ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 69 ณ สวนระหว่างอาคาร

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

ก่อนอื่น เฮเลนาก็อดทนต่อศีรษะที่เจ็บปวดกับร่างกายที่เกียจคร้าน และตัดสินใจจะมุ่งหน้าไปยังสวนระหว่างอาคาร

มีการฝึกอบรมช่วงเช้าเป็นประจำอยู่ ดังนั้นวันนี้ทั้งสามก็คงมาเหมือนเดิม แถมบรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินก็น่าจะมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นได้ขยับร่างกายบ้างมันก็น่าจะช่วยให้อาการเมาค้างทุเลาลงได้เร็วขึ้น

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงมุ่งไปยังสวนระหว่างอาคารโดยมีอเลกเซียติดตามไปด้วย

 

“อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ……!”

 

“อ่า……อุ๊ฟ อรุณ สวัสดิ์ค่ะ……”

 

ฟรองซัวส์กับคลาริสซากล่าวต้อนรับทั้งที่กำลังหน้าซีดสุด ๆ

ไม่ว่าคนไหนก็ชัดเจนว่ายังมีสุราตกค้าง เฮเลนาจำไม่ได้สักนิดแต่ดูเหมือนสองคนนี้ก็คงได้ดื่มไปด้วย สำหรับฟรองซัวส์ที่อายุสิบสามกับคลาริสซาที่อายุสิบสี่ สุราน่าจะยังเร็วไปสำหรับพวกเธอ แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

และที่อยู่ข้าง ๆ กันนั้นก็คือมาริเอล

 

“อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ……ท่านพี่หญิง”

 

“อา อรุณสวัสดิ์”

 

แม้เธอจะไม่ได้กำลังรู้สึกแย่จนหน้าซีดเขียวเท่าฟรองซัวส์กับคลาริสซา แต่มาริเอลเองก็ดูซีดไปเล็กน้อยเหมือนกัน

ภาพของเธอที่ลอบมองเฮเลนาเป็นพัก ๆ ชวนให้นึกถึงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่กำลังสั่นกลัว

และนอกจากนั้น

 

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ หนูเฮเลนา”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“ทำไมกันคะ”

 

เฮเลนาเผลอกล่าวออกไปเช่นนั้นโดยอัตโนมัติ

ที่ถามว่าทำไม ก็หมายถึงสองคนคือพระพันปีลูเครเซียกับ “ขุนศึกหมาป่าเงิน” ทิฟฟานี ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้นั่นเอง

แต่เดิมที เพื่อไม่ให้มันเป็นแบบนี้เธอถึงได้บอกลูเครเซียว่าให้ทิฟฟานีเป็นคนฝึกอบรมไปแล้วนี่นา

ทว่า เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา ลูเครเซียก็ยิ้ม ‘หุหุ’

 

“ที่ว่าทำไมเนี่ย หมายถึง?”

 

“เอ่อ……ข้าคิดว่าท่านลูเครเซียรับการฝึกสอนจากทิฟฟานีน่าจะเหมาะสมที่สุดนะคะ……”

 

“ใช่จ้ะ นี่ก็ตั้งใจจะรับการฝึกสอนจากทิฟฟานีนั่นแหละ แต่มารับการฝึกสอนตรงนี้ก็ได้ใช่ไหมล่ะจ้ะ?”

 

“เรื่องนั้น……”

 

วันนี้บรรดาคนของกองอัศวินหมาป่าเงินไม่ได้มาด้วย ปกติแล้วควรจะมาอยู่กันประมาณสิบคน แต่เฉพาะวันนี้เท่านั้นที่ไม่มีใครมาเลย

หมายความว่า แม้สวนระหว่างอาคารมันจะไม่กว้างขวางนัก แต่เมื่อรวมเฮเลนาแล้วทั้งหมดก็มีแค่หกคน มันย่อมกว้างขวางพอที่จะใช้ฝึกอบรมกันได้นั่นเอง

ใช้ความคับแคบเป็นข้ออ้างไม่ได้ซะด้วย

 

การที่สามคนหน้าซีดกันแบบนั้น นอกจากเพราะอาการไม่ดีจากการเมาค้างแล้ว การที่ลูเครเซียอยู่ที่นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ

ถึงแม้ตัวการนั้นจะกำลังยิ้มแย้ม ‘หุหุ’ อยู่ก็เถอะ

 

“อีกอย่าง ฉันก็อยากเห็นสักครั้งด้วยนะ”

 

“อยากเห็นอะไรหรือคะ?”

 

“การเอาจริงของหนูเฮเลนาไงล่ะ”

 

‘หืม’ เฮเลนาเลิกคิ้ว

และพร้อมกันนั้นทิฟฟานีก็พยักหน้า

 

“ผู้ที่จะทำให้ท่านเฮเลนาเอาจริงได้นั้น อย่างน้อยที่สุดคงต้องมีฝีมือยุทธระดับแปดยอดขุนศึกค่ะ และในบรรดาแปดขุนศึกทั้งหมดในปัจจุบัน ผู้ที่เป็นสตรีก็มีแค่ดิฉันเท่านั้น อาจเป็นการล่วงเกินไปบ้าง แต่ทิฟฟานี รีดผู้นี้จะขอเป็นคู่มือให้ท่านเฮเลนาเองค่ะ”

 

“ฮืม……”

 

คู่ต่อสู้ที่เฮเลนาคิดว่าไม่สามารถเอาชนะได้ ก็มีมารดาแท้ ๆ เรย์ลา, อดีต “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” เกรเดีย, “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” คนปัจจุบัน วิกเตอร์, “ขุนศึกหมีน้ำเงิน” บาร์โตโลเม ประมาณนี้เท่านั้น

แม้จะมีบางคนที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางอย่าง อย่างเช่น “ขุนศึกอาชาขาว” ลุดวิก เออร์เนมันน์เวลาที่ขี่ม้า หรือพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ “ขุนศึกวิหคดำ” ริกฮาร์ด เรลโนตในศึกต่อสู้ระยะไกล แต่กับแปดยอดขุนศึกที่เหลือหากต่อสู้กันแล้วเฮเลนาก็คงสามารถสู้ได้อย่างสูสี

และสำหรับทิฟฟานี หากเทียบในบรรดาแปดยอดขุนศึกทั้งหมด ฝีมือยุทธของเธอนับว่าอยู่ระดับล่าง ๆ ไม่ว่าจะสู้ภายใต้เงื่อนไขแบบไหนเฮเลนาก็คงสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน

ทว่านี่ก็ไม่ได้หมายความว่าทิฟฟานีนั้นอ่อนแอ

อย่างน้อยที่สุด ถ้าดูในความหมายที่ว่าหากเฮเลนาไม่เอาจริงก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้ได้ ทิฟฟานีก็เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะใช้วัดความแข็งแกร่งของเฮเลนา

 

“เช่นนั้น ท่านลูเครเซียคะ ก่อนอื่นข้าจะต้องฝึกอบรมประจำวันให้กับทั้งสามคนก่อน ดังนั้นเอาไว้หลังจากนั้นได้ไหมคะ”

 

“อา ได้สิจ๊ะ”

 

ลูเครเซียพยักหน้าอย่างง่าย ๆ ให้กับคำขอของเฮเลนา จากนั้นก็หันไปมองทั้งสามคน

แล้วก็เอียงศีรษะด้วยความฉงน

 

“……ว่าแต่ว่า ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าทุกคนดูอาการไม่ค่อยดีกันเลยน่ะ?”

 

“เรื่องนั้น……”

 

ฟรองซัวส์ที่ดูเกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว คลาริสซาที่คลื่นไส้เหมือนจะอาเจียนออกมาเดี๋ยวนี้ กับมาริเอลที่กำลังหน้าซีด

จะว่าไปแล้ว ดูยังไงก็ไม่มีความสดใสกันเลยสักนิด

พูดตามตรงแล้ว เฮเลนาเองก็แค่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าเฉย ๆ แต่ในหัวเธอมันยังปวดตุ้บ ๆ อยู่เลย

 

“ด ได้โปรดอย่าใส่ใจพวกข้าเลยค่ะ!”

 

ฟรองซัวส์กล่าวเช่นนั้นตอบกลับคำถามของลูเครเซีย

สำหรับพวกเธอแล้ว นอกจากจะเมาค้างอย่างหนักแล้ว ยังมีคนที่สูงเหนือฟ้าอย่างลูเครเซียมาอยู่ตรงนี้ด้วย เป็นสภาพการณ์ที่บ้าบอสุด ๆ ต่อให้ถูกสั่งให้ฝึกฝนวิชากันเหมือนทุกทีทั้งแบบนี้ ร่างกายมันก็คงไม่ยอมขยับ

 

“เอ่อ……สองคนนั้นฉันไม่เคยเจอมาก่อน แต่เธอคือลูกสาวของบารอนรีเวียร์ใช่ไหมจ๊ะ?”

 

“ค ค่ะ! ดิฉันมาริเอล รีเวียร์ค่ะ!”

 

“มีเรื่องอะไรกันงั้นรึ? ดูอาการไม่ดีเอามาก ๆ เลยนะ……”

 

“ป เปล่าค่ะ! ค คือว่าเมื่อคืนพวกเราได้ดื่มสุรากับท่านพี่ห……กับพระสนมฟ้าสุริยาไปเล็กน้อยค่ะ!”

 

“อุ๊ยแหม ยังเร็วไปที่จะดื่มสุรากันนะจ๊ะ”

 

ลูเครเซียยิ้มเหมือนกับบอกว่า ‘โธ่เอ้ย นึกว่าเรื่องอะไร’

พอได้รู้ว่าที่ดูเหมือนอาการไม่ค่อยดีนั้นความจริงแล้วแค่กำลังเมาค้างกันอยู่ ก็สมควรแล้วที่จะมีท่าทีตอบสนองแบบนี้ล่ะนะ

 

ทว่า—ทิฟฟานีที่ได้ฟังคำพูดของมาริเอล กลับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

 

“……สุรา กับท่านเฮเลนา?”

 

“หืม?”

 

“ดื่มสุรา……กับท่านเฮเลนา……งั้นรึ……?”

 

“……เป็นอะไรไป ทิฟฟานี?”

 

ทิฟฟานีกำลังตัวสั่นหงึก ๆ พลางกำหมัดแน่น

การที่เฮเลนาดื่มสุรากับทั้งสามคน มันมีความจำเป็นต้องเดือดดาลอะไรขนาดนั้นด้วยงั้นรึ

 

“คุณหนูรีเวียร์”

 

“ค ค่ะ!”

 

“ตอนนี้ดิฉันกำลังเศร้าเสียใจอย่างมากค่ะ เคยคิดว่าเธอจะสามารถเป็นสหายร่วมอุดมการณ์ที่ดีได้เสียอีก ทว่าการดื่มสุราร่วมกับท่านเฮเลนา ซึ่งมีแต่อภิสิทธิ์ชนเท่านั้นที่จะสามารถกระทำได้ เธอกลับกระทำมันลงไปโดยที่ไม่บอกกล่าวต่อดิฉันหรือเสนาธิการคนอื่น ๆ นี่คือการทรยศหักหลังกันอย่างชัดเจนค่ะ”

 

“เป็นอะไรไปน่ะทิฟฟานี”

 

เฮเลนาเอียงศีรษะอย่างฉงนกับทิฟฟานีที่ไม่รู้ทำไมถึงเริ่มต่อว่ามาริเอล

ไม่เข้าใจสักนิดว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ ทำไมการที่มาริเอลดื่มสุรากับเฮเลนามันถึงทำให้ทิฟฟานีต้องมาต่อว่าด้วย

 

“คุณหนูรีเวียร์ ท่านเฮเลนาที่เมาสุรานั้น ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหมล่ะ”

 

“ร เรื่องนั้น……จำไม่ได้เลยค่ะ……ดิฉันเองก็เมามายสุราไปด้วย……”

 

“……ละเลยแม้กระทั่งการทำความเข้าใจสถานการณ์และจดบันทึก ไม่เหลือแม้แต่ที่ว่างให้แก้ตัวใด ๆ อีกแล้วค่ะ”

 

“พูดอะไรของเจ้าน่ะ ทิฟฟานี”

 

เฮเลนาได้แต่งุนงงเมื่อทิฟฟานีพูดออกมาเช่นนั้นโดยไม่สนใจเฮเลนาเลย

ไม่สิ แล้วทิฟฟานีกับมาริเอลไปรู้จักกันตอนไหนนะ

มาริเอลเองก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพิลึกพิลั่นนั่นซะหน่อย ใช่ไหม

 

“ท่านเฮเลนาเวลาเมาสุราน่ะ จะเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นไงล่ะ พวกเราทั้งหมดต่างก็ได้เฝ้ามองและมอบความเอ็นดูให้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ท่านเฮเลนาที่กำลังเมาสุราน่ะ หากมีคนที่คอยพูดปลอบประโลม ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครเธอก็จะเริ่มออดอ้อนขึ้นมา!”

 

“ทิฟฟานี”

 

“ความน่ารักที่ท่านเฮเลนาซึ่งปกติแล้วเคร่งขรึมอยู่เสมอแสดงให้เห็นยามเมาสุราน่ะ มันลิ้มรสได้แค่ในช่วงเวลานั้นเท่านั้น! เป็นของล้ำค่าถึงขนาดมีการตีพิมพ์อย่างละเอียดในคอลัมน์ ‘ท่านเฮเลนายามราตรี’ ในจดหมายข่าวสมาคม แถมยังมีการจัดการประกวดคำพูดเพ้อเจ้อตอนเมาของท่านเฮเลนากันปีละครั้งเชียวนะ!”

 

“ทิฟฟานี”

 

“เพื่อตีพิมพ์สิ่งนี้ ทุกครั้งจะต้องมีสมาชิกสมาคมหนึ่งคนที่แบกรับหน้าที่ครองสติเอาไว้ไม่แตะต้องสุรา และจดบันทึกทุกคำพูดการกระทำโดยละเอียด จากนั้นก็นำไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกทุกคนเชียวนะ! การที่แกครอบครองท่านเฮเลนาผู้น่ารักและร้องไห้ออดอ้อนเช่นนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว มันคือการกระทำที่สมควรตายหมื่นครั้ง!”

 

“หุบปากได้แล้วทิฟฟานี”

 

‘ปึ่ก’ เกิดเสียงที่ฟังดูรุนแรง และพร้อมกันนั้นทิฟฟานีก็จมลงกับพื้น

เฮเลนาได้ลอบเข้าไปข้างหลังและโจมตีเข้าใส่ท้ายทอยจนทิฟฟานีล้มลงไปนั่นเอง

ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้แฟนคลับอย่างไม่เป็นทางการอะไรนั่นมันจะทำอะไรแบบนั้นกัน น่าตกใจจริง ๆ ว่าที่ผ่านมาทุกครั้งเวลาเมาเหล้าเธอจะถูกจดบันทึกการกระทำเอาไว้แบบนั้น

อดกลุ้มใจขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ ว่าควรจะสลายไอ้แฟนคลับไร้ศีลธรรมพรรค์นี้ทิ้งดีไหม

 

“อ อ่า……”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของทิฟฟานีตั้งแต่ต้นจนจบ ลูเครเซียก็ไม่ได้ต่อว่าเฮเลนาที่ทุบทิฟฟานีจนสลบแต่อย่างใด

เธอเพียงยิ้มแห้ง ๆ—โดยที่ยังคงเปี่ยมเมตตา

 

“……หนูเฮเลนาเองก็ลำบากเหมือนกันสินะ”

 

คำพูดของลูเครเซีย

เฮเลนาก็ได้แต่ตอบกลับไปด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท