หลังได้พูดคุยกับฟรองซัวส์ไปอีกสักหลายคำ อันดับแรกเฮเลนากับอเลกเซียก็ได้กลับมายังห้องของตัวเองก่อน ความตั้งใจจริงของฟรองซัวส์ที่ตะโกน ‘ได้โปรด! ได้โปรด! ขอร้องด้วยนะคะ!’ จนถึงตอนสุดท้ายนั้น นับว่าเธอได้แสดงมันออกมาอย่างเหลือเฟือเลยทีเดียว
ฝ่ายอเลกเซียก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ จนต้องกุมขมับไปพักใหญ่
มันก็แน่ล่ะ—ไม่ว่าคิดยังไงนี่มันก็โฉมงามกับอสูรแท้ ๆ
หลังจากนั้นเฮเลนาก็รับประทานอาหารเย็นอันเย็นชืด แล้วเวลากลางคืนก็มาถึง
ตามมาด้วยฟาร์มาส
“หืม……อย่างนี้นี่เอง”
“ฝ่าบาท……เอ่อ ท่านฟาร์มาสไม่มีความคิดที่จะยุบวังหลังหรือคะ?”
“เราก็ตั้งใจว่าจะยุบทิ้งไปหลังจากที่รับชายาเอกน่ะนะ ในเวลาเดียวกันก็จะช่วยจัดหาสามีที่เหมาะสมให้กับนางสนมในวังหลังด้วย ถึงจะเคยได้ยินว่าจักรพรรดิรุ่นก่อน ๆ เก็บนางสนมที่ถูกใจไว้ในฐานะอนุภรรยาหลายคน……แต่เราไม่สนใจจะทำแบบนั้นหรอก”
อย่างนี้นี่เอง เฮเลนาพยักหน้า
ก็จริงที่หากบอกว่าเคยอยู่ในวังหลังมาก่อน ก็จะถูกมองว่าไม่มีความบริสุทธิ์ที่ควรมีในฐานะบุตรสาวของขุนนางอีกแล้ว ดังนั้นฟาร์มาสผู้เป็นจักรพรรดิเลยจะเป็นฝ่ายจัดหาสามีที่เหมาะสมให้สินะ
สำหรับเฮเลนาแล้ว หลังจากยุบวังหลังไปเธอก็อยากให้ช่างหัวเธอไปเถอะ เธอนึกภาพอนาคตตัวเองมีสามีไม่ออกเลย บางทีเธอคงจะกลับไปยังสนามรบเหมือนเดิมนั่นแหละ
“แต่ว่า ลูกสาวของเคานต์เรเวินงั้นรึ……”
“รู้จักอยู่แล้วหรือคะ?”
“เรื่องเกี่ยวกับนางสนมน่ะเรารับรู้ทั้งหมดแล้วจากในเอกสาร ถึงส่วนใหญ่จะไม่เคยพบหน้ากันจริง ๆ ก็เถอะ ทว่าไม่นึกเหมือนกันว่าจะมีคนที่เป็นนางสนมของเราแต่ก็ไม่อยากได้ความรักใคร่โปรดปรานจากเราอยู่ด้วย”
ตรงนี้ก็มีอีกคนนึงนะ
ทว่าก็พูดออกไปไม่ได้
“ถ้าเป็นแบบนั้น หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ตอนที่ยุบวังหลังเราจะช่วยจัดการให้ก็แล้วกัน บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ดก็ยังไม่ได้แต่งงานสินะ?”
“นั่นสินะคะ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์อันเป็นที่ชื่นชอบของสตรีนัก”
“เช่นนั้นเราจะเป็นพ่อสื่อจับคู่ให้ก็แล้วกัน หากเป็นคำสั่งของจักรพรรดิเขาก็ขัดขืนไม่ได้หรอก”
“……นั่นสินะคะ”
สำหรับเฮเลนาแล้วนี่เป็นเรื่องของคนอื่น แต่นึกภาพบาร์โตโลเมกำลังเครียดลงกระเพาะออกเลย
แม้ฟาร์มาสจะบอกว่าอย่างน้อยที่สุดก็อีกหนึ่งปี แต่สมมุติว่าวังหลังโดนยุบในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้จริง ฟรองซัวส์ก็ยังอายุแค่สิบสี่ปี ยังเรียกว่าเป็นเด็กได้อยู่เลย
หากมีการประกาศว่าสาวน้อยน่ารักเช่นนี้จะถูกอสูรกายเช่นนั้นรับไปเป็นเจ้าสาว สายตาที่จ้องมองมายังบาร์โตโลเมมันคงจะเจ็บปวดมากแน่ ๆ
“ว่าแต่ดูเจ้าคุ้นเคยกับดาบขึ้นเยอะเลยสินะ”
“อะ ค่ะ ข้ากวัดแกว่งมันอยู่ทุกวันเลย”
ดาบใหญ่ที่มีตราของราชวงศ์วางอยู่ข้างตัวเฮเลนา
ผ้าที่พันไว้กันลื่นนั้นเริ่มจะสกปรกไปมากแล้ว คงถึงเวลาต้องซักบ้างแล้วกระมัง
เฮเลนากวัดแกว่งดาบนี้ไปมากขนาดนั้น
“ท่านฟาร์มาส กรุณามอบของขวัญที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้……”
“ไม่ต้องกล่าวขอบคุณเช่นนั้นหรอก มันก็แค่ของที่ถูกทิ้งไว้ในคลังเอง เราเพียงสั่งให้ลบคมออกแล้วก็เอามาให้เจ้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้ทำอะไรให้ต้องรู้สึกขอบคุณขนาดนั้น”
“ทว่า ท่านก็ช่วยทำให้คำขอของข้าเป็นจริงนะคะ หากท่านฟาร์มาสมีความปรารถนาอะไรก็โปรดบอกเฮเลนาผู้นี้มาได้เลยค่ะ”
ดาบเล่มนี้ที่ได้รับมาจากฟาร์มาส มันสามารถเรียกว่าเป็นงานศิลปะที่มีราคาแพงได้เลย
หากเฮเลนายอมใช้เงินเก็บก็คงจะสามารถซื้อได้อยู่หรอก แต่เงินดังกล่าวก็คงจะหมดไปถึงแปดส่วน
แม้ว่านั่นจะเป็นเงินเก็บที่ได้มาจากการเข้าร่วมกองทัพแล้วก็เก็บสะสมเงินเดือนมาตลอดโดยไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยเลยสักครั้งเดียวก็ตาม
“อืม……นั่นสินะ งั้นก็อยากจะขอร้องสักเรื่องหนึ่ง”
“ว่ามาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ ยังไงข้าก็เป็น ‘สนมฟ้าสุริยา’ ตัวตนที่เสมือนเป็นชายาเอกของท่าน”
“อืม ในอีกหนึ่งสัปดาห์ จะมีพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อน ในงานนั้นเราไม่สามารถไปได้คนเดียว แต่ต้องพาชายาเอกไปด้วยน่ะ ในเมื่อตอนนี้เรายังไม่ได้รับชายาเอกที่แท้จริงก็จำเป็นจะต้องพาหนึ่งในสามสนมฟ้าไปร่วมแทน”
รู้สึกสังหรณ์ไม่ดียังไงไม่รู้
ทว่าก็ไม่สามารถไปขัดคำพูดนั้นได้
“ดังนั้น เฮเลนาเอ๋ย เจ้าจงไปร่วมพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีกับเราเถิด”
“……”
เอ๋— ……ในใจเธอนั้นกำลังทำหน้าย่นอย่างสุดชีวิต
ทว่าสีหน้าภายนอกยังกลบเกลื่อนเรื่องนั้นไว้ได้ แล้วก็กล่าวตอบฟาร์มาส
“……รับทราบค่ะ”
“อื้ม หลังจากงานพิธีจะมีงานเลี้ยงช่วงกลางคืน พวกบุคคลสำคัญของต่างชาติก็จะมาร่วมอยู่หลายคน แต่เจ้าไม่ต้องสนใจมากก็ได้”
“เรื่องนั้น……”
รู้สึกเหมือนสัญญาณเตือนภัยมันดังขึ้นมา
ในสมรภูมินั้น เวลาที่เธอรู้สึกอันตรายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ส่วนใหญ่ก็มักจะมีกับดักหรือข้าศึกซุ่มอยู่จริง ๆ เรียกได้ว่ามันคือสัมผัสที่หกของเฮเลนานั่นเอง มีหลายครั้งที่เธอพยายามฝืนสัมผัสที่หกนั้นแล้วก็เจอดีเข้าทุกที
ทว่าการจะใช้ความรู้สึกนี้เป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธความต้องการของฟาร์มาส เธอก็ทำไม่ได้
เฮเลนาไม่ได้หนังหน้าหนาขนาดที่หากถูกถามว่า ‘ทำไมถึงปฏิเสธล่ะ’ แล้วจะตอบไปว่า ‘ลางสังหรณ์ค่ะ’ ได้อย่างหน้าตาเฉย
“……ข้าเป็นเพียงมือสมัครเล่นที่ไม่เคยออกงานสังคมมาก่อนจนถึงตอนนี้ ดังนั้นโปรดช่วยสั่งสอนด้วยนะคะ”
“ได้สิ การวางตัวของบุตรีขุนนางที่ออกงานสังคมกับการวางตัวของชายาเอกมันแตกต่างกันอยู่แล้ว สำหรับเรื่องนั้นวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้เราจะส่งครูสอนมารยาทมาหาเจ้าก็แล้วกัน ให้เชื่อฟังคำของคนผู้นั้นไว้ แม้จะแค่คืนเดียวแต่ก็พยายามวางตัวในฐานะชายาเอกให้ได้ล่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ”
เฮเลนาก็ไม่ค่อยเข้าใจละเอียดนัก แต่ถ้าจะมีคนมาช่วยสอนให้งั้นก็คงไม่มีปัญหามั้ง
ไม่รู้ว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้กันแน่ ต้องพยายามไม่ให้ไปชนกับการฝึกฝนร่างกายสินะ
“อีกเรื่องนะ เฮเลนา”
“ค่ะ”
“มีอะไรที่อยากได้นอกจากดาบไหม? จะอะไรเราก็ไม่ถือสาหรอก”
“นอกจากดาบ งั้นหรือคะ……?”
ถึงจะถามว่าอยากได้อะไรไหม แต่เธอก็นึกอะไรไม่ออกเป็นพิเศษ
แต่ไหนแต่ไรมาเฮเลนาก็ไม่ใช่คนยึดติดกับสิ่งของอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษ เธอไม่มีความสนใจในเครื่องเรือน งานฝีมือ หรือเครื่องประดับที่สวยงามเหมือนบุตรีขุนนางคนอื่น ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
เธอรู้จักตัวเองดีว่าแม้จะเอาของชั้นสูงขนาดไหนมาให้ดู เธอก็คงคอมเมนต์ได้แต่ว่า “เห—” เท่านั้นเอง
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะคะ”
“อืม……เช่นนั้นเราจะเลือกให้เองก็แล้วกัน หากไม่ต้องการก็ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ได้”
“เอ๊ะ……? ไม่นะคะ ไม่จำเป็นเลย……”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก จุดสำคัญก็คือการที่เราใช้งบประมาณเพื่อมอบของขวัญให้กับนางสนมที่รักใคร่โปรดปรานต่างหาก ตอนนี้โนลด์ลุนด์มันกำลังพยายามกดดันให้ทำโครงการก่อสร้างสาธารณะอยู่เรื่อย เพื่อหยุดยั้งคำพูดพวกนั้นเราก็เลยจำเป็นต้องมอบของขวัญให้เฮเลนาน่ะ”
“……?”
ไม่ค่อยเก็ตอ่ะ
ทำไมการที่ฟาร์มาสมอบของขวัญให้เฮเลนา มันถึงเป็นการกระทำที่ต่อต้านการคดโกงของมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ไปได้หว่า
“แต่เอาเถอะ ยังไงวิธีนี้มันก็ซื้อเวลาได้แค่ชั่วคราวอยู่แล้วล่ะนะ ต่อให้แสดงท่าทีว่าเราอยากจะใช้เงินเพื่อนางสนมที่รักใคร่โปรดปรานเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำจนงบหลวงสั่นคลอนได้อยู่ดี เราเองก็แสร้งว่าเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ด้วย”
“……นั่นสินะคะ”
แม้ไม่เข้าใจสักนิด แต่ก็ตอบไปแบบนั้น
และตราบใดที่ความโง่นั้นมันไม่แสดงออกมาเบื้องหน้า คนอื่นก็จะไม่รู้สึกถึงมัน นี่แหละคือสตรีที่ชื่อว่าเฮเลนา
อนึ่ง ในหมู่ “สมาคมผู้ตามหลังท่านเฮเลนา” ซึ่งเป็นแฟนคลับอย่างไม่เป็นทางการของเฮเลนานั้น ก็มีความเห็นที่แตกออกเป็นสองฝ่ายว่า เฮเลนามีหัวสมองที่น่าเสียดายจริง ๆ หรือว่าแค่แกล้งทำไปอย่างนั้นกันแน่ พวกแรกนั้นยืนกรานว่า “ท่านเฮเลนาที่สมองกล้ามก็น่ารักดีไม่ใช่รึไง!” ส่วนพวกหลังก็ยืนกรานว่า “ทำเป็นว่าโง่แต่ความจริงแล้วไม่ใช่……มีแก็ปแบบนั้นมันดีกว่าไม่ใช่รึ!”
“แล้วก็พักหลังมานี้ก็เริ่มเป็นปัญหาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว”
“คะ?”
“ข่าวลือว่าเรารักใคร่โปรดปรานเฮเลนาอยู่มันแพร่ไปเยอะพอควรแล้ว คราวนี้เลยกลายเป็นว่าอิทธิพลของโนลด์ลุนด์โดนกดลงไปเล็กน้อย ทั้งที่ต้องรักษาสมดุลของราชสำนักเอาไว้แต่อิทธิพลของฝ่ายของแอนตันมันกำลังค่อย ๆ เพิ่มขึ้นแทนน่ะ”
“……ค่ะ”
ในมุมมองของฟาร์มาส แอนตันเป็นคนที่ใสสะอาดในการเมืองการปกครองนี่ ดังนั้นหากอิทธิพลของเขาเพิ่มขึ้นมันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไงกันนะ
แต่ยังไงซะเฮเลนาก็เป็นแค่มือสมัครเล่น เพราะงั้นเธอก็ไม่เข้าใจด้านมืด ๆ ของการเมืองหรอก
“ดังนั้นแม้จะไม่อยากเท่าไหร่แต่เราคงจำเป็นต้องหันไปมองวังหลังโดยรวมบ้าง ครั้งก่อนเคยบอกไว้ใช่ไหม ว่าจะปรับปรุงเรื่องเวรยามในวังหลังน่ะ”
“ค่ะ เคยกล่าวไว้ค่ะ”
เฮเลนาไม่ได้รู้สึกว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยมันเข้มแข็งขึ้นเป็นพิเศษ
แม้เวรยามตรงทางเข้าออกอาจจะแข็งแรงขึ้น แต่ก็ไม่เห็นว่าใครมาเดินตรวจตราเลย ซึ่งก็แปลว่าเวรยามด้านในยังไม่ได้รับการปรับปรุงสินะ
“ในที่สุดพรุ่งนี้ก็จะบังคับใช้จริงได้เสียที”
“งั้นหรือคะ?”
“ใช่ ในที่สุด ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ ทิฟฟานี รีดก็ยอมตอบรับคำสั่งแล้ว เธอจะส่งอัศวินหญิงจากกองกำลังอัศวินหมาป่าเงินมาหนึ่งกองร้อยเพื่อทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในวังหลังน่ะ”
“อุ๊ยแหม!”
“อืม เท่านี้เฮเลนาก็คงสบายใจได้แล้วสินะ”
“ค่ะ ขอบพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ!”
ฟาร์มาสพยักหน้าและมองดูเฮเลนาที่กำลังยินดี
ทว่า ช่างน่าเสียดาย
เฮเลนาที่อยู่ตรงหน้าฟาร์มาสนั้น คือสตรีผู้แข็งแกร่งขนาดที่ว่าหากมีนักฆ่าบุกมาเธอก็จะรับรู้ได้ด้วยอาณาเขตของตนเองแล้วก็เล่นงานมันกลับไปได้ เกรงว่าคงจะแกร่งขนาดที่ในนครหลวงตอนนี้แทบไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเธอได้อยู่แล้ว
สาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้เธอยินดีออกมานั้น
จึงเป็นเรื่องที่ว่าเธอจะสามารถฝึกซ้อมต่อสู้กับเหล่าอัศวินหญิงจากกองกำลังอัศวินหมาป่าเงินได้นั่นเอง