วิกเตอร์ ครีก คือหนึ่งในแปดยอดขุนศึก ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นจุดสูงสุดของยุทธแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ โดยครองตำแหน่งที่ชื่อว่า “ขุนศึกพยัคฆ์แดง”
เขาได้รับการยกย่องว่ามีความโดดเด่นทั้งในศึกรุกและรับ เป็นยอดขุนศึกที่ไม่ว่าจะฝีมือการต่อสู้หรือสติปัญญาก็ดีเลิศทั้งนั้น
แต่เดิมทีนั้น วิกเตอร์เลื่อนขั้นขึ้นมาแบบสายตรงจากตำแหน่งรองผู้บังคับบัญชาพร้อมกับการที่ผู้ครองตำแหน่ง “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” คนก่อนเกรเดีย โรมุลุสได้เกษียนตัวไป
ภายใต้แม่ทัพนั้นจะมีรองผู้บังคับบัญชาหนึ่งคน แล้วก็มีผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาอีกหลายนาย ซึ่งทั้งหมดนั้นจะเรียกว่าเป็นระดับชั้นเสนาธิการของกองอัศวินนั่นเอง วิกเตอร์ได้เลื่อนขั้นจากรองขึ้นมาเป็นแม่ทัพทั้งแบบนั้น และในเวลาเดียวกันเฮเลนา เรลโนตซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยก็ได้กลายมาเป็นรองผู้บังคับบัญชา
วิกเตอร์กับเฮเลนาคือเพื่อนร่วมงานที่ต่อสู้ด้วยกันมาอย่างยาวนาน
อย่างน้อยก็ถึงขนาดที่ว่า หากโดนถามว่าในประเทศนี้เชื่อใจใครมากที่สุด เขาก็ตอบว่าเฮเลนาได้อย่างไม่ลังเล
“เฮ้อ……”
ภายในกระโจมกลางสนามรบ เขากำลังกระดกสุราพลางทอดถอนใจเบา ๆ
ลูกน้องที่วิกเตอร์เชื่อใจมากที่สุดไม่อยู่ในสนามรบอีกต่อไป เมื่อวันก่อนตำแหน่งรองผู้บังคับบัญชาก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็น ริชาร์ด โลฟาล ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยมาก่อนเรียบร้อย ทะเบียนทางการทหารของเฮเลนาเองก็ถูกลบออกไปแล้ว
ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะเธอได้กลายเป็นนางสนมของฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ จักรพรรดิหนุ่มซึ่งเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์เมื่อหนึ่งปีก่อนและเล่าลือกันว่าเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลา แล้วเธอก็เข้าสู่วังหลังของจักรพรรดิไปแล้วนั่นเอง
เฮเลนาผู้ผ่านสมรภูมิมาพร้อมกับวิกเตอร์มากกว่าใคร
การสูญเสียเฮเลนาผู้นั้นไป มันแทบจะเหมือนกับการเสียแขนไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
“อย่าถอนหายใจเยอะนักสิ เดี๋ยวลูกน้องก็เป็นกังวลกันหรอก”
“ก็อยู่กับแกแค่สองคนนี่หว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย”
บุรุษตรงหน้าของเขาที่กำลังดื่มสุราอยู่เช่นกัน—“ขุนศึกหมีน้ำเงิน” บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ด ได้กล่าวออกมาเช่นนั้น
แม้ที่นี่จะเป็นสนามรบ แต่ก็ใช่ว่าต้องคอยระวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งคราวก็มีคืนที่เขามาเปิดอกร่วมดื่มกับคนที่มีจุดยืนเทียบเท่ากันแบบนี้เหมือนกัน
เพราะต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว แม่ทัพจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้
“……เฮเลนาน่ะนะ”
“อา”
“ทะเบียนทางการทหารของเธอหายไปหมดแล้ว ประวัติตั้งแต่เข้าหน่วยมาจนมาเป็นรองแม่ทัพ หายไปเกลี้ยงเลย”
“งั้นรึ”
เฮเลนานั้น คือหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาได้รับมาเมื่อตอนเลื่อนขั้นขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยเป็นครั้งแรก
เธอมีฝีมือยุทธที่น่าชื่นชมมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ได้เลื่อนตำแหน่งตามการเลื่อนขั้นของวิกเตอร์เหมือนไล่ตามกันมา โดยที่อยู่ต่ำกว่าหนึ่งขั้นตลอด ดังนั้นสำหรับวิกเตอร์แล้วเธอจึงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อใจมากที่สุด แล้วก็เป็นรองผู้บังคับบัญชาที่ฝากฝังได้มากที่สุดด้วย
เส้นทางในกองทัพของวิกเตอร์นั้น มีเฮเลนาอยู่ด้วยเสมอ
วันเวลาแบบนั้น
มันได้หายไป พร้อม ๆ กับเอกสารประวัติเสียแล้ว—
“คงไม่กลับมาแล้วสินะ……”
“……”
‘โธ่เว้ย’ วิกเตอร์สบถเบา ๆ ก่อนจะเปิดสุราขวดใหม่
ที่เท้าของเขานั้น มีขวดเปล่า ๆ ที่ดื่มไปจนเกลี้ยงแล้ววางกลิ้งอยู่หลายขวด
“ดื่มมากไปหน่อยแล้วมั้ง วิกเตอร์”
“อยู่กับแกสองคนแบบนี้ นาน ๆ ทีก็ขอปล่อยเนื้อปล่อยตัวบ้างเหอะน่า”
“……เอาเถอะ ถ้าว่างั้นมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
‘หึ’ บาร์โตโลเมยิ้ม
แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เกรงว่าหากคนที่ไม่รู้จักเขามาเห็นเข้าคงจะไม่นึกว่ากำลังยิ้ม แต่นึกว่ากำลังข่มขวัญผู้อื่นอยู่เป็นแน่ก็ตาม
“เฮ้อ……ก่อกบฏมันซะเลยดีไหมเนี่ย”
“ต่อให้พูดเล่นก็ไม่ขำนา”
“ถ้าบอกว่าเพื่อเฮเลนาล่ะก็ ทั้งพยัคฆ์แดง หมาป่าเงิน วิหคดำ อสรพิษม่วง แรดทองคำก็จะเคลื่อนไหวแน่ แปดกองอัศวินเกินครึ่งเชียวนะ”
“ถ้าจะเอาจริง ก็ลองฆ่าข้าให้ดูก่อนเถอะ”
“……”
ต่อหน้าสายตาดุดันของบาร์โตโลเม วิกเตอร์เองก็หรี่ตาจ้องกลับไปเช่นกัน
ทว่า เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาเหมือนกับยอมแพ้ ก่อนจะเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้
“ไม่ไหวว่ะ ต่อให้สู้ร้อยครั้งก็ไม่เห็นอนาคตอื่นนอกจากแพ้ร้อยครั้งเลย”
“งั้นก็ล้มเลิกซะเถอะ การก่อกบฏน่ะ เฮเลนาเองก็คงไม่ต้องการหรอก”
“ให้ตายสิ……แม่นั่นก็อีกคน ทำไมเข้าวังหลังไปแล้วถึงยังยอมอยู่เฉย ๆ ได้กันนะ ถ้าเป็นเฮเลนาที่ข้ารู้จักล่ะก็ป่านนี้คงอัดหน้าจักรพรรดิโง่นั่นเพื่อดัดนิสัยแล้วก็หนีออกมาแล้ว”
“……เรื่องนั้น”
บาร์โตโลเมลังเลที่จะพูด
สำหรับพวกเขาแล้ว ฟาร์มาสจักรพรรดิหนุ่มนั้นคือจักรพรรดิผู้โง่เขลา เป็นคนงี่เง่าที่คิดจะไม่สนใจการเมืองการปกครองอย่างจริงจัง จะเรียกได้ว่าเป็นตัวการหลักที่ทำให้ประเทศกำลังเกิดความวุ่นวายอยู่เลยก็ว่าได้
เมื่อถูกจักรพรรดิงี่เง่าแบบนั้นแย่งตัวเฮเลนาไปเช่นนี้ สำหรับวิกเตอร์แล้วมันคงยากจะให้อภัยจริง ๆ
“ให้ตายเส่……เฮเลนา-……”
“เฮ้อ……”
“งืม……”
วิกเตอร์ที่สุราไหลเวียนจนเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ในที่สุดก็ฟุบลงกับโต๊ะ
ส่วนบาร์โตโลเมที่ไม่ได้ดื่มมากเท่าไรนัก เมื่อได้ยินเสียงบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงกรน เขาก็คลุมผ้าห่มลงบนไหล่ของวิกเตอร์
และออกจากกระโจมไปโดยไม่เอ่ยคำใด
“ดื่มจนเช้าอีกแล้วหรือคะ วิกเตอร์”
“อา—……โทษที”
ผู้ที่ทำหน้าที่คอยมาปลุกวิกเตอร์ที่เผลอหลับคาโต๊ะทุกครั้งก็คือเฮเลนา
บ่อยครั้งในตอนกลางคืนหลังจากจบการฝึก สมาชิกกองอัศวินพยัคฆ์แดงก็มักจะไปดื่มสุรากันจนเป็นธรรมเนียม ถึงกระนั้นเฮเลนาก็คออ่อน ดื่มได้ไม่นานก็จะเริ่มร้องไห้ด้วย ดังนั้นอย่างมากไปได้ถึงร้านสองก็เต็มกลืนแล้ว
เพราะฉะนั้นในการออกไปดื่มของกองอัศวินพยัคฆ์แดงจึงถือว่า ก่อนเฮเลนาฟุบให้นับเป็นยกแรก หลังจากนั้นค่อยเป็นยกที่สอง
และเมื่อเอาเฮเลนาที่เมาพับไปส่งถึงที่พัก พวกเขาก็จะไปต่อกันที่ร้านถัดไป แล้วก็ดื่มกันต่อจนถึงเช้า
“ให้ตายสิ ท่านน่ะเป็นถึง ‘ขุนศึกพยัคฆ์แดง’ แล้วนะคะ โปรดมีความสำนึกตัวให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แม่ทัพเกรเดียเองก็ยังเคยดื่มถึงเช้าแล้วมาทำงานต่อตั้งหลายครั้ง”
“แต่วิกเตอร์ทำบ่อยเกินไปน่ะสิคะ”
‘จริง ๆ เล้ย’ เฮเลนาต่อว่า
การโดนปลุกแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ และการที่หัวเราะฮี่ ๆ แล้วก็ไม่สำนึกผิดสักนิด มันก็เป็นนิสัยแย่ ๆ อย่างหนึ่งของวิกเตอร์ด้วย
“ที่สำคัญ วันนี้วันอะไรจำได้ไหมคะ?”
“หืม? วันนี้……อ้อ ฝึกซ้อมรบสินะ”
“มีกำหนดการว่าวิกเตอร์กับข้าจะแบ่งกันนำทัพกองอัศวินพยัคฆ์แดงคนละครึ่ง แล้วก็ฝึกซ้อมรบกันที่ทุ่งราบไงคะ ยังมีสุราตกค้างอยู่แบบนี้จะคุมทัพให้มันดี ๆ ได้รึ”
“ก็ยังดีกว่าสมองกล้ามแบบเธอละกันน่า”
“ช่างกล้าพูดนะคะ วิกเตอร์?”
‘ฮึ่ม’ เฮเลนามีความโกรธผุดขึ้นในแววตาและจ้องมองวิกเตอร์อย่างท้าทาย
ถึงกระนั้น สำหรับวิกเตอร์ที่คบหากับเธอมานาน ก็รู้ดีว่าในแววตานั้นมีความรู้สึกสนุกปนอยู่ด้วย
“เอาจริง ๆ นะ แผนการรบมันต้องอ่านเกมล่วงหน้าไปหลาย ๆ ชั้น พยายามขัดขวางการเคลื่อนไหวของข้าศึก แล้วก็สร้างสถานการณ์ที่ฝ่ายเราได้เปรียบขึ้นมา นั่นแหละคือมาตรฐานที่ดีที่สุด เทียบกันแล้วเธอน่ะ ไม่ได้คิดอะไรเลยไม่ใช่รึไงกัน”
“กองทัพคือสิ่งที่เคลื่อนไหวด้วยสัญชาติญาณยังไงล่ะคะ”
“เธอที่ทำแบบนั้นแล้วลูกน้องไม่ตายเลยเนี่ยมันสุดยอดจริง ๆ นะ”
วิกเตอร์จะเคลื่อนทัพอย่างมีเหตุมีผล ใช้กลยุทธ์มากมายที่เกี่ยวโยงกันเหมือนกับการกางใยแมงมุมออกไปเพื่อทำให้ศัตรูไขว้เขวและดำเนินไปในแบบที่ตนเองได้เปรียบ
ทว่าเฮเลนานั้นไม่เหมือนกัน เธอเคลื่อนไหวตามสัญชาติญาณแบบไม่คิดอะไรเลย แต่กลับทิ่มแทงเข้าที่จุดอ่อนของข้าศึกได้อย่างแม่นยำ
วิกเตอร์ขุนศึกที่ใช้กลยุทธ์อันชาญฉลาด กับเฮเลนาขุนศึกผู้ใช้สัญชาติญาณ
เพราะมีทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเจอคู่ต่อสู้แบบไหน พวกเขาก็สามารถต่อสู้ได้อย่างเหนือชั้น กลายเป็นกองทัพที่มากประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้าน
“เช่นนั้น ก็ไปกันเถอะค่ะ จะเล่นให้หมอบราบคาบไปเลย”
“เหอะ ถ้าข้าชนะ ค่าเหล้าคืนนี้เธอเป็นคนเลี้ยงนะเฟ้ย”
“คำพูดของทางนี้ต่างหาก ถ้าข้าชนะ คืนนี้จะขอดื่มฟรีค่ะ”
‘หึ ๆ’ ทั้งสองคนเขม่นใส่กัน
เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เข้าสังกัดในหน่วยทหาร แม้จะต่างกันในความเป็นชายหญิง แต่วิกเตอร์กับเฮเลนานั้นก็สนิทกันแบบไม่ต้องเกรงใจอะไรกันแม้แต่น้อย บางทีสำหรับเฮเลนาแล้ว หากสถานการณ์บีบบังคับ ต่อให้ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าวิกเตอร์เธอก็คงไม่ลังเลอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาเชื่อใจกันถึงขนาดนั้น
แม้จะจ้องเขม่นกัน แต่ภายในนั้นก็มีความสนุกสนานเจือปนอยู่ด้วย
“เอาล่ะ งั้นข้าไปแล้วนะคะ วิกเตอร์”
“อืม เออ รอเดี๋ยวสิ”
“ล่วงหน้าไปก่อนนะคะ”
“เฮ้ย ๆ บอกว่าให้รอเดี๋ยวก่อนไง……”
เหมือนเบื้องหน้าค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา
แล้วเฮเลนาก็กำลังเดินจากไปยังอีกฟากของหมอกนั้น
วิกเตอร์ยื่นมือออกไปหาเฮเลนาผู้นั้น
“เฮ้ บอกว่าให้รอก่อน……!”
ได้แต่ยื่นมือออกไปยังเฮเลนาที่ค่อย ๆ เลือนหายไป—
“เฮเลนา—!”
เขาลืมตาสะดุ้งตื่นขึ้นมา
แน่นอนว่าที่นี่ก็คือกระโจมของกองอัศวินพยัคฆ์แดง ซึ่งตั้งอยู่ ณ แนวหน้าการรบกับจักวรรดิอัลเมดา
ดูเหมือนเขาจะดื่มหนัก จนเผลอหลับฝันไป
“เฮ้อ……ให้ตายสิ ฝันหรอกรึ”
ปกติแล้ว คนที่มาปลุกวิกเตอร์ที่หลับไปแบบนี้ทุกครั้งก็คือเฮเลนา
ทว่า แม้แต่ในความฝัน เธอก็ได้หายไปยังที่ห่างไกลเสียแล้ว
เขารู้สึกว่ามันช่างน่าเหงาใจ พลางทอดถอนใจเบา ๆ ให้กับน้ำหนักของผ้าห่มที่คลุมอยู่บนไหล่
“……งั้นรึ”
เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เข้าหน่วย ที่ผ่านมาจึงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่มีเธออยู่ใกล้ตัว
อาจเป็นเพราะแบบนั้นก็ได้ เขาถึงได้ไม่เข้าใจมาก่อน
ทว่า
วิกเตอร์นั้น คงจะ—
“ข้า……ชอบเฮเลนาสินะ”
แม้จะรู้จักกันมาเกินสิบปี แต่ก็เพิ่งจะรู้ตัวถึงความรู้สึกนี้เป็นครั้งแรก
ความรู้สึกอันแท้จริง ที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเพราะระยะห่างใกล้ชิดกันเกินไป
ถึงกระนั้น
เฮเลนานั้นก็ได้จากไปยังที่ที่มือของวิกเตอร์เอื้อมไม่ถึงเสียแล้ว
“ให้ตายสิ……ก็สมควรแล้วล่ะที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนได้เลย ผู้หญิงแบบนั้นหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ……”
ข้างนอกยังมืดอยู่ ดูเหมือนเขาจะตื่นขึ้นมากลางดึกเสียแล้ว
และเรื่องที่วิกเตอร์ควรทำตอนนี้ก็มีเพียงเรื่องเดียว
นั่นก็คือดื่มให้กับความรู้สึกที่ไม่มีวันบรรลุผลนี้เท่านั้นเอง