ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 17 งานเลี้ยงน้ำชาของ “สนมฟ้าดารา”—สกัดกั้น

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

“ขออภัย มาสายนิดหน่อยซะแล้วสินะ”

 

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยพระสนมฟ้าสุริยา ได้โปรดเชิญนั่งก่อนค่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากพระสนมฟ้าสุริยาผู้เป็นบุตรีของที่ปรึกษาหลวงตระกูลเรลโนตหรือไม่ แต่ขอเตรียมชาที่นำเข้ามาจากประเทศทางตะวันออกให้นะคะ”

 

เมื่อได้รับเชื้อเชิญจากมาริเอล เฮเลนาจึงนั่งลงยังตำแหน่งที่ว่างอยู่ในเก้าอี้ทั้งเจ็ดตัว

จากนั้นอเลกเซียก็เข้ามายืนตรงเตรียมพร้อมอยู่ข้างหลัง

 

“ขอบคุณค่ะพระสนมฟ้าดารา ส่วนพระสนมท่านอื่น ๆ ข้านึกเอาเองว่าคงจะรู้จักข้าอยู่แล้วได้ใช่ไหมคะ?”

 

“ค่ะ เพราะเรื่องที่ว่าใครจะได้นั่งตำแหน่ง ‘สนมฟ้าสุริยา’ เป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมในช่วงนี้เลย เมื่อบุตรีของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีมาอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครที่ไม่รู้จักท่านหรอกค่ะ”

 

“งั้นหรือคะ ทว่าข้าน่ะไม่รู้จักพวกท่านคนอื่น ๆ เลย ช่วยแนะนำหน่อยได้หรือไม่คะ?”

 

“นั่นก็จริงอยู่ ถ้างั้นอนุญาตให้ดิฉันจะเป็นฝ่ายได้แนะนำนะคะ”

 

ถึงปากจะพูดวางท่าเหมือนใจเย็นอยู่ แต่ในใจเฮเลนานั้นชีพจรเต้นตึกตักไม่หยุดแล้ว

จะพูดอะไรพล่อย ๆ ไม่ได้ จะหลุดสำเนียงการพูดแปลก ๆ ไปก็ไม่ได้ เธอพยายามนึกทบทวนสิ่งที่อเลกเซียได้เตือนไว้ซ้ำไปมา พลางจิบชาคำหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า

ไม่รู้รสสักนิดเลยอ่ะ

 

“ทางนี้คือบุตรีบารอน เลทีเซีย เชอวาลีเยค่ะ ตระกูลเชอวาลีเยกับรีเวียร์มีการติดต่อค้าขายกันมาอย่างยาวนาน เลทีเซียกับดิฉันเองก็คบหารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเล็กค่ะ”

 

“เลทีเซีย เชอวาลีเยค่ะพระสนมฟ้าสุริยา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

 

“ข้าเฮเลนา เรลโนต ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

โดยพื้นฐานแล้ว คนที่เฮเลนาควรใช้คำพูดสุภาพด้วยมีแค่ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลเท่านั้น

ต้องพูดคุยอย่างสุภาพให้เกียรติกับแค่มาริเอลที่มีศักดิ์เป็นสามสนมฟ้าเท่ากัน ส่วนกับนางสนมคนอื่น ๆ ก็ห้ามพูดคุยอย่างถ่อมตนด้วย

สำหรับเรื่องนี้ เธอก็โดนบอกมาจนปากเปียกปากแฉะโดยอเลกเซียอีกเช่นกัน

 

“เลทีเซียคือหนึ่งใน ‘เก้าสนมเอก’ ที่รองลงมาจากสามสนมฟ้า โดยเลทีเซียมีตำแหน่ง ‘ผู้งดงาม’ ค่ะ”

 

“แหม น่าอายออกนะคะท่านมาริเบล คนอย่างดิฉันเนี่ยไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอย่าง ‘ผู้งดงาม’ หรอก”

 

“ถ้ากล่าวเช่นนั้น ดิฉันเองก็ไม่เหมาะสมกับ ‘สนมฟ้าดารา’ หรอกค่ะ หากเป็นบุตรีของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างพระสนมฟ้าสุริยาก็ว่าไปอย่าง อย่างดิฉันก็เป็นแค่บุตรีของขุนนางบารอนหน้าใหม่เท่านั้นเอง”

 

“พูดอะไรกันคะท่านมาริเอล ผู้ที่ทุกอากัปกิริยาซึมซาบไปด้วยสติปัญญาเช่นท่านมาริเอล ไม่อาจได้รับการปฏิบัติอย่างนางสนมทั่ว ๆ ไปได้หรอกค่ะ ไม่ได้เหมือนกับบุตรีเคานต์ผู้นั้นที่อำมาตย์แผ่นดินยัดเยียดให้มาอยู่ในตำแหน่งโดยไม่รู้จักเจียมตัวเสียหน่อย”

 

“อุ๊ยตาย ท่านผู้นั้นเป็นบุตรีเคานต์ส่วนดิฉันเป็นบุตรีบารอนนะคะ ถึงตอนนี้จะวางตัวอยู่ในฐานะสามสนมฟ้าเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วเป็นที่บุคคลที่อยู่สูงส่งกว่าต่างหากล่ะคะ”

 

บทสนทนาที่เหมือนกับจะมีเสียงหัวเราะ ‘โอโฮะโฮะ’ ออกมา แต่แค่ฟังอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยใจแล้ว

ไอ้การไม่กล่าวให้ชัดว่าหมายถึงใครแต่ฟังแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งว่ากำลังพูดถึงใครอยู่นี่ก็ชวนให้รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ดูเหมือนว่า “สนมฟ้าดารา” กับ “สนมฟ้าจันทรา” จะไม่ค่อยญาติดีกันสินะ

ไม่สิ ถ้าบอกว่าไม่มีทางญาติดีกันได้น่าจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่า

 

หลังจากนั้นมาริเอลก็ไล่แนะนำตัวเหล่านางสนมที่ร่วมโต๊ะไปทีละคน ผู้ที่เป็นเก้าสนมเอกรองจากสามสนมฟ้านั้นมีแค่เลทีเซียที่ได้รับการแนะนำเป็นคนแรก ส่วนคนอื่น ๆ หลังจากนั้นมีแต่คนที่เป็นยี่สิบเจ็ดสนมสูงทั้งนั้น

ถึงเก้าสนมเอกจะมีตำแหน่งต่ำกว่าสามสนมฟ้า แต่ก็แทบไม่มีใครที่มาประจบประแจงเข้าพวกกับ “สนมฟ้าดารา” เลยสินะ

 

“จะว่าไปแล้ว—”

 

ทันใดนั้นเอง มาริเอลก็หรี่ตาลง

นี่มัน หัวข้อสนทนาที่เตรียมใจมาแล้วตั้งแต่แรกสินะ งานน้ำชาที่จัดขึ้นวันนี้และต้องการให้เฮเลนามาร่วมด้วยนั้น มันเห็นได้ชัดว่ามีขึ้นเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย

เฮเลนากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ส่งกำลังใจให้ตัวเองอยู่ในใจ

 

“เมื่อคืน ได้ยินมาจากนางกำนัลติดห้องว่าฝ่าบาทเสด็จมาเยือนห้องนอนของพระสนมคนหนึ่งด้วยค่ะ”

 

“อ้อ ข่าวลือนั้นดิฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ”

 

“ทั้งที่รวมวังหลังมาได้จะหนึ่งปีเต็มแล้วแท้ ๆ แต่ฝ่าบาทก็ไม่ได้เสด็จมาเยือนสักครั้งเลยจนกระทั่งตอนนี้ ถึงจะไม่รู้ว่ามาหาใครก็เถอะ……”

 

‘ควับ’ สายตาของมาริเอล

กับสายตาอีกห้าคู่ที่ตามกันมาติด ๆ

จับจ้องมาที่เฮเลนาราวกับจะมองให้ทะลุ

 

“พระสนมฟ้าสุริยาทราบหรือเปล่าคะว่าฝ่าบาทเสด็จมาหาใครกันแน่?”

 

มาริเอลยิงคำถามมาเช่นนั้นทั้งที่รู้หมดอยู่แล้วทุกสิ่ง

ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่ได้ถามด้วยความประสงค์ดี แต่แค่กำลังรอคำพูดจากปากของเฮเลนาว่าเธอได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทอยู่ต่างหาก

เฮเลนาเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นมันจะส่งผลอย่างไร

แต่แน่ใจได้ว่ามันก็คงไม่ทำให้คนฟังมีความรู้สึกดี ๆ แหง ๆ

ถึงจะอยากส่งซิกทางสายตาให้อเลกเซียสักหน่อยแต่น่าเสียดายว่าอเลกเซียยืนอยู่ด้านหลัง และที่สำคัญหากถูกตั้งคำถามแล้วดันไปขอความเห็นจากนางกำนัลรับใช้อย่างอเลกเซีย เธอก็คงจะกลายเป็นที่ดูแคลนในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งนี้เป็นแน่แท้

 

อเลกเซียเคยบอกไว้ ว่าจงแสดงความเหนือกว่า

ถ้างั้นก็แสดงมันเลยแล้วกัน

 

“พระสนมฟ้าดาราน่ะ สงสัยว่าใครได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทขนาดนั้นเชียวหรือคะ”

 

“ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่คะ เมื่ออยู่ในวังหลังดิฉันก็เป็นภรรยาคนหนึ่งของฝ่าบาท แม้จะไม่ได้พบหน้าท่านมาเกือบปีแล้ว แต่ถ้าเกิดมีนางสนมที่ฝ่าบาทผู้นั้นรักใคร่โปรดปรานก็ย่อมต้องสงสัยอยากรู้เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือคะ”

 

“ก็จริงนะคะ เช่นนั้นก็ขอบอกโดยไม่ปิดบังใครเลยก็แล้วกัน ว่าเมื่อคืนฝ่าบาทอยู่ที่ห้องของข้าเอง”

 

 

เธอตอบไปตามตรงเช่นนั้น

‘ฮือฮา’ รู้สึกได้ทันทีว่าบรรดานางสนมคนอื่น ๆ นอกจากมาริเอลกำลังส่งเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมา ทั้งที่น่าจะรู้กันอยู่แล้วแท้ ๆ เป็นการแสดงที่มองออกได้ง่ายจริง ๆ

โธ่ ไม่ไหวแล้วอ่ะ บรรยากาศแบบนี้—เฮเลนาคิดเช่นนั้นแต่ก็ไม่ปล่อยให้สีหน้าใจเย็นของเธอพังทลายไป แม้เฮเลนาจะมีสมองที่น่าเสียดายแต่ตราบใดที่เธอยังวางท่าอยู่เช่นนี้คนอื่นก็จะไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ความน่าเสียดายของเธอมันโดดเด่นขึ้นไปอีก จะเรียกว่าต๋มตุ๋นกันเลยก็ว่าได้

 

“แหม เช่นนั้นแล้วเมื่อคืนพระสนมฟ้าสุริยาก็ได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทแล้วหรือคะ?”

 

“ใช่ ทรงอยู่ที่ห้องของข้าจนถึงตอนเช้าก่อนที่จะกลับไป”

 

“น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ดิฉันเองก็อยากได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทบ้าง ถึงกับทำร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อพร้อมให้ฝ่าบาทมาเยือนได้ทุกเมื่อเลยล่ะค่ะ”

 

‘อุฮุฮุ’ มาริเอลยิ้ม

ทว่ามันก็ไม่อาจซ่อนเปลวเพลิงแห่งความริษยาลึกข้างในแววตานั้นได้ ถึงเธอน่าจะรู้ข้อมูลนี้อยู่แล้วแต่พอได้ฟังจากปากของเฮเลนาเองเข้าจริง ๆ ก็จะทนเยือกเย็นอยู่ไม่ได้ล่ะมั้ง

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว แทนที่จะบอกว่าได้รับความรักใคร่โปรดปราน ต้องบอกว่าเฮเลนาได้รับฟังความเป็นจริงของฟาร์มาสกับเจตนาหลังจากนี้มากกว่า

แล้วเธอก็แค่กำลังวางตัวเหมือนเป็นชายาเอกชั่วคราวเท่านั้นเอง

แต่จะพูดเรื่องนั้นออกไปในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้

 

“พระสนมฟ้าสุริยาน่ะ ทำเช่นไรถึงได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทหรือคะ? ได้โปรดบอกให้ดิฉันรู้ทีสิคะ”

 

“ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ ก็แค่ฝ่าบาททรงเสด็จมาเยือนห้องของข้าเท่านั้น”

 

“เช่นนั้นฝ่าบาทก็คงเสด็จมาโดยตั้งใจว่าจะยลโฉมงามที่เพิ่งเข้ามาใหม่สักครั้งสินะคะ อยากให้เสด็จมาตอนที่ดิฉันเพิ่งเข้ามาบ้างจังเลยค่ะ”

 

พูดกันตามตรงแล้ว ถ้าถามเฮเลนาว่าทำยังไงถึงจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาท เรื่องแบบนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ทว่า นี่คือการสกัดกั้นจากมาริเอล

ทำไมเธอที่หน้าตาด้อยกว่าฉันถึงได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทกัน—มันน่าจะมีความหมายที่ซ่อนอยู่ว่าแบบนั้น

 

—ฟังนะคะ ท่านเฮเลนา

 

เฮเลนานึกทบทวนในใจเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่อเลกเซียได้อธิบายให้ฟังก่อนหน้านี้

เนื้อหาที่พูดคุยมันก็เริ่มจะเป็นไปตามที่คาดเดาแล้ว แถมยืนยันได้แล้วด้วยว่าฟาร์มาสไม่เคยไปที่ห้องของคนอื่นนอกจากห้องของเฮเลนา

ดังนั้นต่อจากนี้บทสนทนามันก็จะกลายเป็น ‘ทำไมฟาร์มาสถึงได้ไปหาเฮเลนา’ นั่นเอง

 

—ต้องใช้สิ่งที่โฉมงามคนอื่น ๆ ไม่มี และมีแต่ท่านเฮเลนาเท่านั้นที่มีค่ะ ไม่เกี่ยวว่ามันจะเป็นคำพูดหลอกลวงหรือไม่ เพราะยังไงคนอื่นก็ไม่มีหนทางพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่อยู่แล้วค่ะ

 

เริ่มจะปวดกระเพาะขึ้นมาแล้ว

เธอไม่สามารถพูดเจตนาของฟาร์มาสออกไปได้

และฟาร์มาสผู้ไม่คิดเลือกชายาเอกภายในหนึ่งปีหลังจากนี้ก็คงจะไม่มายังวังหลังเพื่อเล่นไฟกับนางสนมคนอื่น ๆ แน่ เพราะหากเกิดมีทายาทผู้สืบทอดขึ้นมาแม้แต่คนเดียว แค่นั้นก็พอที่จะทำให้สมดุลของอำนาจในราชสำนักพังทลายลงได้แล้ว

ดังนั้นเฮเลนาจึงจำเป็นต้องพูดเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อที่สุด สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมฟาร์มาสจึงรักใคร่โปรดปรานเพียงแค่เฮเลนาเท่านั้น

และมันก็ต้องเป็นสิ่งที่นางสนมคนอื่น ๆ ไม่สามารถเลียนแบบได้—

 

“หากงดงามเช่นเดียวกับพระสนมฟ้าสุริยา ดิฉันจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทบ้างไหมนะ”

 

“ท่านมาริเอลก็งดงามอยู่แล้วนะคะ เลทีเซียผู้นี้เป็นพยานได้เลย”

 

“เช่นนั้นแล้วดิฉันขาดอะไรไปงั้นหรือ? พระสนมฟ้าสุริยาคะ ในตอนที่ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานท่าน ได้โปรดช่วยพูดแนะนำให้ดิฉันได้รับความรักใคร่โปรดปรานบ้างจะได้หรือไม่คะ?”

 

โอกาส มาถึงแล้ว

แม้เฮเลนาจะกำลังมีเหงื่อโชกอยู่ในใจ แต่เธอก็ยิ้มยกมุมปากเล็ก ๆ ให้มาริเอลได้เห็น

ไอ้การที่ทำเพียงเท่านั้นก็ดูเป็นใบหน้าชั่วร้ายขึ้นมาได้แล้วนั้น คงเป็นเพราะอิทธิพลจากแอนตันผู้เป็นบิดากระมัง

 

“ถ้าแค่พูดแนะนำก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

 

“จริงหรือคะ? ขอบพระคุณพระสนมฟ้าสุริยา”

 

“ทว่าข้าเองก็ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะไปหาท่านหรือไม่นะคะ เพราะฝ่าบาทน่ะ……ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย”

 

เธอขอโทษฟาร์มาสในใจอย่างสุดชีวิต

เพราะต่อจากนี้เฮเลนากำลังจะหมิ่นประมาทจักรพรรดิอย่างร้ายแรงที่สุด ถ้าจากนี้ไปเขามาที่ห้องของเฮเลนาอีกครั้งล่ะก็ ไว้ค่อยขอโทษกับเจ้าตัวให้ดี ๆ ก็แล้วกัน

ทว่าเฮเลนาก็ยังคงรักษาสีหน้าของผู้เหนือกว่าเอาไว้ได้อยู่

 

“ดูเหมือนว่าฝ่าบาท จะค่อนข้างชอบคนอายุมากกว่าค่ะ”

 

อายุเฉลี่ยของที่นี่คือสิบหกปี

เหล่าโฉมงามในวังหลังเหล่านั้น จึงถึงกับพูดไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าสนมอายุยี่สิบแปดผู้นี้

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท