‘จิ๊บ ๆ’ เสียงนกตัวเล็ก ๆ ร้องกังวานปลุกให้เฮเลนาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
เมื่อมองดูหน้าต่างรับแสง ก็เห็นว่าตะวันสาดแสงเจิดจ้าแล้ว ดูเหมือนเธอจะหลับไปนานพอสมควร
ภายในหัวรู้สึกปวดทึบเหมือนมีใครมารัวกลองอยู่ ท่าทางเมื่อคืนเธอจะดื่มเยอะเกินไป
“อา……”
ถึงกระนั้นก็ไม่ควรนอนต่อไปตลอดทั้งแบบนี้ อันดับแรกเธอคงต้องพยายามลุกขึ้นก่อน
เฮเลนาเอามือกดศีรษะพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา จนผ้าห่มไหลตกออกจากร่าง
แล้วก็พบว่าเธอเปลือยอยู่
“……เอ๋?”
ดูเหมือนเธอจะนอนหลับโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดียว
จำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าถอดไปตอนไหน สำหรับเฮเลนาที่มีนิสัยเสียตรงดื่มสุรามากไปแล้วก็มักจะจำอะไรไม่ได้ การสูญเสียความทรงจำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในบางครั้ง
และ ที่เป็นปัญหามากที่สุด
ก็คือที่ด้านข้างของเฮเลนาที่ลุกขึ้นมาแล้วนั้น
มีอเลกเซียที่เปลือยเปล่าเหมือนกันเปี๊ยบนอนหลับอยู่
“……ไม่สิ เดี๋ยวนะ ใจเย็นก่อนตัวข้า”
‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่’ แม้เธอจะถามตัวเองแต่ก็ไม่มีคำตอบปรากฏออกมา
เมื่อคืน เฮเลนาพอจะจำได้บางส่วนว่ามันมีเรื่องอะไร เพื่อเป็นการฉลองที่จบบู้ตแคมป์ เธอเลยดื่มสุรากันสองคนกับอเลกเซีย
ระหว่างที่กำลังดื่มกันอยู่ก็ได้รู้ว่าอเลกเซียมีนิสัยเวลาเมาแล้วชอบรัวปากเทศน์เป็นชุด แล้วก็โดนดุแบบไม่มีพัก ไม่ได้โดนดุขนาดนั้นมาตั้งแต่วันแรกที่ทะเล่อทะล่าไปเยือนห้องของมาริเอลกับชาร์ลอตเตแล้วกระมัง
พอฟังติดต่อกันไปยาว ๆ ก็เริ่มเหนื่อย เฮเลนาจึงได้เร่งความเร็วในการดื่มของตน แล้วก็ยกซดเอา ซดเอา
และขวดสุราห้าขวดที่กองกันอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะในตอนนี้ก็คงจะเป็นผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นกระมัง
ทว่าปัญหาก็คือ ทำไมตัวเธอกับอเลกเซียถึงได้มานอนเปลือยเคียงคู่อยู่บนเตียงเดียวกันเช่นนี้ได้
พยายามย้อนนึกอย่างสุดชีวิตแล้ว แต่ก็เหมือนมีม่านหมอกมาบดบังทำให้นึกไม่ออก
แบบนี้มัน เหมือนเธอทำเรื่องประหลาดพิกลไปกับอเลกเซียเลยไม่ใช่รึ—
“อืมม……”
“……”
อเลกเซียนอนพลิกตัว เผยให้เห็นหน้าอกที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก
หากมีแค่ตัวเธอเองที่เปลือยอยู่ก็พอจะมองได้ว่ามันร้อนเลยถอดออก แต่แม้แต่อเลกเซียก็เปลือยด้วยแบบนี้จะให้มองว่ายังไงดีล่ะเนี่ย
ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ไม่มีคำอื่นผุดขึ้นมานอกจาก ‘เสร็จกิจไปแล้ว’
“ไม่สิ อ่า……”
พอลองคิดดูดีๆ อีกที ทั้งเฮเลนาและอเลกเซียก็เป็นผู้หญิงนี่นา
หากเป็นชายหญิงมาอยู่ในสภาพนี้ก็อาจจินตนาการว่าเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นได้ แต่นี่เป็นหญิงทั้งคู่ ผู้หญิงด้วยกัน สนิทสนมกัน จะเปลือยกายนอนด้วยกันก็คงปกติล่ะเนอะ
‘ปกติก็บ้าแล้ว’ เฮเลนาลองแก้ต่างให้ตัวเองดูแต่ก็ต้องปัดตกไปทันควัน
เอาเป็นว่า พอลองดูสภาพการณ์แล้ว นี่มันแย่ในหลาย ๆ เรื่องเลย
บู้ตแคมป์เพิ่งจะจบไป คงไม่มีใครมาเยือนห้องของเฮเลนาหรอกกระมัง อเลกเซียที่ปกติมาเยือนทุกเช้าตอนนี้ก็มานอนหลับอยู่ข้าง ๆ เฮเลนาแล้วด้วย
ก่อนอื่นเธอต้องปลุกอเลกเซีย แล้วก็ยืนยันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เฮเลนาคิดได้ดังนั้นก็ยื่นมือไปจะจับไหล่ของอเลกเซีย
‘ก๊อก ๆ’ มีเสียงเคาะประตู
“……เอ๋?”
เฮเลนาเผลอซ่อนตัวในผ้าห่มโดยไม่ตั้งใจก่อนจะมองไปทางประตู
คนที่มาเยือนห้องของเฮเลนาในตอนเช้ามันควรจะมีแค่อเลกเซียเท่านั้นสิ ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้ประตูกลับโดนเคาะ
แปลว่ามีใครบางคนกำลังอยู่ที่อีกฟากของประตูนั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เสียงที่ดังมาจากอีกฟากของประตู—คือฟรองซัวส์กับคลาริสซา
ทั้งที่การฝึกอบรมจบลงไปเมื่อวานแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงมากันล่ะ
เฮเลนาไม่มีหนทางที่จะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้แน่ ๆ
“ไม่อยู่รึไงนะ?”
“ไปฝึกอยู่ในสวนระหว่างอาคารแล้วรึเปล่าคะ!”
“เมื่อครู่ไปดูที่สวนมาแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ”
แถมตอนนี้ยังมีเสียงของชาร์ลอตเตเพิ่มเข้ามาด้วย ทำไมมาพร้อมกันสามคนเลยล่ะ
ทว่าก็ยังพอไหว หากมีแค่ฟรองซัวส์ คลาริสซา และชาร์ลอตเตล่ะก็ จะถูกเห็นสภาพนี้ก็ไม่เดือดร้อน ไม่สิ ก็เดือดร้อนแหละ แต่คนที่เห็นแล้วจะเดือดร้อนที่สุดตอนนี้ไม่อยู่
เพราะหากมาริเอลมาเห็นเฮเลนากับอเลกเซียในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอาการเบรกแตกแบบไหนบ้าง
“ถ้างั้น ฝ่าบาทมาหาอยู่ รึเปล่านะ……?”
“ได้ยินมาว่าฝ่าบาทไปทรงงานอยู่นะเจ้าคะ น่าจะกลับมาบ่ายวันนี้เจ้าค่ะ”
“อุ้ยแหม ชาร์ลอตเตเนี่ยล่ะก็ สืบความเคลื่อนไหวของฝ่าบาทมาดีจังนะ”
“หนวกหูน่าเจ้าค่ะ มาริเอล”
อยู่นี่หว่า
ดันอยู่ด้วยซะได้
ลองเป็นแบบนี้ คงมีทางเดียวคือเนียนเป็นว่าไม่อยู่ห้องต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง
ตอนนี้เอาเป็นว่า ขอแค่เฮเลนาใส่เสื้อผ้าก็ยังดี จากนั้นหากซ่อนตัวอเลกเซียเอาไว้ใต้ผ้าห่ม ก็อาจจะพอหลอกให้คิดว่าตรงนั้นแค่มีฟูกอันใหญ่ ๆ อยู่ก็เป็นได้
หากสถานการณ์มันบีบบังคับให้เธอต้องไปเปิดประตู ก็ใช้วิธีนั้นแล้วกัน—
“อ๊ะ ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้ค่ะ!”
“เดี๋ยวเถอะ ฟรอง เข้าไปเองตามใจชอบไม่ได้นะ”
“จริงด้วยค่ะ ไม่ควรเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”
“……นั่นสิเจ้าคะ”
ทำไมไม่ได้ล็อกไว้เล่า
พอลองนึกดูดี ๆ มันก็เป็นเพราะผู้ที่ถือกุญแจของห้องนี้ไว้มีแค่อเลกเซีย แล้วปกติอเลกเซียก็จะเป็นคนล็อกประตูในตอนที่กลับไปนั่นเอง
และตอนนี้อเลกเซียก็ยังอยู่ที่ห้องนี้
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประตูมันไม่ได้ล็อก
“แต่ว่า! อย่างน้อยก็ลองเช็คดูหน่อย!”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง ห้ามเข้าห้องคนอื่นตามใจชอบนะ”
“ใช่แล้วค่ะ คุณฟรองเองถ้าห้องถูกใครเข้ามาตามอำเภอใจก็ไม่ชอบใช่ไหมล่ะคะ?”
ฟรองซัวส์พยายามเข้ามา แต่คลาริสซากับมาริเอลห้ามไว้
‘ทั้งสองคนพยายามเข้า’ เฮเลนาเอาใจช่วยในใจอย่างสุดชีวิต แม้มีทางเลือกที่จะรีบวิ่งไปล็อกกุญแจซะตอนนี้ แต่ดูเหมือนพวกเธอก็ลังเลนิดหน่อยที่จะเปิดประตูกันอยู่แล้ว
หากไปล็อกกุญแจตอนนี้ อาจทำให้พวกเธอคิดว่า ‘อยู่ข้างในนี่นา!’ แล้วก็พยายามเข้ามากันก็เป็นได้
ดังนั้นเฮเลนาจึงทำได้แค่สวดวิงวอน
ว่าในตอนนี้ แค่ตอนนี้เท่านั้น ทุกคนอย่าได้เข้ามาเลย
“เข้าไปดูซะให้จบ ๆ ก็ได้นี่เจ้าคะ”
“อุ้ยแหม แม้แต่ชาร์ลอตเตก็พูดแบบนั้นเหรอคะ?”
ไม่รู้ทำไมชาร์ลอตเตถึงไปเข้าข้างฟรองซัวส์ซะงั้น
เท่ากับว่าตอนนี้เสียงแตกเป็นสองต่อสอง หากมีอะไรมาทำลายสมดุลเพียงนิดเดียว ประตูก็คงจะถูกเปิดออกเป็นแน่
‘ซวยแล้ว ซวยแล้ว’ เฮเลนาตบบ่าอเลกเซีย
ก่อนอื่นถ้าปลุกอเลกเซียให้ลุกมาใส่เสื้อผ้าได้ ก็คงสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปได้
“อืมม……ท่านเฮเลนา เอาอีกค่ะ……”
“เอาอะไรอีกเล่า!?”
เสียงละเมอของอเลกเซียทำให้เฮเลนาเผลอพูดออกมาเช่นนั้น ‘แย่ละสิ’ เธอรีบเอามือปิดปาก
คงไม่ได้ยินหรอกกระมัง—เธอหันมองประตู
“อ๊ะ! ได้ยินเสียงด้วยค่ะ!”
“……ก็แปลว่า อาจจะกำลังยุ่งอยู่มั้ง? ไว้มาใหม่ทีหลังก็ได้มั้ย”
“นั่นสินะคะ……”
“แต่ว่า!”
“ทุกคน ลืมเรื่องสำคัญกันไปรึเปล่าเจ้าคะ”
ฟรองซัวส์ที่พร้อมจะเข้ามาเต็มที่ กับคลาริสซาและมาริเอลที่คอยทักท้วง
และในระหว่างนั้นชาร์ลอตเตก็เกริ่นขึ้นมา
ฟังจากเสียงแล้วก็สัมผัสได้ว่ามั่นใจอย่างมาก เธอคิดจะพูดอะไรกันแน่นะ
“หากเข้าไปอาจจะโดนลงโทษก็ได้เจ้าค่ะ”
“จริงด้วยสิคะ!”
“แต่ถ้าการลงโทษนั่นเป็นการวิดพื้นล่ะก็ พวกเราทุกคนก็ทำได้เกินร้อยครั้งกันอยู่แล้วไงเจ้าคะ”
‘โน่ววววววว!’ เฮเลนาอดกลั้นความรู้สึกอยากตะโกนอย่างสุดความสามารถ
เหล่าเด็กสาวเติบโตขึ้นยิ่งกว่าที่คิด ตอนนี้พวกเธอไม่สะทกสะท้านกับการลงโทษเล็กน้อยของเฮเลนาอีกต่อไปแล้ว ผลเสียจากการฝึกฝนขัดเกลามันมาปรากฏในรูปแบบนี้นี่เอง
เฮเลนาพยายามเขย่าไหล่ของอเลกเซียอย่างสุดชีวิต แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
“อเลกเซีย! อเลกเซีย!”
“อืมม……ย ใหญ่จังค่ะ……ท่านเฮเลนา”
“อะไรใหญ่อะไรเล็กนะ!?”
‘ฮึ้ย ช่างมันแล้ว เอาเป็นว่าก่อนอื่นใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองก่อนแล้วกัน’ เฮเลนาคิดก่อนจะมองไปรอบ ๆ
ที่กองอยู่ตรงนั้นคือเสื้อผ้าของเฮเลนากับเสื้อผ้าของอเลกเซีย
เฮเลนาหยิบเพียงเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา
และในจังหวะนั้นเอง
“อรุณสวัสดิ์! มัวยืนทำอะไรกันอยู่น่ะ! รีบ ๆ เข้าไปสิ!”
ทำไมแม้แต่เธอก็มาด้วยเนี่ยแองเจลิกา
หรือว่ามีแค่เฮเลนาคนเดียวที่เข้าใจผิดไปเองว่าบู้ตแคมป์มันจบแล้วงั้นรึ
และแล้วเมื่อแองเจลิกาโผล่มาดังนั้น ประตูจึงถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! เอ๋……?”
“หวา……!”
“เอ๊ะ—!?”
“ห้ะ……?”
“อุ๊ยแหม……!”
เฮเลนาเปลือยกายห่มผ้าอยู่
ส่วนด้านข้างก็มีอเลกเซียที่กำลังนอนหลับสบาย (เปลือยเหมือนกัน)
ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็คือสภาพหลังเสร็จกิจชัดๆ
“ม ไม่ใช่นะ……เรื่องนี้มันคือว่า……”
“แหม ท่านพี่หญิงคะ……”
‘ป๊อง’ ผู้ที่กล่าวพลางแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมาริเอล
ส่วนอีกสี่คนที่เหลือต่างก็ตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกกันหมด
มันก็สมควรแล้วล่ะ หากเฮเลนาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน
“ถ้าท่านพี่หญิงต้องการล่ะก็ มาริเอลคนนี้พร้อมเสมอเลยค่ะ!”
“ทุกคนออกไปให้หมดดดดดด!”