ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 18 งานเลี้ยงน้ำชาของ “สนมฟ้าดารา”—แตกหัก

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

ด้วยระเบิดลูกใหญ่ยักษ์ที่เฮเลนาได้โยนออกไป นางสนมผู้เข้าร่วมในงานเลี้ยงน้ำชาทั้งหกคนจึงพากันเงียบกริบ

แต่เดิมทีแล้ว การที่พวกเธอมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่สิบหกปีนั้นก็เพื่อให้เข้ากับจักรพรรดิฟาร์มาสซึ่งปัจจุบันอายุสิบแปดปี เฮเลนาได้ฟังมาจากอเลกเซียว่าแม้แต่คนที่มีอายุเกินยี่สิบปียังแทบไม่มี ผู้ที่อายุมากที่สุดรองจากเฮเลนาซึ่งอายุยี่สิบแปดปีก็ยังอายุแค่ยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น

เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นข้อได้เปรียบที่มีเฉพาะเฮเลนาเท่านั้น

หากใช้เรื่องนี้เป็นไพ่ตายก็จะสามารถทำให้นางสนมคนอื่นเงียบปากได้—นี่คือไพ่ที่หงายออกไปด้วยความเชื่อเช่นนั้น

 

“……งั้นหรือคะ ฝ่าบาทน่ะ”

 

ผู้ที่หลุดออกจากอาการนิ่งเงียบได้เป็นคนแรกก็คือ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลตามที่คาดเดาไว้

อย่างน้อยที่สุดเธอก็มีบทบาทเป็นผู้นำในงานเลี้ยงน้ำชานี้ หากเธอไม่ฟื้นตัวก่อนนางสนมคนอื่น ๆ ที่คอยติดตามเธออยู่ก็คงไม่รู้จะทำตามยังไง

 

“ใช่ เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ?”

 

“……ค่ะ เข้าใจดีแล้ว ถึงดิฉันจะอยากได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาท แต่ถ้าฝ่าบาทชอบคนมีอายุอย่างพระสนมฟ้าสุริยา ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่สนใจดิฉันสินะคะ”

 

“นั่นสินะคะ ฝ่าบาทเองก็ทรงตรัสว่าไม่สนใจเด็กอมมือเสียด้วย”

 

นั่นคือเรื่องโกหก

ทว่าหากต้องการรักษาความได้เปรียบของเฮเลนาเอาไว้ก็มีแต่ต้องแต่งปั้นคำพูดของฟาร์มาสขึ้นมาแบบนี้เท่านั้น ยังไงซะจนกว่าความวุ่นวายในราชสำนักจะสงบลงฟาร์มาสก็ไม่คิดจะไปห้องของมาริเอลอยู่แล้ว เธอย่อมไม่มีหนทางตรวจสอบว่ามันจริงหรือเท็จ

 

“คงกล่าวได้ว่าสมแล้วที่เป็นที่ปรึกษาหลวงเรลโนตสินะคะ ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยล่ะค่ะว่ารสนิยมของฝ่าบาทจะเป็นกุลสตรีที่อายุมากกว่าขนาดนี้”

 

“แค่บังเอิญหรอกค่ะ ตระกูลเรลโนตไม่มีใครที่จะส่งเข้าวังหลังได้นอกจากข้า ดังนั้นคราวนี้ก็แค่บังเอิญที่ตัวข้าตรงกับรสนิยมของฝ่าบาทพอดี”

 

“การถ่อมตัวมากเกินไปจะถูกมองว่าเป็นการประชดประชันได้นะคะ ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีมามาก แม้ตัวพระสนมฟ้าสุริยาจะไม่ทราบ แต่หากใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีเป็นผู้ส่งพระสนมฟ้าสุริยาเข้ามายังวังหลังล่ะก็ เขาอาจพิจารณาเรื่องนั้นเอาไว้แล้วก็เป็นไปได้ค่ะ”

 

จะเป็นไปได้ยังไงเล่า

เฮเลนาเองก็ได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งว่าแอนตันบิดาของเธอมีความสามารถขนาดไหน แต่น่าเสียดายว่าจากมุมมองของเฮเลนาแล้วเขาก็แค่ไอ้พ่อดื้อด้านหัวแข็งคนนึงเท่านั้น

ทว่าความเห็นที่มีต่อแอนตันย่อมต้องยึดโยงมาถึงความเห็นที่มีต่อเฮเลนาด้วย

บางครั้งการไม่ยืนยันแต่ไม่ปฏิเสธก็สำคัญเหมือนกัน

 

“ทว่าทำไมฝ่าบาทถึงได้ชอบสตรีที่อายุมากกว่าเช่นนั้นล่ะคะ? ดิฉันไม่ค่อยได้ยินว่ามีบุรุษที่……เอ่อ มีรสนิยมทำนองนั้นสักเท่าไรเลย”

 

ระหว่างบรรทัดนั้นคงจะมีความหมายว่า “หมายความว่าไงกันยะคุณป้า” อะไรงี้รวมอยู่ด้วยสินะ

สายตาอันแหลมคมราวกับจะมองให้ทะลุนั้นกำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงริษยาอย่างเต็มกำลัง ถึงสำเนียงการพูดจะไพเราะ แต่หากสายตาสามารถสังหารคนได้เฮเลนาก็คงจะตายไปหลายรอบแล้ว

ทว่า

สายตาของเด็กอมมือที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งสนามรบแบบนั้นน่ะ เฮเลนาย่อมไม่สะทกสะท้าน

 

“ข้าคือสตรีอายุยี่สิบแปดที่เลยวัยออกเรือน ทว่ากว่าจะมาถึงยี่สิบแปดก็ไม่ได้เอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกนะคะ”

 

“……หมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”

 

“ข้าก็มีกลเม็ดไม้เด็ดที่ขัดเกลามาในฐานะสตรี บางทีฝ่าบาทอาจโปรดปรานในจุดนั้นก็เป็นได้นะคะ”

 

เธอโค้งศีรษะให้ฟาร์มาสในใจอย่างสุดแรงเกิด

เฮเลนานั้นอยู่แต่ในสนามรบมาตลอดจนอายุยี่สิบแปด ถึงจะเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับกิจกรรมยามค่ำคืนของชายหญิงมาบ้างแต่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ จึงมีส่วนที่อายุมากแบบเสียของไปเปล่า ๆ อยู่เหมือนกัน

ทว่า แค่ในบรรยากาศของงานเลี้ยงน้ำชานี้เท่านั้นที่เธอขอปลอมแปลงประสบการณ์ของตัวเองสักหน่อย โดยการทำเหมือนว่าตัวเองได้กลายเป็นหญิงสาวในโรงค้าประเวณีที่วิกเตอร์มักจะไปเที่ยว และด้วยความสามารถในการแสดงที่สูงเกินคาดของเฮเลนา เธอก็สามารถวางตัวเช่นนั้นได้ในระดับที่ตัวตนแท้จริงอันน่าเสียดายไม่หลุดออกมาเบื้องหน้า

แต่ว่า

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเฮเลนา มาริเอลก็ขมวดคิ้วจนเห็นได้ชัด

 

“……น่าสะอิดสะเอียน”

 

“เมื่อกี้กล่าวว่าอะไรนะคะ?”

 

ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ แต่เฮเลนาก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและตอบไปเช่นนั้น

หากฝ่ายนั้นยอมแสดงความเป็นศัตรูออกมาอย่างชัดแจ้งก็นับว่าเข้าทางฝ่ายเรา

ไอ้การสนทนาซึ่งต้องอ่านความหมายที่ซ้อนอยู่อีกชั้นแบบนั้นน่ะ มีแต่จะทำให้เฮเลนาเหนื่อยเท่านั้น

 

“การที่พระสนมฟ้าสุริยาร่ำเรียนกลเม็ดบนเตียงมาจนอายุขนาดนั้นยังไงล่ะคะ ในฐานะนางสนมของฝ่าบาทที่ควรรักนวลสงวนตัว การทำตัวเยี่ยงหญิงแพศยาเช่นนั้นไม่มีทางเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แม้แต่สามัญสำนึกในฐานะบุตรีมาร์ควิสก็ไม่มีงั้นหรือคะ?”

 

“นี่มันผิดคาดเลยนะคะ พระสนมฟ้าดารา ท่านกำลังกล่าวอะไรอยู่กันแน่คะ?”

 

“กำลังบอกว่ามัน ‘น่าสะอิดสะเอียน’ อยู่ยังไงล่ะคะ บุตรีของขุนนางไม่ควรปล่อยตัวไปกับการเล่นไฟในชั่วข้ามคืนเช่นนั้น นางสนมควรถวายความบริสุทธิ์ให้กับฝ่าบาทเท่านั้นค่ะ การมอบความบริสุทธิ์ให้กับบุรุษที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเยี่ยงนั้นเนี่ย จะทำตัวน่าสะอิดสะเอียนอย่างไรก็ให้มันมีขอบเขตเสียบ้างเถอะ”

 

มาริเอลซึ่งน่าจะเผลอตัวไปตามอารมณ์รุนแรงโดยสมบูรณ์ได้กล่าวโทษเฮเลนามาเช่นนั้น

ช่างทำเรื่องโง่เขลาเสียจริง

งานเลี้ยงน้ำชาแห่งนี้คือสงครามของสตรี และสงครามก็เป็นงานถนัดของเฮเลนา

ไม่มีใครจะจัดการได้ง่ายไปกว่าคู่ต่อสู้ที่กำลังเดือดดาลอีกแล้ว

 

“โฮ่ เช่นนั้นแล้วพระสนมฟ้าดาราก็กำลังบอกว่าข้าคนนี้เป็นหญิงแพศยาที่น่าสะอิดสะเอียนอยู่สินะคะ”

 

“ใช่ ถูกต้องตามนั้นค่ะ เป็นความอัปยศเสื่อมเสียในฐานะบุตรีขุนนางจริง ๆ”

 

“ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแต่ดูพวกพ้องของท่านจะไม่ค่อยเอาใจช่วยเท่าไรเลยนะคะ”

 

เหล่านางสนมรอบ ๆ ซึ่งตอนแรกก็คอยเสริมส่งคำพูดของมาริเอลอยู่

พอมาริเอลพูดมาถึงประโยคว่า “นางสนมควรถวายความบริสุทธิ์ให้กับฝ่าบาทเท่านั้น” เสียงประจบประแจงส่งเสริมเหล่านั้นก็ลดน้อยลงไปอย่างมาก ในหมู่พวกเธอมีแม้กระทั่งคนที่กำลังก้มหน้าด้วยความอับอายให้เห็นอยู่ด้วยซ้ำ

มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

ขุนนางย่อมมีหน้าที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กลางคืน และงานเลี้ยงกลางคืนก็คือสถานที่พบปะของหนุ่มหล่อสาวงาม

ในที่แบบนั้น จะบอกว่าไม่มีการเล่นกับไฟเกิดขึ้นเลยก็เป็นไปไม่ได้

ถึงพวกเธอจะอายุเฉลี่ยแค่สิบหกปี แต่ทุกคนก็คงจะเคยหลงไหลการเล่นกับไฟแบบนั้นมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วล่ะมั้ง

 

“อย่าบอกนะว่า พวกเธอ……!”

 

“ข เข้าใจผิดแล้วค่ะพระสนมฟ้าดารา! เราแค่ตกใจกับคำพูดของพระสนมฟ้าสุริยามากไปหน่อย……!”

 

เลทีเซียผู้เป็นหัวหน้าลิ่วล้อ (เรียกแบบนี้ได้ไหมนะ) แก้ตัวออกมาเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเสียงอื่นเสริมส่งเลยจริง ๆ

คงไม่มีใครที่ตั้งใจรักษาความบริสุทธิ์ของขุนนางเอาไว้อย่างดีเลยกระมัง

 

“เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องกันเถอะค่ะ”

 

สถานที่นี้ได้ถูกย้อมไปด้วยบรรยากาศของเฮเลนาแล้ว

ตอนนี้ที่นี่ก็เป็นแค่สถานที่ให้เฮเลนาได้สำแดงตัวตนของเธอเท่านั้น

 

ถึงเจ้าตัวจะรู้สึกตึงเครียดเต็มที่ไม่ไหวแล้วก็ตาม แต่ความร้อนรนนั้นมันก็ไม่ได้หลุดออกมาเบื้องหน้า

 

“พระสนมฟ้าดารากล่าวมาเมื่อครู่ว่าข้าไม่มีความเหมาะสมในฐานะนางสนมสินะคะ”

 

“……ใช่ค่ะ เท่าที่ได้ฟังมา หญิงแพศยาเช่นนั้นย่อมไม่คู่ควรกับฝ่าบาท”

 

“ยังจะกล่าวเช่นนั้นอยู่อีกสินะคะ ช่างโง่เขลาเสียจริง”

 

‘หึหึ’ เฮเลนายิ้มมุมปาก

รอยยิ้มมันช่างเป็นสิ่งที่น่าพิศวง ทั้งที่เป็นสีหน้าซึ่งควรจะทำให้รู้สึกสบายใจแท้ ๆ แต่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกฝ่ายตรงข้ามกดดันมันกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่มอบความหวาดกลัวไปได้

 

“พระสนมฟ้าดารา ข้าขอถามอีกครั้ง”

 

“อะไรหรือคะ”

 

“ท่านกำลังกล่าวว่าข้า ซึ่งเป็นบุตรสาวของที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนต เป็นหนึ่งในสามสนมฟ้าซึ่งเป็นรองเพียงพระชายาเอก และยิ่งไปกว่านั้นในหมู่โฉมงามจำนวนมากยังเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่กำลังได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาท กำลังกล่าวว่าข้าคนนี้ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนางสนมของฝ่าบาท เช่นนั้นงั้นหรือคะ?”

 

ข้อได้เปรียบของเฮเลนาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่ข้อเดียว

ต่อให้เจ้าตัวจะกำลังฝืนสุดชีวิต เหงื่อในใจแตกพลั่กร้อนรนมากมายขนาดไหน มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่ข้อเดียว

 

“อึ่ก—!”

 

“มีเรื่องจะพูดเพียงเท่านี้ใช่ไหมคะ? ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะญาติดีกับพระสนมฟ้าดารานะคะ ถึงยังไงท่านก็ไม่ได้เป็นศัตรูทางการเมืองของบิดา ในฐานะที่มีตำแหน่งเท่ากัน—”

 

“นาง แพศยานี่!”

 

บางทีมาริเอลคงจะเผลอทำมันออกไปตามอารมณ์โดยตรงกระมัง

มาริเอลได้นำถ้วยชาในมือที่ตนเองกำลังดื่มอยู่

นำน้ำชาที่ยังอุ่น ๆ ซึ่งยังเหลืออยู่อีกประมาณครึ่งถ้วยนั้น

 

สาดมันเข้าใส่เฮเลนา

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท