หลังจากนั้นการต่อสู้แบบกลุ่มละสองคนก็ยังดำเนินต่อไป
ฝ่ายคลาริสซาที่ไม่เข้าร่วมด้วยก็เลยฝึกการใช้หอกยาวอยู่ตลอดแทน การที่ตัวเองเข้าร่วมไม่ได้อยู่คนเดียวก็ทำให้เธอแสดงสีหน้าหดหู่เล็กน้อย แต่ความถนัดของเธอมันคือการขี่ม้า เพราะงั้นคงช่วยไม่ได้กระมัง
อย่างไรด้วยความกว้างของสวนกลางตำหนัก คลาริสซาเองก็คงใช้ศิลปะการขี่ม้าได้ไม่เต็มที่อยู่ดี
‘ทว่าทุกคนก็ต่อสู้ได้น่าดูชมทีเดียว’ เฮเลนาทอดถอนใจเบา ๆ
โดยเฉพาะศึกที่ให้แองเจลิกาจับคู่กับฟรองซัวส์เป็นทีมที่เน้นการจู่โจมระยะไกล และชาร์ลอตเตกับมาริเอลจับคู่กันเป็นทีมระยะประชิดนั้นวิเศษมาก ความร่วมมือสามัคคีในการให้แองเจลิกาคอยหลอกล่อสกัดกั้นพร้อมกับฟรองซัวส์ยิงจู่โจมปิดฉากนั้นนับว่ายอดเยี่ยมไม่มีที่ติ ถึงแม้ว่าสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้แพ้จะเป็นเพราะชาร์ลอตเตกับมาริเอลยังเอาแต่ทะเลาะกันจนแทบไม่ได้ร่วมมือกันเลยก็เถอะ
เมื่อการต่อสู้เหล่านั้นจบลง ทั้งห้าคนที่เรียกเหงื่อกันได้พอสมควรแล้วก็เสนอว่าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชากัน
‘นี่ก็ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว แต่แค่ดื่มชาสักถ้วยก็คงไม่เป็นไรกระมัง’ เฮเลนาพยักหน้า และก็มาถึงปัจจุบันที่ทั้งหกคนกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะซึ่งถูกยกมาวางไว้ในสวนกลางตำหนัก
“เอสเทล ชงชาเจ้าค่ะ”
“รับทราบค่ะ”
“ชาของคุณเอสเทลอร่อยนะคะ!”
“แต่ใบชาก็เป็นของถูก ๆ ล่ะนะคะ”
“หนวกหูน่าเจ้าค่ะ มาริเอล”
เมื่อชาร์ลอตเตออกคำสั่งเอสเทลก็พยักหน้ารับและชงชาให้กับทั้งหกคน
แม้ฟังจากที่มาริเอลพูดดูเหมือนนี่จะเป็นของถูก ๆ แต่สำหรับมาริเอลแล้วถ้าไม่ใช่ใบชาชั้นเลิศที่สุดจริง ๆ เธอก็คงจะมองเป็นของถูกหมดกระมัง อำนาจทางการเงินที่เธอมีนั้นเฮเลนาได้รับรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วเมื่อตอนที่จัดปาร์ตี้หม้อไฟกันเมื่อครั้งก่อน
เอสเทลชงชาอย่างคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นก็จัดเรียงถ้วยให้กับแต่ละคน
สมกับที่ฟรองซัวส์ได้ออกหน้ายกย่องชมเชย กลิ่นหอมของมันนั้นวิเศษมากทีเดียว
“……ฮืม”
“ถูกปากไหมเจ้าคะ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าชาไหนดีไม่ดีหรอกนะ แต่ก็รู้ว่านี่มันอร่อยทีเดียว”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อดื่มไปคำหนึ่ง ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนที่ค่อย ๆ แผ่ซ่าน
มันไม่มีทั้งรสขมหรือรสฝาดที่ปกติแล้วน่าจะหลงเหลืออยู่บ้าง เป็นการชงชาชั้นเลิศที่ดึงเอาความอร่อยของใบชาออกมาได้อย่างเต็มที่ ลองได้ดื่มชาระดับนี้เข้าไปแล้ว ก็เรียกได้ว่าแทบจะลืมชาที่อเลกเซียชงให้ประจำไปเลย ถึงแม้ชาของอเลกเซียก็ไม่ใช่ว่าแย่อะไรก็เถอะ
พอคิดเช่นนั้นและเหลือบไปมองอเลกเซียดู ก็เห็นเธอทำหน้าหดหู่ไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าแค่ได้เห็นท่าทางการชงและดมกลิ่นดูก็รับรู้ถึงความพ่ายแพ้ของตนเองแล้วกระมัง
“จะว่าไปวันนี้ฟรองซัวส์ทำได้ดีมากเลยนะ”
“ค่ะ!! ข้าพยายามอย่างมากเลยค่ะ!”
“การโจมตีระยะไกลด้วยธนูมันก็แข็งแกร่งจริง ๆ นั่นแหละ ส่วนแองเจลิกาต้องรู้จักแก้ไขเรื่องที่ชอบขว้างโดนพรรคพวกล่ะนะ”
“มุ……”
เมื่อเฮเลนาชี้แนะ แองเจลิกาก็ทำปากบึนใส่
ไม่ว่าจะจับคู่กับชาร์ลอตเตหรือจับคู่กับมาริเอล แองเจิลกาก็ขว้างหินโดนหลังพวกของตัวเอง ลองโดนพวกเดียวกันโจมตีเข้าแบบนั้น ทั้งสองคนก็คงต่อสู้ได้ไม่เต็มที่หรอก
นี่คงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขนับจากนี้ไปของแองเจลิกาล่ะนะ
“จะทำยังไงดีอ่ะ……ก็เวลามีคนสู้กันอยู่ข้างหน้ามันเกะกะสุด ๆ เลยนี่นา……”
“ฮืม……”
ได้ยินแองเจลิการำพึงเช่นนั้น เฮเลนาก็ลองคิดดู
แต่เดิมที แม้แองเจลิกาจะไม่มีความจำเป็นต้องออกไปในสนามรบอยู่แล้ว แต่ในยามที่คับขันมีภัยขึ้นมา ศิลปะการขว้างปานี้อาจจะสามารถช่วยชีวิตเธอเอาไว้ก็เป็นได้ ทว่าสมมติเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริง แล้วแองเจลิกาขว้างหินไปโดนหลังผู้คุ้มกันของตนเองเข้า นั่นก็คงจะแย่ทีเดียว
นั่นก็แปลว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับแองเจลิกาก็คือความแม่นยำของแต่ละการโจมตี
“แองเจลิกา เจ้าเคยบอกว่าถนัดการปาลูกดอกสินะ?”
“อื้อ”
“แปลว่า ต่อให้ไม่ใช่หินก็ปาโดนเป้าได้ใช่ไหม?”
“อืม คิดว่าน่าจะปาเข้าเป้าได้เกือบทุกอย่างนะ แต่ถ้าไม่ใช่ของเบา ๆ ฉันเองก็ขว้างไม่ไหวหรอก”
“เช่นนั้นลองฝึกขว้างอะไรที่มันคล้าย ๆ ลูกธนูดูก็ได้กระมัง”
การจู่โจมแต่ละดอกขาดพลังโจมตี นั่นก็เป็นอีกจุดอ่อนของเธอเหมือนกัน
ทว่า หากสมมติว่าสิ่งที่แองเจลิกาขว้างไม่ใช่ก้อนหินแต่เป็นมีดสั้นหรืออะไรทำนองนั้นล่ะ
แต่ละดอกย่อมมีอำนาจสร้างบาดแผลถึงชีวิต และเป็นภัยคุกคามที่เหนือกว่าก้อนหินมาก
“นั่นสินะ……จะลองเก็บไปคิดดูตอนบ่ายนี้แล้วกัน!”
“จะกลับไปช่วงบ่ายงั้นรึ?”
“อื้ม ฉันได้รับอนุญาตจากเสด็จแม่มาแล้วนะ ว่าถ้าช่วงบ่ายยอมฟังการบรรยายจากครูผู้สอน ช่วงเช้าก็จะให้ทำตามใจได้น่ะ”
“เช่นนั้นเองหรอกรึ”
นี่ก็นึกว่าแอบมาเอาเองตามใจชอบเสียอีก ดูเหมือนจะคิดผิดแฮะ
ผ่านบู้ตแคมป์มา ก็เลยเรียนรู้แล้วสินะว่าจะทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ นับว่าเป็นแนวโน้มที่ดี
“งั้นก็พอดีเลยค่ะ”
“ทำไมกันรึมาริเอล”
“พวกอิฉันเองก็คิดว่าจะรับการฝึกสอนแค่ช่วงเช้าอยู่เหมือนกันค่ะ”
“ใช่ค่ะ! ท่านเฮเลนาเองก็มีการฝึกของตัวเองด้วยนี่นา!”
“ตอนบ่ายพวกดิฉันก็จะฝึกฝนด้วยตนเองเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“เราตัดสินใจกันตอนงานเลี้ยงน้ำชาเมื่อวานน่ะค่ะ”
“งั้นรึ”
เป็นคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกขอบคุณอยู่ไม่น้อย เฮเลนาจึงอดไม่ได้ที่จะผุดยิ้ม
อันที่จริงเฮเลนาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าหากเอาแต่สอนพวกเธอเหล่านี้ เธอก็จะไม่มีเวลาฝึกฝนในส่วนของตนเอง
ทว่าหากพวกเธอจะมาหาแค่ตอนช่วงเช้า เฮเลนาก็สามารถฝึกฝนตนเองในช่วงบ่ายได้ ในช่วงหนึ่งเดือนของบู้ตแคมป์เธอก็ได้ฝึกตัวเองแค่ตอนเช้าตรู่เท่านั้น แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยหนำใจเท่าไร
มองดูทั้งห้าคนที่ดื่มชาพลางหัวเราะเจ๊าะแจ๊ะไปพลาง เฮเลนาก็ยิ้มออกมา
พวกเธอที่ในตอนแรกเคยมีแต่ความบาดหมางกัน ตอนนี้กลับสนิทสนมกันขึ้นมากทีเดียว นอกจากนั้นเฮเลนาที่เคยสวมบทผู้ถูกชิงชังที่ชื่อว่าครูฝึก ตอนนี้ก็มานั่งล้อมวงดื่มชาด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ได้ นับว่าน่าดีใจจริง ๆ
เฮเลนาคิดว่าในอีกไม่ช้าเธอจะจัดปาร์ตี้หม้อไฟอีกสักครั้ง เพราะไหน ๆ ก็มีจำนวนคนเพิ่มขึ้นแล้ว มันคงเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีไม่น้อย
การได้กินอาหารจากหม้อเดียวกัน มันช่วยให้สนิทสนมกันได้จริง ๆ นะ
และเมื่อถึงเวลานั้น ก็คงถึงคราวออกโรงของเจ้างูในถุงกระสอบที่แม้จะโรยแรงไปแล้วแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่
“เอาล่ะ……ใกล้จะเที่ยงแล้วสินะ เช่นนั้นตั้งแต่ช่วงบ่ายไปข้าจะฝึกฟันดาบอยู่ในสวนก็แล้วกัน”
“ค่ะ!! พวกเราไม่มาเกะกะหรอกค่ะ สบายใจได้เลย!”
“อิฉันเองก็ต้องอ่านจดหมายข่าวสมาคมส่วนของเมื่อเดือนก่อนด้วยค่ะ……”
“เฮ้อ……ตอนบ่ายต้องเรียนหนังสือหรือเนี่ย ไม่ชอบเลยน้า”
“ต่อให้ไม่ชอบก็ต้องทำนะเจ้าคะ แองเจลิกาน่ะอยู่ในจุดยืนที่แตกต่างจากพวกเราเจ้าค่ะ”
“แต่ก็เข้าใจได้ที่จะไม่ชอบนะคะ อะ ฟรอง ถ้าว่างช่วงบ่ายก็มาช่วยเป็นคู่ฝึกใช้หอกให้ทีสิ”
“ได้สิคะ! คราวหน้าคลาริสซาเองก็มาสู้ด้วยกันเถอะค่ะ!”
“อื้ม”
ระหว่างที่ล้อมวงดื่มชาพลางสนทนากันไปเช่นนั้น ก็ถึงเวลาเที่ยงจนได้
‘ใกล้จะได้เวลามื้อเที่ยงแล้วสินะ’ เฮเลนาคิดและวางถ้วยลง
“……อุ๊ยตาย?”
ตอนนั้นเอง จู่ ๆ มาริเอลก็ส่งเสียงขึ้นมา พร้อมกับมองไปที่ปากทางเข้าของสวนกลางตำหนัก
เมื่อเฮเลนาลองหันกลับไปมอง ก็เห็นหัวหน้านางกำนัล—เห็นอิซาเบลวิ่งแจ้นมาอยู่ไกล ๆ
ดูท่าทางรีบร้อนมากทีเดียว มีเรื่องอะไรกันนะ
“พระสนมฟ้าสุริยา! พระสนมฟ้าสุริยาคะ!”
รู้สึกว่านานแล้วที่ไม่ได้โดนเรียกเช่นนี้
พักนี้ไม่ว่าใครต่อใครก็เรียกเธอว่า “ท่านเฮเลนา” ทั้งนั้น ก็เลยรู้สึกแปลกใหม่ชอบกล
แต่ที่สำคัญคืออิซาเบลที่เรียกเธอเช่นนั้นกำลังหอบเหนื่อยอยู่มากทีเดียว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ
“แฮ่ก……แฮ่ก……”
“อิซาเบล มีอะไรรึ”
“ค คือว่า!! ได้โปรด!! กลับไปที่ห้องโดยทันทีด้วยค่ะ!!”
“หืม?”
ไม่ได้เห็นอิซาเบลร้อนรนขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อครั้งนั้นที่ลูเครเซียมาเยี่ยมเยือนโดยกระทันหันแล้ว
แปลว่ามีคนที่ระดับพอกันกับลูเครเซียกำลังมาหาเฮเลนาสินะ
“มีใครมางั้นรึ?”
“ร เรื่องนั้น……”
อิซาเบลชำเลืองตามอง—ไปที่ชาร์ลอตเต
ในระหว่างบู้ตแคมป์ อิซาเบลก็ได้อยู่ด้วยในฐานะนางกำนัลของแองเจลิกา
ซึ่งก็แปลว่า ตอนที่ฝึกส่งเสียงตะโกนในวันแรก—ความรู้สึกของชาร์ลอตเตที่ตะโกนออกมาเมื่อตอนนั้น อิซาเบลเองก็รู้
ดังนั้นเธอจึงลังเลที่จะพูดออกมาเล็กน้อย
“ฝ ฝ่าบาทฟาร์มาส……ประทับอยู่ที่ห้องของท่านค่ะ”
และพร้อมกับคำพูดดังกล่าว
เฮเลนาสัมผัสได้ว่าสีหน้าของชาร์ลอตเตนั้นมืดหม่นลง