เมื่อจบการฝึกสุดท้ายและเฮเลนาได้โอบกอดทุกคน (ยกเว้นหนึ่งคน) เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็บอกให้เหล่าศิษย์ไปเก็บเตียงนอนที่ห้องให้เข้าที่
บู้ตแคมป์ของพวกเธอจบลงแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่พวกเธอต้องนอนค้างที่ห้องของเฮเลนาอีก ซึ่งก็อาจด้วยผลจากการฝึกหรือกระไรมิทราบ แต่พวกเธอทั้งห้าได้ร่วมมือกันขนย้ายเตียงไปเก็บโดยไม่มีปฏิเสธ
เหลือแค่เตียงนอนของเฮเลนาเอง กับเตียงนอนที่ฟาร์มาสใช้ในยามปกติ และเป็นเตียงที่แองเจลิกาใช้ในระหว่างการฝึก
เมื่อเห็นห้องดูโล่งขึ้นพิกล เฮเลนาก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
“……ฟู่”
เป็นหนึ่งเดือนที่เข้มข้นยิ่งนัก
แม้เธอจะเคยทำหน้าที่ครูฝึกในการฝึกอบรมทหารใหม่มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยฝึกสอนหน่วยทหารที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์ที่แตกต่างกันถึงขนาดนี้มาก่อน
ธนูของฟรองซัวส์ กระบองของมาริเอล การต่อสู้มือเปล่าของชาร์ลอตเต ศิลปะการขี่ม้าของคลาริสซา การขว้างปาของแองเจลิกา—ไม่ว่าคนไหนก็มีพรสวรรค์ขนาดที่หากฝึกฝนดี ๆ ก็จะสร้างผลงานชั้นยอดได้ ดังนั้นเฮเลนาจึงมีไฟในการชี้แนะสั่งสอน และหากบอกว่าเธอเองก็รู้สึกสนุกไปกับมันด้วยก็ไม่ผิดนัก
หลังจากผ่อนลมหายใจเสร็จ เฮเลนาก็นั่งลงที่โซฟา
เหล่าบุตรีขุนนางสี่คนได้กลับไปที่ห้องของตนเองเรียบร้อย ส่วนแองเจลิกาก็กลับไปพร้อมกับลูเครเซียแล้ว แม้จะรู้สึกใจหายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สมควรจะไปฉุดรั้งพวกเธอที่ก้าวข้ามการฝึกอบรมไปได้แล้ว
“ยากลำบากไม่น้อยเลยนะคะ ท่านเฮเลนา”
“อา……ว่าไปแล้วก็เหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ”
“ไม่นึกว่าทุกท่านจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้นเลยนะคะ……”
“สำหรับข้าเองก็มีแต่เรื่องผิดคาดเต็มไปหมดเหมือนกันนั่นแหละ”
‘หึ’ เธอยิ้มให้กับคำพูดของอเลกเซีย
ที่ผิดคาดที่สุดเห็นทีจะเป็นการต่อสู้มือเปล่าของชาร์ลอตเตกระมัง ธนูของฟรองซัวส์เองก็น่าตกใจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชาร์ลอตเตคนนั้นจะต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้ สำหรับมาริเอลนั้นเฮเลนาพอจะเห็นแววมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนคลาริสซาหากลองคิดว่าเธอมีสายเลือดเดียวกับ ‘ขุนศึกอาชาขาว’ ก็ไม่เหนือความคาดหมายนัก ในส่วนการขว้างปาของแองเจลิกา ได้ยินมาจากเจ้าตัวว่าเล่นปาลูกดอกมาตั้งแต่สมัยก่อน ก็เลยพอจะเข้าใจได้ที่มันเป็นแบบนั้น
ทว่า เมื่ออเลกเซียได้ยินเสียงพึมพำเช่นนั้นของเฮเลนา เธอกลับส่ายหน้า
“ท่านเฮเลนาคะ”
“มุ?”
“ข้าน่ะ อย่างน้อยตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ ก็คอยรับใช้อยู่จากจุดที่มองไม่เห็นตลอดค่ะ”
“อืม”
รู้อยู่แล้ว
แต่เดิมทีเฮเลนาก็เป็นคนขอให้เธอทำเอง เพราะคิดว่าหากอยู่ในจุดที่มองเห็นตัวมันอาจนำไปสู่ความเหลาะแหละระหว่างการฝึกอบรมก็เป็นได้ จึงได้สั่งให้นางกำนัลกับสาวใช้ส่วนตัวซ่อนตัวเอาไว้เสีย ทว่าเพราะยังต้องมีงานของนางกำนัลอย่างเช่นการจัดเตรียมสำรับอาหารอยู่ เลยเสริมไปว่าแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็ขอให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้ยินเสียงกันด้วย
แล้วเรื่องนั้นมันมีปัญหาอะไรงั้นรึ
“ขอกล่าวแบบไม่เกรงใจเลยได้ไหมคะ”
“อ อือ……”
“ดูยังไงก็ฝึกสัตว์ไม่ก็ล้างสมองชัด ๆ เลยค่ะ”
“อย่าพูดอะไรที่ชวนเข้าใจผิดแบบนั้นสิ”
คำพูดของอเลกเซียทำให้เฮเลนาต้องบึนปาก
การบั่นทอนทำลายจิตใจเพื่อให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าหลักสูตรฝึกทหารใหม่ไหน ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น เธอไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลย อย่างมากก็มีแค่การฝึกจับงูในวันแรกเท่านั้นเอง
มาบอกว่าการกระทำพวกนั้นเป็นการฝึกสัตว์มั่งล่ะการล้างสมองมั่งล่ะแบบนั้น สำหรับเฮเลนาแล้วเป็นคำพูดที่ไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิง
“เอาเถอะค่ะ……เท่านี้ฝ่าบาทพระพันปีเองก็คงทรงเข้าพระทัยแล้วล่ะนะคะ”
“เรื่องอะไรรึ?”
“ก็เรื่องแบบนั้นแหละค่ะ”
‘มุ’ เฮเลนาเอียงศีรษะอย่างฉงนใจ
ไม่เข้าใจเลยว่าอเลกเซียอยากจะพูดอะไร ลูเครเซียเข้าใจเรื่องอะไรแล้วกันแน่นะ
แม้จะรู้สึกว่ากำลังโดนดูถูกอยู่มากทีเดียว แต่อเลกเซียก็เป็นอเลกเซีย อาจมีอะไรบางอย่างที่เธอสัมผัสได้ก็เป็นได้
ที่สำคัญ เพราะสังหรณ์ใจว่าขืนซักไซ้มากไปว่านี้จะโดนดุเอาได้ เลยเปลี่ยนใจไม่ถามมากดีกว่า คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในวังหลังสำหรับเฮเลนาแล้วก็คืออเลกเซียนี่แหละ
“เอาล่ะ……เช่นนั้นข้าจะไปนำสำรับเย็นมานะคะ”
“อา ฝากด้วยนะ”
“ค่ะ โปรดรอสักครู่นะคะ”
อเลกเซียกล่าวแล้วก็ถอนตัวออกไป และในเวลาเดียวกันเฮเลนาก็หันไปทางภูเขาสัมภาระซึ่งวางกองอยู่ที่มุมห้องของเธอเอง
นี่เป็นสัมภาระที่เธอนำมาตั้งแต่ตอนเข้าวังหลังวันแรก แต่ก็ยังจัดการเสร็จไปแค่ส่วนเดียวเท่านั้นเอง ที่สำคัญ เพราะอีกหนึ่งปีให้หลังเธอก็จะได้ออกไปอยู่แล้ว ก็เลยคิดอยู่เหมือนกันว่าตอนนี้ก็ปล่อยไปทั้งแบบนี้ก็ได้มั้ง
เธอควานหาส่วนหนึ่งของกองสัมภาระนั้น—ควานหาขวดสุรา
เธอจำได้ว่าได้ดื่มไปพอสมควรในคืนแรกที่ได้พบกับฟาร์มาสกับตอนที่ดื่มให้ลืมวันถัดมา แต่ก็ยังเหลืออยู่หลายขวดเลย ถ้าถามว่าทำไมยังเหลืออยู่ ก็เป็นเพราะมันมีนางกำนัลรับใช้ที่ได้ออกคำสั่งให้งดเหล้ามานั่นเอง
เฮเลนาหยิบหนึ่งในนั้นออกมาสองขวด แล้วก็นำแก้วออกมาสองใบ
“ท่านเฮเลนา ข้านำสำรับเย็นมาแล้วค่ะ”
“อา……วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“……นั่นมัน สุราหรือคะ?”
“อื้อ”
เธอไม่ได้คิดจะปิดบังอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน เธอตั้งใจว่าจะชวนอเลกเซียด้วยต่างหาก
การดื่มสุรามันก็สำราญดี แต่ให้ดื่มคนเดียวมันก็แห้งแล้งไปหน่อย เวลาดื่มให้ลืมเรื่องต่าง ๆ การดื่มคนเดียวอาจจะเหมาะสมแล้ว แต่สุราหลังจากทำงานจนสำเร็จลุล่วงได้เช่นนี้มันต้องดื่มกับใครสักคนถึงจะดีที่สุด
“……ท่านเฮเลนาคะ”
“ไม่ดื่มมากมายนักหรอก ก็แค่……ในฐานะครูฝึกต้องทำตัวเข้มงวดกับเด็กพวกนั้นมาตลอด ข้าเองก็เลยเหนื่อยเล็กน้อยเหมือนกันน่ะ”
“……”
“การฝึกอบรมได้จบลงไปด้วยดีแล้ว ดื่มสุราฉลองเสียหน่อยมันก็ไม่เลวร้ายหรอกกระมัง”
“……เฮ้อ”
แม้แต่ในกองทัพเอง เวลามีจุดเปลี่ยนสำคัญอะไรเธอก็จะดื่มอยู่เสมอ
อย่างเช่นเมื่อการต่อสู้จบลง หรือเมื่อการฝึกจบลง โอกาสเหล่านั้นมันมีมากมายหลายแบบ
ดังนั้น คืนนี้น่าจะดื่มสุราได้อย่างเอร็ดอร่อย—เพราะรู้สึกเช่นนั้นเฮเลนาจึงได้นำขวดสุราออกมา
“อเลกเซีย มาร่วมวงกันหน่อยสิ”
“……ให้ข้าดื่มด้วยหรือคะ?”
“สุราเลิศรสในโอกาสสำคัญ มันต้องดื่มกับใครสักคนถึงจะดีที่สุด”
“ไม่ค่ะ ข้า……”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยน่า อเลกเซียคอยสนับสนุนข้าอยู่เสมอ คราวนี้เองก็ไหว้วานเจ้าไปตั้งมากมายหลายเรื่อง คิดซะว่าเป็นการขอบคุณ ให้ข้าได้รินสุราให้เจ้าเถอะ”
“……”
เฮเลนาเชิญชวนอเลกเซียที่พยายามปฏิเสธ
เธอก็ไม่ใช่วัยที่ดื่มสุราไม่ได้นี่นา
อเลกเซียครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจหนึ่งคำใหญ่ แล้วก็นั่งลงตรงข้ามเฮเลนา
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าไม่รังเกียจว่าเป็นข้า จะร่วมด้วยก็ได้ค่ะ”
“ขอบใจ”
“ทว่า ไม่ใช่ในฐานะนางกำนัลติดห้องของ ‘พระสนมฟ้าสุริยา’ ท่านเฮเลนา แต่ช่วยมองว่าเป็นอเลกเซียน้องสาวของ ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ บาร์โตโลเม ได้หรือไม่คะ”
“……ฮึ?”
ได้ฟังข้อเสนอที่ไม่ค่อยเข้าใจเช่นนั้น เฮเลนาจึงเอียงคออย่างฉงนใจ
เรื่องที่อเลกเซียเป็นน้องสาวของบาร์โตโลเม แน่นอนว่าเป็นข้อเท็จจริงที่เธอรู้อยู่แล้ว จะอเลกเซียนางกำนัลติดห้อง หรืออเลกเซียน้องสาวบาร์โตโลเม มันก็ไม่ต่างอะไรกันไม่ใช่รึ
ทว่า เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจเธอก็จะไม่คิด ดังนั้นเฮเลนาจึงพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว ที่อยู่ที่นี่คือน้องสาวของท่านบาร์โตโลเม อเลกเซีย”
“ขอบพระคุณค่ะ ท่านเฮเลนา”
“เอาล่ะ ดื่มเถอะ ไหน ๆ ก็ไหนจะกินสำรับเย็นของข้าแกล้มไปด้วยก็ได้นะ ดื่มสุราตอนท้องว่างเดี๋ยวจะเมาเร็วไป”
“……เช่นนั้นก็ขออนุญาตนะคะ”
เฮเลนารินสุราใส่แก้วของอเลกเซีย แล้วอเลกเซียก็กระดกดื่ม
มันไม่ใช่สุราที่ดีกรีแรงมากมายนัก แล้วก็ดื่มง่ายด้วย อเลกเซียเองก็คงสัมผัสได้ จึงแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยให้เห็น
“อร่อยดีนะคะ”
“อา มันไม่ใช่สุราราคาแพงขนาดนั้น แต่เป็นที่นิยมตรงที่รสหวานดีน่ะ ดีกรีก็ไม่แรง ดื่มง่าย”
“ค่ะ ปกติแล้วข้าไม่ค่อยถูกกับสุรา แต่อันนี้ดื่มง่ายดีค่ะ”
“งั้นข้าเปิดสุราอีกอันก็แล้วกัน”
เฮเลนาเปิดฝาของสุราอีกขวด ซึ่งเป็นคนละชนิดกับที่เปิดเมื่อครู่
ที่เธอรินใส่แก้วอเลกเซียเป็นสุรารสหวาน ส่วนทางนี้เป็นสุราที่ไม่ค่อยหวานและดีกรีแรงกว่า เป็นชนิดที่ไม่เหมาะจะแนะนำให้กับคนที่บอกว่าไม่ค่อยถูกกับสุรา
เธอรินมันใส่แก้วของตัวเอง แล้วก็ยกซด
สุราดีกรีแรง ทำให้รู้สึกร้อนลำคอ จนเผลอส่งเสียง ‘หู้ว’ ออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“ทางนั้นรสชาติเป็นแบบไหนหรือคะ?”
“อ่า……อันนี้ไม่ค่อยแนะนำหรอกนะ อเลกเซียดื่มอีกอันไปเถอะ”
“รับทราบแล้วค่ะ”
“โอ๊ะ……ลืมชนแก้วไปเลยสิเนี่ย”
เฮเลนายื่นแก้วที่ตนเองถือไปหาอเลกเซีย
อเลกเซียเองก็ยื่นแก้วออกมาเป็นการตอบรับ
‘กริ๊ง’ พวกเธอชนแก้วเข้าด้วยกัน
การดื่มสุรากันสองคนกับเลกเซีย นางกำนัลที่เธอเชื่อใจมากกว่าใครในวังหลัง ได้ดำเนินต่อไปอย่างสงบสุข—
“ก็ถึงได้บอกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งต่อกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วไงคะว่าที่นี่มันคือวังหลังข้าเองก็วิตกกังวลว่าท่านเฮเลนาจะลืมเรื่องนั้นอยู่เสมอบอกตามตรงนะคะมาบู้ตแคมป์ในวังหลังเนี่ยคิดอะไรของท่านอยู่กันคะข้าบอกท่านเฮเลนาเกี่ยวกับวังหลังไปตั้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบบอกแล้วบอกอีกบอกแล้วบอกอีกแต่ท่านเฮเลนาก็ไม่เคยฟังอะไรเลยสักอย่างเดียวเลยค่ะไปจัดการฝึกของกองทัพให้กับองค์หญิงแองเจลิกาแบบนั้นฝ่าบาทพระพันปีลูเครเซียจะไปทรงคาดการณ์ได้ยังไงกันล่ะคะท่านต้องไม่ทรงพระดำริแม้แต่น้อยอยู่แล้วว่ามันจะเป็นการฝึกอบรมเช่นนั้นน่ะค่ะฟังอยู่หรือเปล่าคะท่านเฮเลนาคะ!”
“……อ เอ่อ ขอโทษ”
และแล้วเฮเลนาก็ได้ตั้งปณิธาน
ว่าจะไม่ให้นางกำนัลที่กำลังหน้าแดงแจ๋ทำตาปรือมองเธออยู่ในตอนนี้ดื่มสุราอีกเป็นอันขาด