ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 142 ศึกรุกรับในยามเช้าตรู่

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

เช้าวันต่อมา

เมื่อเฮเลนาตื่นขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือภาพของฟาร์มาสซึ่งตื่นนอนก่อนหน้าเธอและกำลังง่วนอยู่กับงานเอกสารอะไรสักอย่างอยู่

ปกติแล้วเฮเลนาจะเป็นฝ่ายตื่นก่อน แต่เมื่อวานฟาร์มาสได้เริ่มดื่มสุราตั้งแต่ตอนบ่าย แล้วก็หลับไปตั้งแต่ช่วงเย็น ดังนั้นเขาจึงได้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้กระมัง

 

“ตื่นแล้วรึเฮเลนา”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านฟาร์มาส”

 

เฮเลนาลองสำรวจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตัวเองดูคร่าว ๆ ก็ไม่พบว่ามีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่เข้านอนเมื่อวานเลย แม้จะมันเป็นแบบนี้เสมออยู่แล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าฟาร์มาสเนี่ยเป็นสุภาพบุรุษเสียจริง

ถึงกระนั้นก็รู้สึกว่าหากพยายามย่องเข้าหาเฮเลนาในยามวิกาลขึ้นมาจริง ๆ ร่างกายของฟาร์มาสนั่นแหละที่จะพบจุดจบไม่สวยเอา

 

“ทำอะไรอยู่หรือคะ?”

 

“อืม……อ่า งานเอกสารนิดหน่อยนะ จะดูไหม?”

 

“ให้ข้าดูจะไม่เป็นไรหรือคะ?”

 

“ถ้าอยากจะเก็บความลับเอาไว้ล่ะก็นะ”

 

“เช่นนั้นขอผ่านดีกว่าค่ะ”

 

เฮเลนายอมส่ายหน้าอย่างว่าง่าย ลองฟาร์มาสกล่าวมาเช่นนั้นมันก็คงเป็นเอกสารที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องลับสินะ

อันที่จริงเฮเลนาเองก็คิดว่าของแบบนั้นให้เธอดูไปก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้ ต่อให้ได้ข้อมูลแบบไหนมาเธอก็ไม่ชาญฉลาดพอที่จะเอามันไปใช้ประโยชน์อยู่แล้ว

คิดได้ถึงตรงนั้น ก่อนอื่นเธอก็ลงจากเตียง และไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยในมุมที่ฟาร์มาสมองไม่เห็น

แม้เขาจะตื่นขึ้นมาก่อน แต่ก็ยังไม่มีน้ำชามาวางอยู่เลยสักถ้วย เห็นทีเธอคงต้องรีบชงให้ซะแล้วสิ

 

เฮเลนาต้มน้ำร้อนอย่างรวดเร็ว พลางพยายามกัดฟันข่มตัวเองไม่ให้หาวออกมา

เพราะเป็นคืนที่มีฟาร์มาสมานอนที่ห้องหลังจากไม่ได้มีมานาน เธอก็เลยประหม่านิดหน่อยจนนอนหลับไม่ค่อยลง

 

“อา จริงสิเฮเลนา”

 

“คะ?”

 

“เมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจนะ?”

 

“เอ๋?”

 

คำพูดที่ไม่คาดคิดของฟาร์มาสทำให้เธอเอียงศีรษะอย่างฉงนใจ

เมื่อวานก็มีแค่เรื่องที่ฟาร์มาสเห็นงูแล้วตกใจจนเข่าอ่อน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา เพราะฟาร์มาสเองไม่ใช่ประเภทที่ดื่มสุราแล้วเสียการควบคุมอะไรเป็นพิเศษ

ไม่เข้าใจเจตนาเลยว่าทำไมถึงต้องพูดย้ำเช่นนี้กับเรื่องแค่นั้นด้วย

 

“ยังไงนะคะ……”

 

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรากลับมาจากการเดินทางไปทำงาน แล้วก็มาสนทนากับเจ้าสองต่อสองที่ห้อง จากนั้นก็นอนหลับไป นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว เข้าใจนะ?”

 

“……เช่นนี้เอง รับทราบแล้วค่ะ”

 

ได้ฟังฟาร์มาสดังนั้น เฮเลนาก็รับคำ

จะว่าไป อย่างเช่นเกรเดียที่เมื่อวานได้ยินเสียงตะโกนของฟาร์มาส ก็คงนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และในเวลาเดียวกัน เกรงว่าอเลกเซียเองก็คงอยู่ห่างออกไปไม่ไกล นอกจากนี้ห้องของชาร์ลอตเตและมาริเอลก็คือห้องข้าง ๆ นี่เอง พวกเธอก็คงได้ยินเสียงด้วยเช่นเดียวกัน หากพวกเธอเหล่านั้นมาขอคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์แล้วเฮเลนาตอบไปว่า “ฝ่าบาทไม่ชอบงูน่ะ” เขาอาจจะถูกล้อเอาก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น ถึงได้ยืนกรานว่าเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นนี่เอง ฟาร์มาสเองก็คงมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่ไม่น้อย เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่อยากให้ใครรู้ล่ะนะ

 

“วันนี้มีแผนจะทำอะไรบ้างรึ?”

 

เมื่อเฮเลนาชงชาด้วยน้ำเดือดและนำไปเสิร์ฟให้ฟาร์มาส เขาก็ถามขึ้นมาอย่างฉับพลันเช่นนั้น

หากเป็นเมื่อก่อน เฮเลนาก็คงตอบคำถามนี้ได้ด้วยประโยคเดียวว่า “ฝึกฝนร่างกายค่ะ” ทว่าสถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหนึ่งเดือนก่อนมากแล้ว

 

“นั่นสินะคะ……ในส่วนของช่วงเช้าต้องคอยดูการฝึกให้พวกฟรองซัวส์ค่ะ”

 

“หืม? ไม่ใช่ว่าการฝึกอบรมหนึ่งเดือนจบลงไปแล้วหรือ?”

 

“จบไปแล้ว แต่พวกเธอก็บอกว่ายังอยากจะให้ช่วยชี้แนะหลังจากนี้ไปอยู่ค่ะ องค์หญิงแองเจลิกาเองก็มาที่วังหลังแค่ช่วงเช้าเพื่อฝึกด้วยค่ะ”

 

“โฮ่……แองเจลิกาคนนั้นน่ะรึ”

 

“เธอมีความเอาจริงเอาจังในการฝึกฝนค่ะ และยังมีพรสวรรค์ที่วิเศษมากด้วย”

 

การขว้างของแองเจลิกานั้น เป็นความสามารถที่คนอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

แน่นอนว่าความสามารถอย่างการยิงธนูของฟรองซัวส์หรือการใช้กระบองของมาริเอลเองโดดเด่นไม่แพ้กัน และหากย้อนดูในประวัติศาสตร์ก็มีบันทึกไว้เหมือนกันว่าเคยมีนักขว้างหินที่โด่งดัง ได้รับการยกย่องในความสามารถจนได้เข้ากองทัพ และสร้างชื่อทิ้งไว้มาแล้วในอดีต

ทว่าอย่างน้อยที่สุดเท่าที่เฮเลนารู้จัก คนที่สามารถขว้างปาได้อย่างแม่นยำละเอียดละออเท่าแองเจลิกานั้นไม่มีอยู่เลย

 

“ฮืม……เป็นคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเหนือจริงจังแฮะ เราไม่นึกว่าแองเจลิกาคนนั้นมีพรสวรรค์ถึงขนาดให้เจ้าออกปากชมได้เลยนะ”

 

“ไม่เลยค่ะ เป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมยิ่ง ดังนั้นก็เลยตั้งใจว่าช่วงเช้าจะคอยช่วยดูให้ดี ๆ น่ะค่ะ”

 

“เรื่องนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ อย่างไรเราก็มาวังหลังในระหว่างวันไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าอยากจะทำอะไรเราก็ไม่ถือหรอก”

 

“ขอบพระคุณค่ะ”

 

เมื่อวานเขามาที่นี่ตั้งแต่กลางวัน แต่ดูเหมือนตั้งแต่วันนี้ไปจะต้องกลับไปดูแลบริหารบ้านเมืองแล้วกระมัง

หรือว่าฟาร์มาสจะไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่วันเดียวกันนะ อย่างตอนที่เคยไปขี่ม้าท่องเที่ยวก็ดูเหมือนเขาจะต้องฝืนตัวเองเพื่อให้ได้มีวันหยุดด้วย

 

“แต่ว่านะ—”

 

เมื่อฟาร์มาสอ้าปากพูดได้ถึงตรงนั้น

‘ก๊อก ๆ’ ประตูห้องของเฮเลนาโดนเคาะอย่างแรง

 

ตอนนี้ตะวันเพิ่งจะขึ้นมาได้ไม่นาน เรียกได้ว่ายังเป็นช่วงเช้าตรู่อยู่

การที่มีแขกมาเยือนตั้งแต่ช่วงเวลานี้นับว่าน่าแปลกใจ เป็นใครกันแน่นะ

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”

 

เสียงของแองเจลิกาดังมาจากอีกฝั่งของประตู

เพราะเป็นแขกที่ไม่คาดคิด เฮเลนากับฟาร์มาสจึงมองหน้ากันไปมา เธอเพิ่งจะพูดถึงแองเจลิกากับฟาร์มาสอยู่แหมบ ๆ นี่สินะที่เขาว่าพูดถึงผี ผีก็มาน่ะ

 

“เอ่อ……”

 

ช่วงเวลานี้ยังถือเป็นเวลาที่ฟาร์มาสผู้เป็นจักรพรรดิกำลังมาเยือนเฮเลนาผู้เป็นธิดาคนโปรดอยู่

หากมาเกะกะในช่วงเวลานั้น ก็อาจนับว่าเป็นการเสียมารยาทต่อจักรพรรดิได้ แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็คือแองเจลิกาซึ่งเป็นน้องสาวของจักรพรรดิ ในเมื่อเป็นราชนิกุลเหมือนกันก็คงไม่นับว่าหมิ่นเบื้องสูงกระมัง เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎหมายเท่าไหร่ จึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใจไว้ก่อน

ควรจะออกไปรับหน้าดีไหมนะ

 

“เฮ้อ……ยัยแองเจลิกา ไม่ดูกาลเทศะเอาซะเลย”

 

“ควรทำเช่นไรดีคะ?”

 

“อุตส่าห์มาหาเจ้าตั้งแต่เช้าแบบนี้ ก็ควรออกไปรับหน้าเสียหน่อยเป็นมารยาทกระมัง”

 

“รับทราบค่ะ”

 

เมื่อวานอเลกเซียล็อกกุญแจไว้เรียบร้อยแล้วก่อนกลับ ประตูจึงเปิดจากด้านนอกไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงมีแต่เสียงแองเจลิกาเคาะประตูซ้ำ ๆ ดังก้องไปทั่ว

‘ช่วยไม่ได้แฮะ’ เฮเลนาเดินไปที่ประตู

 

“แองเจลิกา รอหน่อย จะเปิดเดี๋ยวนี้แหละ”

 

“ค่ะ!!”

 

เฮเลนาปลดล็อกกุญแจจากด้านใน

จากนั้นก็เปิดประตู

 

ในวินาทีนั้นเอง—ตรงหน้าของเธอก็มีแสงสีเงินพุ่งเข้ามา

 

“ฮึ!!”

 

แสงสีเงินที่ไม่คาดคิด มีทั้งหมดสามเส้น สองในสามนั้นอยู่บนวิถีที่หากปล่อยไว้ก็จะโดนตัวเฮเลนา

เฮเลนาใช้สันมือฟาดพวกมันตกไปในพริบตา

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียง ‘แกร๊ง’ แข็ง ๆ ดังขึ้น แล้วก็ปรากฏเป็นส้อมสองคันหล่นอยู่ตรงโถงทางเดินหน้าห้อง

 

“หืม……”

 

“สมเป็นท่านเฮเลนา! ไม่โดนเลยอ่ะ!”

 

“นี่……”

 

ได้ยินดังนั้น เฮเลนาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คือเครื่องเงินที่แองเจลิกาเป็นผู้ขว้างปามา

มาหาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้นึกว่าจะทำอะไร ที่แท้ก็มาจู่โจมทีเผลอเนี่ยนะ

 

“มีธุระอะไรรึ แองเจลิกา”

 

“อยากเอาอาวุธใหม่มาให้ท่านเฮเลนาดูไงล่ะ! นี่ไง!”

 

‘พรึ่บ’ แองเจลิกาแสดงเครื่องเงินที่หนีบอยู่ระหว่างนิ้วมือให้ดู

มือซ้ายมีมีดสามเล่ม มือขวามีส้อมสามคัน หากแองเจลิกาสามารถขว้างพวกมันได้อย่างอิสระก็คงไม่มีอาวุธที่จะเหมาะสมไปกว่านี้แล้วกระมัง

 

“เมื่อวานตอนเรียนวิชามารยาทก็นึกออกขึ้นมาน่ะ! นี่คืออาวุธใหม่ของฉันล่ะ!”

 

“เป็นเช่นนั้นเองรึ……”

 

ดูเหมือนเหตุผลสำคัญที่แองเจลิกามาหาแต่เช้าขนาดนี้ มันเป็นเพราะเธออยากเอาอาวุธใหม่มาอวดเฮเลนา

อย่างน้อยก็รอให้มันจบช่วงอาหารเช้าก่อนไม่ได้รึไงกันนะ ถึงกระนั้น ต้นเหตุของความเลวร้ายมันก็มาจากเฮเลนาเองที่ดันไปฝึกให้แองเจลิกาตื่นนอนพร้อมตะวันขึ้นอยู่ตลอดหนึ่งเดือน ดังนั้นเฮเลนาจึงออกตัวแรงไม่ได้

 

“เอ๋……ข้างในมีใครอยู่เหรอ?”

 

“อืม ท่านฟาร์มาสอยู่ด้วยน่ะ……”

 

“เอ๋ เสด็จพี่!? ข ขอโทษค่ะ! ดันมาในเวลาแปลก ๆ ซะได้!”

 

“อ่า เรื่องนั้น……”

 

เฮเลนาลังเลไม่รู้จะว่ายังไงดี จึงหันหลังกลับไปมองฟาร์มาส

แล้วก็ได้เห็นว่าฟาร์มาสกำลังตาโตด้วยความตกตะลึง เพราะเจอกับส้อมที่พุ่งเข้ามาแบบกะทันหัน มาปักอยู่ตรงพื้นพรมใกล้เท้าของเขานั่นเอง

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท