ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 25 ของขวัญจากฝ่าบาท

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

“……อย่างนี้นี่เอง เข้าใจเรื่องราวแล้วค่ะ”

 

“อือ……เอ่อ ขอโทษด้วยนะ”

 

เฮเลนากล่าวขอโทษกับอิซาเบลที่เรียกความเยือกเย็นกลับคืนมาได้แล้ว

จะคิดยังไงคนผิดก็คือเฮเลนาที่ดื่มหนักเกินไปและเธอก็ไม่ได้ใจแคบจนถึงกับไม่เข้าใจเรื่องนั้น แม้อิซาเบลจะมีฐานะต่ำกว่าเธอ แต่เมื่อทำผิดก็ควรขอโทษว่าตนทำผิด

 

“แล้ว……อิซาเบลมีธุระอะไรรึ?”

 

เธอกล่าวและมองไปที่อิซาเบลอีกครั้ง

โดยปกติแล้วหัวหน้านางกำนัลคงไม่มาเยือนแต่เช้าแบบนี้ การมาเข้าพบโดยกะทันหันเช่นนี้ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่นอน

 

“เช่นนั้น ก่อนอื่น นางกำนัลติดห้องของพระสนมฟ้าสุริยาคืออเลกเซียที่อยู่ตรงนั้นค่ะ ส่วนผู้ที่กำกับดูแลนางกำนัลทุกคนก็คือดิฉัน อิซาเบล”

 

“……หือ? อ่า”

 

เรื่องพรรค์นั้นก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่ ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแต่อิซาเบลกลับยืนยันมาแบบนั้นอีก

เป้าหมายของถ้อยคำเหล่านี้มันคืออะไรกัน

 

“แปลว่า ผู้ที่สามารถเข้าห้องของพระสนมฟ้าสุริยาได้มีเพียงอเลกเซียกับดิฉันแค่สองคนเท่านั้นค่ะ เพราะพระสนมฟ้าสุริยามิได้พาสาวใช้มาด้วย”

 

“ก็จริงนะ แล้วมันยังไงล่ะ?”

 

“ดังนั้น จึงอยากขออนุญาตค่ะ ต่อจากนี้จะขอให้นางกำนัลห้าคนเข้ามาในห้องของพระสนมฟ้าดาราได้ไหมคะ?”

 

“……? อือ ไม่เป็นไรนี่”

 

ไม่ค่อยเข้าใจการพูดแบบอ้อมค้อมของอิซาเบลเท่าไรเลย แต่ในเมื่ออิซาเบลคิดว่าจำเป็นต้องให้คนห้าคนเข้ามาในห้อง เฮเลนาก็ไม่คิดปฏิเสธ

แต่เดิมทีแล้ว สำหรับเรื่องในวังหลังเฮเลนาต่างหากที่เป็นมือสมัครเล่น ควรเชื่อฟังหัวหน้านางกำนัลอย่างอิซาเบลเข้าไว้ดีกว่า

 

“เช่นนั้นก็ขออนุญาตนะคะ”

 

“อืม”

 

“เข้ามาได้!”

 

อิซาเบลออกคำสั่งไปยังนอกห้อง และพร้อมกันนั้นก็มีนางกำนัลรับใช้ห้านางเข้าห้องมาอย่างช้า ๆ

ไม่ว่าคนไหนก็เป็นคนที่ไม่เคยพบมาก่อน—นอกจากนี้ทั้งห้าคนนั้น

 

ยังช่วยกันยกหีบขนาดใหญ่เข้ามาด้วย

 

“……เอ๋?”

 

“ต้องขออภัยด้วยค่ะพระสนมฟ้าสุริยา ความจริงดิฉันควรต้องนำมันเข้ามาด้วยตัวคนเดียว แต่ของสิ่งนี้ต้องใช้ห้าคนช่วยกันจึงจะยกได้ค่ะ”

 

“อ เอ่อ……นี่มัน อะไรน่ะ?”

 

‘ตึง’ หีบใบใหญ่ถูกวางลงบนพื้น

นางกำนัลห้านางที่แบกสิ่งนั้นมาต่างก็กำลังทำหน้าเหนื่อยกันอย่างเห็นได้ชัด มันคงจะหนักมากกระมัง แต่เธอไม่เห็นจำได้เลยว่าเคยไปสั่งอะไรแบบนี้ไว้

 

“ของขวัญจากฝ่าบาท มอบให้พระสนมฟ้าสุริยาค่ะ”

 

“จากฝ่าบาท!?”

 

“ค่ะ ดิฉันเองก็ไม่นึกว่ามันจะเป็นของใหญ่เช่นนี้เหมือนกัน”

 

อ้อ เฮเลนานึกออกแล้ว

จะว่าไปเธอก็โดนถามว่ามีอะไรที่อยากได้ไหม และตอนนั้นก็ได้ตอบไปว่าอยากได้ดาบ

แถมยังได้ขอว่าหากเป็นไปได้ขอให้เป็นดาบใหญ่ขนาดประมาณความสูงของเฮเลนา แม้เคยบอกว่าจะส่งมาให้ในตอนเช้าแต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะมาภายในยามเช้าขนาดนี้จริง ๆ

เฮเลนาค่อย ๆ เปิดหีบที่วางอยู่ตรงนั้น

 

“โอ้……”

 

ภายในนั้นคือดาบใหญ่ยักษ์ที่แม้จะดูป่าเถื่อนดุดันแต่ก็เป็นงานฝีมืออันละเอียดอ่อนด้วยในเวลาเดียวกัน

ด้ามจับที่มีการสลักร่องกันลื่นได้รับการพันไว้ด้วยผ้าชั้นดี ถัดจากนั้นมาคือกั่นดาบซึ่งตกแต่งลวดลายด้วยทองคำและมีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์จักพรรดิสลักไว้อยู่ ใบดาบที่อ่อนช้อยนั้นเห็นได้ชัดว่าผ่านการตีขึ้นรูปสรรค์สร้างมาอย่างดี

เป็นดาบที่จะเรียกว่าเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งเลยก็ยังได้

 

“ดูเหมือนจะเป็นดาบเล่มหนึ่งในบรรดาดาบที่ฝ่าบาทจักพรรดิรุ่นก่อน ๆ ได้เก็บสะสมเอาไว้ค่ะ แม้จะลบคมไปแล้ว แต่หากใหญ่โตขนาดนี้ความคมก็คงไม่เกี่ยวข้องแล้วกระมัง”

 

“……ของเช่นนี้ ข้ารับเอาไว้ได้จริง ๆ น่ะหรือ?”

 

“ฝ่าบาทคงจะรักใคร่โปรดปรานพระสนมฟ้าสุริยามากถึงเพียงนั้นกระมังคะ ถ้าอย่างไรลองถือมันดูหน่อยเป็นไงคะ?”

 

ดาบใหญ่ยักษ์ที่ต้องใช้นางสนมห้าคนจึงยกมาได้

เฮเลนาจ้องมันราวกับสาวน้อยที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก แล้วลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะจับไปที่ด้าม

จากนั้นก็ยกมันขึ้นมา

 

“โอ้……!”

 

“……ยกขึ้นได้จริง ๆ ด้วยนะคะ”

 

เฮเลนารู้สึกประทับใจมาก

ผ้าที่พันอยู่บนด้ามจับมีความอ่อนนุ่มแต่ก็ทำหน้าที่กันลื่นได้เป็นอย่างดี ใบดาบที่ต้องแสงตะวันจากนอกหน้าต่างสะท้อนแสงวิบวับ ได้รับการขัดถูเจียระไนมาจนแวววาวเหมือนกับกระจก

หากมันไม่ได้ถูกลบคมออกล่ะก็ คงนำไปใช้ในงานพิธีการต่าง ๆ ได้โดยไม่รู้สึกแปลกเลย

 

“พระสนมฟ้าสุริยาคะ”

 

“หืม?”

 

ในตอนนั้นเอง ผู้ที่เรียกให้เฮเลนาหยุดก่อนก็คืออเลกเซีย

แม้เวลาอยู่กันสองคนจะเรียกว่าท่านเฮเลนา แต่ต่อหน้าอิซาเบลผู้กำกับดูแลนางกำนัลเช่นนี้เธอจึงไม่เรียกสินะ

 

“หากกวัดแกว่งดาบนั้นภายในห้องอาจทำให้เครื่องเรือนเสียหายได้ค่ะ ยังไงเสียเรื่องที่พระสนมฟ้าสุริยาเป็นนักรบก็เป็นที่รู้กันทั่ววังหลังอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ลองไปแกว่งดาบในสวนระหว่างอาคารดีไหมคะ?”

 

“เป็นความคิดที่ดีค่ะอเลกเซีย ดิฉันเองก็ขอร้องเช่นกันค่ะ ตอนนี้สวนระหว่างอาคารมีดอกไม้หลากสีสันกำลังผลิบาน ลองชมดอกไม้ไปพลาง ทดสอบของขวัญจากฝ่าบาทไปพลางก็ไม่เลวนะคะ”

 

อิซาเบลกล่าวส่งเสริมคำพูดของอเลกเซีย

จริงอยู่ที่เฮเลนาเองก็รู้สึกอยากลองแกว่งดาบอันยอดเยี่ยมนี้ดู แต่ไปทำแบบนั้นในที่เตะตาอย่างสวนระหว่างอาคารมันจะดีเหรอ

บางทีอาจถูกนางสนมคนอื่นหวาดกลัวเอาก็เป็นได้

แต่พอคิดไปในแนวนั้นแล้ว ถ้ามานึกดูดี ๆ เธอก็ถูกฝ่ายของ “สนมฟ้าดารา” หวาดกลัวอยู่แล้วนี่นา งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษมั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นอิซาเบลเองก็อนุญาตแล้ว ลองไปดูก็คงไม่เสียหายอะไร

 

“งั้นลองไปดูก็แล้วกัน”

 

“ค่ะ หัวหน้านางกำนัล ข้าจะติดตามพระสนมฟ้าสุริยาไปนะคะ”

 

“ได้ค่ะ เช่นนั้นพระสนมฟ้าสุริยา โปรดอย่ากลับมาเร็วนักนะคะ ระหว่างที่พระสนมฟ้าสุริยาไม่อยู่พวกเราจะขอทำความสะอาดห้องและจัดการกับศพค่ะ”

 

อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

 

แม้แต่เฮเลนาที่หัวไม่ค่อยดีก็เข้าใจได้ในที่สุด ที่พยายามแนะนำสวนระหว่างอาคารกันขนาดนั้นก็เพื่อจะเก็บกวาดห้องนี้นี่เองสินะ

ก็จริงที่ว่า บนพื้นมีรอยเลือด

มีหอกที่ทำลวก ๆ ห้อยลงมาจากฝ้าเพดาน

มี (เซนเซอร์ตัวเอง) ของเฮเลนาที่กระฉอกออกมาจากถังไม้

ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่สามารถเรียกว่าเป็นห้องที่น่าอยู่ได้

 

“เข้าใจแล้ว งั้นข้าจะอยู่ที่สวนระหว่างอาคารจนถึงเที่ยงก็แล้วกัน”

 

“รับทราบค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

เฮเลนาโบกมือข้างเดียวให้อิซาเบลที่โค้งศีรษะอย่างเคารพนบนอบ และออกจากห้องมาทั้งอย่างนั้น

แม้จะยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง แต่ยาที่ได้ผลที่สุดสำหรับอาการเมาค้างก็คือน้ำและการออกกำลังกาย หากได้เสียเหงื่อสักหน่อยอาการที่ไม่ดีในร่างก็คงจะหมดไปเอง

เธอมุ่งไปยังสวนระหว่างอาคารโดยมีอเลกเซียแนะนำเส้นทาง

 

“เป็นสวนระหว่างอาคารที่ค่อนข้างกว้างเลยนะ”

 

“บางครั้งก็จะจัดปาร์ตี้อย่างเรียบง่ายกันที่นี่ค่ะ มีบันทึกไว้ว่าในยุคของจักรพรรดิรุ่นก่อน ๆ ก็เคยมีการจัดงานเลี้ยงกระชับสัมพันธ์ระหว่างพระสนมมากกว่าห้าสิบคนกับองค์จักรพรรดิเหมือนกัน”

 

“อืม เพราะงั้นเองเหรอ”

 

ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่ง มีลานกว้างซึ่งเว้นว่างไว้ตรงกลาง

ต่อให้เฮเลนากวัดแกว่งดาบอย่างสุดกำลังก็คงไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ยังไม่เห็นนางสนมคนอื่นในบริเวณโดยรอบนี้อีกด้วย เหมาะสมกับการฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง

 

“อเลกเซีย ถอยห่างออกไปหน่อย”

 

“รับทราบค่ะ”

 

อเลกเซียโค้งศีรษะและถอยห่างออกไป

ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ จะแกว่งดาบทั้งทีก็อยากจะได้คู่ต่อสู้ฝึกซ้อมด้วย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

น้ำหนักของดาบที่ไม่ได้จับมาเสียนานส่งผลให้ความยินดีมันเอ่อล้นขึ้นมาจากทั่วร่างกาย

 

“หึหึ……”

 

รู้สึกเหมือนได้กลับสู่สมรภูมิอีกครั้ง

เช่นนั้นแล้ว เพื่อให้ความรู้สึกนั้นแจ่มชัดยิ่งขึ้น เธอจึงเพ่งสมาธิสู่ภายใน—

 

สิ่งที่ขีดเขียนขึ้นมา คือ “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” วิกเตอร์ ครีก

เฮเลนาจินตนาการว่าเขากำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมหันดาบเข้าใส่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอมีความคุ้นเคยกับวิกเตอร์อย่างมากอีกทั้งยังเคยฝึกฝนร่วมกันมา ดังนั้นจึงรู้จักฝีมือของเขาเป็นอย่างดี

ก่อนอื่นก็ ดาบแรก—เฮเลนาเป็นฝ่ายขยับก่อน ซึ่งวิกเตอร์ในจินตนาการก็ถอยหลบการโจมตีพื้น ๆ เช่นนั้นได้โดยง่าย จากนั้นเฮเลนาที่ยังขยับตัวไม่ค่อยได้เพราะแรงสะท้อนจากการเหวี่ยงดาบใหญ่ยักษ์ก็ถูกการโจมตีของวิกเตอร์เข้าจู่โจม

ทว่าเฮเลนาก็ฝืนเปลี่ยนอากัปกิริยาเพื่อต้านรับการโจมตีนั้น เสียงอันดุเดือดของดาบที่ปะทะกันดังก้องกันวานอยู่แค่ภายในจินตนาการของเธอ

อา—สนุกเหลือเกิน

 

เฮเลนากวัดแกว่งดาบไปอย่างมุ่งมั่นราวกับกำลังระบำดาบ

ดาบใหญ่ที่ยาวพอ ๆ กับส่วนสูงของตนและไม่ได้เหมาะสมกับแขนอันบอบบางของสตรีเลยแม้แต่น้อย ทว่าเฮเลนากลับเริงระบำราวกับว่าดาบนั้นเป็นเพียงส่วนต่อของแขนเธอเอง

 

ไม่รู้ว่ามันดำเนินต่อเนื่องไปนานแค่ไหน

ความรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมจนแทบยกแขนไม่ขึ้น คงเป็นเพราะได้จับดาบหลังจากที่ไม่ได้จับมานานสินะ พื้นฐานของการฝึกฝนยังไงก็ต้องเป็นดาบจริง ๆ นั่นแหละ แค่วิดพื้นอย่างเดียวมันไม่สามารถฝึกกล้ามเนื้อที่จำเป็นได้ทั้งหมด

พักสักหน่อยแล้วกัน—เฮเลนาคิดเช่นนั้นพลางเงยหน้าขึ้น

จากนั้นที่โถงทางเดินซึ่งติดกับด้านหนึ่งของสวนระหว่างอาคารนั้นเอง

 

เธอก็ได้สบตาเข้ากับ “สนมฟ้าดารา” มาริเอล ซึ่งส่งสายตามาคล้ายกับกำลังเกรงกลัวเฮเลนาอยู่

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท