การฝึกอบรมสุดท้าย
มันคือการสรุปผลรวมของสิ่งที่ได้สอนให้พวกเธอตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้
ที่กลางสวนภายในตำหนัก เฮเลนาถือดาบใหญ่ขึ้นมา พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้จับมันเท่าไร ทำให้เธอรู้สึกคิดถึงสัมผัสของมันพอสมควร
และผู้ที่ยืนหยัดเบื้องหน้าของเฮเลนาก็คือนักรบห้าคน
ชาร์ลอตเตใช้มือเปล่า
มาริเอลใช้กระบอง
ฟรองซัวส์ใช้ธนู
คลาริสซาใช้หอกยาว
แองเจลิกาใช้ก้อนหิน
แต่ละคนต่างก็ตั้งท่าเตรียมพร้อม—
“จับอาวุธที่ตัวเองเชื่อมั่นไว้แล้วสินะ!”
“ค่ะ!!”
“เช่นนั้นก็เข้ามาพร้อมกันทุกคนเลย! รู้ไว้ซะว่าการสู้กับข้านี่แหละคือบททดสอบสุดท้าย!”
“ค่ะ!!”
ต่อหน้าเฮเลนาที่ถือดาบใหญ่ ทุกคนต่างก็ลอบมองหาโอกาส
แท้ที่จริงแล้วอาจจำเป็นต้องให้คลาริสซาขี่ม้า ทว่าการฝึกนี้มันยังเป็นการร่วมมือกันของห้าคนด้วย หากมีแค่คนเดียวที่ขี่ม้าก็คงไม่สามารถรวมพลังกันได้ เพราะฉะนั้นคลาริสซาจึงได้ใช้หอกยาวสำหรับใช้บนหลังม้าซึ่งเธอฝึกฝนมาตลอดนั่นเอง
และที่เฮเลนาถืออยู่ก็คือดาบใหญ่ ซึ่งแม้มันจะถูกลบคมไปแล้วแต่ก็ยังมีอำนาจในการสังหารสูงอยู่ดี
หากโดนเข้าอย่างจังก็อาจถึงขั้นกระดูกหักหรือแหลกละเอียดได้เลย
ทว่าเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก
เพราะแต่เดิมเฮเลนาก็ไม่มีความตั้งใจจะให้มันโดนอยู่แล้ว กลับกัน เธอไม่ได้มีเจตนาที่จะสู้ด้วยซ้ำ
การฝึกอบรมสุดท้าย
มันก็คือ—
“— —”
เฮเลนาหรี่ตา จับจ้องทั้งห้าคนที่อยู่ในลานสายตาของเธอ
ทุกคนอยู่ในจุดที่หากเฮเลนาต้องการก็สามารถเข้าสู่ระยะโจมตีได้ภายในก้าวเดียว หากขยับแม้เพียงนิดเดียวดาบของเฮเลนาก็จะไปถึงได้ทันที
เพราะเข้าใจถึงเรื่องนั้น ทุกคนจึงไม่สามารถขยับตัวได้
หากฟรองซัวส์ยิงศรมา ก็จะฟาดให้ร่วง
หากชาร์ลอตเตเข้ามาใกล้ ก็จะเด็ดศีรษะทิ้ง
หากมาริเอลบุกมา ก็จะบดขยี้ไปพร้อมกับกระบองนั่น
หากคลาริสซาแทงเข้ามา ก็จะหักทำลายหอกนั่นซะ
หากแองเจลิกาขว้างหินมา ก็จะตีส่งกลับคืนไป
ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวแบบไหนก็ไม่มีทางโดนตัวเฮเลนา
“อึ่ก……!!”
“เป็นอะไรไป ไม่เข้ามารึ”
เฮเลนากล่าวถ้อยคำเย็นชาเช่นนั้นกับทั้งห้าที่จนปัญญาจะจู่โจม
“ฃ่ะ!!”
รวมจิตสังหาร
จะกวาดสะบั้นคอของทุกคนในพริบตา—เธอตั้งจิตเช่นนั้นแล้วปล่อยจิตสังหารออกไป
“—!!”
“ฮิ…!?”
“อ อ๊า……”
เริ่มจากชาร์ลอตเตที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทรุดเข่าลงไปก่อน
ตามมาด้วยมาริเอลกับคลาริสซาที่ทรุดตัวลงนั่ง
แม้แต่แองเจลิกากับฟรองซัวส์ก็สั่นสะท้านและล้มลง
“แฮ่ก แฮ่ก……”
“น นี่มัน อะไร……”
สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือเหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดขึ้นบนใบหน้า
บางคนถึงกับมีน้ำตาคลอเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งมันก็เป็นธรรมดา
จิตสังหารของเฮเลนาซึ่งสามารถต่อสู้ได้แม้แต่กับคนทั้งกองพัน มันเทียบได้กับแรงกดดันของการยืนอยู่ในสนามรบ
“ทุกคนตายไปแล้วนะ”
“……”
“จบการฝึกอบรมสุดท้ายเพียงเท่านี้!”
การฝึกสุดท้าย—มันก็คือการได้ลิ้มรสความตายนั่นเอง
จิตสังหารอันรุนแรงของเฮเลนานั้น มอบความหวาดกลัวถึงขนาดที่อาจบดขยี้หัวใจของทุกคนได้ หากเป็นคนทั่วไปก็จะถึงขั้นหมดสติ หาตัวผู้ที่สามารถทนรับมันได้ยากยิ่ง
ทว่า พวกเธอทุกคนต่างก็ยังครองสติไว้ได้อย่างดี แม้ร่างกายนั้นจะสั่นสะท้าน เหงื่อกาฬแตกพล่าน และยืนขึ้นไม่ได้แล้วก็ตาม
พวกเธอ—ทนรับมันได้
เป็นห่วงอยู่ว่าอาจมีหมดสติไปสักคนสองคน แต่ดูเหมือนเธอคงกลัวเกินเหตุไปเอง
ทุกคนต่างก็มีเกียรติศักดิ์ศรีที่อดทนผ่านการฝึกอบรมตลอดหนึ่งเดือนนี้มาได้ รวมถึงยังมีจิตใจเข้มแข็งที่ไม่สั่นคลอน
และในที่สุด วันเวลาในฐานะครูฝึกผู้เข้มงวดของเฮเลนาก็จบลง
“ฟรองซัวส์”
“ค…ค่ะ……!!”
เฮเลนาเข้าไปหาฟรองซัวส์ ซึ่งกำลังสั่นไปทั้งร่างจนยืนไม่ได้ด้วยซ้ำ
จากนั้นก็คุกเข่าลง และโอบกอดเธอเบา ๆ
“ที่ผ่านมาอดทนได้ดีมาก เจ้าเป็นนักรบเต็มตัวแล้ว หากเป็นเจ้าคงสามารถเป็นภรรยาที่คู่ควรกับท่านบาร์โตโลเมได้แน่”
“ท ท่านเฮเลนา……!”
“จากนี้ก็จงขัดเกลาฝีมือธนูต่อไปซะ แล้วสักวันหนึ่งเราจะมาร่วมเคียงบ่ากันในสนามรบ”
“ค่ะ……!!”
เฮเลนาปล่อยมือจากฟรองซัวส์ คำพูดของเธอนั้นได้ทำให้นัยน์ตาของฟรองซัวส์มีน้ำตา
ครึ่งนึงน่าจะมาจากความรู้สึกใจหายที่การฝึกจบเพียงเท่านี้ กับอีกครึ่งหนึ่งจากความยินดีที่ได้รับการยอมรับจากเฮเลนากระมัง
ถัดมา เฮเลนาก็โอบกอดแองเจลิกาซึ่งอยู่ข้าง ๆ ฟรองซัวส์
“แองเจลิกา”
“ค ค ค่ะ……”
กอดอย่างอ่อนโยนและลูบศีรษะเล็ก ๆ นั้น
แต่เดิมทีบู้ตแคมป์นี้ก็มีขึ้นเพื่อแองเจลิกา ทว่าแองเจลิกานั้นเติบโตขึ้นมากกว่าที่เฮเลนาคาดไว้เสียอีก
“แม้จะอายุน้อยที่สุด แต่ก็อดทนได้ดีมาก เจ้าเป็นนักรบเต็มตัวแล้ว เป็นสตรีที่คู่ควรกับการเป็นราชนิกุล จงภูมิใจเถิด”
“อุ……ท่านเฮเลนา……”
“ตัวเจ้าในตอนนี้มีหัวใจที่รู้จักเมตตาผู้คน ไม่มีใครจะเรียกเจ้าว่าเจ้าหญิงเอาแต่ใจได้อีก เหมาะสมกับการเป็นผู้ปกครองแล้ว”
“อุ……!! ขอบพระคุณค่ะ!!”
เฮเลนาปล่อยมือจากแองเจลิกา ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่ไปโดนใจเข้า แต่แองเจลิกานั้นก็กำลังร้องไห้
‘แย่จังแฮะ’ เฮเลนาส่ายหน้า ขืนเป็นแบบนี้เธอก็จะพลอยร้องไห้ไปด้วยน่ะสิ
ถัดมา คลาริสซา
“คลาริสซา”
“ค่ะ……!”
เฮเลนาโอบกอด สัมผัสได้ว่าร่างเล็กของคลาริสซานั้นยังสั่นอยู่
คงหวาดกลัวจิตสังหารในตอนสุดท้ายถึงขนาดนั้นเลยสินะ
“ไม่นึกว่าเจ้าจะทนได้จนจบ อภัยให้ข้าที่คิดว่าเจ้าน่าจะยอมแพ้เป็นคนแรกด้วยเถอะ”
“ร เรื่องนั้น……!”
“แต่เจ้าก็อดทนมาได้จนจบ แถมยังมีศิลปะการขี่ม้าที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย หากเป็นเจ้า สักวันหนึ่งคงสามารถบัญชากองทหารม้าที่จะทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ได้แน่”
“ท ท่านเฮเลนา……!!”
เฮเลนาปล่อยมือจากคลาริสซา เห็นได้ว่าเธอหน้าแดงแล้วก็มีน้ำตาตลอเล็กน้อย
การที่เหตุผลของเธอแตกต่างจากฟรองซัวส์ น่าจะทำให้เธอรู้สึกโล่งใจที่มันจบได้ซะทีเสียส่วนใหญ่กระมัง
ถัดมา ชาร์ลอตเต
“ชาร์ลอตเต”
“……อะไรเจ้าคะ”
เฮเลนาโอบกอดชาร์ลอตเตที่ไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกเป็นศัตรูเลย
แม้เธอจะหลบตา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบอ้อมกอดของเฮเลนา
“อดทนผ่านมาได้ดีมาก เจ้าเป็นนักรบเต็มตัวแล้ว จากนี้ไปถ้าอยากฝึกการต่อสู้มือเปล่าก็มาเรียกข้านะ ไม่ว่าเมื่อไรข้าก็จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง”
“……ก็ไม่เท่าไหร่นี่เจ้าคะ ไว้มีอารมณ์จะยอมเล่นด้วยแล้วกันเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีพรสวรรค์ที่เป็นเลิศ จากนี้ไปก็พัฒนาความสามารถและกลายเป็นนักรบชั้นยอดเสียเถิด ช่วยทำให้ข้าภูมิใจว่าได้ฟูมฟักอัจฉริยะขึ้นมาที”
“……ยกยอไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะเจ้าคะ”
‘ฮึ’ ชาร์ลอตเตเบือนหน้าหนี แต่ก็เห็นได้ว่าหน้าแดงเจ๋
เมื่อเห็นท่าทีของชาร์ลอตเตเช่นนั้น เฮเลนาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
จากนั้นเธอก็ปล่อยมือจากชาร์ลอตเต และไปต่อ
แล้วก็เห็นมาริเอลที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคาดหวังกำลังยื่นแขนทั้งสองออกมาราวกับจะพูดว่า ‘เอาเลยสิ เอาเลย’
“……”
“อ๊า!! อ้อมกอดจากท่านพี่หญิง!! เอาเลยค่ะ! เอาเลย! มาริเอลพร้อมเสมอค่ะ!”
“….มาริเอล อดไปนะ”
“ไม่จริงน่า!?”
ไม่รู้ทำไมหนาวสันหลังขึ้นมาชอบกล เฮเลนาจึงเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า
ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ มีแค่มาริเอลที่เธอรู้สึกคำนวณพลาดไปจริง ๆ
ทั้งที่คิดว่าฝึกทุกคนเหมือนกันหมดแท้ ๆ แต่มาริเอลกลับมีนิสัยประหลาดพิกลอยู่คนเดียว เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ