ซากศพกระจัดกระจาย
วลีนั้นคงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้วกระมัง
“ให้ตายสิ……”
บัดนี้ได้ล่วงเลยเวลาสำรับเที่ยงมานานมากจนเกือบจะถึงเวลาสำรับเย็นอยู่แล้ว แองเจลิกากับฟรองซัวส์ได้ล้มพับไปเรียบร้อย คลาริสซากับชาร์ลอตเตหอบหายใจอยู่ในท่าคลานสี่ขา ส่วนมาริเอลก็กำลังยืนพิงกำแพงอยู่อย่างอ้อนล้า
และที่กลางห้องก็คือเจ้างูที่กำลังแลบลิ้นแผล่บ ๆ ราวกับกำลังล้อเลียนพวกเธอทุกคนอยู่ก็ไม่ปาน
แม้จะใช้เวลาตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น แต่งูตัวนี้ก็ยังหนีรอดอยู่ได้โดยไม่มีถูกจับเลยสักครั้ง
อย่างไรก็ตาม เพราะว่ามีเฮเลนาคอยยืนขวางประตูเข้าออก และหน้าต่างเองก็อยู่สูงพอสมควร มันจึงไม่สามารถหนีออกไปนอกห้องได้
“แฮ่ก แฮ่ก……”
“ม ไม่ไหวแล้วค่ะ……”
“งู ไม่เอางูแล้ว……”
ทั้งห้าออกปากร้องไห้คร่ำครวญกันต่อไป
อาจเป็นเพราะออกกำลังที่ไม่คุ้นเคยในช่วงเช้า แล้วยังต้องอดสำรับเที่ยง หนำซ้ำยังต้องมาเจออะไรอย่างการจับงูเป็นครั้งแรกอีก จิตใจของพวกเธอจึงหมดสิ้นสภาพกันแล้ว อนึ่ง เฮเลนาผู้เป็นครูฝึกเองก็อดสำรับเที่ยงด้วยเช่นกัน เธอไม่ทำอะไรที่ไร้ยางอายอย่างการได้กินอาหารอยู่คนเดียวหรอก
ทว่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้เตรียมสำรับเย็นกันเสียที
ต่างจากเฮเลนาซึ่งต่อให้ไม่กินอะไรวันสองวันในสมรภูมิก็ไม่เป็นไร พวกเธอคงไม่เคยมีประสบการณ์ต้องอดอาหารกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
การให้ได้ลิ้มรสความหิวโหยถึงที่สุดมันยังเป็นหัวข้อการฝึกอบรมหลังจากนี้ไป
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ”
เจ้างูกำลังแลบลิ้นข่มขวัญ
สำหรับเหล่าบุตรีขุนนางซึ่งถูกงูตัวนั้นไล่กวดเหมือนเป็นของเล่นมาอย่างต่อเนื่อง บางทีพวกเธอคงไม่อยากจะเห็นภาพงูอีกแล้วด้วยซ้ำกระมัง
ทว่า
‘ควับ’ เฮเลนาคว้างูตัวนั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย
และในสภาพที่คว้าตรงบริเวณคองูเพื่อไม่ให้มันกัดอยู่ เธอก็จับมันใส่กลับเข้าไปในถุงกระสอบซึ่งวางทิ้งไว้ตรงมุมห้อง แล้วก็มัดปิดปากถุง
เจ้างูกลับไปอาละวาดอยู่ภายในกระสอบอีกครั้ง
“เอ๋……”
“ทำไมถึงจับได้ง่ายแบบนั้น……”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยเจ้าค่ะ……”
“กับแค่งูยังโดนมันหยอกเล่นถึงขนาดนี้ น่าเวทนากันซะจริง”
‘เฮ้อ’ เฮเลนาถอนหายใจคำโตพลางยักไหล่
ในความเป็นจริงแล้ว งูตัวนี้เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ได้กินอะไรมาพักใหญ่แล้ว เทียบกับตอนที่เฮเลนาจับมันมาแล้วการเคลื่อนไหวของมันจึงอ่อนกำลังลงไปมาก เห็นได้ชัดจากการที่เธอใช้มือคว้าลำคอมันได้อย่างง่ายดาย
ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแท้ ๆ เธอกลับไม่นึกเลยว่าเหล่าศิษย์จะใช้เวลากันมากถึงเพียงนี้
ทว่าการฝึกด้วยงูเองก็นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวนัก
อย่างเช่น อันที่จริงคลาริสซานั้นควรจะถึงขีดจำกัดของพลังกายไปแล้ว แต่พอถูกงูไล่ตามก็ยังพยายามหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคำกล่าวที่ว่าพลังใจสามารถก้าวข้ามพลังกายเลยล่ะ
ถึงแม้เฮเลนาลองดูดี ๆ แล้วจะรู้สึกว่างูมันก็ออกไปทางน่าเอ็นดูแท้ ๆ อย่างเช่นดวงตากลม ๆ ใส ๆ นั่นน่ะ
“เอาล่ะ งั้นก็มากินมื้อเย็นกัน อเลกเซีย!”
“ค่ะ ท่านเฮเลนา”
อเลกเซียซึ่งคงจะรออยู่ที่อีกฟากของประตูมาตลอดได้ตอบขึ้นเช่นนั้นแล้วก็เปิดประตูออก
สำรับเย็นของเฮเลนาได้รับการเข็นมาในรถเข็นสีเงิน ต่อจากนั้นเหล่าสาวใช้อย่างเอสเทลหรือโซฟีนาก็นำสำรับเย็นเข้ามาเช่นกัน
อนึ่ง ผู้ที่นำส่วนของแองเจลิกามาก็คืออิซาเบล ดูเหมือนเธอจะทำหน้าที่เป็นนางกำนัลเฉพาะกิจให้กระมัง
จากนั้นบรรดานางกำนัลก็เตรียมโต๊ะ และจัดวางสำรับเย็นบนโต๊ะนั้น
ทุกคนได้รับอาหารแบบเดียวกันหมด เฮเลนาก็ไม่เคยเห็นสำรับอาหารของกุลสตรีนางอื่นมาก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีการแบ่งแยกตามบรรดาศักดิ์สินะ
“เอาล่ะ งั้นก็มากินกันเลย อาหารคือต้นทุนที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายนะ”
ว่าแล้วเฮเลนาก็เริ่มรับประทานก่อน
เป็นอาหารที่แม้รสชาติจะใช้ได้แต่ก็เย็นชืดหมดแล้วตามเคย นับว่ายังดีที่มีชาร้อน ๆ ซึ่งอเลกเซียช่วยชงให้อยู่
‘หง่ำ ๆ’ เฮเลนากินอาหารไปตามปกติ ทว่าในทางกลับกัน—
“……”
“……”
“……”
“……”
มีอยู่สี่คนที่นั่งมองสำรับเย็นโดยไม่ขยับ
มีเพียงคนเดียวที่กินหงับ ๆ อย่างกระปรี้กระเปร่าคือฟรองซัวส์ โดยคลาริสซานั้นนั่งมองอาหารพลางถอนหายใจอย่างชัดเจน ชาร์ลอตเตก็ทำหน้ายู่พลางเอามือป้องปาก มาริเอลหลับตาลงอย่างอ้อนล้า ส่วนแองเจลิกาก็เอาแต่นั่งใจลอย
มีปัญหาอะไรกันแน่นะ
“ค คือว่า! ทุกคนคะ! มารับประทานกันเถอะค่ะ!”
“……ทำไมเธอยังกินลงอยู่น่ะฟรอง”
แม้ฟรองซัวส์จะพยายามให้กำลังใจ แต่ทั้งสี่คนก็ยังไม่เคลื่อนไหว
ในทางกลับกัน คลาริสซากลับมองฟรองซัวส์ที่กินได้เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ
“เอ๊ะ ท ทำไมเหรอคะ!?”
“……คลื่นไส้เจ้าค่ะ”
“ไม่ไหวค่ะ……”
“โธ่ ไม่เอาแล้ว……”
ดูเหมือนพวกเธออ่อนล้าถึงขีดสุดจนกินอะไรไม่ลงกันนั่นเอง
สำหรับเฮเลนาแล้ว หากอยู่ในสมรภูมิ มีโอกาสกินดี ๆ เมื่อไรก็ต้องกิน ดังนั้นอาการกินอะไรไม่ลงเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน
ทว่าหากไม่กินก็จะเป็นปัญหาเอาได้ เพราะอาหารคือต้นทุนของร่างกายและยังส่งผลถึงความกระปรี้กระเปร่าในวันพรุ่งนี้ด้วย
“กินซะ ทุกคน”
“……”
“หากมีคนที่กินเหลือหนึ่งคน ก็จะเพิ่มจำนวนครั้งที่วิดพื้นหลังอาหารเย็นไปอีกหนึ่งร้อยครั้ง”
“รับประทานแล้วเจ้าค่ะ! แค่รับประทานก็พอใช่ไหมเจ้าคะ!!”
“อุ่……ท ทานค่ะ”
“จะไม่เหลือเลยค่ะ……”
“ม่ายน้า……”
ทั้งที่อาหารจัดว่าเป็นความสุขของชีวิตอย่างหนึ่งแท้ ๆ แต่ดูเหมือนสำหรับทั้งสี่มันจะเป็นเพียงความทุกข์ทรมานไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสี่ที่แม้จะอิดออดแต่ก็เริ่มลงมือกินกันอย่างช้า ๆ เฮเลนาก็วางใจและกลับไปกินอาหารของตนต่อเช่นกัน
“……ทั้งที่ฉันเกลียดผักแท้ ๆ”
“ได้โปรดรับประทานด้วยเถอะค่ะ! ถ้าไม่รับประทานจะโดนเพิ่มจำนวนวิดพื้นนะคะ!”
“ปกติแล้วถ้าฉันบอกให้เอาออก คนครัวก็จะเอาออกให้นี่นา! แต่นี่กลับ……!”
“รับประทานให้หมดเจ้าค่ะ ดิฉันไม่อยากวิดพื้นเพราะเธอนะเจ้าคะ”
“รู้แล้วน่า! อย่ามาสั่งฉันนะ!”
‘ฮึ่ม’ แองเจลิกาหายใจฟึดฟัด แต่ก็ยอมกินผักอย่างไม่เต็มใจนัก
คิดถูกจริง ๆ ที่ให้ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ทุกคนเกิดความสามัคคีปรองดองก็คือการรับผิดชอบร่วมกันนั่นเอง
“หากไม่มีใครกินเหลือ การฝึกวันนี้ก็จะจบลงเพียงเท่านี้”
“จะไม่ให้เหลือเด็ดขาดเลยค่ะ!”
“ค่ะ!! จะรับประทานอย่างถวายชีวิตเลยค่ะ!”
“ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ!”
“ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย……”
ทุกคนเรียกแรงฮึด ค่อย ๆ เร่งความเร็วในการกินขึ้นไป
จนในที่สุดฟรองซัวส์ซึ่งเริ่มกินมาแต่แรกก็กินจนหมด แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ
“กินเสร็จแล้วทุกคนก็ไปอาบน้ำกันซะ หลังจากนั้นก็ไปรอที่เตียงของตนเอง”
“ค่ะ!! คุณแคลร์คะ!”
“ค่า กำลังเตรียมอยู่ค่า”
แคลร์ สาวใช้ผู้พูดจาติดสำเนียงยานคาง ได้เตรียมถังใส่น้ำร้อนและเข้าไปยังห้องอาบน้ำกับฟรองซัวส์
ต่อจากนั้นมาริเอลเองก็กินอาหารเสร็จ แล้วก็ตามฟรองซัวส์เข้าไปยังห้องอาบน้ำพร้อมกับโซฟีนาสาวใช้ของตน
ห้องอาบน้ำนั้นกว้างพอสมควร เข้าไปพร้อมกันสามคนก็ยังพอไหวอยู่กระมัง
“อุ๊ยตาย คุณฟรอง……ซ่อนรูปนะคะเนี่ย”
“ว้าย!! จ จับตรงไหนกันคะ! คุณมาริเอล!”
ไอ้การที่พักหลังมานี้มาริเอลกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางอันแปลกประหลาดชอบกลนั้น มันเป็นแค่เรื่องที่เฮเลนาคิดไปเอง เธอเลือกที่จะเชื่อเช่นนั้น
จากนั้นเมื่อทั้งสองคนออกจากห้องอาบน้ำ อีกสามคนที่เหลือก็กินเสร็จ แล้วก็ทยอยกันเข้าไปพร้อมกับสาวใช้ของแต่ละคน เป็นครั้งแรกที่เฮเลนาได้เห็นสาวใช้สูงวัยอย่างโบนันซาด้วย จากที่ได้ฟังมาดูเหมือนว่าเธอจะทำงานรับใช้ในตระกูลเคานต์เออเนมันน์มาตั้งแต่ก่อนที่คลาริสซาจะเกิดเสียอีก
หลังจากนั้นก็ถึงคิวของเฮเลนาเข้าไปอาบพร้อมกับอเลกเซีย แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนกลับมา
ซึ่งก็พบว่า แองเจลิกาได้เอนกาย นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว
“ฟรองซัวส์”
“ค ค่ะ!!”
“ก่อนหน้านี้ ข้าได้บอกว่าให้ไปรอที่เตียงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ!!”
“ข้าว่าข้าไม่ได้บอกให้นอนหลับได้นะ”
“คุณแองเจลิกา ได้โปรดตื่นเถอะค่ะ!! ยังพักไม่ได้ค่ะ!!”
“ตื่นเดี๋ยวนี้ค่ะ!! อย่าแข็งข้อกับท่านพี่หญิงไปกว่านี้เลยนะคะ!”
“งือ……ไม่ เอา……”
“ตื่นสิเจ้าคะ!! ดิฉันไม่อยากโดนเพิ่มโทษอะไรเพราะเธอนะเจ้าคะ!!”
“ขอร้องล่ะตื่นเถอะ—!!”
โดนทั้งสี่คนช่วยกันรุมปลุก แองเจลิกาจึงลุกขึ้นมาพลางขยี้ตาอย่างงัวเงีย
อันที่จริงเฮเลนากะว่าจะให้พักผ่อนกันอยู่แล้ว ทว่าจะปล่อยคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งไว้เฉย ๆ มันก็ไม่ถูกต้องนัก
‘เอาล่ะ’ เฮเลนาหันไปทางเตียงนอนของตนเอง
“ถ้างั้น อเลกเซีย”
“ค่ะ พรุ่งนี้จะจัดการฝึกที่ไหนหรือคะ?”
“พรุ่งนี้จะฝึกในสวนระหว่างอาคารทั้งวัน แล้วก็มีของที่อยากให้เจ้าช่วยเตรียมด้วย”
“รับทราบค่ะ”
เฮเลนาบอกสิ่งของที่ต้องการกับอเลกเซีย เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะต้องทำการฝึกด้านจิตใจรวมถึงด้านเทคนิควิชา อเลกเซียเมื่อได้ฟังก็พยักหน้ารับคำ จากนั้นบรรดาสาวใช้โดยมีอเลกเซียเป็นผู้นำก็กล่าว “ราตรีสวัสดิ์” ก่อนจะพากันถอนตัวจากไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฮเลนาก็ได้หามเตียงของตนมาวางไว้ตรงหน้าประตูเข้าออก ด้วยตัวคนเดียว
“เอ๊ะ เอ๋……”
“กะว่าถ้าหลับกันหมดจะหนีไปแท้ ๆ……”
“อย่านะคะคุณแองเจลิกา!”
ปิดผนึกทางเข้าออกเรียบร้อย ส่วนหน้าต่างก็ไม่ได้มีช่องกว้างพอให้คนผ่านได้อยู่แล้ว
หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกไปจากห้อง
สีหน้าของแองเจลิกาเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด
“เอาล่ะ ทุกคนพักผ่อนได้”
“ค่ะ!!”
โคมไฟในห้องได้ถูกดับลง ให้ความมืดเข้าปกคลุมแทน
และแล้วหลักสูตรฝึกทหารใหม่ (บู้ตแคมป์) จากนรกในวันแรกก็ได้จบลงในที่สุด