ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 112

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

เฮเลนาสัมผัสถุงกระสอบที่หนักและมีบางอย่างดิ้นไปมาอยู่ข้างใน พลางเดินกลับไปยังสถานที่เดิมด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ

เธอหารูงูพบเร็วกว่าที่คิด และหลังจากแหย่นิดหน่อยให้มันออกมาได้ เธอก็จับมันใส่ถุงกระสอบอย่างรวดเร็ว หากเผลอฆ่าไปก็จะเสียเรื่อง นับว่าโชคดีที่เธอจับเป็นมาได้ตามแผน ยิ่งไปกว่านั้นก็มีเรื่องน่ายินดีอีกตรงที่มันตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้ด้วย

เธอมัดปิดปากถุงไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ผูกไว้ที่เอวแล้วก็เอากลับไปด้วยก็พอ อเลกเซียผู้รู้งานเป็นอย่างดีนั้นรับฟังเงื่อนไขของเฮเลนาข้อที่ว่า “แข็งแรงทนทาน” อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง และได้จัดเตรียมถุงแบบที่หนาสองชั้นมาให้ อย่างน้อยที่สุดมันก็คงไม่ขาดในวันนี้แน่นอน

‘ฮืม ๆ’ เฮเลนาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะมุ่งกลับไปยังลำธารเล็กซึ่งเคยอยู่ก่อนหน้านี้

 

ที่ตรงนั้นมีฟาร์มาสซึ่งกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ ดูหัวเสียพอประมาณอยู่

 

“……กลับมาแล้วรึ เฮเลนา”

 

“ค่ะ ต้องขออภัยที่ทำให้รอนะคะ”

 

“……ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมชาติมันก็ช่วยไม่ได้หรอก ทว่า……เพิ่งเคยตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยล่ะ”

 

อา นอนซบไหล่ของเฮเลนาอยู่ดี ๆ แต่พอรู้สึกตัวก็กลายเป็นหนุนตักของเกรเดียไปซะงั้น มันก็ไม่แปลกที่เขาจะตกใจกระมัง

เพราะแบบนั้นถึงได้ดูหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยหรือเปล่านะ

 

“มีอะไรหรือคะ?”

 

“……ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ก็คิดว่าเพราะฝึกฝนร่างกายมามันเลยแข็งเหมือนตักผู้ชายรึเปล่านะ……ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้ชายจริง ๆ”

 

“……เอ่อ เป็นอะไรไปงั้นหรือคะ?”

 

ฟาร์มาสที่ไม่รู้กำลังพึมพำอะไรอยู่คนเดียวได้ถอนหายใจออกมา

อาการเหมือนกำลังอารมณ์เสียแต่ไม่รู้จะไปลงกับใครดี ประมาณนั้น

 

“อ่า ช่างมันเถอะ ได้เวลาออกเดินทางต่อเสียทีแล้วกระมัง”

 

“ค่ะ ฟาลโก มานี่สิ”

 

เธอส่งเสียงเรียกฟาลโกที่กำลังดื่มน้ำอยู่ให้เข้ามาหา

มันคงจะเป็นม้าที่ฉลาด เพราะเมื่อได้ยินเฮเลนาเรียกเช่นนั้นมันก็ร้องเบา ๆ แล้วก็เข้ามาหาใกล้ ๆ

ใบหน้าที่จ้องมองเฮเลนาด้วยดวงตากลม ๆ นั้นก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู

 

‘ควับ’ เธอกระโดดขึ้นนั่งบนหลังมัน

 

“……เกรเดีย”

 

“ครับ ฝ่าบาท”

 

 และฟาร์มาสเองก็ขึ้นไปนั่งบนหลังของซิลวาโดยอาศัยความช่วยเหลือของเกรเดียเช่นเดียวกัน

สุดท้ายเกรเดียก็กระโดดขึ้นนั่งบนหลังอีเกิล เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อม

พวกเขากระตุกบังเหียนสั่งให้ม้าเดินไป

 

“ดูเหมือนจากนี้ไปจะนี้มีที่โล่งกว้างเหมาะกับการพักผ่อนอยู่ เราไปให้ถึงทุ่งดอกไม้ตรงบริเวณที่ว่าแล้วค่อยพักกันที่นั่นเถอะ”

 

“ค่ะ จะว่าไปแล้ว ท่านฟาร์มาส มื้อกลางวันจะทำอย่างไรหรือคะ?”

 

“เราให้เกรเดียพกข้าวกล่องมาอยู่ ให้ต้นเครื่องทำมาให้น่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

เธอแลบลิ้นในใจอย่างเสียดาย

ถ้าไม่ได้เตรียมกันมาล่ะก็ เฮเลนากะว่าจะไปล่าสัตว์ป่าอย่างหมูป่าหรือกวางมาแล้วทำหม้อไฟที่เธอถนัดให้เสียหน่อยแท้ ๆ

แต่บางทีอาหารที่มีรสป่าล้นเหลือแบบนั้นมันอาจจะไม่ถูกปากฟาร์มาสก็เป็นได้

 

“มีอะไรงั้นรึ?”

 

“เปล่าค่ะ ก็แค่ว่าข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องมื้อเที่ยงมาก่อนเลยน่ะค่ะ”

 

“อ่า เป็นเราที่ชวนเจ้ามาเอง เราก็ควรจะเป็นคนเตรียมมานั่นแหละ”

 

“ขอบพระคุณค่ะ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าหากไม่ได้เตรียมมา สงสัยคงต้องไปล่าสัตว์ป่าหรืออะไรทำนองนั้นเสียแล้ว”

 

“ฮะ ๆๆ”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของเฮเลนา ฟาร์มาสก็หัวเราะออกมา

เธอก็ไม่ได้คิดว่าพูดอะไรที่น่าขำเป็นพิเศษแท้ ๆ มันมีคำไหนที่ไปจี้เส้นฟาร์มาสหรือไงกันนะ

 

“ไม่ได้เอาอะไรมาเลยแบบนี้ก็คงทำอาหารไม่ได้หรอกน่า”

 

“อ่า……”

 

ขอแค่มีหม้อกับเกลือก็ทำอะไรได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

หากไม่มีหม้อ อย่างแย่ที่สุดก็แค่ใช้ใบไม้ใบใหญ่ ๆ แทนก็พอ หากใส่น้ำไว้ด้านในให้ดี ๆ ต่อให้โดนไฟใบไม้มันก็จะไม่ไหม้ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็ตาม

เรื่องก่อไฟเธอก็ทำได้ แยกชิ้นส่วนสัตว์ก็ทำเป็น การหาเด็ดหาผักป่าผักเขาก็เป็นเรื่องกล้วย ๆ หรือต่อให้จับสัตว์ป่ามาไม่ได้เอาเป็นงูหรืออะไรก็ได้

อย่างน้อยที่สุดก็คงทำของที่อร่อยพอประมาณได้

 

“ถ้ามีหม้อกับเกลือ ก็พอจะทำอะไรได้นะคะ”

 

“หืม……เจ้าทำอาหารได้งั้นรึ?”

 

“ไม่ถึงขนาดที่ป่าวประกาศได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าทำได้หรอกค่ะ แต่……”

 

“หม้อไฟของเฮเลนาอร่อยนะครับ ฝ่าบาท”

 

จู่ ๆ เกรเดียก็กล่าวแทรกขึ้นมา

‘หืม’ ฟาร์มาสได้ฟังคำเช่นนั้นของเกรเดียก็ขมวดคิ้ว

 

“เกรเดีย เจ้าเคยทานด้วยงั้นรึ?”

 

“ข้าเป็นอดีตขุนศึกพยัคฆ์แดง ในเวลานั้นเฮเลนาเคยเป็นผู้ช่วยของข้าครับ มีหลายครั้งที่ได้รับประทานหม้อไฟด้วยกัน”

 

“……หมายถึง หม้อไฟที่เฮเลนาเป็นคนทำน่ะรึ?”

 

“ครับ ตอนที่มีการแจกจ่ายวัตถุดิบเป็นเสบียงให้เธอก็ใช้วัตถุดิบพวกนั้นทำ ส่วนเวลาที่ไม่มีอย่างเช่นการรบในป่า ทุกคนในหน่วยก็จะช่วยกันรวบรวมวัตถุดิบมาแล้วก็ทำกันครับ”

 

‘ถึงบางครั้งจะทำออกมาพลาดบ้างก็เถอะ’ เกรเดียกล่าวอย่างหน้าชื่นอกตรม

การที่เฮเลนาไม่คิดจะเก็บเห็ดมากินแม้แต่ในการรบแบบกองโจรก็ตามนั้น เป็นเพราะเธอเคยพลาดให้คนในหน่วยได้กินเห็ดพิษมาหลายครั้งแล้วนั่นเอง แม้จะไม่มีคนเสียชีวิต แต่วันต่อมาก็มีผู้รับเคราะห์ อย่างเช่นคนที่ทรมานจากท้องร่วง หรือคนที่จู่ ๆ ก็หัวเราะไม่หยุด ปรากฏออกมาไม่น้อยราย

น้ำต้มเห็ดมันอร่อยดีดังนั้นใจจริงแล้วเธอก็อยากจะใส่เข้าไปด้วย แต่การแยกเห็ดว่ามีพิษหรือไม่มีนั้นก็ยากทีเดียว

หากมีโอกาสได้ทำหม้อไฟให้ฟาร์มาส จะใส่เห็ดลงไปไม่ได้เด็ดขาด ขืนโดนกล่าวหาว่าคิดเอาชีวิตฝ่าบาทล่ะก็ไม่ได้การแน่

 

“รวบรวมวัตถุดิบ…..งั้นรึ?”

 

“ครับ ในป่านั้นมีพวกกวาง กระต่าย หรือหมูป่าอยู่แล้ว สำหรับหมูป่านั้นจัดการได้ยากพอสมควร แต่ถ้าให้ไปล่ากวางเฮเลนาเองก็มีฝีมือการล่าสัตว์ที่ดีทีเดียว”

 

“น่าคิดถึงจังเลยนะคะ ท่านเกรเดีย”

 

“อา หม้อไฟกวางของเฮเลนานั้นอร่อยเหาะเลยล่ะ……ตับย่างเกลือเองก็ไม่เลว ถ้าย่างตอนที่มันยังไม่เน่าน่ะ”

 

“……”

 

“หลังจากแม่ทัพเกษียนไปแล้ว ข้าก็ยังโดนขอให้ทำหม้อไฟอยู่เรื่อยเลยค่ะ รู้สึกว่าสมัยนั้น……จะเคยให้แม่ทัพได้กินเห็ดพิษตั้งหลายครั้งเลยสินะคะ”

 

“ฮะ ๆ! เคยสิเคย! ตอนที่กินหม้อไฟแล้วชาไปทั้งตัวเนี่ยตกใจสุด ๆ เลยล่ะ!”

 

“…………”

 

“วันต่อมาวิกเตอร์ก็เลยต้องเป็นคนสั่งการแทนแบบช่วยไม่ได้ เขาประหม่ามากเลยล่ะค่ะ”

 

“ต้นเหตุมันเป็นเพราะเจ้าล่ะนะเฮเลนา! ฮะ ๆๆ!”

 

“………”

 

สำหรับเฮเลนาแล้ว วันเวลาที่ได้ล้อมวงรับประทานหม้อไฟร่วมกันกับเกรเดียมันชวนให้รู้สึกคิดถึงมากทีเดียว

หลังจากเกรเดียเกษียนออกไปและวิกเตอร์ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนศึกพยัคฆ์แดงคนใหม่ ทุก ๆ วันก็ยุ่งวุ่นวายมาก มีบ่อยครั้งที่วิกเตอร์บอกว่า “เฮเลนารู้งานดีที่สุดแล้ว” แล้วก็ฝากให้เธอคุมหน่วยที่แยกต่างหากออกมา ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็เช่นตอนที่ริฟาลบุกมา แล้วเขาออกคำสั่งว่า “ฝากทำอะไรสักอย่างกับกาเซ็ต การิบัลดีที” นั่นเอง

ในระหว่างที่กำลังสนทนาถึงเรื่องเก่า ๆ กับเกรเดียอย่างออกรสอยู่เช่นนั้น

อีกด้านหนึ่ง เธอก็สังเกตได้ว่าฟาร์มาสกำลังอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นทีละน้อย

 

“อ เอ่อ……ท่านฟาร์มาสคะ?”

 

“……ข้าก็จะทานบ้าง”

 

“เอ๋?”

 

“วันนี้ยังไงก็คงไม่สามารถปล่อยให้มื้อเที่ยงที่ทำขึ้นมาจากภาษีเลือดเนื้อของประชาชนต้องเสียเปล่าได้ แต่โอกาสหน้าจะเตรียมแค่วัตถุดิบไว้ให้ แล้วข้าเองก็จะทานหม้อไฟของเจ้าบ้าง”

 

“เอ่อ……แบบนั้นก็ได้นะคะ”

 

การทำอาหารเฉย ๆ มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ หากถามว่าจะทำให้ฟาร์มาสอร่อยจนตกตะลึงได้ไหม เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่มีความตั้งใจที่จะทำของรสชาติแย่ ๆ ให้เขาทาน

อย่างในวันนี้ความจริงแล้วก็กะว่าจะไปลุยป่าเพื่อทำอาหารเลยด้วยซ้ำ

ทว่าทำไมเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้แล้วก็กล่าวเช่นนั้นออกมากันนะ

 

“เกรเดีย”

 

“ครับ ฝ่าบาท”

 

“คราวหน้าเจ้าอยู่เฝ้าวังไปซะ”

 

“ทำไมล่ะครับ”

 

“หม้อไฟของเฮเลนาข้าจะทานแค่คนเดียว”

 

ตั้งตารอกันถึงขนาดนั้นเฮเลนาเองก็ชักจะประหม่าเหมือนกัน

แต่เดิมที กองอัศวินพยัคฆ์แดงนั้นเป็นกองอัศวินที่มีแต่บุรุษ เวลารับประทานอาหารกันเป็นกลุ่มพวกเขาก็เลยบอกว่าอย่างน้อยก็อยากจะทานอาหารฝีมือสตรีบ้าง ด้วยเหตุผลนั้นเฮเลนาจึงเป็นคนได้ทำอาหารเสมอ มันไม่ใช่เพราะว่าทุกคนยอมรับในฝีมือการปรุงอาหารของเธออย่างแน่นอน

และระหว่างที่สนทนากันอยู่แบบนั้น ถนนหนทางข้างหน้าก็ได้เปิดออกไปสู่ที่โล่งกว้างแล้ว

 

“โอ้……ที่นี่น่ะรึ”

 

“สวยจังเลยนะคะ”

 

ที่นั้นคือสถานที่ซึ่งมีถนนขนาดที่รถม้าน่าจะขับผ่านได้ตัดผ่านตรงกลาง ส่วนสองข้างทางก็รายล้อมไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน

คงเป็นเพราะบริเวณนี้ไม่มีต้นไม้ที่ปกติจะขึ้นหนาแน่นอยู่ทั่วทั้งป่าแสงแดดจึงส่องถึงได้ดีกระมัง โดยไม่ได้มีแค่พวกเฮเลนา แต่ยังมองเห็นคนอื่นที่มาอยู่ก่อนแล้วอีกหลายคนกำลังพักผ่อนอยู่เช่นกัน

ฟาร์มาสให้ซิลวาหยุดเดินที่ตรงนั้น

 

“เอาล่ะ พักกันเถอะ”

 

“ค่ะ”

 

แม้จะยังไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้น แต่นั่นเป็นเพราะเฮเลนามีแรงกายมากพอที่จะขี่ม้าวิ่งไปได้ตลอดทั้งวัน สำหรับฟาร์มาสแล้วเขาคงไม่ได้มีแรงกายมากถึงขนาดนั้น

การเดินทางไปหยุดพักผ่อนไปเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีสำหรับเธอเหมือนกัน

 

“แต่ว่า……สงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ”

 

“คะ?”

 

“ถุง……ตรงที่เอวเจ้าน่ะ มันคืออะไรรึ?”

 

เขากำลังพูดถึงถุงกระสอบหนาทนทานที่เฮเลนาผูกไว้ตรงเอวข้างขวา

มีอะไรบางอย่างดิ้นไปดิ้นมาภายในถุงอยู่เรื่อย ๆ หากจะไม่ให้สังเกตเห็นเลยก็คงเกินไปสินะ

แต่อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกไปตามตรง

 

“งูค่ะ”

 

“………………ทำไมล่ะ?”

 

“ก็เอาไว้กินไงคะ”

 

เธอไม่ได้มีงานอดิเรกชอบเลี้ยงงูเสียหน่อย งูมันมีไว้กินเท่านั้นแหละ

ทว่าเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของเฮเลนา ฟาร์มาสก็กุมขมับ

 

“………………งั้นรึ”

 

และพึมพำออกมาเช่นนั้นเบา ๆ เหมือนกับได้ปลงอะไรสักอย่างไปแล้ว

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท