ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 104

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

ก่อนอื่นเฮเลนาก็สั่งจบการฝึกอบรมช่วงเช้า ณ ตรงนั้น แล้วก็ให้แต่ละคนแยกย้ายกันกลับห้องตัวเอง

ส่วนลูเครเซียกับลิลิธเองก็กำลังจะออกไปจากวังหลังเช่นกัน

 

“แล้วเจอกันใหม่นะ ลิลิธ”

 

“อื้อ คราวนี้มีเหตุบังเอิญหลายอย่างก็เลยมาได้ แต่คราวหน้าจะเป็นเมื่อไรก็ไม่รู้นะ”

 

“คราวหน้าอาจเป็นครบรอบวันเสียชีวิตของคุณแม่ก็เป็นได้สินะ”

 

“วันครบรอบของคุณแม่ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับมาให้ได้อยู่แล้วล่ะนะ ถ้าพี่สาวไม่ได้ไปรบอยู่ก็คงจะได้เจอกันนั่นแหละ”

 

“นั่นสินะ”

 

สองพี่น้องจับมือก่อนจะลาจากกัน

เพราะคราวนี้ลิลิธมาในฐานะทูตพิเศษจากราชอาณาจักรการ์แลนด์จึงสามารถมาเยือนจักรวรรดิกันเกรฟได้เช่นนี้ ทว่าโดยปกติแล้ว สำหรับบุคคลจากอาณาจักรอื่นอย่างลิลิธ คงต้องบอกว่าแทบจะไม่มีโอกาสได้มานครหลวงเลย

แม้คราวนี้จะมีเหตุบังเอิญหลายอย่างทำให้พวกเธอมาพบกันได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าเมื่อไรถึงจะได้พบกันอีก บางทีอาจจะเป็นหลังจากฟาร์มาสทำการกวาดล้างเสร็จสิ้นแล้วก็เป็นได้

ใจจริงก็อยากจะสู้กันอีกสักรอบก่อนกลับ แต่ไม่เอาดีกว่า

 

เฮเลนามองส่งลูเครเซียกับลิลิธที่เดินจากไป แล้วเธอก็กลับมายังห้องของตนเองพร้อมกับอเลกเซีย

จากนั้นก็รับประทานอาหารมื้อกลางวันอันเย็นชืดที่อเลกเซียนำมาให้เหมือนเช่นเคย ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเวลาบ่าย

 

“เอาล่ะ”

 

“วันนี้จะทำอะไรหรือคะ?”

 

“นั่นสินะ……”

 

วันนี้เธอก็วางแผนว่าจะฝึกฝนวิชาเหมือนเช่นเคย

วันนี้ตอนเช้าได้ประมือกับลิลิธไปแบบไม่คาคคิด ทำให้ร่างกายยังรู้สึกพึงพอใจอยู่ ทว่าจะให้พักผ่อนไปตลอดช่วงบ่ายเลยมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเลือกอยู่แล้ว

ที่สำคัญเธอยังคาใจเรื่องชาร์ลอตเตอยู่ด้วย

เมื่อวานตอนบ่ายไม่รู้ทำไมชาร์ลอตเตถึงถือกระบองมา และแม้จะมีระยะห่างเป็นโถงทางเดินตัดผ่านกับสวนระหว่างอาคาร แต่เธอก็มาร่ำเรียนวิชาจากเฮเลนา

แปลว่า วันนี้อาจจะมาอีกก็เป็นได้

 

“ตอนบ่ายไปฟันดาบในสวนแล้วกัน”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

เธอตัดสินกำหนดการในช่วงบ่ายเช่นนั้น

แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูขึ้นมาโดยกะทันหัน

 

“ค่ะ”

 

เมื่อมีแขกมา ผู้ที่ออกรับหน้าก่อนก็คืออเลกเซีย

แม้เฮเลนาจะทำอะไรผิดเพี้ยนไปหลาย ๆ เรื่องในวังหลัง แต่อย่างน้อยเธอก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำตามสามัญสำนึกของขุนนางในเรื่องการปฏิบัติตัวต่อแขกล่ะนะ

 

“พระสนมฟ้าดาราส่งข้ามาค่ะ”

 

“เชิญเข้ามาได้ค่ะ”

 

“ขอรบกวนด้วยค่ะ”

 

สาวใช้ผู้หนึ่งเปิดประตูและโค้งคำนับก่อนจะเข้ามาในห้อง

ดูท่าว่าจะไม่ใช่นางกำนัลติดห้องเหมือนกับอเลกเซียแต่เป็นสาวใช้ที่มาริเอลว่าจ้างมา ซึ่งสังเกตได้จากชุดเครื่องแบบที่แตกต่างจากอเลกเซีย

สาวใช้ผู้นั้นได้น้อมศีรษะให้เฮเลนา

 

“ข้าเป็นสาวใช้ของพระสนมฟ้าดารา มาริเอล รีเวียร์ นามว่าโซฟีนา มิวเลอร์ค่ะ”

 

“ข้าเฮเลนา เรลโนต”

 

“วันนี้ข้ามาในฐานะผู้ส่งสารของพระสนมฟ้าดาราค่ะ ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายนี้พระสนมฟ้าสุริยามีกำหนดการอันใดหรือไม่คะ?”

 

“อืม……ก็ตั้งใจว่าจะฝึกวิชานะ”

 

เมื่อได้ฟังคำของสาวใช้นามโซฟีนา เฮเลนาจึงตอบไปเช่นนั้น

โซฟีนาซึ่งเฮเลนาเคยเห็นอยู่ใกล้ ๆ มาริเอลมาหลายครั้งแล้วก็คงจะรู้เรื่องที่เฮเลนาใช้เวลาทั้งวี่ทั้งวันไปกับการฝึกวิชาอยู่แล้วกระมัง ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไร

เมื่อโซฟีนาผู้นั้นได้ฟังเฮเลนา เธอก็พยักหน้า

 

“ขอบพระคุณค่ะ สำหรับการฝึกของท่านนั้น พระสนมฟ้าดารากล่าวว่าหากไม่รังเกียจก็อยากจะขอเข้าร่วมด้วยน่ะค่ะ”

 

“หืม? ข้าก็ไม่ถือสาอะไรนะ แต่ว่ายังมีแรงอยู่รึ?”

 

“พระสนมฟ้าดารามักจะกล่าวบ่อย ๆ ว่าหากเทียบกับเมื่อก่อนเธอเริ่มมีแรงกายเพิ่มขึ้นแล้วค่ะ แม้วันนี้ช่วงเช้าจะได้เข้าร่วมการฝึกไปแล้ว แต่หลังจากมื้อเที่ยงมาก็ยังกระปรี้กระเปร่าดีอยู่”

 

“งั้นก็คงได้กระมัง ช่วงบ่ายไปข้าจะฝึกฟันดาบในสวนระหว่างอาคาร แม้จะเป็นการฝึกส่วนตัวของข้าเองแต่ถ้าจะมาฝึกด้วยกันก็พอจะช่วยดูแลให้ได้ บอกไปตามนั้นแล้วกัน”

 

“รับทราบค่ะ”

 

‘ควับ’ โซฟีนาโค้งคำนับก่อนจะถอนตัวออกจากห้องไป

พักหลังมานี้มาริเอลมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอคงจะมีแรงกายมากขึ้นจนเริ่มรู้สึกว่าแค่การฝึกช่วงเช้ามันไม่เพียงพอแล้วสินะ นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี

ทว่า ตัวเฮเลนาเองก็ลำบากใจถ้าต้องละเลยการฝึกของตนเองไป ดังนั้นแค่ให้มาฝึกด้วยกันก็น่าจะเหมาะแล้ว

ถ้าเอาแต่สั่งสอนผู้อื่นจนไม่ได้ฝึกฝนตนเองเลยพลังมันก็มีแต่จะเสื่อมถอยลงไปเท่านั้น

 

“จะดีหรือคะ?”

 

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ก็จริงอยู่ว่าตอนบ่ายคงช่วยตามประกบใกล้ชิดให้ไม่ได้ แต่ถ้าแค่จะมาฝึกด้วยกันข้าก็ไม่ถือสาหรอก”

 

“ไม่ใช่ค่ะ……คือว่าวันนี้ไม่แน่ว่าพระสนมฟ้าจันทราก็อาจมาที่โถงทางเดินตัดผ่านอีก……”

 

“อะ”

 

ลืมไปซะสนิทเลย แต่จะว่าไปมันก็จริงด้วย

ความสัมพันธ์ของชาร์ลอตเตกับมาริเอลนั้นไม่มีทางเรียกว่าดีได้เด็ดขาด ถึงกับเฮเลนาแล้วก็ใช่ว่าจะดีนัก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ว่าถ้าเธอจะมาฝึกที่โถงทางเดินตัดผ่านเฮเลนาก็จะช่วยดูให้สักหน่อยก็ได้

หากเพิ่มมาริเอลเข้ามาอีก สถานการณ์มันจะพัฒนาไปในทิศทางไหนกันเนี่ย

 

“……เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

 

“แน่ใจหรือคะ?”

 

“คิดมากไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าสองคนนั้นทะเลาะกันขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าค่อยห้ามก็พอแล้ว”

 

เรื่องที่คิดไปก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ต้องคิดมัน นั่นแหละคือวิธีการของเฮเลนา

ถึงยังไงเธอก็ดันตกลงยอมรับให้มาริเอลเข้าร่วมไปแล้ว ส่วนชาร์ลอตเตเองจะมาหรือไม่มาก็ยังไม่รู้ แทนที่จะมานั่งกลุ้มใจกับเรื่องที่ไม่รู้จะเกิดรึเปล่า สู้เอาไว้ให้มันเกิดซะก่อนค่อยคิดน่าจะรวดเร็วกว่า

และแล้ววันนี้เธอก็โยนการใช้หัวสมองทิ้งไปพลางหยิบดาบขึ้นมาเหมือนเช่นเคย

 

“……ข้านึกสงสัยมาสักพักแล้วนะคะ”

 

“ทำไมรึ?”

 

“ว่าท่านเฮเลนาน่ะ ช่างเอาชีวิตรอดในสนามรบมาจนถึงตอนนี้ได้นะคะเนี่ย”

 

“หือ?”

 

เมื่อได้ฟังความสงสัยของอเลกเซีย เฮเลนาก็ขมวดคิ้ว

สนามรบนั้นคือสถานที่ซึ่งเฮเลนาใช้ชีวิตอยู่จนแทบจะเรียกว่าเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้ เธอย่อมรู้วิธีการวางตัวไม่มากก็น้อย หากประมือกับทหารดาษดื่นทั่วไปก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้เธอยังนำกำลังทหารบุกเข้าตีจุดอ่อนของข้าศึกตามสัญชาติญาณอยู่บ่อย ๆ ด้วย

ดูถูกกันอยู่รึไงนะ—แม้จะคิดแบบนั้น แต่อเลกเซียกลับส่ายหน้า

 

 

“เปล่าน่ะค่ะ……คือว่าในสนามรบน่ะ มันก็ต้องมีการเดินทัพใช่ไหมล่ะคะ?”

 

“แน่นอนสิ หากไม่รู้จักนำทัพก็มิอาจทำศึกได้หรอก”

 

“ข้าคิดว่าเวลาที่เดินทัพก็ต้องมีการระแวดระวังกับดักของศัตรูอยู่เป็นธรรมดา ต้องคาดการณ์ถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย สิ่งเหล่านี้คือเรื่องจำเป็นใช่ไหมล่ะคะ?”

 

“อ๋อ”

 

‘อย่างนี้นี่เอง’ เฮเลนาพยักหน้า

อเลกเซียนั้นรู้ดีถึงนิสัยเสียของเฮเลนาที่มักจะโยนการใช้หัวสมองทิ้งไปเมื่อเจอเรื่องยาก ๆ

หรือก็คือ เธอกำลังพูดว่า ‘คนที่โยนการใช้หัวคิดทิ้งเอาดื้อ ๆ แบบนี้สามารถบัญชาทหารได้ด้วยงั้นหรือ’ อยู่นั่นเอง

 

“เรื่องนั้นก็ คงเป็นลางสังหรณ์ล่ะมั้ง”

 

“……ลางสังหรณ์ หรือคะ?”

 

“ใช่ เวลาที่เดินทัพน่ะ ถ้ามีการวางกับดักเอาไว้ตรงไหน ตรงนั้นก็ย่อมมีร่องรอยจากฝีมือของข้าศึกหลงเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย แล้วส่วนใหญ่ข้าเองก็พอจะคาดเดาออกว่าเส้นทางที่จะเดินทัพไปมันมีตรงไหนที่ดูน่าจะวางกับดักได้บ้าง ขอแค่คอยระมัดระวังตรงจุดนั้นไว้ก็ไม่จำไปต้องเดินทัพไปพลางหวาดกลัวกับดักไปตลอดเวลาหรอก”

 

“……”

 

‘อืม’ เฮเลนาพยักหน้า

อันที่จริงแล้ว ก็มีไม่น้อยครั้งที่เธออาศัยลางสังหรณ์ราวสัตว์ป่าในการหยั่งรู้ถึงกับดักของศัตรูแล้วก็หลบเลี่ยงมันไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นในสนามรบมันก็ย่อมต้องมีการสำรวจภูมิประเทศหรือเส้นทางที่จะเดินทัพเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นธรรมดา ซึ่งเธอก็จะตรวจสอบเส้นทางนั้นและก็ยืนยันสถานที่ซึ่งต้องระแวดระวังด้วยกันกับวิกเตอร์ล่วงหน้าอยู่เสมอ

ทว่า เมื่อได้ฟังเฮเลนาดังนั้น อเลกเซียก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“ไม่สิ ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดูเหมือนข้าจะพูดอะไรที่เกินฐานะไปเสียแล้ว”

 

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกน่า”

 

“ข้าเองก็คิดว่าเข้าใจท่านเฮเลนาดีแล้ว แต่ดูเหมือนท่านจะเกินคนไปยิ่งกว่าที่คาดไว้ซะอีกค่ะ”

 

“……”

 

แม้จะฟังดูเหมือนกำลังชมกันอยู่ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกว่ากำลังถูกชมสักนิดเลยนะ

เอาเถอะ จะยังไงเฮเลนาก็ไม่คิดว่าเธอจะเอาชนะอเลกเซียด้วยฝีปากได้อยู่แล้ว

 

อันดับแรกเธอหยิบดาบขึ้นมาแล้วก็มุ่งหน้าไปยังสวนระหว่างอาคาร โดยมีอเลกเซียติดตามมาเหมือนปกติ

บางทีมาริเอลอาจรออยู่ที่นั่นแล้วก็ได้ ส่วนฟรองซัวส์กับคลาริสซาเมื่อช่วงเช้าดูเหนื่อยกันพอสมควร ตอนนี้คงกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องกระมัง

 

ทว่า ที่สวนระหว่างอาคารนั้น

 

“ฮึ……มาช้านะเจ้าคะ”

 

“……พระสนมฟ้าจันทรา?”

 

มีชาร์ลอตเตกับสาวใช้ติดตามของเธออยู่

ซึ่งก็เหมือนกับเมื่อวานตรงที่เธอถือไม้กระบองที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน พลางยืนกอดอกวางมาดใหญ่โต

 

“มีอะไรงั้นหรือคะ?”

 

“ดูจากไกล ๆ มันมองเห็นไม่ชัดน่ะสิเจ้าคะ ยังไงซะช่วงบ่ายท่านก็คงจะมาฟันดาบที่นี่อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ดิฉันเลยว่าจะมาดูใกล้ ๆ น่ะเจ้าค่ะ”

 

“……อ่า ข้าก็ไม่ถือหรอกนะคะ”

 

จะอย่างไรชาร์ลอตเตก็ไม่นับว่าเป็นศิษย์ของเธอ ดังนั้นเธอจึงใช้คำสุภาพพูดจาด้วย

แม้แต่กับมาริเอลที่มีตำแหน่งเท่ากันเธอก็ปฏิบัติด้วยแบบลูกศิษย์ไปแล้ว ดังนั้นการที่ต้องใช้คำสุภาพกับแค่ชาร์ลอตเตคนเดียวมันก็ยุ่งยากน่ารำคาญสุด ๆ ทว่าขืนไปพูดแบบง่าย ๆ ด้วยเธอก็น่าจะโมโหแล้วบอกว่า ‘นี่คิดว่าดิฉันเป็นใครกันเจ้าคะ!’ ขึ้นมาอีก

ขนาดตอนนี้ยังดูตัวสั่น ๆ เหมือนโกรธอยู่ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างเลย

 

“แต่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ อาจจะถูกดาบของข้าเอาได้ ดังนั้นขอให้อยู่ห่างออกไปสักหน่อยจะได้ไหมคะ?”

 

“ฮึ จะคอยดูก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

 

“ค่า ๆ”

 

เริ่มรู้สึกรำคาญที่จะต้องคอยต่อปากต่อคำแล้ว เฮเลนาจึงคิดที่จะไปยังกึ่งกลางของสวนระหว่างอาคาร

แม้ชาร์ลอตเตอาจมีปัญหาอะไรกับมาริเอลภายหลังก็เป็นได้ แต่เรื่องนั้นรอให้มันเกิดก่อนแล้วค่อยคิดก็ได้กระมัง

 

“ขออนุญาตค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

“หืม? เอ่อ……”

 

“ข้าคือผู้รับใช้ของท่านชาร์ลอตเต เป็นสาวใช้นามว่าเอสเทล ลัมเบอร์สค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

 

“อ อื้ม ข้าเฮเลนา เรลโนต”

 

เมื่อเจอกับการแนะนำตัวอย่างไม่คาดคิดของสาวใช้ เฮเลนาก็ตอบไปเช่นนั้น

แม้จะถนัดเรื่องการจำชื่อคนพอสมควร แต่วันนี้มันก็เป็นคนที่สองแล้วต่อจากสาวใช้ของมาริเอล เธอชักเริ่มกังวลว่าจะจำได้ไม่หมดขึ้นมา

 

แต่ที่สนใจยิ่งกว่าเรื่องชื่อ

มันกลับเป็นอากัปกริยาของสาวใช้ผู้นี้มากกว่า ที่ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่กลมกลืน

 

“ฮึ! รีบ ๆ เริ่มเข้าสิเจ้าคะ!”

 

“……อ่า ก็ได้”

 

ทว่า เฮเลนาก็ยังไม่เข้าใจที่มาของความรู้สึกไม่กลมกลืนนี้ เธอจึงได้แต่เอียงคออย่างฉงนใจพลางมุ่งไปยังใจกลางของสวนระหว่างอาคารต่อ

คิดมากไปก็ช่วยอะไรไม่ได้

ตอนนี้เอาเป็นว่ากุมด้ามดาบให้มั่นแล้วก็รวบรวมสมาธิ—

 

“ท่านพี่หญิงขา! เอ๋……ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ พระสนมฟ้าจันทรา”

 

“……ไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ว่าสนมฟ้าดาราก็จะมาด้วย”

 

ถึงกระนั้น

สภาพแวดล้อมที่ดูไม่น่าจะรวบรวมสมาธิได้มันก็กำลังเกิดขึ้นมาซะแล้ว เฮเลนาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแรง

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท