงสาวที่ผมคุ้นเคยในชุดนักเรียน

เธอมีผมสีน้ำตาลยาวถึงไหล่และใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่

เรือนร่างของหญิงสาวคนนั้นเล็กจนมีความคิดว่าถ้าโจมตีเข้าไปอาจทําให้กระดูกของหญิงสาวหักได้อย่างง่ายดาย

อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์เหมือนคนป่วย──ก่อนอื่นเลยทั้งๆที่ดูขี้โรคเเท้ๆ เเต่กลับนิสัยรุนเเรงเเถมปากเสียซะงั้น

สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูไม่ประหลาดใจเเต่อย่างใด เเละมองมาที่ผมอย่างเงียบๆ ที่ให้ความรู้สึกบีบคั้น

เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็คือมิโอริซึ่งควรจะอยู่ที่โรงเรียนในขณะนี้

[“…”]

[“…”]

สถานการณ์อันเเสนโหดร้าย ที่พี่ชายที่กําลังพยายามทําร้ายน้องสาวของตัวเองในสภาพชีเปลือย

ความเงียบงันที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย

[“…ขอโทรเเจ้งตํารวจนะคะ”]

นั่นคือสิ่งแรกที่มิโอริพูดด้วยสีหน้าเย็นชา หลังจากเจอสถานการณ์ในตอนนี้

มิโอริหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเครื่องแบบและกดปุ่มเปิดหน้าจอโดยไม่ลังเล

[“ดะ เดี๋ยวก๊อนน!?”]

[“อ๊ะ เกือบลืม อย่างเเรกต้องมีหลักฐานก่อน…”]

มิโอริที่ดูเหมือนจะจัดเรียงความคิดได้เเล้ว หันโทรศัพท์ฝั่งกล้องหลังของโทรศัพท์มาที่ผมเเละลั่นกดชัตเตอร์

[“ทะ ทําอะไรของเธอ!?”]

[“หนูสิที่ต้องถาม พี่มาทําอะไรในห้องหนูในสภาพล่อนจ้อนกันเนี่ย? จะไปว่าเมื้อกี้พี่จะโจมตีใส่หนูใช่ไหม?  หนูไม่คิดเลยว่าพี่ชายตัวเองจะเป็นซิสค่อนเนี่ย”]

มิโอริมองมาที่ผมด้วยสายตาอันรังเกียจ

สายตานั้นมองมาที่ผมราวกับว่า “อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้คนสกปรก”

มิโอริกอดอกราวกับเป็นการป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้พี่ชายคนนี้เข้าใกล้

ถ้าขืนเป็นเเบบนี้ต่อไป เเย่เเน่ๆ…

หลังจากที่ชายคนหนึ่งเลิกกับหญิงสาวเพราะนอกใจ เขาได้ไปหาเเฟนสาวคนใหม่เเละพยายามทําร้ายน้องสาวของตัวเอง

[“เข้าใจผิดเเล้ว! มันก็เเค่ไทม์มิงเเย่เฉยๆ!”]

ผมพยายามเเก้ต่างให้ตัวเองกับสถานากรณ์ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่ามิโอริเข้าใจผิดไปผมอาจเสียตำแหน่งผู้นําตระกูลอาซาฮิโอกะไปได้ในอนาคต

[“เฮ้อ…หนูจะฟังขอเเก้ตัวทีหลังค่ะ เเต่ก่อนหน้านั้นช่วยไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ”]

[“อ๊ะ…”]

ผมเอามือมาท่อนล่างอย่างรวดเร็ว

…ทําไมเธอยังใจเย็นได้อีกเนี่ย ในสถานการณ์เเบบนี้

ต้องเป็นพี่ชายแบบไหนที่ล่อนจ้อนอยู่ในห้องของน้องสาวคนเดียว?

[“…ไปก่อนนะ”]

[“ช่วยทําเเบบนั้นด้วยค่ะ”]

[“เเล้วก็ อย่าโทรหาตํารวจนะว้อย”]

[“นั่นขึ้นอยู่กับขอเเก้ตัวของพี่ค่ะ”]

มิโอริพูดด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ

หลังจากที่ผมเเต่งตัวเรียบร้อยเเล้ว ผมหันหน้าไปหามิโอริที่อยู่ตรงโต๊ะในห้องนั่งเล่น

[“อย่างงี้นี่เอง…สรุปเเล้วคือพี่คุมความหื่นตัวเองไม่อยู่เลย อยากกับหนูสินะคะ?”]

[“ก็บอกว่า ไม่ใช่ไง!”]

จนถึงจุดหนึ่ง ผมได้อธิบายว่าทำไมถึงเหตุการณ์เเบบนั้นขึ้น แต่มิโอริกลับไม่ฟังสักนิด

มิโอริชอบหยอกผม แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามิโอริตัดสินใจโดดเรียนในขณะที่ตัวเองกําลังเดินทางไปยังโรงเรียน

เเละดูเหมือนว่า ผมจะบังเอิญไปเจอมิโอริในขณะที่เธอกำลังกลับเข้าห้องของตน

ผมอยากจะสอนเธอว่าอย่าโดดเรียนโดยไม่มีเหตุผล แต่ผมพูดได้ไม่เต็มปากเพราะผมก็โดดเรียนเหมือนกัน

[“เรื่องนัั้นขึ้นอยู่กับฉันค่ะ เรื่องที่ว่าพี่ตั้งใจจะทำอะไรนั้น จนถึงป่านนี้แล้วมันไม่เกี่ยวกับคนรอบๆข้างแล้ว มันจะเป็นยังไงก็เป็นไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน ในตอนนั้นต่อให้เจ้าตัวจะคิดยังไงก็ไม่เกี่ยวค่ะ ก็เพราะว่ายังไงซะไอเรื่องความเห็นของเจ้าตัวจะเป็นยังไงเนี่ยก็ไม่มีใครที่จะสามารถยืนยันได้หรอก”]

หลังจากมิโอริเทศนาผมเสร็จ เธอโชว์ภาพที่เธอเพิ่งถ่ายออกมาเมื่อกี้ให้ผมดู

ท่อนล่างถูกปิดบังไว้ เเต่ก็ยังเห็นผมในสภาพเปลือยท่อนบน

[“พี่คะ ดูนี่สิคะ ใบหน้าน่าสงสารของคนในภาพนี้ คิดเห็นยังไงบ้างคะ?”]

[“มันสะท้อนมาหาพี่เลยเเหละ…?”]

[“นั่นต้องขอโทษด้วยค่ะ หนูไม่ทันสังเกตเลย”]

มิโอริซ่อนรอยยิ้มบนปากด้วยมือซ้ายอย่างสง่างาม

…ปีศาจชัดๆ

[“เอาล่ะ หนูทํายังไงกับรูปนี้ดีคะเนี่ย? ให้หนูส่งรูปไปให้พ่อเเม่ที่อยู่ต่างประเทศดูไหม…หรือจะให้เเฟนของพี่ดู คุณชิอินะน่ะ?”]

[“อ๊ะ ลืมบอกไปเมื่อวานพี่เลิกกับชิอินะเเล้วน่ะ”]

[“…เอ๋?”]

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มิโอริก็ผงะไปชั่วขณะ

แต่แล้วเธอก็เริ่มแสดงรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

[“หะ…เห~ อย่างงั้นหรอคะ สุดท้ายก็เลิกกันสินะคะ…”]

ปากของมิโอริค่อยๆผ่อนคลายลง

ดีใจขนาดนั้นเลย? ที่ผมเลิกกับเเฟน?

[“เห็นไหมหนูบอกเเล้ว เรื่องรักๆใคร่ๆสําหรับพี่น่ะไปไม่รอดหรอก ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต คงไม่มีวันที่พี่จะได้เเต่งงานกับเจ้าสาวหรอก เพราะฉะนั้น พี่จงโตเป็นผู้ใหญ่เเล้วมาเลี้ยงดูเเลหนูซะดีๆเถอะ── “]

[“เเต่ว่า เมื่อวานพี่ได้เเฟนคนใหม่ได้เเล้วล่ะ”]

[“…หะ ว่าไงนะ?”]

ใบหน้าของมิโอริกลับมาบึ้งตึงอีกครั้ง

หึหึ อย่ามาดูถูกพี่ชายคนนี้สิ น้องสาวเอ๋ย

เเม้ว่าพี่ชายคนนี้จะดูเป็นคนเจ้าเล่ห์เเต่ก็หาเเฟนใหม่เป็นกับเขานะ

ถึงเเม้ว่าจะเป็นครั้งเเรกที่เเฟนนอกใจผมก็เถอะ…

[“เป็นไง ตกใจไหมล่ะ?”]

[“…ตกใจสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายของหนูเป็นคนอวดดีที่วางมือกับเเฟนเก่าโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอ”]

[“วางมือกับเเฟนเก่าเนี่ย…”]

ไอคําที่เธอพูดออกมาคิดว่ามองผมเป็นคนยังไงเนี่ย?

[“…ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ได้เป็นพี่น้องต่างสายเลือดหรอ?”]

[“กะ…ก็จริงเเฮะ”]

อย่างที่มิโอริพูด พวกเราเป็นพี่น้องต่างสายเลือด

ผมเสียแม่ไปหลังจากที่เกิดได้ไม่นาน ส่วนมิโอริก็เสียพ่อไปตอนอายุได้สองขวบ

ต่างคนต่างสูญเสียคนที่รักไป จึงได้แต่งงานใหม่และกลายมาเป็นครอบครัวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

พวกเราพบกันครั้งแรกเมื่อตัวมิโอริอายุได้ห้าขวบ

แม้ว่าในตอนนั้นพวกเรายังเด็ก แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าในฐานะพี่ชายและน้องสาว และการที่มิโอริใช้คำให้เกียรติกับผมก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งนั้น

[“อย่ามาทําอะไรพิเรนๆเพียงเพราะฉันเป็นลูกสาวเเม่ใหม่ล่ะ”]

มิโอริจ้องมาที่ผมด้วยท่าทางระแวดระวัง

[“ไม่ทําหรอกหน่า!”]

[“เเปลว่าเข้าใจเเล้วสินะ? หรือว่าที่เมื่อวานไม่ได้กลับบ้านเพราะไปค้างบ้านผู้หญิงคนนั้น?”]

[“อืม…”]

[“เลยทิ้งน้องสาวที่เเสนจะน่ารักไว้ตามลำพังและกลับบ้านในตอนเช้าเนี่ยนะ”]

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมรู้สึกเจ็บนิดๆ

[“ขอโทษนะ ช่วยให้อภัยด้วยเถอะ”]

[“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้อภัยค่ะ”]

มิโอริเบือนหน้าหนีพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งและทําแก้มป่อง

[“พี่ต้องโดนลงโทษค่ะ”]

ลงโทษเนี่ย…จะให้ทําอะไรหนอ?

ผมรู้สึกว่ามิโอริที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอาจจะทำอะไรพิเรณๆบางอย่าง อย่างการส่งภาพที่ถ่ายเมื่อกี้ไปให้คนอื่น…

[“ละ เเล้วจะลงโทษอะไรล่ะ?”]

เมื่อผมถามกลับด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของมิโอริกลับเปล่งประกายอย่างน่าสงสัย

 

———

โปรดติดตามตอนต่อไป เเฟนเก่า VS เเฟนใหม่

สามารถติดตามได้ที่เพจ FB : Mxgic (@mxgicillust)

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

Status: Ongoing
[“กะ…โกหก..ใช่ไหม?”] ชินเซย์ เห็นเเฟนของเขา เรีย นอกใจตัวเองครั้งเเรกในชีวิตเเละเธอได้ส่งข้อความมาหาผมว่า “เราเลิกเถอะ” ความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองคนก็จบลง เเละหลังจากนั้น ผมถูกลากตัวไปงานนัดบอดด้วยความรู้สึกอกหัก ผมพยายามลุกออกจากที่นั่งอย่างเงียบๆ เเต่ทันใดนั้นก็มีสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนเดินมาหาผม ฟุตาบะ เรย์นะ เเละมาขโมยจูบเเรกของผมไป― [“ที่ฉันมางานนัดบอดครั้งนี้ก็เพราะนายเลยนะ”] จากนั้นผมก็โดนเธอหิ้วกลับบ้านทั้งแบบนั้น!? เรย์นะ มีภาวะความเป็นผู้นําเเต่ในทางกลับกัน เมื่อผมอยู่กับเธอสองต่อสองตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปคนละขั้ว เธอมีนิสัยเงอะงะเเถมนิสัยเสียอีก….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน