เฮเลนาสัมผัสถุงกระสอบที่หนักและมีบางอย่างดิ้นไปมาอยู่ข้างใน พลางเดินกลับไปยังสถานที่เดิมด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ
เธอหารูงูพบเร็วกว่าที่คิด และหลังจากแหย่นิดหน่อยให้มันออกมาได้ เธอก็จับมันใส่ถุงกระสอบอย่างรวดเร็ว หากเผลอฆ่าไปก็จะเสียเรื่อง นับว่าโชคดีที่เธอจับเป็นมาได้ตามแผน ยิ่งไปกว่านั้นก็มีเรื่องน่ายินดีอีกตรงที่มันตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้ด้วย
เธอมัดปิดปากถุงไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ผูกไว้ที่เอวแล้วก็เอากลับไปด้วยก็พอ อเลกเซียผู้รู้งานเป็นอย่างดีนั้นรับฟังเงื่อนไขของเฮเลนาข้อที่ว่า “แข็งแรงทนทาน” อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง และได้จัดเตรียมถุงแบบที่หนาสองชั้นมาให้ อย่างน้อยที่สุดมันก็คงไม่ขาดในวันนี้แน่นอน
‘ฮืม ๆ’ เฮเลนาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะมุ่งกลับไปยังลำธารเล็กซึ่งเคยอยู่ก่อนหน้านี้
ที่ตรงนั้นมีฟาร์มาสซึ่งกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ ดูหัวเสียพอประมาณอยู่
“……กลับมาแล้วรึ เฮเลนา”
“ค่ะ ต้องขออภัยที่ทำให้รอนะคะ”
“……ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมชาติมันก็ช่วยไม่ได้หรอก ทว่า……เพิ่งเคยตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยล่ะ”
อา นอนซบไหล่ของเฮเลนาอยู่ดี ๆ แต่พอรู้สึกตัวก็กลายเป็นหนุนตักของเกรเดียไปซะงั้น มันก็ไม่แปลกที่เขาจะตกใจกระมัง
เพราะแบบนั้นถึงได้ดูหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยหรือเปล่านะ
“มีอะไรหรือคะ?”
“……ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ก็คิดว่าเพราะฝึกฝนร่างกายมามันเลยแข็งเหมือนตักผู้ชายรึเปล่านะ……ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้ชายจริง ๆ”
“……เอ่อ เป็นอะไรไปงั้นหรือคะ?”
ฟาร์มาสที่ไม่รู้กำลังพึมพำอะไรอยู่คนเดียวได้ถอนหายใจออกมา
อาการเหมือนกำลังอารมณ์เสียแต่ไม่รู้จะไปลงกับใครดี ประมาณนั้น
“อ่า ช่างมันเถอะ ได้เวลาออกเดินทางต่อเสียทีแล้วกระมัง”
“ค่ะ ฟาลโก มานี่สิ”
เธอส่งเสียงเรียกฟาลโกที่กำลังดื่มน้ำอยู่ให้เข้ามาหา
มันคงจะเป็นม้าที่ฉลาด เพราะเมื่อได้ยินเฮเลนาเรียกเช่นนั้นมันก็ร้องเบา ๆ แล้วก็เข้ามาหาใกล้ ๆ
ใบหน้าที่จ้องมองเฮเลนาด้วยดวงตากลม ๆ นั้นก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู
‘ควับ’ เธอกระโดดขึ้นนั่งบนหลังมัน
“……เกรเดีย”
“ครับ ฝ่าบาท”
และฟาร์มาสเองก็ขึ้นไปนั่งบนหลังของซิลวาโดยอาศัยความช่วยเหลือของเกรเดียเช่นเดียวกัน
สุดท้ายเกรเดียก็กระโดดขึ้นนั่งบนหลังอีเกิล เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อม
พวกเขากระตุกบังเหียนสั่งให้ม้าเดินไป
“ดูเหมือนจากนี้ไปจะนี้มีที่โล่งกว้างเหมาะกับการพักผ่อนอยู่ เราไปให้ถึงทุ่งดอกไม้ตรงบริเวณที่ว่าแล้วค่อยพักกันที่นั่นเถอะ”
“ค่ะ จะว่าไปแล้ว ท่านฟาร์มาส มื้อกลางวันจะทำอย่างไรหรือคะ?”
“เราให้เกรเดียพกข้าวกล่องมาอยู่ ให้ต้นเครื่องทำมาให้น่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ”
เธอแลบลิ้นในใจอย่างเสียดาย
ถ้าไม่ได้เตรียมกันมาล่ะก็ เฮเลนากะว่าจะไปล่าสัตว์ป่าอย่างหมูป่าหรือกวางมาแล้วทำหม้อไฟที่เธอถนัดให้เสียหน่อยแท้ ๆ
แต่บางทีอาหารที่มีรสป่าล้นเหลือแบบนั้นมันอาจจะไม่ถูกปากฟาร์มาสก็เป็นได้
“มีอะไรงั้นรึ?”
“เปล่าค่ะ ก็แค่ว่าข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องมื้อเที่ยงมาก่อนเลยน่ะค่ะ”
“อ่า เป็นเราที่ชวนเจ้ามาเอง เราก็ควรจะเป็นคนเตรียมมานั่นแหละ”
“ขอบพระคุณค่ะ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าหากไม่ได้เตรียมมา สงสัยคงต้องไปล่าสัตว์ป่าหรืออะไรทำนองนั้นเสียแล้ว”
“ฮะ ๆๆ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเฮเลนา ฟาร์มาสก็หัวเราะออกมา
เธอก็ไม่ได้คิดว่าพูดอะไรที่น่าขำเป็นพิเศษแท้ ๆ มันมีคำไหนที่ไปจี้เส้นฟาร์มาสหรือไงกันนะ
“ไม่ได้เอาอะไรมาเลยแบบนี้ก็คงทำอาหารไม่ได้หรอกน่า”
“อ่า……”
ขอแค่มีหม้อกับเกลือก็ทำอะไรได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
หากไม่มีหม้อ อย่างแย่ที่สุดก็แค่ใช้ใบไม้ใบใหญ่ ๆ แทนก็พอ หากใส่น้ำไว้ด้านในให้ดี ๆ ต่อให้โดนไฟใบไม้มันก็จะไม่ไหม้ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็ตาม
เรื่องก่อไฟเธอก็ทำได้ แยกชิ้นส่วนสัตว์ก็ทำเป็น การหาเด็ดหาผักป่าผักเขาก็เป็นเรื่องกล้วย ๆ หรือต่อให้จับสัตว์ป่ามาไม่ได้เอาเป็นงูหรืออะไรก็ได้
อย่างน้อยที่สุดก็คงทำของที่อร่อยพอประมาณได้
“ถ้ามีหม้อกับเกลือ ก็พอจะทำอะไรได้นะคะ”
“หืม……เจ้าทำอาหารได้งั้นรึ?”
“ไม่ถึงขนาดที่ป่าวประกาศได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าทำได้หรอกค่ะ แต่……”
“หม้อไฟของเฮเลนาอร่อยนะครับ ฝ่าบาท”
จู่ ๆ เกรเดียก็กล่าวแทรกขึ้นมา
‘หืม’ ฟาร์มาสได้ฟังคำเช่นนั้นของเกรเดียก็ขมวดคิ้ว
“เกรเดีย เจ้าเคยทานด้วยงั้นรึ?”
“ข้าเป็นอดีตขุนศึกพยัคฆ์แดง ในเวลานั้นเฮเลนาเคยเป็นผู้ช่วยของข้าครับ มีหลายครั้งที่ได้รับประทานหม้อไฟด้วยกัน”
“……หมายถึง หม้อไฟที่เฮเลนาเป็นคนทำน่ะรึ?”
“ครับ ตอนที่มีการแจกจ่ายวัตถุดิบเป็นเสบียงให้เธอก็ใช้วัตถุดิบพวกนั้นทำ ส่วนเวลาที่ไม่มีอย่างเช่นการรบในป่า ทุกคนในหน่วยก็จะช่วยกันรวบรวมวัตถุดิบมาแล้วก็ทำกันครับ”
‘ถึงบางครั้งจะทำออกมาพลาดบ้างก็เถอะ’ เกรเดียกล่าวอย่างหน้าชื่นอกตรม
การที่เฮเลนาไม่คิดจะเก็บเห็ดมากินแม้แต่ในการรบแบบกองโจรก็ตามนั้น เป็นเพราะเธอเคยพลาดให้คนในหน่วยได้กินเห็ดพิษมาหลายครั้งแล้วนั่นเอง แม้จะไม่มีคนเสียชีวิต แต่วันต่อมาก็มีผู้รับเคราะห์ อย่างเช่นคนที่ทรมานจากท้องร่วง หรือคนที่จู่ ๆ ก็หัวเราะไม่หยุด ปรากฏออกมาไม่น้อยราย
น้ำต้มเห็ดมันอร่อยดีดังนั้นใจจริงแล้วเธอก็อยากจะใส่เข้าไปด้วย แต่การแยกเห็ดว่ามีพิษหรือไม่มีนั้นก็ยากทีเดียว
หากมีโอกาสได้ทำหม้อไฟให้ฟาร์มาส จะใส่เห็ดลงไปไม่ได้เด็ดขาด ขืนโดนกล่าวหาว่าคิดเอาชีวิตฝ่าบาทล่ะก็ไม่ได้การแน่
“รวบรวมวัตถุดิบ…..งั้นรึ?”
“ครับ ในป่านั้นมีพวกกวาง กระต่าย หรือหมูป่าอยู่แล้ว สำหรับหมูป่านั้นจัดการได้ยากพอสมควร แต่ถ้าให้ไปล่ากวางเฮเลนาเองก็มีฝีมือการล่าสัตว์ที่ดีทีเดียว”
“น่าคิดถึงจังเลยนะคะ ท่านเกรเดีย”
“อา หม้อไฟกวางของเฮเลนานั้นอร่อยเหาะเลยล่ะ……ตับย่างเกลือเองก็ไม่เลว ถ้าย่างตอนที่มันยังไม่เน่าน่ะ”
“……”
“หลังจากแม่ทัพเกษียนไปแล้ว ข้าก็ยังโดนขอให้ทำหม้อไฟอยู่เรื่อยเลยค่ะ รู้สึกว่าสมัยนั้น……จะเคยให้แม่ทัพได้กินเห็ดพิษตั้งหลายครั้งเลยสินะคะ”
“ฮะ ๆ! เคยสิเคย! ตอนที่กินหม้อไฟแล้วชาไปทั้งตัวเนี่ยตกใจสุด ๆ เลยล่ะ!”
“…………”
“วันต่อมาวิกเตอร์ก็เลยต้องเป็นคนสั่งการแทนแบบช่วยไม่ได้ เขาประหม่ามากเลยล่ะค่ะ”
“ต้นเหตุมันเป็นเพราะเจ้าล่ะนะเฮเลนา! ฮะ ๆๆ!”
“………”
สำหรับเฮเลนาแล้ว วันเวลาที่ได้ล้อมวงรับประทานหม้อไฟร่วมกันกับเกรเดียมันชวนให้รู้สึกคิดถึงมากทีเดียว
หลังจากเกรเดียเกษียนออกไปและวิกเตอร์ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนศึกพยัคฆ์แดงคนใหม่ ทุก ๆ วันก็ยุ่งวุ่นวายมาก มีบ่อยครั้งที่วิกเตอร์บอกว่า “เฮเลนารู้งานดีที่สุดแล้ว” แล้วก็ฝากให้เธอคุมหน่วยที่แยกต่างหากออกมา ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็เช่นตอนที่ริฟาลบุกมา แล้วเขาออกคำสั่งว่า “ฝากทำอะไรสักอย่างกับกาเซ็ต การิบัลดีที” นั่นเอง
ในระหว่างที่กำลังสนทนาถึงเรื่องเก่า ๆ กับเกรเดียอย่างออกรสอยู่เช่นนั้น
อีกด้านหนึ่ง เธอก็สังเกตได้ว่าฟาร์มาสกำลังอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นทีละน้อย
“อ เอ่อ……ท่านฟาร์มาสคะ?”
“……ข้าก็จะทานบ้าง”
“เอ๋?”
“วันนี้ยังไงก็คงไม่สามารถปล่อยให้มื้อเที่ยงที่ทำขึ้นมาจากภาษีเลือดเนื้อของประชาชนต้องเสียเปล่าได้ แต่โอกาสหน้าจะเตรียมแค่วัตถุดิบไว้ให้ แล้วข้าเองก็จะทานหม้อไฟของเจ้าบ้าง”
“เอ่อ……แบบนั้นก็ได้นะคะ”
การทำอาหารเฉย ๆ มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ หากถามว่าจะทำให้ฟาร์มาสอร่อยจนตกตะลึงได้ไหม เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่มีความตั้งใจที่จะทำของรสชาติแย่ ๆ ให้เขาทาน
อย่างในวันนี้ความจริงแล้วก็กะว่าจะไปลุยป่าเพื่อทำอาหารเลยด้วยซ้ำ
ทว่าทำไมเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้แล้วก็กล่าวเช่นนั้นออกมากันนะ
“เกรเดีย”
“ครับ ฝ่าบาท”
“คราวหน้าเจ้าอยู่เฝ้าวังไปซะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“หม้อไฟของเฮเลนาข้าจะทานแค่คนเดียว”
ตั้งตารอกันถึงขนาดนั้นเฮเลนาเองก็ชักจะประหม่าเหมือนกัน
แต่เดิมที กองอัศวินพยัคฆ์แดงนั้นเป็นกองอัศวินที่มีแต่บุรุษ เวลารับประทานอาหารกันเป็นกลุ่มพวกเขาก็เลยบอกว่าอย่างน้อยก็อยากจะทานอาหารฝีมือสตรีบ้าง ด้วยเหตุผลนั้นเฮเลนาจึงเป็นคนได้ทำอาหารเสมอ มันไม่ใช่เพราะว่าทุกคนยอมรับในฝีมือการปรุงอาหารของเธออย่างแน่นอน
และระหว่างที่สนทนากันอยู่แบบนั้น ถนนหนทางข้างหน้าก็ได้เปิดออกไปสู่ที่โล่งกว้างแล้ว
“โอ้……ที่นี่น่ะรึ”
“สวยจังเลยนะคะ”
ที่นั้นคือสถานที่ซึ่งมีถนนขนาดที่รถม้าน่าจะขับผ่านได้ตัดผ่านตรงกลาง ส่วนสองข้างทางก็รายล้อมไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน
คงเป็นเพราะบริเวณนี้ไม่มีต้นไม้ที่ปกติจะขึ้นหนาแน่นอยู่ทั่วทั้งป่าแสงแดดจึงส่องถึงได้ดีกระมัง โดยไม่ได้มีแค่พวกเฮเลนา แต่ยังมองเห็นคนอื่นที่มาอยู่ก่อนแล้วอีกหลายคนกำลังพักผ่อนอยู่เช่นกัน
ฟาร์มาสให้ซิลวาหยุดเดินที่ตรงนั้น
“เอาล่ะ พักกันเถอะ”
“ค่ะ”
แม้จะยังไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้น แต่นั่นเป็นเพราะเฮเลนามีแรงกายมากพอที่จะขี่ม้าวิ่งไปได้ตลอดทั้งวัน สำหรับฟาร์มาสแล้วเขาคงไม่ได้มีแรงกายมากถึงขนาดนั้น
การเดินทางไปหยุดพักผ่อนไปเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีสำหรับเธอเหมือนกัน
“แต่ว่า……สงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ”
“คะ?”
“ถุง……ตรงที่เอวเจ้าน่ะ มันคืออะไรรึ?”
เขากำลังพูดถึงถุงกระสอบหนาทนทานที่เฮเลนาผูกไว้ตรงเอวข้างขวา
มีอะไรบางอย่างดิ้นไปดิ้นมาภายในถุงอยู่เรื่อย ๆ หากจะไม่ให้สังเกตเห็นเลยก็คงเกินไปสินะ
แต่อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกไปตามตรง
“งูค่ะ”
“………………ทำไมล่ะ?”
“ก็เอาไว้กินไงคะ”
เธอไม่ได้มีงานอดิเรกชอบเลี้ยงงูเสียหน่อย งูมันมีไว้กินเท่านั้นแหละ
ทว่าเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของเฮเลนา ฟาร์มาสก็กุมขมับ
“………………งั้นรึ”
และพึมพำออกมาเช่นนั้นเบา ๆ เหมือนกับได้ปลงอะไรสักอย่างไปแล้ว