ทุกคนมารวมพลกันที่สวนกลางตำหนัก แล้วก็ยืนตรงเรียงแถวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เรียกได้ว่าบู้ตแคมป์กำลังแสดงผลลัพธ์ของมันออกมาได้เป็นอย่างดีกระมัง เฮเลนาเข้าไปยืนตรงหน้าของทั้งห้าคนที่เรียงรายกันอยู่
“เอาล่ะ…เมื่อวานข้าได้ประเมินว่าทุกคนเป็นนักรบเต็มตัวไปแล้ว และคิดว่าไม่สามารถเรียกว่าเป็นทหารใหม่ได้อีกต่อไป”
“ขอบพระคุณค่ะ!”
“นั่นแปลว่า ข้าไม่ใช่ครูฝึกอีกต่อไปแล้ว เป็นนักรบที่มีเจตจำนงเดียวกันกับพวกเจ้า ไม่มีอะไรที่ข้าจะสอนพวกเจ้าได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ค่ะ!!”
พวกเธอเหล่านี้จบหลักสูตรไปแล้ว ในเมื่อให้คะแนนว่าเป็นนักรบเต็มตัวไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่เฮเลนาจะสอนพวกเธออีก
หมายความว่าหลังจากนี้ ถึงคราวที่พวกเธอจะขัดเกลาประสบการณ์จากการต่อสู้จริง แล้วก็พัฒนาตนเองขึ้นไปเรื่อยๆ
การที่ทั้งห้าคนนี้ทุกคนต่างก็มีด้านที่ถนัดแตกต่างกัน ก็นับเป็นข้อดีในเรื่องนี้เอง การได้ต่อสู้กับทหารคนละประเภทกันจะสามารถเพิ่มความสามารถในการประยุกต์ใช้ฝีมือในสถานการณ์ต่างๆ ได้
“ก็ ตามนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องทำตัวพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ จะพูดคุยไร้สาระกันข้าก็ไม่ตะคอก ไม่คิดจะลงโทษอะไรแล้วล่ะ”
“ขอบพระคุณค่ะ!”
“……อ่า ช่างมันเถอะ”
สำหรับเฮเลนา ในเมื่อไม่ได้เป็นครูฝึกอีกต่อไปแล้วก็อยากจะญาติดีกับทั้งห้าคน แม้การถูกทหารใหม่ชิงชังจะเป็นงานของครูฝึก แต่กับพวกเธอเหล่านี้ที่จบการศึกษาไปแล้วก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้
ทว่า พวกเธอเป็นทหารใหม่มาจนถึงเมื่อวาน จะบอกให้ทำตัวสนิทสนมกับเฮเลนามันก็คงยาก เห็นทีจะต้องค่อย ๆ ร่นระยะห่างไปอย่างทีละน้อยกระมัง
“แล้วก็……บอกว่าจะตัดสินว่าใครแข็งแกร่งที่สุดสินะ”
“ค่ะ!!”
“และคลาริสซาก็จะไม่เข้าร่วมการต่อสู้นี้ แบบนั้นโอเคใช่ไหม?”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ!”
เมื่อเฮเลนาถาม คลาริสซาก็ตอบ
จนถึงยังเมื่อกี้ยังทำตัวปกติกันอยู่เลย ดูเหมือนว่าพอมายืนเรียงกันในสวนกลางตำหนักแล้วมันจะทำให้รู้สึกเหมือนเป็นบู้ตแคมป์อีกครั้งสินะ
“เช่นนั้น……ในฐานะพยานข้าขอดูหน่อยก็แล้วกัน ฟรองซัวส์ มาริเอล ชาร์ลอตเต แองเจลิกา”
“ค่ะ!!”
“ทักษะของพวกเจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะในการต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างแท้จริง ทว่าพวกเจ้าเคยคิดถึงการร่วมมือกับคนอื่นบ้างหรือไม่”
“ร่วมมือ……?”
“สิบปากว่าไม่เท่าลองดูเอง ฟรองซัวส์กับชาร์ลอตเต มาริเอลกับแองเจลิกา จับคู่เป็นทีมละสองคนแล้วก็ลองต่อสู้กันดู มีคนที่จู่โจมระยะไกลทีมละคนพอดีล่ะนะ”
ระหว่างบู้ตแคมป์นั้น เฮเลนาได้ให้พวกเธอสู้แบบหนึ่งปะทะหนึ่งมาคลอด
คราวนี้ให้พวกเธอได้ลองสัมผัสดูแล้วกันว่าหากเปลี่ยนเป็นสองปะทะสองมันจะยากขึ้นแค่ไหน
“ค่ะ!! คุณชาร์ลอตเต ฝากตัวด้วยนะคะ!”
“……ได้เจ้าค่ะ มาอัดมาริเอลให้น่วมกันไปเลยเจ้าค่ะ”
“หุๆ แองเจลิกา พวกเราก็เต็มที่นะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!! มาริเอล! อย่าถ่วงแข้งถ่วงขาฉันล่ะ!”
“นั่นมันคำพูดของอิฉันค่ะ”
ฟรองซัวส์เตรียมธนู
แองเจลิกาเตรียมก้อนหิน
ทั้งสองคนต่างก็ถอยไปอยู่ตรงมุมสวน ในทางกลับกันชาร์ลอตเตกับมาริเอลก็เดินออกมาข้างหน้า
“เริ่มได้!!”
“ฮ่ะ!!”
ผู้ที่เคลื่อนตัวเป็นคนแรกก็คือ—ฟรองซัวส์
เธอหยิบลูกธนูออกจากซองใส่ที่คาดเอวไว้มาขึ้นสาย แล้วก็ง้างปล่อยออกไปทันที ศรนั้นเล็งไปที่มาริเอลซึ่งยังไม่ได้ขยับไปไหน
“ฮึบ!!”
ทว่าลูกธนูนั้นก็ถูกมาริเอลปัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย
การจู่โจมด้วยลูกธนูธรรมดา ไม่ใช่เล่นทีเผลอหรือมีลูกเล่นอะไรเช่นนี้ ไม่มีทางโดนมาริเอลอยู่แล้ว
ทว่า—นั่นเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจ
ช่วงเวลาที่มาริเอลปัดลูกธนู ชาร์ลอตเตย่อมไม่ปล่อยให้ช่องว่างนั้นหลุดไปได้
“—”
ชาร์ลอตเตร่นระยะอย่างเงียบเชียบ มุ่งเข้าประชิดตัวมาริเอล
เทคนิคในการก้าวเท้าเข้าวงในได้ในพริบตาเดียวเป็นสิ่งที่ชาร์ลอตเตมีฝีมือโดดเด่นที่สุดอยู่แล้ว
ทว่า—ในเวลาเดียวกันนั้น ชาร์ลอตเตก็นึกขึ้นมาได้
“นี่แน่ะ ๆๆ!!”
ว่ามาริเอลนั้น—ยังมีแองเจลิกาอยู่ด้วย
การขว้างปาหินของแองเจลิกานั้น แตกต่างจากลูกธนูตรงที่มันไม่ได้มีจำนวนจำกัด ตราบใดที่ในสวนยังมีก้อนหินอยู่เธอก็สามารถขว้างได้อย่างไม่รู้จบ
แถมพอรู้ตัวอีกที แองเจิลกาก็มีฝีมือถึงขั้นที่สามารถหนีบก้อนหินเอาไว้ในระหว่างนิ้วมือทั้งห้าแล้วขว้างออกไปพร้อมกัน แบบตรงเป้าทั้งหมดได้
ซึ่งชาร์ลอตเตเองก็ยังไม่มีเทคนิคดีพอถึงขนาดที่จะสามารถปัดก้อนหินที่พุ่งเข้ามาถึงสี่ก้อนพร้อมกันได้
“ขึ่ก!!”
“ช่องโหว่เต็มไปหมดเลยนะคะ!”
และเมื่อชาร์ลอตเตผงะไปชั่วครู่มาริเอลก็รุกไล่และปาดใส่ด้วยกระบอง การจู่โจมที่เป็นแนวขวางนั้นสามารถหลบได้โดยการถอยไปข้างหลังหรือกระโดดขึ้นข้างบนเท่านั้น
หากถอยออกไปก็จะเจอกับการโถมแทงราวพายุ หากหลบขึ้นด้านบนก็จะโดนเสยด้วยกระบอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีฝนก้อนหินที่โปรยปรายไม่หยุดของแองเจลิกา
ทว่า
ทางที่ชาร์ลอตเตเลือก—ไม่ใช่ทางใดในสองทางนั้น
“ฮึ…!!”
กระบองของมาริเอลที่รุกไล่เข้ามา เธอรับมันเอาไว้ด้วยการตีศอกข้างขวา
ไม่ใช่หลบหลีก แต่ป้องกัน—โดยใช้ศอกซึ่งว่ากันว่าเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์
แม้แรงกระแทกจะทำให้ปลายศอกเจ็บชาไปบ้าง แต่ชาร์ลอตเตก็มีแขนอยู่สองข้าง
เธอเข้าประชิดในพริบตาเดียว และปล่อยกำปั้นซ้ายตรงออกไป
“อั่ก!!”
“ย่ะห์!!”
และในเวลาเดียวกันนั้นฟรองซัวส์ที่เล็งเป้าได้ลำบากเนื่องจากมาริเอลกำลังประขันหน้ากับชาร์ลอตเตอยู่ พอเล็งเห็นมาริเอลได้ก็ปล่อยลูกธนูออกไปทันที
มาริเอลที่กระบองถูกปัดป้อง แม้จะอยากปัดลูกธนูทิ้งแต่ก็ยังอยู่ในสภาวะที่ถูกขัดขวางด้วยแรงเฉื่อย ไม่ต่างอะไรจากเป้านิ่ง—
“นี่แน่ะ!!”
ทว่า
แองเจลิกาที่สามารถปาหินถูกลูกศรของฟรองซัวส์ที่พุ่งเข้ามากลางอากาศได้อย่างแม่นยำไม่มีที่ติ ต้องเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน
หากนับแค่ความเชี่ยวชาญในการปาหิน ต่อให้หาทั่วทั้งทวีปก็คงจะมีฝีมือระดับนี้อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น—ฝีมือของเธอมันชวนให้คิดแบบนั้นทีเลยเดียว
ทว่าฝีมือยิงธนูของฟรองซัวส์เองก็หาตัวจับยาก
ด้วยตำแหน่งของฟรองซัวส์กับแองเจลิกาที่อยู่ห่างกันจนเกือบจะสุดมุมสวน—ด้วยระหะห่างถึงเพียงนั้น
“อ๊ะ!!”
หัวไหล่ขวาของแองเจลิกาได้ถูกยิงโดยศรนั้นอย่างแม่นยำ
แม้หัวลูกศรจะถูกเหลาให้กลมมนแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่ไม่คาดคิดก็ทำให้แองเจิลการ้องและล้มลงไป
“ตอนนี้แหละค่ะ!”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ!”
จากนั้นฟรองซัวส์ก็ไม่ประมาทและขึ้นสายธนู ยิงดอกต่อไปเข้าใส่มาริเอล
ทว่ามาริเอลก็ใช้กระบองจำหน่ายกำปั้นของชาร์ลอตเตที่รุกไล่เข้ามาจากนั้นก็ปัดลูกธนูของฟรองซัวส์ทิ้งไป เป็นการแสดงเทคนิคที่ล้ำเลิศ ปกติแล้วการจะใช้อาวุธฟาดใส่อะไรสักอย่างจำเป็นต้องเล็งให้ดีก่อน ทว่ามาริเอลกลับใช้กระบองได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแขนขาตนเอง
แม้ชาร์ลอตเตเองก็หลบหลีกกระบองของมาริเอลได้ด้วยเซนส์ระดับฟ้าประทาน ทว่าระยะโจมตีของทั้งคู่ก็ยังมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงอยู่ ไม่ว่ายังไงหากถืออาวุธอยู่มาริเอลก็ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ฮ่ะ—!!”
“ย้าก!!”
มาริเอลแทงเป็นชุด ทำใช้ชาร์ลอตเตต้องปัดเป็นพัลวัน
เมื่อต้องปะทะกับอาวุธ การเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีความหวาดกลัวนั้นจำเป็นต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก สำหรับชาร์ลอตเตที่เลือกการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเสียเปรียบผู้ที่ถืออาวุธอยู่ร่ำไป
ทว่าเทคนิคของชาร์ลอตเตก็กลบได้แม้กระทั่งข้อเสียเปรียบนั้น
มันคือความเร็วและความคล่องตัว—ที่เกิดจากตัวเปล่าไร้อาวุธ
มาริเอลกับชาร์ลอตเตนั้นทัดเทียมสูสีกันแทบจะพอดี
เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่จะตัดสินการต่อสู้หลังจากนี้ได้ ก็คือฟรองซัวส์กับแองเจลิกา—
“โอ้ย……! โมโหแล้วนะ!!”
“ขึ่ก!!”
ในจังหวะนั้นเอง แองเจิลกาที่ฟื้นตัวกลับมาได้ก็ใช้ก้อนหินที่เก็บสะสมไว้จนถึงตอนนี้ ขว้างออกมาพร้อมกันในทีเดียว
แม้แต่ละก้อนจะเป็นเพียงหินก้อนเล็ก แต่หากมันโปรยปรายมาเป็นห่าฝนก็ย่อมไม่มีทางรับมือได้หมด
“โอ้ย!! แองเจลิกา! มันโดนอิฉันด้วยนะคะ!”
“ช่วยไม่ได้นี่นา!”
“ฟรองซัวส์!”
“ค่ะ!!”
เมื่อมาริเอลได้เหลียวหลังกลับไปเล็กน้อยเพื่อที่จะพูดบ่น คราวนี้จึงพบกับการยิงจู่โจมของฟรองซัวส์ที่แม่นยำหาที่เปรียบมิได้
ศรนั้นบรรลุเข้าที่สีข้างของมาริเอล
“อุ่ก!!”
“พอแค่นั้น!!”
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนั้น เฮเลนาก็ออกคำสั่งให้หยุด
อาจเป็นเพราะผลจากบู้ตแคมป์ ทำให้ทุกคนหยุดนิ่งทันทีพร้อมกับคำพูดของเฮเลนา
“แองเจลิกากับมาริเอล ทั้งคู่ได้โดนลูกธนูของฟรองซัวส์ในตำแหน่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิตไปแล้ว การต่อสู้นี้ชาร์ลอตเตกับฟรองซัวส์เป็นฝ่ายชนะ”
“สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ!”
“ไชโย!!”
“คึ……น่าเสียดายจังค่ะ”
“โธ่เอ้ย……”
“ก็เป็นเพราะการโจมตีของเธอมันโดนพวกเดียวกันเองด้วยนั่นแหละคะ! ไม่ใช่ว่ายิ่งปาเยอะยิ่งดีซะหน่อยนะคะ!”
“ก็มาริเอลบังอยู่เลยมองไม่เห็นชาร์ลอตเตนี่นา!”
“เดี๋ยวเถอะ อย่าทะเลาะกันน่า”
เฮเลนาห้ามปรามมาริเอลกับแองเจลิกาที่เริ่มจะโต้เถียงกัน
ให้ตายสิ สนิทกันมันก็ดีอยู่หรอก แต่ดูเหมือนจะสนิทสนมจนกลายเป็นรู้ไส้รู้พุงกันไปหมดซะแล้ว
“หึๆ มาริเอล มาศิโรราบต่อหน้าพวกดิฉันซะโดยดีเจ้าค่ะ!”
“เท่านี้ก็เข้าใกล้การเป็นภรรยาที่คู่ควรกับท่านบาร์โตโลเมไปอีกก้าวแล้วสินะคะ!”
“โอกาสที่จะได้รับคำชมจากท่านพี่หญิงของอิฉัน……!”
“ไม่เอาง่ะ อยากชนะอ่ะ!”
……
ถึงแม้เป้าหมายของทุกคนมันจะไปคนละทิศละทางเลยก็เถอะ