ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 128

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ ฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ ลอดผ่านประตูนครหลวงบนหลังซิลวาม้าคู่ใจ พลางทอดถอนใจออกมาเบา ๆ

แม้จะเขาจากไปเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่มันกลับทำให้รู้สึกคิดถึงมากทีเดียวเลย

ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่เฮเลนาจัดการฝึกฝนให้แองเจลิกา ฟาร์มาสเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะสมที่เขาจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนแต่ละท้องที่

 

ทั้งหมดนั้นก็เพื่ออีกหนึ่งปีให้หลัง—เพื่อการกวาดล้างราชสำนักอันเน่าเฟะที่ฟาร์มาสจะลงมือกระทำนั่นเอง

 

ราชสำนักในปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับรังโจร นอกจากแอนตันแล้วไม่มีผู้อื่นเลยที่ไว้วางใจได้ เพราะฉะนั้นในอีกหนึ่งปีหลังจากกวาดล้างพวกกังฉินออกไปจนหมดแล้ว เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองดำเนินไปได้โดยไม่ติดขัดฟาร์มาสจึงจำเป็นต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นของตัวเอง

ดังนั้นฟาร์มาสจึงได้เดินทางเยี่ยมเยือนในแต่ท้องที่ เพื่อเสาะหาเหล่าบุคคลที่จะมาเป็นบริวารคนสนิทผู้ซื่อสัตย์ของตนเอง

แม้จะต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบาก แต่เขาก็คิดว่าผลลัพธ์มันออกมาไม่เลวทีเดียว

 

“แหม่ คิดถึงอาคารบ้านเรือนในนครหลวงจริง ๆ นะครับ”

 

“ก็นั่นสินะ”

 

“อยากจะกลับไปทั้งแบบนี้เลยนะครับ แต่ว่า……”

 

“ยังเหลือธุระสุดท้ายอีกเรื่องหนึ่ง ยังเร็วไปที่จะประมาทน่า”

 

สถานที่แรกซึ่งฟาร์มาสได้มุ่งหน้าไปหลังออกจากนครหลวง ก็คืออาณาเขตปกครองของขุนนางซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก—เขตปกครองของดยุกเลย์แลนด์

เป้าหมายก็คือการไปโน้มน้าวเร็กซ์ เลย์แลนด์ บุตรชายคนโตของดยุกเลย์แลนด์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ของฟาร์มาส

เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาแต่เดิม ฟาร์มาสจึงรู้ถึงความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบของเขาดี แม้จะไม่มีอะไรที่หยิบยกมาพูดถึงได้เป็นพิเศษ แต่ก็ประเมินได้ว่าเป็นบุคลากรที่มีความสามารถมากพอจะวางไว้ในตำแหน่งสำคัญของการปกครองบ้านเมืองหลังจากนี้ไปได้

ดังนั้นฟาร์มาสจึงได้เปิดเผยเป้าหมายของตนออกไปแล้วร้องขอความร่วมมือจากเขา

และเมื่อได้ฟังคำพูดของฟาร์มาสเช่นนั้น เร็กซ์เองก็ยอมเปิดอกพูดคุยและสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือจากนี้ไป

 

“ว่าแต่ มันไปได้สวยกว่าที่คิดมากเลยนะครับเนี่ย”

 

“อา ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดเสียอีก ความร่วมมือของเร็กซ์เองก็มีผลมากทีเดียว……”

 

“หากได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลดยุกล์แลนด์ หนึ่งปีให้หลังก็คงสงบราบรื่นดีสินะครับ”

 

“อืม”

 

ฟาร์มาสพยักหน้าให้กับคำพูดของเกรเดีย

ดยุกเลย์แลนด์รุ่นปัจจุบันผู้เป็นบิดาของเร็กซ์นั้น เป็นชายที่เรียกได้ว่าเป็นภาพสะท้อนของความโง่เขลาเบาปัญญา

เมื่อก่อนเขาเคยทำให้ดีลบิดาของฟาร์มาสต้องกังวลอยู่เสมอ และตอนนี้ในอาณาเขตปกครองก็ยังมีข่าวลือว่าเอาแต่ใช้ชีวิตหาความสำราญไปวัน ๆ อยู่ด้วย

ความคิดที่จะเอาดยุกเลย์แลนด์คนนั้นออกไปแล้วรับช่วงต่อตำแหน่งดยุกด้วยตนเอง จึงเป็นความคิดที่เร็กซ์เองก็มีอยู่แล้ว

 

ฟาร์มาสได้ให้สัญญาว่าจะให้ความร่วมมือกับเร็กซ์ในทุกด้าน และเร็กซ์เองก็ยอมรับปากว่าจะให้ความร่วมมือหลังจากได้รับช่วงต่อตำแหน่งดยุกแล้ว

 

“แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการได้รับความช่วยเหลือจาก ‘ขุนศึกอสรพิษม่วง’ นั่นแหละ นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวนะ”

 

“อเลกซานเดอร์ รอยเอนธาล งั้นหรือครับ”

 

“ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกผู้ชาญฉลาด แต่ความสามารถที่โดดเด่นแท้จริงของเจ้านั่นอยู่ในด้านการเมืองการปกครองไม่ผิดแน่ ที่สำคัญคือยังอายุน้อยและมาจากสามัญชน ไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตระกูลขุนนาง ข้อนี้มีประโยชน์มากเลยล่ะ”

 

“ข้าก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีนะครับ……”

 

‘อืม’ เกรเดียครางเบา ๆ ให้ได้ยิน

ทว่าฟาร์มาสนั้นมั่นใจ

 

อเลกซานเดอร์ รอยเอนธาล

 

เขาคือหนึ่งในแปดยอดขุนศึกที่อายุน้อยที่สุด และได้รับการประเมินว่าโดดเด่นด้านการวางแผนอย่างชาญฉลาด

ทว่าฟาร์มาสนั้นคิดว่าอเลกซานเดอร์น่าจะมีไหวพริบในด้านการเมืองยิ่งกว่าการวางแผนการรบเสียอีก หากฟาร์มาสมองคนได้ถูกต้อง ในอนาคตอเลกซานเดอร์น่าจะเก่งพอให้รับช่วงต่อจากแอนตัน พอจะฝากฝังตำแหน่งมหาเสนาบดีไว้ด้วยได้

ที่สำคัญคือการที่เขาไต่เต้าขึ้นมาจนเป็นแปดยอดขุนศึกด้วยวัยหนุ่มแน่นเพียงยี่สิบหกปีโดยไม่มีตระกูลขุนนางใดหนุนหลัง—เพียงเท่านั้นก็แสดงถึงความฉลาดมีไหวพริบของเขาได้อย่างดีแล้ว

 

“แต่ว่าอเลกซานเดอร์เองก็ยอมรับปากให้ความช่วยเหลือง่ายกว่าที่คิดไว้เหมือนกันนะครับ”

 

“อา นึกว่าจะต้องกดดันมากกว่านี้เสียอีก แต่กลับยอมร่วมมือดีกว่าที่คิด ไม่รู้ว่ามีเจตนาเช่นไรอยู่กันแน่ แต่สำหรับตอนนี้ก็ไม่เป็นผลเสียกับทางเราหรอก แล้วก็เป็นเพราะแบบนั้นถึงได้มีเวลาแวะที่อื่นด้วยไงล่ะ”

 

“อาณาจักรแห่งทรายสินะครับ”

 

“ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าจะได้สานสัมพันธ์ฉันมิตรกับเจ้าชายอันดับหนึ่งของอาณาจักรนั้น กำลังคิดว่าในอนาคตจะต้องเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรดายน์สเลฟอยู่พอดีเลย หนำซ้ำเรายังได้ของดีมาอีกด้วย”

 

‘กริ้ง’ ฟาร์มาสถือถุงที่มีเสียงโลหะกระทบกัน แล้วก็ยิ้มออกมา

เขาบังเอิญได้พบกับเจ้าชายอันดับหนึ่งของราชอาณาจักรดายน์สเลฟ อาเธอร์ เอล ดายน์สเลฟเข้าพอดี อันที่จริงฟาร์มาสแค่แวะไปที่เมืองซึ่งขึ้นชื่อว่ามีร้านแผงลอยที่ขายของแปลกตา แล้วก็กำลังหาเครื่องประดับหรืออะไรบางอย่างที่น่าจะเหมาะกับเฮเลนาอยู่เท่านั้น ทางฝ่ายนั้นกลับเป็นฝ่ายเข้ามาติดต่อพูดคุยด้วยเอง

แม้ฟาร์มาสจะปลอมตัวอยู่ แต่ดูเหมือนอาเธอร์นั้นได้มาร่วมในงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีด้วย เขาจึงจำหน้าของฟาร์มาสได้ ดังนั้นจึงเข้ามาพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ยิ่งไปกว่านั้นอาเธอร์ยังช่วยให้คำมั่นว่าในอนาคตเมื่อได้รับสืบทอดบัลลังก์ เขาจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย

ราชอาณาจักรดายน์สเลฟขึ้นชื่อว่ามีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุชั้นเยี่ยม ในอดีตแม้เคยมีการส่งทูตเพื่อสร้างไมตรีไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถผูกโยงเป็นพันธมิตรที่แท้จริงได้ การที่คราวนี้สามารถสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศเช่นนี้คงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยนำความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติได้แน่นอน

 

“แต่ว่าการที่จักรพรรดิเลือกของขวัญสำหรับนางสนมด้วยตนเองตามร้านแผงลอยเนี่ย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับ……”

 

“ช่วยไม่ได้หรอก ก็มันเป็นของที่พ่อค้าคนประจำจัดหาให้ไม่ได้นี่นา”

 

“อ่า นั่นสินะครับ……”

 

“อดใจรอที่จะพบหน้าอีกครั้งไม่ไหวแล้วสิ ให้ตายเถอะ……หนึ่งเดือนนี่มันยาวนานจริง ๆ”

 

‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสทอดถอนใจอย่างแรง

หนึ่งเดือนที่ไม่สามารถเจอกับเฮเลนาได้ มันเหมือนฟาร์มาสได้ฝืนสร้างธุระขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองได้ออกห่างจากนครหลวงเสียมากกว่า

เพราะคิดว่าหากยังอยู่ที่นครหลวงคงอดทนไม่ไหวแน่ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังอยากพบอยู่เลย

ความรู้สึกเช่นนี้กระมังที่คนเขาเรียกกันว่าหลงไหลหัวปักหัวปำ

 

ทว่าในเวลาเดียวกัน ฟาร์มาสก็เข้าใจดีว่าไม่สามารถทำตามอำเภอใจแบบนั้นได้

เฮเลนานั้นได้รับการร้องขอจากลูเครเซีย เธอจึงกำลังฝึกฝนแองเจลิกาผู้เป็นน้องสาวของเขาอยู่ แม้ไม่รู้ว่าฝึกอะไรแบบไหนบ้าง แต่หากได้ผ่านการชี้แนะอันเข้มงวดของเฮเลนาไปแล้ว แองเจลิกาก็คงรู้จักควบคุมตนเองขึ้นมาบ้างกระมัง

การที่เธอเรียก ‘เสด็จพี่ ๆ’ ด้วยความเคารพรัก พูดตามตรงแล้วมันก็น่าดีใจอยู่เหมือนกัน แต่มันถึงเวลาที่เธอต้องเลิกติดพี่ชายได้เสียทีแล้ว

 

“องค์หญิงแองเจลิกาจะเป็นอะไรไหมนะครับ”

 

“เป็นเฮเลนาซะอย่าง คงไปได้สวยอยู่แล้วล่ะ”

 

“ถ้าเป็นงั้นก็ดีนะครับ แต่……”

 

‘อืม’ เกรเดียครางออกมา ทำให้ฟาร์มาสยิ้มแห้ง ๆ

เกรเดียคงเป็นกังวลมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง แองเจลิกานั้นยังเด็ก และด้วยความที่ยังเด็กจึงสามารถเติบโตได้

อย่างเช่นฝีมือการปาเป้าลูกดอกที่เคยได้รับเป็นของขวัญมาจากลูเครเซียเมื่อนานมาแล้ว แองเจลิกาเคยเล่นมันอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน แล้วก็พัฒนาได้รวดเร็วยิ่ง นี่เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยที่บิดาของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมาฟาร์มาสก็ไม่เคยเอาชนะแองเจลิกาได้อีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งล่าสุดที่จำได้มันถึงขนาดที่ว่าต่อให้ฟาร์มาสใช้ห้าดอก ส่วนแองเจลิกาใช้แค่สองดอก ฟาร์มาสก็ยังเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี

แม้จะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่มันเป็นพรสวรรค์ซึ่งแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย

 

“เอาล่ะ……ที่นี่สินะ”

 

“ใช่ครับ”

 

“ต่อจากจุดนี้ไป ข้าเป็นแค่คนธรรมดาชื่อฟาร์มา เข้าใจนะ”

 

“รับทราบครับ”

 

ฟาร์มาสลงจากหลังม้า แล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังบริษัทการค้าที่มีป้ายใหญ่โตแขวนไว้

เขาได้มีการนัดหมายล่วงหน้าไว้ก่อนและได้รับการตอบกลับตกลงมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องตื่นเต้นกังวลอันใด

เมื่อเดินเข้าไปไม่นานนักก็พบกับเด็กสาวที่โต๊ะติดต่อสอบถาม ซึ่งมองฟาร์มาสอย่างตกใจเล็กน้อย

 

“ยินดีต้อนรับค่ะ มิทราบว่ามีธุระอันใดให้รับใช้คะ?”

 

“ข้าชื่อฟาร์มา มีนัดกับเถ่าแก่ไว้ช่วงบ่าย”

 

“รับทราบค่ะ เรียนเชิญด้านใน”

 

“ขอบคุณ”

 

เมื่อเด็กสาวเชื้อเชิญเช่นนั้น ฟาร์มาสก็ขยิบตาคืนไปหนึ่งทีก่อนจะรุดหน้าเข้าไปด้านในต่อ

‘ฮ้า’ เด็กสาวมองตามมาด้วยสายตาเพ้อฝัน แต่สำหรับฟาร์มาส เรื่องแบบนี้เขาชินซะแล้วล่ะนะ

และแล้ว เมื่อเข้ามาถึงห้องรับรองที่อยู่ลึกด้านใน

 

“ยินดีต้อนรับพะยะค่ะ”

 

ที่นั่นมีชายหน้ามนคนหนึ่งนั่งอยู่

ดูเหมือนเขาไม่ได้มาที่นี่หลังจากได้ยินว่าฟาร์มาสจะแวะมา แต่คงทำงานที่ห้องนี้อยู่แต่แรกแล้ว บนโต๊ะมีเอกสารมากมายวางกระจัดกระจายอยู่

ถึงกระนั้น ถ้าเอามาทำในที่แบบนี้มันก็คงไม่ใช่เอกสารที่เป็นความลับอะไรหรอกกระมัง

 

“เถ้าแก่ก็สบายดีสินะ”

 

“พะยะค่ะ ขอประทานอภัยอย่างยิ่งที่ต้องต้อนรับท่านในสถานที่โทรม ๆ เช่นนี้ ฝ่าบาทฟาร์มาส”

 

“วันนี้มาเป็นการลับน่ะ เลิกเรียกว่าฝ่าบาทเถอะ”

 

เมื่อได้ฟังฟาร์มาสกล่าว ชายคนนั้นก็ยิ้ม ‘หึ ๆ’ ตอบกลับมา

แค่ดูโหงวเฮ้งก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีความสามารถ จนบางครั้งก็ชวนให้รู้สึกหมั่นไส้อยู่เหมือนกัน

 

“เช่นนั้น กระหม่อมขอแนะนำตัวอีกครั้ง ซามิวเอล เลซี ตัวแทนบริษัทการค้าเลซีพะยะค่ะ”

 

ฟาร์มาสเองก็ยิ้มและมองดูซามิวเอล

ชายผู้รับตำแหน่งหัวหน้าสาขานครหลวงของกลุ่มพันธมิตรบริษัทการค้าแห่งจักรวรรดิกันเกรฟด้วยวัยยังหนุ่มแน่น ผู้ซึ่งฟาร์มาสคิดว่าต้องเอาตัวมาให้ได้—ซามิวเอล เลซี

ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขใด ก็ต้องเอาชายผู้นี้มาเป็นบริวารให้ได้ ตัวตนที่มีอัจฉริยะภาพเอ่อล้นจากความที่เป็นพ่อค้าโดยกำเนิดเช่นนี้ ในอีกหนึ่งปีให้หลังเขาจะต้องกลายเป็นแกนกลางหลักในด้านการบริหารบัญชีทรัพย์สินได้อย่างแน่นอน

 

เพื่อความสงบสุขของจักรวรรดิในอนาคต

เพื่อให้ประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นหลังจากที่รับเฮเลนาเป็นชายาเอกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องใช้คนเช่นเขา

 

จะหว่านล้อมชายคนนี้แล้วกลับไปพร้อมชัยชนะให้ดู

รอก่อนเถอะนะ เฮเลนาของข้า—

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท