ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 95

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พูดแฮะ

มีทั้งปริศนาว่าทำไมฝักฝ่ายที่เฮเลนาไม่เห็นจะจำได้ว่าตั้งขึ้นมาตอนไหนมันถึงได้มีตัวตนอยู่ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจด้วยว่าเข้าร่วมไอ้ฝักฝ่ายที่ว่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นอเลกเซียคงจะต้องรู้อะไรบ้างแน่ ๆ แต่ช่างน่าเศร้าที่สำหรับเฮเลนานั้นเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มทำความเข้าใจจากตรงไหนดีด้วยซ้ำ

ถึงกระนั้น ก็สังหรณ์ใจชอบกลว่าหากพูดออกไปว่า ‘ไม่เข้าใจอ่ะ ไหนอธิบายมาก่อนซิ’ เธอก็จะต้องโดนดุแน่ ไม่ใช่โดยคุณหนูแคทลียาแต่โดยนางกำนัลที่อยู่ข้างหลังน่ะนะ

 

“ฮืม……”

 

แคทลียาพูดว่านี่เป็นเรื่องที่เฮเลนาไม่มีขาดทุน

ทว่า จากประสบการณ์ของเฮเลนาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ไอ้พวกคนที่เข้ามาพร้อมคำหวานว่า ‘ท่านไม่มีทางขาดทุน’ แบบนี้เนี่ย นอกจากพวกต้มตุ๋นแล้วก็ไม่เคยเจอคนอื่นอีกเลย สุดท้ายแล้วโลกมนุษย์เรานี้มันก็หมุนไปด้วยผลประโยชน์และโทษสำหรับใครสักคนเสมอ หากเป็นเรื่องที่เฮเลนามีแต่จะได้กำไร ก็แปลว่าต้องมีใครสักคนที่ขาดทุนนั่นเอง

แปลว่า การที่แคทลียาเป็นคนนำเรื่องที่ไม่มีการขาดทุนนี้มา ก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่ทั้งเฮเลนาและแคทลียาจะได้ประโยชน์นั่นเอง หรือไม่เธอก็กำลังพยายามใช้วาจาหลอกล่อเฮเลนาให้เสียประโยชน์อยู่ มีความเป็นไปได้อยู่สองทางนี้เท่านั้น

 

หากแคทลียาอยากจะสนิทสนมกับเฮเลนาเธอก็ไม่ถือสาอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเธออยากจะเป็นศัตรูกับใครเสียหน่อย

การที่คิดแบบนี้แต่กลับมีความสัมพันธ์ขัดแย้งกับชาร์ลอตเตอยู่นั้น นั่นก็เพราะทางชาร์ลอตเตเธอเป็นฝ่ายมองเฮเลนาเป็นศัตรูอยู่ฝ่ายเดียวเองต่างหาก สำหรับเฮเลนาแล้ว หากอีกฝ่ายกล่าวทักทายมาเธอก็มีสามัญสำนึกดีพอที่จะทักทายตอบอยู่แล้ว ไม่ได้มีนิสัยบิดเบี้ยวขนาดที่จะตอบแทนมิตรไมตรีด้วยเจตนาร้ายหรอก

ดังนั้นแล้ว เธอก็ไม่ขัดข้องอะไรที่จะญาติดีกับแคทลียา

 

ทว่า ยังไงมันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำว่าฝักฝ่ายอยู่ดี

เฮเลนานั้นไม่มีความทรงจำเลยแม้แต่น้อยว่าเธอไปก่อตั้งกลุ่มอันเป็นปริศนาที่ชื่อว่า ‘ฝ่ายสนมฟ้าสุริยา’ นั่นตั้งแต่เมื่อไร และสมมุติว่ากลุ่มแบบนั้นมีตัวตนอยู่โดยที่เฮเลนาไม่รู้ มันก็ยิ่งน่าฉงนเข้าไปใหญ่ว่าไอ้กลุ่มนั้นมันมีไว้ทำเรื่องแบบไหนกันแน่ โดยสรุปก็คือต่อให้มี ‘ฝ่ายสนมฟ้าสุริยา’ อยู่จริง มันก็ไม่ได้อยู่ในความควบคุมดูแลของเฮเลนานั่นเอง

ทว่า ไอ้การที่เอาชื่อของเฮเลนาไปอ้างตามใจชอบมันก็น่าลำบากใจเหมือนกันนะ

ชื่อนั้นเป็นสิ่งสำคัญ หากพวกเธออ้างชื่อ ‘สนมฟ้าสุริยา’ ซึ่งเป็นชื่อของเฮเลนาไปทั่วแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่ามันจะนำภัยอะไรมาหาเฮเลนาได้บ้าง

 

และเธอก็นึกถึงคำพูดของแคทลียาขึ้นมา

ในความคิดของพวกเธอเหล่านี้ ‘ฝ่ายสนมฟ้าสุริยา’ นั้นมีสามคนอยู่ในสังกัดเรียบร้อยแล้ว แจกแจงได้เป็น ‘สนมฟ้าดารา’ มาริเอล, ‘ผู้มีความสามารถ’ ฟรองซัวส์, ‘ผู้ไพเราะ’ คลาริสซา สามคนนี้นั่นเอง

สิ่งที่สามคนนี้กับเฮเลนากำลังทำร่วมกันอยู่ นั่นก็คือการฝึกฝนวิชาในช่วงเช้า

 

‘อย่างนี้นี่เอง’ เฮเลนาทุบฝ่ามือตนเอง

 

“ย่อมได้สิ คุณหนูแคทลียา”

 

“แหม ขอบพระคุณค่ะ จากนี้ไปพวกดิฉันจะพยายามเป็นกำลังให้กับพระสนมฟ้าสุริยานะคะ”

 

“อืม ช่วยแข็งแกร่งขึ้นให้ถึงระดับที่สามารถฝึกซ้อมต่อสู้กับข้าได้ทีเถอะ”

 

‘ฝ่ายสนมฟ้าสุริยา’ ที่แคทลียาพูดถึง มันคงจะหมายถึงสมาชิกการฝึกวิชาในช่วงเช้าสินะ

อย่างคลาริสซาเอง เหตุผลที่เธอมาเข้าร่วมก็เป็นเพราะออกกำลังกายไม่เพียงพอ พวกแคทลียาเองก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองขาดการออกกำลังกายอยู่เหมือนกัน ดังนั้นถึงได้เข้ามาขอรับการฝึกกับเฮเลนาโดยตรงเช่นนี้ไงล่ะ

ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ที่จะตั้งชื่อกลุ่มว่า ‘ฝ่ายสนมฟ้าสุริยา’ เพราะผู้ที่คอยชี้นำการฝึกอยู่ก็คือเฮเลนานั่นเอง

 

ทว่า เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา แคทลียาก็เอียงศีรษะอย่างฉงนใจ

 

“……ฝึกซ้อมต่อสู้ หรือคะ?”

 

“ใช่ แต่แน่นอนว่าข้าก็ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายหรอกนะ เพราะแม้แต่ข้าเองก็ยังไปไม่ถึงกระทั่งฝ่าเท้าของจุดสูงสุดแห่งยุทธด้วยซ้ำ”

 

“……เอ่อ ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจ”

 

“แน่นอน ตอนแรกจะไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เดี๋ยวร่างกายมันก็จะจดจำได้ไปเองนั่นแหละ นอกจากนั้นการฝึกฝนขัดเกลาอย่างไม่ย่อท้อจะนำไปสู่ความมั่นใจในตัวเองด้วยนะ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องเศร้าใจไปเพราะความไม่รู้หรอก แม้แต่ข้าเองก็มีเรื่องที่ไม่รู้อยู่มากมายเช่นเดียวกัน”

 

“อ่า……”

 

จะอย่างไรเสีย การมีผู้ร่วมฝึกฝนขัดเกลาด้วยกันเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่หากเพิ่มมากะทันหันตั้งสิบห้าคนแบบนี้ สวนระหว่างอาคารนี้มันอาจจะแคบเกินไปแล้วก็ได้ ‘ไปขอให้ดีอันนากับเมห์เลียนาช่วยแบ่งกลุ่มกันชี้นำน่าจะเข้าท่ากว่าแฮะ’ เฮเลนาลองคิดดูเล็กน้อย

ทว่า สถานที่ซึ่งสามารถเคลื่อนไหวอย่างเต็มกำลัง และแกว่งอาวุธได้โดยไม่ต้องกังวล มันก็มีแค่สวนระหว่างอาคารเท่านั้น

 

เช่นนั้นแล้วก็ควรให้แต่ละคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันฝึกอบรมในสิ่งที่แตกต่างกันไปสินะ

 

ยกตัวอย่างเช่น ฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอลสามคนนี้เริ่มจะมีแรงกายกันพอสมควรแล้ว ก็ให้พวกเธอจับกระบองที่ติดวัสดุลดแรงกระแทกแล้วก็ฝึกซ้อมต่อสู้กัน โดยมีเฮเลนาเป็นคนชี้แนะ

ส่วนอีกกลุ่มก็จะไปอยู่กันแถว ๆ โถงทางเดินตัดผ่าน ให้ฝึกออกหมัดตรงพร้อมกันประมาณเจ็ด-แปดคน กลุ่มนี้ให้เฮเลนาคอยมองดูเป็นครั้งคราวก็น่าจะเพียงพอ

ส่วนบรรดาคนที่เหลือกลุ่มสุดท้าย ก็ไปใช้ ‘ห้องแปะเจียก’ ที่เคยจัดงานเลี้ยงน้ำชากันก่อนหน้านี้ รื้อถอนโต๊ะออกไปจากห้องซะ แล้วก็ให้ทุกคนฝึกฝนกล้ามเนื้อกันด้วยการวิดพื้นและซิตอัปเป็นหลัก สำหรับกลุ่มนี้ให้เมห์เลียนาหรือใครก็ได้จากกองอัศวินหมาป่าเงินที่มีเวลาว่างมาช่วยชี้แนะให้ก็น่าจะดี

 

‘อืม สมบูรณ์แบบเลย’ เธอยิ้มให้กับการวางแผนของตัวเอง

ทว่าแบบนี้พอลองมาคิดดูแล้ว สมาชิกการฝึกในสวนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยนี่นา

หากฝึกต่อสู้กันแค่สามคน ไม่ว่ายังไงก็จะมีคนหนึ่งที่ต้องพักอยู่เสมอ แบบนั้นมันอาจทำให้ประสิทธิภาพของการฝึกลดลง เช่นนั้นแล้วก็ควรจะต้องเพิ่มใครอีกสักคนเข้าไปในกลุ่มของสามคนนี้

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว หากเพิ่มเข้าไปอีกสามคนเลยก็จะสามารถผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันฝึกเป็นกลุ่มละหกคนได้พอดีด้วย

ถ้างั้นเรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว

 

“เอาล่ะ คุณหนูแคทลียา”

 

“ค คะ?”

 

“ก่อนอื่น ทุกคนช่วยแสดงให้เห็นหน่อยสิ”

 

“แสดง……อะไรหรือคะ?”

 

“ความสามารถทางกีฬาขั้นพื้นฐานน่ะ พวกฟรองซัวส์เองตอนแรกก็เลวร้ายมาก ทว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเธอก็ทำมันอย่างต่อเนื่องจนเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นมากแล้ว ในอนาคตพวกเจ้าเองก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ดังนั้นวางใจเถอะ”

 

“……เอ่อ ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าท่านกล่าวถึงอะไร”

 

“ตอนแรกจะไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้หรอก ของพวกนี้ถ้าไม่ลองทำดูมันก็ไม่รู้น่ะนะ”

 

เฮเลนาเอาดาบใหญ่ที่จับอยู่ไปฝากไว้กับอเลกเซีย

แต่ถึงกระนั้นอเลกเซียเองก็ใช่ว่าจะถือมันได้นาน ดังนั้นเฮเลนาจึงแค่วางมันไว้กับพื้นเท่านั้นเอง

ในจังหวะนั้น ไม่รู้ทำไมจึงเห็นเหมือนอเลกเซียกำลังจ้องมองไปยังพวกแคทลียาด้วยสายตาราวกับกำลังมองบางสิ่งที่น่าสงสาร

 

และแล้ว ต่อหน้าพวกของแคทลียาทั้งสิบห้าคน

เฮเลนาก็ได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้

 

“เอาล่ะ เริ่มจากใครก่อนก็ได้ บุกเข้ามาได้เลย”

 

“ไหงเป็นงั้นไปล่ะคะ!?”

 

“มุ? อ้อ พวกเจ้าอาจจะไม่เข้าใจสินะ แต่ว่าในการวัดความสามารถทางกีฬาขั้นพื้นฐานนั้น การประมือกันเบา ๆ นี่แหละเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดแล้ว อันที่จริงจะบุกเข้ามาพร้อมกันทุกคนเลยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าแบบนั้นมันจะตรวจสอบความสามารถของแต่ละคนได้ยากหน่อยน่ะ”

 

“อ เอ๋…………”

 

โดยมีแคทลียาเป็นตัวนำ ต่างคนก็ต่างมองหน้ากันไปมาแล้วก็หลบตา

ที่บอกไปว่า ‘เริ่มจากใครก่อนก็ได้’ เนี่ยคิดผิดไปหรือเปล่านะ อย่างไรเสียพวกเธอก็เป็นคุณหนูที่ได้รับการดูแลมาเหมือนไข่ในหินกันทั้งสิ้น บางทีอาจะขาดความกล้าแสดงออกกันก็เป็นได้

ช่วยไม่ได้แฮะ

การเพิ่มความกล้าแสดงออกให้กับนักเรียนก็เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนด้วยเหมือนกัน

 

“เช่นนั้นก็……นั่นสินะ คุณหนูแคทลียา เริ่มจากเจ้าก่อน บุกเข้ามาสิ”

 

“ร เริ่มจากดิฉันหรือคะ!?”

 

“ใช่ จะจู่โจมแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น หากจู่โจมโดนข้าแม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ได้เป็นสมาชิกใหม่ทันทีไปเลย”

 

“เอ่อ คือว่า ดิฉันไม่เข้าใจเลยค่ะว่าพระสนมฟ้าสุริยากำลังกล่าวเรื่องอะไรอยู่น่ะ!”

 

“เอาล่ะ เริ่มได้ เข้ามา!”

 

“ทำไมคุยกันไม่รู้เรื่องเลยคะ!?”

 

แคทลียามีท่าทีร้อนรนอย่างชัดเจนมากทีเดียว

เอาเถอะ ก็เป็นธรรมดาล่ะนะ เฮเลนานั้นเป็นทหารที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ฝีมือยุทธโดดเด่นจนแทบไม่มีผู้ใดเทียบเคียง หากจู่ ๆ มีคู่ต่อสู้เช่นนั้นมาบอกให้ ‘บุกเข้ามาได้เลย’ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกใจฝ่อขึ้นมา

เช่นนั้นแล้วก็ต้องช่วยผลักดันเบา ๆ—

 

“เอ้า ถ้าไม่รีบเข้ามาล่ะก็”

 

“ฮิ!?”

 

“จะโดนแบบนี้นะ?”

 

‘ฟุ่บ’—สำหรับแคลียาคงจะเห็นเหมือนกับว่าร่างนั้นได้อันตรธานหายไป

ทว่าในความเป็นจริงแล้ว นี่ไม่ใช่วิชาที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย เฮเลนาเพียงแค่ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าอันโดดเด่นของตนวิเคราะห์จังหวะชีพจร ประสาทการรับรู้ สายตา ความคิดอ่าน และสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อลอบเร้นเข้าไปในมุมบอดโดยตั้งใจเท่านั้นเอง

จากนั้น เฮเลนาก็ได้ใช้กำปั้นขวา เคาะ ‘ป๊อก’ ไปที่ท้ายทอยของแคทลียา

 

“ฮิ—”

 

“เอาล่ะ ถ้าเข้าใจแล้วก็บุกเข้ามาสิ ไม่เป็นไรหรอก ข้าน่ะจะไม่”

 

“ฮี้—!!!”

 

“เป็นฝ่ายจู่โจมเด็ดขาด……เอ๋?”

 

แคทลียาเอามือกุมท้ายทอยเอาไว้พลางเข่าอ่อนทรุดลงไป

‘ฮิก ฮิ้’ เธอเอาแต่กรีดร้องท่าเดียวเหมือนกับว่าพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว

ปฏิกิริยาตอบรับที่นอกเหนือความคาดหมายแบบนี้ ทำให้เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

“ฮิ้! ช ช่วย ช่วยด้วย……! ท่านพ่อขา—!”

 

“เอ่อ ข้า……”

 

“ม่ายยยยยยยย!!!”

 

แคทลียาค่อย ๆ คืบคลานหนีไปทั้งแบบนั้น

ซึ่งบรรดาบุตรีขุนนางคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันโวยวาย ‘ท่านแคลียา!’ ‘ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ!’ พลางเผ่นหนีไปด้วยกันทั้งกลุ่ม

 

“เอ๋……?”

 

ฝ่ายเฮเลนาก็ได้แต่มองส่งบุตรีขุนนางเหล่านั้นจากไปอยู่เช่นนั้นเอง

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท