“……เรื่องมันก็เป็นเช่นนั้นแหละค่ะ”
“อืม ไม่เข้าใจแฮะ”
คืนนั้น
ฟาร์มาสได้มาห้องของเฮเลนาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ซึ่งเธอก็ต้อนรับได้อย่างไม่ลนลานอะไรเป็นพิเศษ ยังไงก็เล่นมาติดกันหลายวันแบบนี้ แถมเมื่อคืนบอกไว้แล้วว่า “คืนพรุ่งนี้จะมาใหม่” อีกต่างหาก ก็เลยเรียกได้ว่าเตรียมพร้อมต้อนรับอย่างเต็มที่
ดูเหมือนวันนี้ฟาร์มาสไม่คิดจะทำงานอะไรเป็นพิเศษ เขาจึงมามือเปล่า ดังนั้นเธอจึงค่อย ๆ รินสุราชั้นเลิศที่ฝากให้อเลกเซียไปนำมาจากโรงครัว พลางพูดคุยกับเขาไปด้วย
ส่วนเฮเลนานั้นดื่มน้ำชา เพราะสาบานแล้วว่าจะไม่ดื่มสุราต่อหน้าฟาร์มาสอีกเป็นครั้งที่สอง
และเธอก็ใช้โอกาสนี้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดในวังหลังให้ฟาร์มาสฟัง
ทั้งเรื่องงานเลี้ยงน้ำชาของ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลกับเรื่องในสวนระหว่างอาคาร แต่ก็เล่าแค่คร่าว ๆ อ่ะนะ
“……ว่าแต่ เราชอบคนอายุมากกว่างั้นหรือ”
“ขออภัยด้วยค่ะ ข้าทำอะไรที่เหมือนกับดูหมิ่นฝ่าบาทไปเสียแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก อย่างลูกสาวของเอียนส์เวิร์ธเราก็เห็นเป็นแค่เด็กน้อยไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเท่านั้นแหละนะ”
‘เฮ้อ’ เฮเลนาโล่งอกอยู่ในใจ
กล่าวไปแล้วก็เหมือนเธอได้ปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลเกี่ยวกับฟาร์มาสผู้เป็นจักรพรรดิออกไป ซึ่งเธอก็คิดว่าในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจถูกลงโทษฐานหมิ่นประมาทได้เลย และถึงจะไม่ถูกลงโทษก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันคือการหมิ่นเบื้องสูง
ทว่าฟาร์มาสก็ได้ยกโทษให้ด้วยตัวเองแล้ว แบบนี้ก็วางใจได้แล้วสินะ
“ทว่า ก็ไม่เข้าใจความคิดของรีเวียร์อยู่ดีแฮะ”
“……นั่นสินะคะ”
“สนมฟ้าดารา” มาริเอล รีเวียร์
เธอเคยวางแผนจะเหยียดหยามเฮเลนาในงานเลี้ยงน้ำชาแล้วก็ถูกตอกกลับไปอย่างสมบูรณ์ ความจริงแล้วน่าจะไม่อยากเข้าใกล้เฮเลนาอีกแล้วด้วยซ้ำ
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ตอนที่เฮเลนากำลังทะเลาะกับ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตอยู่ เธอกลับปรากฏตัวอย่างกะทันหันและคว้าชัยในสงครามน้ำลายไปอย่างสมบูรณ์เหมือนกับมาเพื่อช่วยเฮเลนา
เฮเลนาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่
ถ้ามีอะไรที่พอเป็นไปได้ก็
“อยากจะญาติดีกับข้าหรือเปล่านะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า”
ฟาร์มาสปฏิเสธความคิดนั้นของเฮเลนาแบบทันควัน
มันก็แน่นอน เพราะเธอเกลียดเฮเลนาถึงขนาดสาดชาใส่กลางงานเลี้ยงน้ำชา และยังเคยขู่เป็นนัย ๆ ว่าจะลงมือใช้กำลัง แถมหลังจากนั้นก็ถูกเฮเลนามอบความกลัวแบบถึงชีวิตให้ ยังไงก็คงไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเฮเลนาหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น เฮเลนายังเป็นนางสนมคนเดียวที่ฟาร์มาสเสด็จมาเยือน
แม้จะกล่าวว่าได้รับการปฏิบัติเยี่ยงชายาเอกเหมือนกัน แต่จุดยืนของเฮเลนากับมาริเอลนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในวังหลังซึ่งทุกคนต่างต่อสู้แย่งชิงความรักใคร่โปรดปรานของฟาร์มาส ไม่มีทางที่นางสนมคนใดจะมาเป็นมิตรของเฮเลนาได้
“เช่นนั้น เหตุใดจึงโผล่มาเหมือนมาช่วยข้ากันนะ”
“นั่นสินะ……บางทีอาจจะเป็นการแสดงพลังให้ ‘สนมฟ้าจันทรา’ เห็นก็ได้”
“แสดงพลัง……หรือคะ?”
เฮเลนาเอียงศีรษะให้กับคำพูดของฟาร์มาส
คนที่แสดงพลังอยู่ในตอนนั้นน่ะมันคือเฮเลนาชัด ๆ ถึงจะบอกว่าลบคมไปแล้วแต่เฮเลนาก็กำลังถือดาบเหวี่ยงไปมาอยู่แน่ ๆ ซึ่งก็คือการบ่งชี้ว่าตนเองมีอาวุธแล้วก็มีความสามารถที่จะใช้มันได้
แต่ฟาร์มาสกลับบอกว่าการกระทำของมาริเอลต่างหากที่เป็นการแสดงพลัง
“ใช่ แต่เดิมทีตอนที่เราเริ่มตั้งวังหลังขึ้นมา ผู้ที่มาถึงก่อนก็คือ ‘สนมฟ้าจันทรา’ จากนั้นผ่านไปสักพัก ‘สนมฟ้าดารา’ จึงค่อยตามมา อาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นมีบุคคลที่เป็นสามสนมฟ้าอยู่เพียงคนเดียว สนมฟ้าจันทราจึงเคยมีอิทธิพลกว้างขวางเลยทีเดียว”
“……ค่ะ”
“ในตอนนั้นเองกลับมีบุคคลซึ่งมีฐานะเท่าเทียมกันปรากฏขึ้นมากะทันหันซึ่งก็คือ ‘สนมฟ้าดารา’ ล่ะนะ แถมยังเป็นผู้ที่มีอำนาจของตระกูลบริษัทการค้าแอน-มาโลว์ในขณะที่ยศศักดิ์ในฐานะขุนนางกลับเป็นแค่บารอน เธอคงจะไม่ชอบใจอย่างมากเลยล่ะ ดังนั้นจึงได้ยินว่า ‘สนมฟ้าจันทรา’ มักจะขัดแย้งกับ ‘สนมฟ้าดารา’ อยู่บ่อย ๆ”
ทั้งที่ทำท่าทีเหมือนไม่สนใจวังหลัง แต่ดูเหมือนเขาจะรับรู้และเข้าใจข้อมูลทำนองนั้นเป็นอย่างดี
หากมองว่าสถานการณ์ในวังหลังก็สามารถส่งผลต่อราชสำนักเบื้องหน้าได้ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เอาไว้ ฟาร์มาสที่แบ่งสมาธิให้กับทุกเรื่องได้แบบนี้เนี่ย ต้องหัวไวขนาดไหนกันนะ
“และทันใดนั้นก็มีสามสนมฟ้าคนสุดท้าย ‘สนมฟ้าสุริยา’ ……ซึ่งก็คือเจ้าเข้ามายังวังหลัง เช่นนี้แล้ว ‘สามสนมฟ้าดารา’ ก็คงคิดกระมัง? ว่าในหมู่สามสนมฟ้าซึ่งมีค่าเสมือนชายาเอก หากเจ้าที่เป็น ‘สนมฟ้าสุริยา’ รวมหัวกับ ‘สนมฟ้าดารา’ ก็จะสามารถสร้างกลุ่มอำนาจที่เหนือกว่า ‘สนมฟ้าจันทรา’ ขึ้นมาได้น่ะ”
“……”
ไม่ค่อยเก็ต
ไม่เข้าใจเรื่องที่ฟาร์มาสกำลังพูดเลย
ดังนั้นจึงตั้งใจฟังต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยแววตาอันจริงจัง เผื่อจะเข้าใจความคิดของเขาได้มากขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี
และเพราะทำสีหน้าจริงจังเช่นนั้นอยู่ ฟาร์มาสก็เลยตีความว่าเฮเลนาคงจะเข้าใจดีแล้วอีกตามเคย
ความคิดสวนทางกันอย่างงดงาม
“ดังนั้นแม้ความสัมพันธ์กับเจ้าจะกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่ที่สุด แต่กลับแสดงท่าทีเช่นนั้น……ก็มองได้ว่าความตั้งใจที่ซ่อนอยู่ของเธอก็คือการคานอำนาจกับ ‘สนมฟ้าจันทรา’ นั่นเอง”
“……อย่างนี้นี่เอง”
แม้จะไม่เข้าใจสักนิดว่าอย่างนี้นี่เองที่ว่ามันคืออย่างไหน แต่เฮเลนาก็ตอบแบบนั้นไปก่อน
ต่อให้เฮเลนามีหัวสมองน่าเสียดายขนาดไหนก็ยังมิบังอาจถึงขั้นกล้าพูดกับฟาร์มาสผู้เป็นจักพรรดิว่า “ไม่เข้าใจอ่ะ อธิบายอีกทีดิ๊”
อย่างน้อยที่สุดก็พอจับใจความได้ว่า การที่มาริเอลทำเป็นสนิทสนมกับเฮเลนาให้ชาร์ลอตเตเห็นมันอาจมีผลอะไรสักอย่างไม่รู้ เธอก็เลยลองทำดู แค่นั้นสินะ
“ให้ตายสิ เบื้องหน้าก็ยุ่งยาก แต่เบื้องหลังก็ยุ่งยากไม่แพ้กันเลยนะ”
“เบื้องหน้าหรือคะ?”
“ใช่ เจ้าโนลด์ลุนด์มันเสนออะไรบ้าบอมาอีกแล้วน่ะสิ ขืนปล่อยให้มันจัดการ งบประมาณประเทศมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก ตอนนี้แอนตันยังพอช่วยขวางไว้ให้ได้อยู่ แต่ถ้ามีคนที่มันซื้อตัวไปแล้วมาเข้ารับตำแหน่งทางการคลังได้ล่ะก็ คงหยุดการผลาญงบประมาณอย่างไร้ค่าไม่ได้แล้ว”
อำมาตย์แผ่นดิน อับราฮัม โนลด์ลุนด์
ศัตรูทางการเมืองของแอนตันและยังเป็นคนหนุนหลังของชาร์ลอตเต เบื้องหลังของเขานั้นไม่ได้มีแค่ข่าวลือมืด ๆ แต่ถึงขั้นมีหลักฐานปรากฏออกมามากมายแล้ว
ตอนนี้ฟาร์มาสเองก็คงกำลังรอคอยโอกาสอยู่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้การคดโกงนั้นลอยนวลไปก่อน เพื่อที่สักวันจะได้กลายเป็นราชาอย่างแท้จริง
หากเฮเลนาสามารถเป็นหนึ่งแรงที่ช่วยเหลือในแผนนั้นได้ เธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ
“เฮเลนาเอ๋ย”
“ค่ะ”
“กับ ‘สนมฟ้าจันทรา’ น่ะ เจ้าพยายามทิ้งระยะห่างเข้าไว้ดีกว่า ในกรณีที่มีการส่งจดหมายออกจากวังหลัง ทั้งหมดจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยคนของเราอยู่แล้ว แต่ดูเหมือน ‘สนมฟ้าจันทรา’ จะให้คนรับใช้ถือจดหมายนำออกไปจากวังหลังน่ะ ในการเข้าออกวังหลังก็มีการตรวจค้นร่างกายเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าใช้วิธีการอันใดจึงตรวจค้นไม่พบ หากมีข้อมูลของเจ้ารั่วไหลไปถึงหูของโนลด์ลุนด์ผ่าน ‘สนมฟ้าจันทรา’ ขึ้นมา นั่นอาจกลายเป็นวัตุดิบในการโจมตีแอนตันผู้เป็นศัตรูทางการเมืองของมันได้”
“……งั้นหรือคะ”
น่าตกใจจริง ๆ แต่ที่ตกใจที่สุดคือ เรื่องที่เวลาส่งจดหมายออกไป ทั้งหมดจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยฟาร์มาสนี่แหละ
เฮเลนาไม่ได้คิดจะเขียนจดหมายอะไรอยู่แล้ว แต่สมมุติว่าเธอได้เขียนจดหมายที่อาจทำให้แผนการของฟาร์มาสรั่วไหลไปถึงแอนตันขึ้นมา ศีรษะอาจจะหลุดไปแล้วก็ได้
เพราะหน้าฉากแล้ว แม้แต่กับแอนตัน ฟาร์มาสก็แสร้งว่าเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่
“ทว่า การคดโกงของโนลด์ลุนด์ก็ลดลงไปมากจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้านะ เฮเลนา”
“หมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”
“เพราะข่าวลือว่าเรากำลังรักใคร่โปรดปรานเจ้าได้เริ่มแพร่กระจายไปยังเบื้องหน้าแล้วไงล่ะ ลือกันถึงขั้นว่าอาจเป็นมารดาแห่งแผ่นดินในอนาคตเลยทีเดียว หากเป็นเช่นนั้นแอนตันก็จะกลายเป็นเครือญาติของเชื้อพระวงศ์และเป็นบิดาของมารดาแห่งแผ่นดิน กับคู่ต่อสู้เช่นนั้นแล้ว แม้แต่โนลด์ลุนด์ก็ไม่อาจออกลายได้อย่างโจ่งแจ้ง”
ไม่เก็ตจริง ๆ นั่นแหละ
ไอ้เรื่องนั่นนี่ของการเมืองเนี่ย เฮเลนาคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ เพราะงั้นเฮเลนาก็แค่อยู่เฉย ๆ ไปโดยไม่ต้องคิดอะไรดีกว่า
อย่างน้อยที่สุด ขอแค่มีชีวิตหายใจอยู่ไปวัน ๆ ก็เป็นคุณประโยชน์ให้กับบิดาได้ รู้แค่นั้นก็พอแล้ว
ฟาร์มาสวางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ เฮเลนาจึงรินสุราให้ใหม่
“ตั้งแต่เจ้ามาที่นี่ ก็สามวันเองสินะ”
“นั่นสินะคะ”
“แม้จะแค่นั้น ราชสำนักก็ถูกขับเคลื่อนไปอย่างมากแล้ว หากรักษาสมดุลเช่นนี้ไว้ได้นาน ๆ ก็คงดี”
ฟาร์มาสยิ้ม
ทว่าสีหน้ากลับดูมืดหม่นอย่างไรก็ไม่ทราบ
นั่นอาจเป็นเพราะ—เขามั่นใจอยู่แล้วว่าสมดุลที่ดีแบบนี้จะดำเนินต่อไปได้ไม่นานนักกระมัง
“ว่าแต่เจ้าไม่ดื่มหรือ?”
“……คิดว่าจะงดเว้นสุราสักพักน่ะค่ะ”
“หืม”
ตอนนั้นเอง ฟาร์มาสก็แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายชอบกล
แม้เฮเลนาจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการก็เถอะ—
“เช่นนั้นเราจะรินสุราให้เจ้าเองก็แล้วกัน”
“—!?”
“ถึงกระนั้นก็จะไม่ดื่มงั้นรึ?”
การรินสุรานั้นโดยปกติแล้วเป็นงานของสตรี
การจงใจรินสุราใส่แก้วของเฮเลนานั้นจึงไม่เหมาะสมอย่างมาก
ทว่าฟาร์มาสกลับกำลังคิดจะทำกิริยาที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้น
หมายความว่า เขากำลังบอกว่าอยากจะดื่มร่วมกับเฮเลนาให้ได้อยู่นั่นเอง
หากปฏิเสธมันก็เหมือนกับการหักหน้าของฟาร์มาสไปด้วย
“……อย่าล้อเล่นสิคะฝ่าบาท”
“แต่เราอยากจะดื่มกับเจ้านี่นา การได้เห็นท่าทีแข็งกร้าวของเจ้าเช่นนั้นก็ดี แต่ท่าทีอ่อนแอยามเมามายของเจ้าเองก็น่าเอ็นดูนะ”
วาจาของฟาร์มาสมันจักจี้หูเหมือนกับโดนเป่าด้วยลมหายใจอ่อนหวาน
เมื่อได้เห็นเฮเลนาที่หน้าแดงทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มสุรา ฟาร์มาสก็หัวเราะออกมาเบา ๆ