เช้าวันต่อมา
ก่อนตะวันจะขึ้น เฮเลนาก็ได้ลืมตาตื่นและลุกขึ้นจากเตียงแล้ว
เธอได้สั่งกับศิษย์ทั้งสี่คนไว้ว่าให้มาที่ห้องตอนเวลาตะวันขึ้น ดังนั้นพวกเธอก็คงจะมากันก่อนที่อเลกเซียจะมาถึงด้วยซ้ำกระมัง
ในส่วนของแองเจลิกา ได้ยินว่าเธอจะถูกพามาส่งตอนเช้า แต่มันจะเป็นเมื่อไรกันนะ
หากจะเริ่มดำเนินการฝึกอบรมก็จำเป็นต้องให้มันพร้อมกันห้าคนก่อน แปลว่าต้องรอจนกว่าแองเจลิกาจะมาถึงนั่นเอง
“เอาล่ะ”
เธอฝึกร่างกายเรียกเหงื่อเบา ๆ
ตั้งแต่นี้ไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน เธอจะต้องดำเนินการฝึกอบรมอย่างใกล้ชิดตลอด ช่วงเวลาที่เธอใช้ฝึกฝนร่างกายตนเองได้ก็คงจะมีแค่ช่วงเช้ามืดนี่แหละ
เธอวิดพื้นสองร้อยครั้ง ซิตอัปอีกสักสองร้อยครั้ง และเมื่อเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างพอดี
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตู ‘ก๊อก ๆ’
“อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“เข้ามาได้”
กลุ่มที่มาถึงก่อนก็คือฟรองซัวส์กับคลาริสซา
สำหรับฟรองซัวส์ แม้จะยังเช้าอยู่แต่ก็ดูร่าเริงแจ่มใสเหมือนเคย ส่วนคลาริสซานั้นกลับกัน เธอยังขยี้ตาเหมือนง่วง ๆ อยู่
นี่มันคงจะเช้ากว่าเวลาตื่นนอนปกติของพวกเธอ ถึงกระนั้นก็ตาม จากนี้ไปเวลานี้คงจะได้กลายเป็นเวลาตื่นนอนตามปกติของพวกเธอนั่นแหละ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพี่หญิง”
“ฮึ มาแล้วเจ้าค่ะ”
และไม่นานนักมาริเอลกับชาร์ลอตเตก็มาถึง พร้อมกับโซฟีนาและเอสเทลผู้เป็นสาวใช้
อันดับแรกเธอคงจะต้องให้โซฟีนากับเอสเทลออกไปก่อน
หากมีสาวใช้อยู่ด้วยก็อาจนำไปสู่ความเหลาะแหละได้ ส่วนที่เหลือฝากให้อเลกเซียที่กำลังจะมาทำงานเป็นคนดูแลก็แล้วกัน
ทั้งสี่คนมารวมตัวกันที่ห้องของเฮเลนาแล้ว
เฮเลนาได้เข้าไปยืนเบื้องหน้าทั้งสี่
“เช่นนั้น ก่อนอื่น ทุกคนไปเอาเตียงของตัวเองมาที่ห้องนี้ซะ”
“เอ๋?”
“ในหนึ่งเดือนนี้ ข้าจะดำเนินการฝึกแบบเข้มงวด การนอนค้างก็จะทำที่ห้องของข้าด้วย หากบอกว่าไม่ต้องการเตียงก็จะนอนพื้นก็ได้ แต่ไม่แนะนำหรอกนะ”
“น นอนค้างร่วมห้องกับท่านพี่หญิง……!”
“แต่ว่า”
ไม่รู้ทำไมมาริเอลถึงทำท่าเหมือนประทับใจ แต่เฮเลนาก็ทำเป็นไม่เห็นแล้วก็อธิบายข้อควรระวังต่อไป
การฝึกอบรมนี้โดยพื้นฐานแล้วคือการฝึกเพื่อเพิ่มพลังทางร่างกาย แล้วก็ฝึกความสามัคคีร่วมมือกันของทั้งห้าคนรวมแองเจลิกาด้วย เรียกได้ว่าหลังจากผ่านการฝึกนี้ไปแล้วก็จะตัดสินได้ว่าใครมีความสามารถพอที่จะต่อสู้ได้หรือไม่ได้เลยทีเดียว
ดังนั้น
จึงไม่อาจปล่อยให้มีการพึ่งพาคนอื่นได้
“ขอสั่งห้ามไม่ให้สาวใช้หรือนางกำนัลช่วย ไปยกเตียงของทั้งสี่คนมาด้วยกำลังของสี่คนที่อยู่ที่นี่เท่านั้น”
“เอ๋!”
“ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธเด็ดขาด เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว!”
“ค ค่ะ!”
ฟรองซัวส์กับคลาริสซามุ่งหน้าไปที่ห้องของพวกตัวเองกันก่อน พวกเธอเป็นสหายกันมาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นคงตั้งใจจะช่วยกันขนสองคนกระมัง
ทว่ายังอ่อนหัดเกินไป
หากเป็นเฮเลนาก็คงจะขนเตียงได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่หรอก แต่ด้วยกำลังแขนของฟรองซัวส์กับคลาริสซา ต่อให้สองคนช่วยกันก็ยังยากที่จะขนมันมาได้
ดังนั้นเป้าหมายของการฝึกนี้
อันดับแรกก็คือให้ทั้งสี่คนรู้จักการทำงานร่วมกันก่อน
มาริเอลกับชาร์ลอตเตส่งสายตาปะทะกันจนแทบจะเกิดประกายไฟเปรี๊ยะ ๆ
‘จะให้ร่วมมือกับยัยนี่เนี่ยนะ’ แม้แต่เฮเลนาก็ยังรู้เลยว่ากำลังคิดแบบนี้กันอยู่
ทว่าเธอก็จงใจไม่พูดอะไรออกไป
เฮเลนาได้ออกคำสั่งไปแล้ว ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอเองเท่านั้น
“ค คุณมาริเอล! คุณชาร์ลอตเต!”
“มีอะไรหรือคะ?”
“อะไรเจ้าคะ”
“ลำพังข้าสองคนไม่มีแววว่าจะยกไหวเลยค่ะ! ทั้งสองคนโปรดช่วยด้วยค่ะ!”
“……”
แม้จะดูไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินคำขอร้องของฟรองซัวส์ดังนั้น พวกเธอก็พากันออกจากห้องไปเช่นกัน
แม้ต่างฝ่ายจะไม่ยอมอ่อนให้กันและกัน แต่ดูเหมือนฟรองซัวส์จะช่วยเป็นตัวประสานที่ดีได้กระมัง
ทั้งสี่คนช่วยกันขนย้ายเตียงเข้ามาในห้องของเฮเลนาอย่างยากลำบาก
ระหว่างที่กำลังขนพวกสาวใช้ก็แสดงท่าทีเหมือนจะเข้ามาช่วย แต่เฮเลนาก็ได้ห้ามไว้
หลังจากใช้เวลาไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเตียงของทั้งสี่คนก็ได้รับการขนย้ายมาวางเรียงรายเป็นแถวกัน
แม้มันจะทำให้ห้องของเฮเลนาดูแคบลงไปถนัดตา แต่มันก็เป็นห้องที่กว้างขวางอยู่ดี ยังมีที่กว้างเหลือพอให้ทั้งห้าคนแยกกันออกกำลังกายได้อยู่
“ข ขนมาแล้วเจ้าค่ะ……!”
“เช่นนั้นก็พักได้ ก่อนอื่นก็รอจนกว่าอีกหนึ่งคนคือแองเจลิกามาเข้าร่วมซะ”
‘เฮ้อ’ ทั้งสี่คนต่างคนก็ต่างเริ่มพักผ่อนกันตามแบบฉบับของตัวเอง
การขนเตียงต้องใช้พละกำลังพอสมควร มันคงเป็นงานที่ยากสำหรับเหล่ากุลสตรี ทว่าพวกเธอก็ไม่ปริปากบ่นกันแม้แต่คำเดียว ดูเหมือนคงได้เรียนรู้จากตอนที่ทำงานปรับปรุงวังหลังแล้วว่าพร่ำบ่นอะไรไปก็ไม่มีความหมาย
ปฏิเสธไปก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ต้องทำให้รู้สึกแบบนั้นกันก่อน หลักสูตรฝึกทหารใหม่จึงจะเริ่มต้นขึ้นได้
หลังจากนั้น เมื่ออเลกเซียมาเริ่มงาน แล้วก็นำมื้อเช้ามายังห้องของเฮเลนา เธอก็เริ่มลงมือรับประทานทั้งแบบนั้น
ในเวลาเดียวกัน เธอได้ให้ทั้งสี่คนกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อรับประทานมื้อเช้ากันก่อน โดยสั่งไว้ว่าเมื่อรับประทานมื้อเช้ากันเสร็จแล้วก็ให้กลับมารวมตัวกันที่ห้องของเฮเลนาอีกครั้ง
ซึ่งทั้งสี่คนก็ทำตามคำสั่งนั้น หลังจากออกจากห้องไปเพื่อไปรับประทานมื้อเช้าไม่นานนักก็กลับมากันทันที
และเมื่อทั้งสี่คนได้รับประทานมื้อเช้าและกลับมารวมตัวกันครบแล้ว ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ‘ก๊อก ๆ’
“ข ขออนุญาตค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”
“อรุณสวัสดิ์อิซาเบล”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คือว่า……ฝ่าบาทพระพันปีลูเครเซีย กับเจ้าหญิงแองเจลิกาทรงมาเยือนค่ะ”
“เชิญให้เข้ามาได้เลย”
“จ้ะ อรุณสวัสดิ์นะจ๊ะ หนูเฮเลนา”
ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นพลางเดินเข้ามาก็คือลูเครเซียที่ยังดูแจ่มใสเหมือนเคย
แม้สถานการณ์ที่มีเตียงเรียงกันอยู่หกเตียงจะทำให้เธอรู้สึกฉงนใจไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไรก่อนจะผายมือแนะนำไปทางด้านหลัง
คนที่มาพร้อมกับลูเครเซีย ก็คือเด็กสาวผู้มีแววตาดื้อรั้น—แองเจลิกา
“……”
‘ฮึ่ม’ แองเจลิกาที่ไม่คิดจะปิดบังความไม่สบอารมณ์แม้แต่นิดได้เขม่นใส่เฮเลนา
แม้จะพวกเธอจะเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกที่งานราตรีคราวนั้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้เฮเลนาเลยจริง ๆ
เอาเถอะ ยังไงซะจากนี้ไปเธอก็เป็นคนที่เฮเลนาต้องฝึกอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว การที่ไม่ได้มีภาพประทับใจดี ๆ มันอาจจะดีกว่าก็เป็นได้
“เช่นนั้น ท่านลูเครเซียคะ”
“……คือว่า ขอดูแค่ตอนเริ่มต้นสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”
“ไม่ได้ค่ะ เพียงแค่มีท่านลูเครเซียอยู่ก็อาจนำไปสู่ความเหลาะแหละได้แล้ว”
“งั้นหรือ……ถ้างั้น แองเจลิกา เป็นเด็กดีนะจ๊ะ”
“เสด็จแม่……”
แองเจิลกาจิกตาใส่เฮเลนา ก่อนจะหันไปมองส่งลูเครเซียซึ่งกำลังเดินออกไป
อิซาเบลเองก็ออกไปพร้อมกันด้วย เท่านี้การเตรียมตัวก็เสร็จสิ้นแล้ว
‘เอาล่ะ’ เฮเลนาหันหน้าเข้าหาแองเจลิกา
“แองเจลิกา ไปยืนเรียงกับทั้งสี่คนซะ”
“—! คิดว่าดิฉันเป็นใครกันฮึ! น้องสาวของฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน แองเจลิกา ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟนะ! ไม่ใช่นามที่คนอย่างเจ้าจะมาเรียกได้ง่าย ๆ แบบนั้น!”
“น่าเสียดายนะ แต่ฝ่าบาทพระพันปีลูเครเซียได้ละเว้นโทษหมิ่นเบื้องสูงทุกอย่างที่ข้ากระทำต่อเจ้าในวังหลังแห่งนี้แล้ว ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง ไปต่อแถวตรงนั้นซะ”
“…! อย่าได้ใจไปนักนะ ยัยสาวทึนทึกนี่!
“โฮ่……”
ตอนนั้นเอง เฮเลนาก็ได้นำอาวุธออกมา
เพื่อฝึกฝนทั้งห้าคนนี้ เฮเลนาจึงจงใจใช้อาวุธ ปกติแล้วในการฝึกทหารใหม่นั้น การถูกเตะต่อยทุบตีให้ร่างกายได้จดจำความเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก
ทว่าอย่างไรห้าคนนี้ก็เป็นกุลสตรี มิควรทำอะไรที่เหลือรอยแผลทิ้งไว้บนร่างกาย
ดังนั้นแล้ว เธอจึงได้ตั้งใจเตรียมอาวุธพิเศษมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“จะไม่มีครั้งที่สาม ไปต่อแถวซะ”
“วาจาสามหาว……! ใครจะไปฟังที่เธอสั่งกัน!”
“ฮึ่ม!”
เธอฟาดอาวุธนั้น
ลงไปที่ศีรษะของแองเจลิกาอย่างเต็มแรง
เกิดเป็นเสียงกังวานดัง ‘เพี้ยะ’
“อุ อึ่ก!?”
“ถ้ายังไม่หุบปากก็จะฟาดอีกเรื่อย ๆ เลย เอ้า ไปต่อแถวซะ”
“อ อุ……”
“หรือว่าอยากจะโดนอันโน้นฟาดมากกว่ารึ?”
สิ่งที่เฮเลนาชี้มือไปหา ก็คือดาบใหญ่ที่ได้รับมาจากฟาร์มาส
แม้มันคงไม่มีบทบาทในคราวนี้แต่อย่างน้อยก็พอใช้ข่มขวัญได้ เธอจึงวางพิงเอาไว้แถวนั้น
“คึ……”
“ต่อแถวซะ ก่อนที่อาวุธข้ามันจะเปลี่ยนเป็นอันโน้น”
แองเจลิกากดหัวตรงที่ถูกฟาดเอาไว้ พลางมองดูเฮเลนาอย่างหวั่น ๆ
ในแววตานั้นแม้จะมีความหวาดกลัวผุดขึ้นมาให้เห็น แต่ดูเหมือนอารมณ์โกรธมันจะมากกว่าอยู่กระมัง
เธอไปยืนเรียงแถวกับอีกสี่คนอย่างเห็นได้ชัดว่าฝืนใจทำ
“เอาละ……เช่นนั้นเราจะเริ่มการฝึกของจริงกันแล้ว เหมือนอย่างที่เห็นจากแองเจลิกาเมื่อครู่ ใครที่อู้ไม่เอาจริงเอาจัง ใครที่กระด้างกระเดื่อง ข้าจะไม่เมตตาทั้งนั้น ยิ่งพวกเจ้าอู้กันมากเท่าไร อาวุธมันก็จะเปลี่ยนเป็นอันที่เจ็บขึ้นเรื่อย ๆ ตามตัว อย่างอันที่ใช้อยู่ตอนนี้แม้จะเสียงดังแต่ก็ไม่ได้เป็นอาวุธที่เจ็บอะไรขนาดนั้น อันต่อไปจะเปลี่ยนเป็นไม้กระบองหุ้มผ้า ขอให้พวกเจ้าตั้งใจฝึกกันอย่างจริงจังจะได้ไม่โดนไม้กระบองฟาดกันนะ”
“ค่ะ!”
ใช่แล้ว อาวุธที่เฮเลนากำลังแสดงอยู่ในมือขวาของเธอ
มันคือสิ่งที่เธอเพิ่งจะทำขึ้นมาเมื่อคืนนี้ โดยใช้กระดาษแข็งหลายแผ่นมาซ้อนกันแล้วพับทบกันไปมา จากนั้นก็มัดตรงจุดที่จะใช้มือจับเอาไว้
อาวุธที่ไร้ซึ่งความสามารถในการสังหาร ซึ่งสืบทอดกันมาในพื้นที่ส่วนหนึ่งของดินแดนฝั่งตะวันออกเท่านั้น
ชื่อของมันก็คือ พัดกระดาษ