เช้าวันต่อมา
เมื่อเฮเลนาตื่นขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือภาพของฟาร์มาสซึ่งตื่นนอนก่อนหน้าเธอและกำลังง่วนอยู่กับงานเอกสารอะไรสักอย่างอยู่
ปกติแล้วเฮเลนาจะเป็นฝ่ายตื่นก่อน แต่เมื่อวานฟาร์มาสได้เริ่มดื่มสุราตั้งแต่ตอนบ่าย แล้วก็หลับไปตั้งแต่ช่วงเย็น ดังนั้นเขาจึงได้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้กระมัง
“ตื่นแล้วรึเฮเลนา”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านฟาร์มาส”
เฮเลนาลองสำรวจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตัวเองดูคร่าว ๆ ก็ไม่พบว่ามีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่เข้านอนเมื่อวานเลย แม้จะมันเป็นแบบนี้เสมออยู่แล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าฟาร์มาสเนี่ยเป็นสุภาพบุรุษเสียจริง
ถึงกระนั้นก็รู้สึกว่าหากพยายามย่องเข้าหาเฮเลนาในยามวิกาลขึ้นมาจริง ๆ ร่างกายของฟาร์มาสนั่นแหละที่จะพบจุดจบไม่สวยเอา
“ทำอะไรอยู่หรือคะ?”
“อืม……อ่า งานเอกสารนิดหน่อยนะ จะดูไหม?”
“ให้ข้าดูจะไม่เป็นไรหรือคะ?”
“ถ้าอยากจะเก็บความลับเอาไว้ล่ะก็นะ”
“เช่นนั้นขอผ่านดีกว่าค่ะ”
เฮเลนายอมส่ายหน้าอย่างว่าง่าย ลองฟาร์มาสกล่าวมาเช่นนั้นมันก็คงเป็นเอกสารที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องลับสินะ
อันที่จริงเฮเลนาเองก็คิดว่าของแบบนั้นให้เธอดูไปก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้ ต่อให้ได้ข้อมูลแบบไหนมาเธอก็ไม่ชาญฉลาดพอที่จะเอามันไปใช้ประโยชน์อยู่แล้ว
คิดได้ถึงตรงนั้น ก่อนอื่นเธอก็ลงจากเตียง และไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยในมุมที่ฟาร์มาสมองไม่เห็น
แม้เขาจะตื่นขึ้นมาก่อน แต่ก็ยังไม่มีน้ำชามาวางอยู่เลยสักถ้วย เห็นทีเธอคงต้องรีบชงให้ซะแล้วสิ
เฮเลนาต้มน้ำร้อนอย่างรวดเร็ว พลางพยายามกัดฟันข่มตัวเองไม่ให้หาวออกมา
เพราะเป็นคืนที่มีฟาร์มาสมานอนที่ห้องหลังจากไม่ได้มีมานาน เธอก็เลยประหม่านิดหน่อยจนนอนหลับไม่ค่อยลง
“อา จริงสิเฮเลนา”
“คะ?”
“เมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจนะ?”
“เอ๋?”
คำพูดที่ไม่คาดคิดของฟาร์มาสทำให้เธอเอียงศีรษะอย่างฉงนใจ
เมื่อวานก็มีแค่เรื่องที่ฟาร์มาสเห็นงูแล้วตกใจจนเข่าอ่อน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา เพราะฟาร์มาสเองไม่ใช่ประเภทที่ดื่มสุราแล้วเสียการควบคุมอะไรเป็นพิเศษ
ไม่เข้าใจเจตนาเลยว่าทำไมถึงต้องพูดย้ำเช่นนี้กับเรื่องแค่นั้นด้วย
“ยังไงนะคะ……”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรากลับมาจากการเดินทางไปทำงาน แล้วก็มาสนทนากับเจ้าสองต่อสองที่ห้อง จากนั้นก็นอนหลับไป นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว เข้าใจนะ?”
“……เช่นนี้เอง รับทราบแล้วค่ะ”
ได้ฟังฟาร์มาสดังนั้น เฮเลนาก็รับคำ
จะว่าไป อย่างเช่นเกรเดียที่เมื่อวานได้ยินเสียงตะโกนของฟาร์มาส ก็คงนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และในเวลาเดียวกัน เกรงว่าอเลกเซียเองก็คงอยู่ห่างออกไปไม่ไกล นอกจากนี้ห้องของชาร์ลอตเตและมาริเอลก็คือห้องข้าง ๆ นี่เอง พวกเธอก็คงได้ยินเสียงด้วยเช่นเดียวกัน หากพวกเธอเหล่านั้นมาขอคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์แล้วเฮเลนาตอบไปว่า “ฝ่าบาทไม่ชอบงูน่ะ” เขาอาจจะถูกล้อเอาก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น ถึงได้ยืนกรานว่าเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นนี่เอง ฟาร์มาสเองก็คงมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่ไม่น้อย เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่อยากให้ใครรู้ล่ะนะ
“วันนี้มีแผนจะทำอะไรบ้างรึ?”
เมื่อเฮเลนาชงชาด้วยน้ำเดือดและนำไปเสิร์ฟให้ฟาร์มาส เขาก็ถามขึ้นมาอย่างฉับพลันเช่นนั้น
หากเป็นเมื่อก่อน เฮเลนาก็คงตอบคำถามนี้ได้ด้วยประโยคเดียวว่า “ฝึกฝนร่างกายค่ะ” ทว่าสถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหนึ่งเดือนก่อนมากแล้ว
“นั่นสินะคะ……ในส่วนของช่วงเช้าต้องคอยดูการฝึกให้พวกฟรองซัวส์ค่ะ”
“หืม? ไม่ใช่ว่าการฝึกอบรมหนึ่งเดือนจบลงไปแล้วหรือ?”
“จบไปแล้ว แต่พวกเธอก็บอกว่ายังอยากจะให้ช่วยชี้แนะหลังจากนี้ไปอยู่ค่ะ องค์หญิงแองเจลิกาเองก็มาที่วังหลังแค่ช่วงเช้าเพื่อฝึกด้วยค่ะ”
“โฮ่……แองเจลิกาคนนั้นน่ะรึ”
“เธอมีความเอาจริงเอาจังในการฝึกฝนค่ะ และยังมีพรสวรรค์ที่วิเศษมากด้วย”
การขว้างของแองเจลิกานั้น เป็นความสามารถที่คนอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
แน่นอนว่าความสามารถอย่างการยิงธนูของฟรองซัวส์หรือการใช้กระบองของมาริเอลเองโดดเด่นไม่แพ้กัน และหากย้อนดูในประวัติศาสตร์ก็มีบันทึกไว้เหมือนกันว่าเคยมีนักขว้างหินที่โด่งดัง ได้รับการยกย่องในความสามารถจนได้เข้ากองทัพ และสร้างชื่อทิ้งไว้มาแล้วในอดีต
ทว่าอย่างน้อยที่สุดเท่าที่เฮเลนารู้จัก คนที่สามารถขว้างปาได้อย่างแม่นยำละเอียดละออเท่าแองเจลิกานั้นไม่มีอยู่เลย
“ฮืม……เป็นคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเหนือจริงจังแฮะ เราไม่นึกว่าแองเจลิกาคนนั้นมีพรสวรรค์ถึงขนาดให้เจ้าออกปากชมได้เลยนะ”
“ไม่เลยค่ะ เป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมยิ่ง ดังนั้นก็เลยตั้งใจว่าช่วงเช้าจะคอยช่วยดูให้ดี ๆ น่ะค่ะ”
“เรื่องนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ อย่างไรเราก็มาวังหลังในระหว่างวันไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าอยากจะทำอะไรเราก็ไม่ถือหรอก”
“ขอบพระคุณค่ะ”
เมื่อวานเขามาที่นี่ตั้งแต่กลางวัน แต่ดูเหมือนตั้งแต่วันนี้ไปจะต้องกลับไปดูแลบริหารบ้านเมืองแล้วกระมัง
หรือว่าฟาร์มาสจะไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่วันเดียวกันนะ อย่างตอนที่เคยไปขี่ม้าท่องเที่ยวก็ดูเหมือนเขาจะต้องฝืนตัวเองเพื่อให้ได้มีวันหยุดด้วย
“แต่ว่านะ—”
เมื่อฟาร์มาสอ้าปากพูดได้ถึงตรงนั้น
‘ก๊อก ๆ’ ประตูห้องของเฮเลนาโดนเคาะอย่างแรง
ตอนนี้ตะวันเพิ่งจะขึ้นมาได้ไม่นาน เรียกได้ว่ายังเป็นช่วงเช้าตรู่อยู่
การที่มีแขกมาเยือนตั้งแต่ช่วงเวลานี้นับว่าน่าแปลกใจ เป็นใครกันแน่นะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”
เสียงของแองเจลิกาดังมาจากอีกฝั่งของประตู
เพราะเป็นแขกที่ไม่คาดคิด เฮเลนากับฟาร์มาสจึงมองหน้ากันไปมา เธอเพิ่งจะพูดถึงแองเจลิกากับฟาร์มาสอยู่แหมบ ๆ นี่สินะที่เขาว่าพูดถึงผี ผีก็มาน่ะ
“เอ่อ……”
ช่วงเวลานี้ยังถือเป็นเวลาที่ฟาร์มาสผู้เป็นจักรพรรดิกำลังมาเยือนเฮเลนาผู้เป็นธิดาคนโปรดอยู่
หากมาเกะกะในช่วงเวลานั้น ก็อาจนับว่าเป็นการเสียมารยาทต่อจักรพรรดิได้ แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็คือแองเจลิกาซึ่งเป็นน้องสาวของจักรพรรดิ ในเมื่อเป็นราชนิกุลเหมือนกันก็คงไม่นับว่าหมิ่นเบื้องสูงกระมัง เฮเลนาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎหมายเท่าไหร่ จึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใจไว้ก่อน
ควรจะออกไปรับหน้าดีไหมนะ
“เฮ้อ……ยัยแองเจลิกา ไม่ดูกาลเทศะเอาซะเลย”
“ควรทำเช่นไรดีคะ?”
“อุตส่าห์มาหาเจ้าตั้งแต่เช้าแบบนี้ ก็ควรออกไปรับหน้าเสียหน่อยเป็นมารยาทกระมัง”
“รับทราบค่ะ”
เมื่อวานอเลกเซียล็อกกุญแจไว้เรียบร้อยแล้วก่อนกลับ ประตูจึงเปิดจากด้านนอกไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงมีแต่เสียงแองเจลิกาเคาะประตูซ้ำ ๆ ดังก้องไปทั่ว
‘ช่วยไม่ได้แฮะ’ เฮเลนาเดินไปที่ประตู
“แองเจลิกา รอหน่อย จะเปิดเดี๋ยวนี้แหละ”
“ค่ะ!!”
เฮเลนาปลดล็อกกุญแจจากด้านใน
จากนั้นก็เปิดประตู
ในวินาทีนั้นเอง—ตรงหน้าของเธอก็มีแสงสีเงินพุ่งเข้ามา
“ฮึ!!”
แสงสีเงินที่ไม่คาดคิด มีทั้งหมดสามเส้น สองในสามนั้นอยู่บนวิถีที่หากปล่อยไว้ก็จะโดนตัวเฮเลนา
เฮเลนาใช้สันมือฟาดพวกมันตกไปในพริบตา
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียง ‘แกร๊ง’ แข็ง ๆ ดังขึ้น แล้วก็ปรากฏเป็นส้อมสองคันหล่นอยู่ตรงโถงทางเดินหน้าห้อง
“หืม……”
“สมเป็นท่านเฮเลนา! ไม่โดนเลยอ่ะ!”
“นี่……”
ได้ยินดังนั้น เฮเลนาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คือเครื่องเงินที่แองเจลิกาเป็นผู้ขว้างปามา
มาหาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้นึกว่าจะทำอะไร ที่แท้ก็มาจู่โจมทีเผลอเนี่ยนะ
“มีธุระอะไรรึ แองเจลิกา”
“อยากเอาอาวุธใหม่มาให้ท่านเฮเลนาดูไงล่ะ! นี่ไง!”
‘พรึ่บ’ แองเจลิกาแสดงเครื่องเงินที่หนีบอยู่ระหว่างนิ้วมือให้ดู
มือซ้ายมีมีดสามเล่ม มือขวามีส้อมสามคัน หากแองเจลิกาสามารถขว้างพวกมันได้อย่างอิสระก็คงไม่มีอาวุธที่จะเหมาะสมไปกว่านี้แล้วกระมัง
“เมื่อวานตอนเรียนวิชามารยาทก็นึกออกขึ้นมาน่ะ! นี่คืออาวุธใหม่ของฉันล่ะ!”
“เป็นเช่นนั้นเองรึ……”
ดูเหมือนเหตุผลสำคัญที่แองเจลิกามาหาแต่เช้าขนาดนี้ มันเป็นเพราะเธออยากเอาอาวุธใหม่มาอวดเฮเลนา
อย่างน้อยก็รอให้มันจบช่วงอาหารเช้าก่อนไม่ได้รึไงกันนะ ถึงกระนั้น ต้นเหตุของความเลวร้ายมันก็มาจากเฮเลนาเองที่ดันไปฝึกให้แองเจลิกาตื่นนอนพร้อมตะวันขึ้นอยู่ตลอดหนึ่งเดือน ดังนั้นเฮเลนาจึงออกตัวแรงไม่ได้
“เอ๋……ข้างในมีใครอยู่เหรอ?”
“อืม ท่านฟาร์มาสอยู่ด้วยน่ะ……”
“เอ๋ เสด็จพี่!? ข ขอโทษค่ะ! ดันมาในเวลาแปลก ๆ ซะได้!”
“อ่า เรื่องนั้น……”
เฮเลนาลังเลไม่รู้จะว่ายังไงดี จึงหันหลังกลับไปมองฟาร์มาส
แล้วก็ได้เห็นว่าฟาร์มาสกำลังตาโตด้วยความตกตะลึง เพราะเจอกับส้อมที่พุ่งเข้ามาแบบกะทันหัน มาปักอยู่ตรงพื้นพรมใกล้เท้าของเขานั่นเอง