หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกยิงเป้ากับฝึกวิชากระบอง คราวนี้ก็เข้าสู่การฝึกวิชาต่อสู้มือเปล่า
ผู้เป็นทหารต้องเรียนรู้วิธีต่อสู้ด้วยมือเปล่าเพื่อให้สามารถต่อสู้ในสนามรบได้แม้ว่าจะสูญเสียอาวุธ การฝึกโดยพื้นฐานก็จะเป็นการให้สวมถุงมือยัดนุ่นแล้วก็ต่อสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
“เอาล่ะ ต่อไป! คลาริสซากับฟรองซัวส์! ใส่นวม!”
“ค่ะ!!”
“เริ่มได้!!”
ทั้งสองสวมหมวกไม้แล้วก็ชกกันด้วยนวม สำหรับสองคนนี้ พวกเธอเคยฝึกชกหมัดตรงกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นพอจะกล่าวได้ว่าสามารถชกได้ระดับหนึ่ง
ฟรองซัวส์นั้นการเคลื่อนไหวยังทื่อ ๆ อยู่ ส่วนคลาริสซาก็ยังขจัดความกลัวที่มีต่อการชกกันออกไปไม่หมด
ดังนั้นตอนนี้ทั้งคู่จึงก็เรียกได้ว่าสูสีกันอยู่
“ย้าก!!”
“คึ!!”
คลาริสซาป้องกันการโจมตีของฟรองซัวส์
และเมื่อเห็นฟรองซัวส์เสียหลัก คลาริสซาก็สบจังหวะออกหมัดบ้าง ทว่าอาจเป็นเพราะยังกลัว ๆ อยู่หรือกระไรไม่อาจทราบได้ มันจึงเป็นการโจมตีที่ค่อนข้างช้า ทำให้ฟรองซัวส์หลบหลีกไปได้
จากนั้นฟรองซัวส์ที่ตั้งหลักได้อีกครั้งก็ออกลูกเตะใส่คลาริสซา ทว่าคลาริสซาก็ป้องกันมันได้เช่นกัน
คลาริสซาที่ใช้ความกลัวนำหน้าอยู่ก็นับว่าเหนือกว่าในด้านการป้องกัน แต่หากเอาแต่ป้องกันก็ไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นแหละคือการต่อสู้
“คลาริสซา! จู่โจมให้มากกว่านี้!”
“ค่ะ!!”
“ฟรองซัวส์! ถ้าคลาริสซาไม่โจมตีเข้ามาก็ไม่ต้องไปสน! ลงมือแบบกะเอาให้ตายไปเลย!”
“ค่ะ!!”
หลังจากนั้น คลาริสซาที่เอาแต่ป้องกันก็ค่อย ๆ พบกับความเปลี่ยนแปลง
เธอเริ่มรับมือการโจมตีที่แหลมคมของฟรองซัวส์ไม่ได้ จนในที่สุดการป้องกันนั้นก็พังทลายลงในพริบตา และเมื่อตอบสนองการจู่โจมไม่ทันก็โดนอัดเข้าไปที่หมวกเกราะหนึ่งหมัดเต็ม ๆ
“อ๊า!!”
แรงกระแทกทำให้คลาริสซาล้มลง
ส่วนฝ่ายฟรองซัวส์ผู้ชนะเองก็กำลังหอบแฮ่ก ๆ จนไหล่โยกเพราะเพิ่งจะทุ่มกำลังบุกอย่างต่อเนื่องไป
“ดี!! ฟรองซัวส์! คลาริสซา! ถอยไป!”
“ค่ะ!!”
“ต่อไป! มาริเอล! แองเจลิกา! ใส่นวม!”
“ค่ะ!!”
ต่อไปถึงคราวของมาริเอลกับแองเจลิกา
แองเจลิกาที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม เทียบกับมาริเอลแล้วจึงตัวเล็กกว่า ในการต่อสู้มือเปล่านั้นส่วนสูงก็เป็นปัจจัยที่สร้างความได้เปรียบไม่น้อยทีเดียว
“เอาล่ะนะคะ!!”
“เข้ามาเลย!!”
ทว่าความต่างของส่วนสูงก็ไม่เท่ากับความต่างของพลังการต่อสู้เสียทีเดียว
มาริเอลซึ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่เหนือกว่าใครในวิชากระบอง พอเป็นการต่อสู้มือเปล่าเธอก็ไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น ถึงกระนั้นศึกนี้ก็กำลังดำเนินไปโดยมาริเอลเป็นฝ่ายได้เปรียบ
การจู่โจมที่อาศัยความต่างของส่วนสูงทำให้มีระยะโจมตีกว้างกว่า แองเจลิกาพยายามหลบการโจมตีเหล่านั้นอย่างเอาเป็นเอาตายพลางมองหาช่องโหว่ไปด้วย
“ฮ่า!!”
“อุ ขึ่ก!!”
“แองเจิลกา! เอาแต่ป้องกันก็โค่นศัตรูไม่ได้หรอกนะ!”
“ค่ะ!!”
ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากคลาริสซาก็คือความใจสู้
ความแค้นเคืองที่แองเจลิกามีต่อเฮเลนา ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนเป็นใจสู้ไปทั้งแบบนั้นเลย แม้ในตอนนี้จะกำลังป้องกันการโจมตีอย่างหนักจากมาริเอล แต่แววตาของแองเจลิกาก็จับจ้องคู่ต่อสู้อยู่อย่างแน่วแน่ไม่วางตา
“ฮ่ะ!!”
“อึก!!”
และในที่สุดกำปั้นของแองเจลิกาที่คอยเล็งหาช่องโหว่อยู่ก็ได้ทิ่มแทงเข้าไปที่คางของมาริเอลอย่างแม่นยำ
เมื่อคางถูกทำให้สั่นก็ส่งผลให้ศีรษะสะเทือนไปด้วย นำพาแรงกระแทกที่ไม่น้อยนั้นไปจนถึงสมอง
มาริเอลที่ควรจะได้เปรียบมาตลอด กลับต้องทรุดเข่าลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้
“ขึ่ก……!!”
“ฉันชนะสินะ!!”
“อย่ามัวพล่ามไร้สาระ! แองเจลิกา! มาริเอล! ถอยไป!”
“ค่ะ!!”
“ต่อไป! ชาร์ลอตเต! ใส่นวมซะ!”
“ค่ะ!!”
และ
ในวิชาการต่อสู้มือเปล่านี้ ผู้ที่ฉายแววมากที่สุดก็คือชาร์ลอตเต
ทั้งที่หากเทียบกับมาริเอลแล้วเธอจะเตี้ยกว่าอยู่ประมาณหนึ่งศีรษะ แต่ชาร์ลอตเตกลับยังไม่เคยแพ้ใครเลยในสี่คนนี้ แม้คงไม่ถึงขั้นเปรียบเทียบกับลิลิธได้ แต่หากนับแค่วิชาการต่อสู้มือเปล่าแล้วเธอก็มีพรสวรรค์สูงที่สุดในทั้งห้าคน
ดังนั้น คู่ซ้อมของชาร์ลอตเตจึงเป็นเฮเลนา
หากชนะตลอดเวลาทหารก็จะหลงทระนงตนและหมดสิ้นความมุมานะไป ดังนั้นแม้จะเห็นแววว่ามีพรสวรรค์แต่เฮเลนาก็จะให้เธอได้มีประสบการณ์ลิ้มรสความพ่ายแพ้ไปในขณะที่ฝึกฝนพัฒนาฝีมือไปด้วย
เฮเลนาอยากจะให้ชาร์ลอตเตกลายเป็นคนที่ต่อสู้กับเธอได้สูสีเหมือนลิลิธในสักวันหนึ่ง
ดังนั้น—ตอนนี้ต้องกดให้จมดินเสียก่อน
“เอาแล้วนะเจ้าคะ!!”
“เข้ามา!!”
“ฮ่าห์—!!”
ชาร์ลอตเตก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว เข้าประชิดในระยะที่แม้ช่วงแขนสั้นกว่าก็ไม่มีปัญหา
เป็นการก้าวเท้าที่มุ่งเน้นเพื่อการจู่โจมเพียงอย่างเดียวโดยไม่คิดถึงการป้องกันแม้แต่น้อย และเพราะทิ้งความคิดที่จะป้องกันไปอย่างสิ้นเชิงนั่นเอง มันจึงทั้งรวดเร็วและแหลมคมอย่างยิ่ง
อุปนิสัยในด้านนี้ของเธอนับว่าคล้ายกับลิลิธมากทีเดียว
“ยังอ่อนหัด!!”
เฮเลนาจำหน่ายกำปั้นที่พุ่งเข้ามาของชาร์ลอตเตด้วยการปัดให้ตกไป
ถึงสไตล์การต่อสู้ที่ไม่คิดเรื่องการป้องกันเลยจะรวดเร็วยิ่ง แต่เมื่อคู่ต่อสู้เป็นเฮเลนามันก็ไร้ผล
แม้จะมีคำกล่าวอยู่ว่าการจู่โจมคือการป้องกันที่ดีที่สุด มันก็ใช้ไม่ได้กับทุกกรณีเสมอไป
“ฮึบ!!”
“ขึ่ก…!!”
ทว่าความน่ากลัวของชาร์ลอตเต
นั่นก็คือลางสังหรณ์อันยอดเยี่ยมขนาดที่เรียกได้ว่าฟ้าประธาน
ถึงเฮเลนาจะไม่ได้เอาจริงเต็มที่ก็ตาม แต่เธอก็ได้จู่โจมออกไปโดยตั้งใจจะให้โดนระหว่างคิ้ว ทว่าชาร์ลอตเตกลับมองแยกแยะออกโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที และเอี้ยวคอหลบหลีกได้
สไตล์การต่อสู้ที่ไม่คิดเรื่องการป้องกัน กับการหลบหลีกด้วยลางสังหรณ์ที่มีมาแต่กำเนิด
สองสิ่งนี้เข้าคู่กันได้อย่างเหมาะเจาะ จนเกิดเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นมา
น่าเสียดายที่ลางสังหรณ์กับความสามารถในการมองแยกแยะนี้ ดูเหมือนจะใช้ได้กับการต่อสู้มือเปล่าเท่านั้น
เวลาที่ฝึกวิชากระบองหรือวิชาดาบ ชาร์ลอตเตจะเคลื่อนไหวได้ไม่ดีนัก ในทางกลับกัน ส่วนมากแล้วจะหลบหลีกได้ช้ากว่าปกติเสียด้วยซ้ำ แม้เฮเลนาจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็คงเรียกได้ว่าเป็นอัตลักษณ์ส่วนตัวของแต่ละคนล่ะมั้ง
“ฮ่ะ—!!”
ถึงกระนั้น ในฐานะครูฝึกแล้วเฮเลนาจะแสดงท่าทีว่ากำลังต่อสู้อย่างยากลำบากไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงขจัดความใจอ่อนออกไปจนหมดสิ้น แล้วก็ลงมือกับชาร์ลอตเตที่แสดงการหลบหลีกในชั่วพริบตานั้นให้เห็น
ด้วยการจู่โจมต่อเนื่องชนิดที่ไม่สามารถหลบได้
“อุ่ อั่ก!!”
แน่นอนว่าไม่ได้ลงมืออย่างเต็มกำลังหรอก
แต่มันก็เป็นการจู่โจมที่แหลมคมพอจะคิดได้ว่าชาร์ลอตเตคงหลบไม่พ้น และแน่นอนว่าการโจมตีที่มากมายเช่นนี้ชาร์ลอตเตย่อมไม่สามารถมองออกได้หมด จนโดนเข้าไปหลายกำปั้นแล้วจมลงไปที่พื้น
‘กรอด’ เธอกัดฟันมองเฮเลนาด้วยความแค้นเคือง
“ดี!! ชาร์ลอตเต! ถอยไป!”
“ขึ่ก……ค่ะ!!”
ชาร์ลอตเตลุกขึ้นและถอยออกไป
ให้ตายสิ ไม่นึกเลยว่าจะมีพรสวรรค์ถึงขนาดนี้ หากฟูมฟักให้ดี ๆ คงจะพัฒนาไปได้ไกลแน่
อยากให้แข็งแกร่งขึ้นจนสามารถทำให้เฮเลนาเอาจริงได้ในสักวันหนึ่ง
ตอนนั้นเอง เฮเลนาก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านหลัง
“ท่านเฮเลนาคะ”
“……ทิฟฟานีรึ”
“ขออนุญาตค่ะ”
เจ้าของเสียงที่อยู่ตรงนั้นก็คือทิฟฟานี รีด
แม้จะสั่งไว้ว่าไม่ให้กองอัศวินหมาป่าเงินเข้ามาใกล้เวลาฝึก แต่เฮเลนาก็มีเรื่องที่ได้ฝากไหว้วานพวกเธอไปอยู่ด้วย
เพิ่งฝากไปเมื่อตอนหลังเที่ยงนิด ๆ แต่ดูเหมือนจะเตรียมมาให้ได้เรียบร้อยแล้วแฮะ
“มาส่งมอบสิ่งที่ได้สั่งไว้ค่ะ”
“ดีจริง ๆ ได้รับอนุญาตแล้วงั้นรึ”
“ตอนนี้ฝ่าบาทเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานที่อื่นอยู่ ดังนั้นจึงขอพระราชานุญาตจากท่านลูเครเซียได้เป็นการเฉพาะกิจค่ะ”
“ช่วยได้เยอะเลยล่ะ”
สิ่งที่อยู่กับทิฟฟานีนั้น
ก็คือม้าตัวหนึ่ง
“น่าเสียดายที่ได้มาเพียงม้าเดียวเท่านั้นค่ะ”
“งั้นรึ อืม ไม่เป็นไรหรอกกระมัง ยังไงก็จะเลี้ยงไว้ในสวนระหว่างอาคารก่อนแล้วกัน ได้ใช่ไหม”
“ค่ะ เดี๋ยวจะตอกเสาเอาไว้ให้ นำไปผูกไว้ตรงนั้นนะคะ”
“ฝากด้วยนะ”
‘เช่นนั้นก็ขอตัวก่อนค่ะ’ ทิฟฟานีกล่าวลา
แล้วเฮเลนาก็ดึงบังเหียนม้าที่ถูกพามาตัวนั้น
“เอาล่ะ!! ต่อไป! จะเป็นการฝึกศิลปะการขี่ม้า!”
“ค ค่ะ!!”
“มีใครที่มั่นใจในฝีมือรึไม่!”
“ค่ะ!!”
ผู้ที่ขานรับเสียงดังพร้อมกับเดินออกมาด้านหน้านั้น
ก็คือคลาริสซา
“ขี่เป็นไหม!!”
“ค่ะ!!”
“เช่นนั้น ลองขี่วนรอบสวนหนึ่งรอบดูซิ!”
“ค่ะ!!”
เธอยื่นบังเหียนให้คลาริสซา
คลาริสซารับบังเหียนนั้นไว้ จากนั้นก็ค่อยเข้าไปลูบขนแผงคอของม้าเบา ๆ
“ขอขี่ได้ไหม?”
“……”
“ไม่เป็นไร สบายใจเถอะ ไม่ทำให้เจ็บหรอกนะ”
“……”
‘ฮี่’ เจ้าม้าร้อง
จากนั้นก็ก้มคอลง
แล้วคลาริสซาก็กระโจนขึ้นขี่บนหลังม้าทั้งแบบนั้น
เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลสวยงาม ชนิดที่ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นจากคลาริสซาก่อนหน้านี้
“เอาล่ะ ช่วยเดินไปหน่อยนะ”
“……”
เมื่อสิ้นเสียงของคลาริสซา ม้าก็เริ่มเดินไปอย่างช้า ๆ
แม้ม้าตัวนี้มันน่าจะได้รับการฝึกมาอย่างดีอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูเชื่อฟังคำสั่งอย่างว่าง่ายจนผิดปกติอยู่ดี
ได้เห็นมันว่านอนสอนง่ายถึงขนาดนี้ เฮเลนาเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
‘กั่บ กั่บ’ ม้าเดินรอบสวนระหว่างอาคารหนึ่งรอบ
จากนั้นพอกลับมาถึงตำแหน่งเดิม ทันทีที่คลาริสซาดึงบังเหียนปุบมันก็หยุดปับ
‘ควับ’ คลาริสซากระโดดลงจากม้า จากนั้นก็ลูบแผงคอของมัน
“ขอบใจนะ”
“……”
เจ้าม้าหรี่ตาเหมือนกำลังรู้สึกดีแล้วก็พงกหัวให้
และแล้วเมื่อคลาริสซาทำเช่นนั้นเสร็จ เธอก็กลับมายืนตรงต่อหน้าเฮเลนาอีกครั้ง
“เสร็จแล้วค่ะ!!”
“ดี!! ต่อไป!! ฟรองซัวส์! ลองขี่ดูซิ!”
“ค ค่ะ!!”
ฟรองซัวส์เดินเข้าไปจับบังเหียนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเมื่อเห็นม้าร้อง ‘ฮี่ๆ’ เธอก็ร้องกรี๊ดเบา ๆ
ดูเหมือนคลาริสซาจะไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ
เฮเลนามองดูคลาริสซาที่กลับมายืนตรงตำแหน่งเดิม แล้วก็หัวเราะ ‘หึ’
จะว่าไปแล้วก็ลืมไปเสียสนิทเลย
สกุลของคลาริสซาคือเออร์เนมันน์
และเธอก็เป็นญาติของหนึ่งในแปดยอดขุนศึกผู้มีศิลปะการขี่ม้าซึ่งยอดเยี่ยมที่สุดบนผืนทวีปนี้ ‘ขุนศึกอาชาขาว’ ลุดวิก เออร์เนมันน์นั่นเอง
ฟรองซัวส์มีศิลปะการยิงธนู
มาริเอลมีวิชากระบอง
ชาร์ลอตเตมีการต่อสู้มือเปล่า
คลาริสซามีศิลปะการขี่ม้า
เอาล่ะ แล้วเธอคนนี้จะมีพรสวรรค์แบบไหนกันนะ
เฮเลนายิ้มออกมาบาง ๆ ในขณะที่มองดูแองเจลิกาซึ่งกำลังทำตาโตตกตะลึงกับความตัวใหญ่ของม้าอยู่